เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 473 หาเสื้ออยู่!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 473 หาเสื้ออยู่!

ฉินเสี้ยวหยวนถือโอกาสตอนที่ฉินเยว่กลับไปทำกับข้าว เดินย่องไปที่ห้องนอนของตน

ขณะที่เขากำลังจะเปิดตู้เสื้อผ้า จู่ๆ ประตูก็เปิดออก ทำเอาเหล่าฉินตกใจจนหน้าถอดสี ถึงกับรีบยืดตัวขึ้นแล้วทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงด้านหลังอย่างมีพิรุธ รีบทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไร

เมื่อหันไปค่อยเห็นว่าเป็นจี้หรูอวิ๋น เขายิ้มออกมา “ที่รัก กลับมาแล้วหรือครับ”

จี้หรูอวิ๋นเห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ของสามีก็ถามด้วยความแปลกใจ “เหล่าฉิน คุณทำอะไรอยู่คะ ท่าทางลับๆ ล่อๆ!”

ฉินเสี้ยวหยวนหัวเราะ “ผม…ผม…อากาศเย็นแล้ว ผมเลยมาหาเสื้อน่ะครับ!”

จี้หรูอวิ๋นถลึงตาใส่ฉินเสี้ยวหยวนแล้วขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายรู้ทันและความอยากรู้อยากเห็น ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบยกมือขึ้นชี้ฉินเสี้ยวหยวน กล่าวพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ “อ้อ! ฉันรู้แล้ว เหล่าฉิน ส่งมาเดี๋ยวนี้!”

จี้หรูอวิ๋นหัวเราะพลางมองเหล่าฉิน จากนั้นก็ค่อยๆ กางมือออก

ฉินเสี้ยวหยวนมองอย่างโง่งม “ส่งอะไรครับ”

จี้หรูอวิ๋นยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ “คุณคิดว่าอะไรล่ะคะ!”

ฉินเสี้ยวหยวนถูกบีบจนต้องถอยหลังเข้าไปที่มุม เมื่อเห็นรอยยิ้มของภรรยาที่ดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ก็อดพูดไม่ได้ว่า “เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวๆๆๆ ที่รัก ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไร!”

จี้หรูอวิ๋นชะงักไปทันที “จะให้ฉันค้นตัวคุณหรือคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไป “ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณพูดถึงอะไรอยู่!”

จี้หรูอวิ๋นเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมจำนนจึงพูดขึ้นว่า “เอาละ เหล่าฉิน หลายปีมานี้ฉันไม่รู้เลยนะคะว่าคุณมีนิสัยชอบซ่อนเงินด้วย รีบส่งมาเดี๋ยวนี้!”

ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไปทันที เขาเบิกตากว้าง มองจี้หรูอวิ๋นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ซ่อนเงินอะไรกันครับ! คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมจะไปมีเงินให้ซ่อนที่ไหนกันล่ะครับ บัตรธนาคารที่ใช้รับเงินเดือนของผมก็ผูกกับบัญชีคุณไม่ใช่หรือ บัตรที่ผูกกับวีแชทและ Alipay ก็มีเซฟอยู่ในโทรศัพท์คุณ ถ้าเงินหายไปแม้แค่หนึ่งเฟินคุณก็ต้องเห็นแล้วสิครับ!”

จี้หรูอวิ๋นเอาแต่ยิ้มไม่ยอมพูดอะไร “ถ้าส่งมาให้วันนี้ก็ยังคุยกันได้! แต่ถ้าไม่ส่งออกมา ระวังเถอะ ฉันจะลงมือเอง!”

ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไป “ผม…ผมไม่มีจริงๆ!”

จี้หรูอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นว่า “ในตู้เสื้อผ้าใช่ไหมคะ หลบไป ฉันจะหาเอง!”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ จี้หรูอวิ๋นก็ทำท่าจะเดินตรงไปด้านหน้า ฉินเสี้ยวหยวนพลันหน้าถอดสี วันนี้ซวยจริงๆ! ซวยซ้ำซวยซ้อน!

ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ฉินเยว่ก็ตะโกนขึ้นว่า “พ่อคะแม่คะ กินข้าวได้แล้วค่ะ”

ฉินเสี้ยวหยวนรีบพูดขึ้นทันที “ที่รัก รีบกินข้าวกันก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวค่อยมาค้นก็ได้!”

จี้หรูอวิ๋นมองฉินเสี้ยวหยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณร้อนตัวใช่ไหมคะ!”

ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไปทันที “เอาละ ผมจะมีอะไรได้ อีกอย่างคุณก็ไม่เคยจำกัดค่าใช้จ่ายของผม ถ้าผมซ่อนเงินไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ!”

จี้หรูอวิ๋นพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก “ถ้างั้นเมื่อกี้คุณทำอะไรคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนกระซิบข้างหูอีกฝ่าย “ผมจะบอกคุณให้ วันนี้ผมเจอเสี่ยวเฉินที่โรงพยาบาล เห็นเขาสวมเสื้อสเวตเตอร์เหมือนที่ผมมีเลย! ผมสงสัยว่า…เยว่เยว่ขโมยไปให้ไอ้เด็กเฉินชางนั่นหรือเปล่า!”

จี้หรูอวิ๋นได้ยินก็ชะงักไป ก่อนพูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คงไม่หรอกมั้งคะ เสี่ยวฉินจะทำเรื่องแบบนี้ได้หรือ”

ฉินเสี้ยวหยวนพยักหน้า ก่อนหน้านี้จะทำได้หรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ต้องทำได้แน่นอน!

“คุณจำเรื่องสูทของผมไม่ได้หรือ”

จี้หรูอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็รีบเปิดตู้ทันที เห็นว่ามีเสื้อสเวตเตอร์สีกากีแขวนอยู่ข้างในจึงผ่อนลมหายใจออกมา “ก็นี่ไม่ใช่หรือคะ ยังอยู่ดีนี่!”

ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไปทันที หรือว่าเขาจะเข้าใจเยว่เยว่ผิดไปเอง ความจริงเยว่เยว่ไม่ใช่ยัยตัวร้ายหรือ

ในตอนนี้เอง ฉินเยว่ก็พูดเจือเสียงหัวเราะ “พ่อคะแม่คะ กินข้าวได้แล้ว อาหารเสร็จแล้วค่ะ!”

จี้หรูอวิ๋นถลึงตาใส่ฉินเสี้ยวหยวน “คุณคิดมากไปแล้ว ดูสิ ลูกสาวคุณทำกับข้าวให้คุณกินน่ะ ยังจะมาสงสัยเธออีก เหล่าฉินหนอเหล่าฉิน คุณทำงานมากไปหรือเปล่า”

ฉินเสี้ยวหยวนหน้าแดง “กินข้าวเถอะครับ!”

ฉินเสี้ยวหยวนกินข้าวด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย!

หรือเขาขี้สงสัยเกินไปจริงๆ

คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนก็นึกถึงเรื่องของถานลี่กั๋วตอนเลิกงานวันนี้ สุดท้ายก็อดถอนใจไม่ได้

ดูแล้วเขาคงต้องคิดทบทวนตัวเองเสียบ้างจริงๆ อาจเป็นไปได้ว่าเลขาถานกำลังมอบทางลงให้เขา เป็นสัญญาณขอสงบศึก!

เฉินชางและฉินเยว่ไม่รู้เลยว่าสเวตเตอร์เพียงตัวเดียวจะทำให้ฉินเสี้ยวหยวนและถานลี่กั๋วซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของโรงพยาบาลอันดับสองพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

……

……

ถึงเวลาเลิกงานตอนเย็นแล้ว เฉินชางยังคงเร่งเดินทางไปยังแผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลตงต้าเหมือนเมื่อก่อน

คิดไม่ถึงว่าพอมาถึงห้องพักหมอแผนกศัลยกรรมหัวใจแล้ว จะเห็นศัลยแพทย์หัวใจดีกรีปริญญาเอกทั้งสามคนนั้นอยู่ในห้อง พวกเขายังไม่ยอมเลิกงาน! แต่ละคนทำงานอย่างขยันขันแข็ง

เก่อฮว๋ายเห็นเฉินชางมาถึงแล้วก็พยักหน้าทักทาย จากนั้นจึงจดจ่อกับงานของตัวเองต่อไป

นี่ทำให้เฉินชางสงสัยจริงๆ นี่พวกเขา…ชอบทำโอทีกันขนาดนี้เลยหรือ

ตอนนี้เอง เมิ่งซีเดินสวนเข้ามาพอดี เมื่อเห็นเฉินชาง ดวงตาก็เป็นประกาย “เสี่ยวเฉินมาแล้วหรือ”

เฉินชางพยักหน้า “ครับ สวัสดีครับอาจารย์เมิ่ง ช่วงนี้…คนไข้เยอะเหรอครับ”

เมิ่งซีส่ายหน้า “ก็ยังโอเคนะคะ เหมือนกับปกติ จริงสิ อีกเดี๋ยวจะมีผ่าตัดสองเคส คุณไปกับฉันแล้วกันค่ะ”

เฉินชางพยักหน้า “ได้ครับ!”

ตอนนี้เอง เก่อฮว๋ายก็รีบลุกขึ้นยืน “อาจารย์เมิ่ง ผมไปกับพวกคุณด้วยนะครับ!”

เมิ่งซียิ้ม มองเก่อฮว๋ายแล้วพูดว่า “หมอเก่อรีบพักผ่อนเถอะค่ะ วันนี้คุณผ่าตัดไปสองสามเคสแล้ว อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไปเลย เคสนี้แค่ฉันกับเสี่ยวเฉินก็พอแล้ว!”

เก่อฮว๋ายได้ยินดังนั้นก็รีบตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ร่างกายผมแข็งแรงมาก! พวกเราเป็นศัลยแพทย์ ควรมีร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว!”

หมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สองชะงักไป เขาเงยหน้ามองเก่อฮว๋ายที่ไรผมเริ่มถอยร่นและมี ‘วันแพ็ค’ นูนออกมาก้อนหนึ่งด้วยความริษยา จากนั้นก็ถอนใจออกมา ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้จนท้องของตนถูกดันขึ้นเป็นสองชั้น

เขาตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะดูแลสุขภาพให้ดี ทำให้ไขมันสองก้อนนี้กลายเป็นก้อนเดียวให้ได้ จากนั้นก็ทำให้มันกลายเป็นสี่ก้อน!

ส่วนหมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สามก็หยิบสมุดออกมาเงียบๆ คนเดียว จดบันทึกลงไปว่า: ซื้อวิกผม!

เมิ่งซีพูดยิ้มๆ “พวกคุณรีบเลิกงานแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”

ทุกคนพากันยิ้มรับ หมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สองชิงตอบขึ้นก่อน “ไม่เป็นไรครับ กลับบ้านไปก็เอาแต่อ่านหนังสือ! อยู่ที่นี่ก็ได้ ไม่ส่งผลกระทบอะไรหรอกครับ!”

หมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สามพยักหน้าแล้วพูดยิ้มๆ “ใช่แล้วครับ จะได้ประหยัดค่าไฟด้วย!”

คำพูดนี้ทำให้พยาบาลน้อยหลายคนหัวเราะออกมา

หมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สามลอบยินดีในใจ การฝึกมุกตลกในช่วงนี้ของเขาไม่ได้เสียเปล่าจริงๆ ด้วย!

เก่อฮว๋ายและหมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สองรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย พวกเขาคุยกันแล้วว่าจะแข่งขันกันอย่างยุติธรรม แต่เจ้าหมอนี่กลับแอบไปเรียนรู้นอกรอบ!

ขัดกับหลักการยุติธรรมอย่างสิ้นเชิง…

เก่อฮว๋ายคิดถึงตรงนี้ก็รีบส่ายหน้า

ไม่ได้การ กลับไปคืนนี้คงต้องหาความรู้เพิ่มสักหน่อยแล้วว่าทำอย่างไรจึงจะกลายเป็นศัลยแพทย์ที่ แข็งแกร่ง น่าสนใจและมีอารมณ์ขันได้!

———————————————–

บทที่ 466 ละอายใจจริงๆ!

เพราะสร้างเส้นทางไหลเวียนโลหิตที่หัวใจห้องซ้ายแล้ว ทำให้พื้นที่หลอดเลือดแดงใหญ่ที่ต้องเย็บซ่อมเล็กลงมาก! แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังไม่อาจบดบังเทคนิคการเย็บซ่อมหลอดเลือดแดงของเฉินชางไปได้!

เทคนิคที่ว่าก็คือการ ‘ปะยาง’ นั่นเอง

ความแตกต่างอาจจะอยู่ที่ สิ่งที่ต้องปะเป็นอะไรที่เกี่ยวพันถึงชีวิต!

การทำให้แผ่นปะสังเคราะห์ที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างประณีตเข้ากับหลอดเลือดแดงของร่างกายได้ ก็ถือเป็นทักษะอย่างหนึ่งเช่นกัน

เถามี่เห็นเฉินชางเลือกใช้ไหมละลายโพลีพรอพิลีนเบอร์สี่เป็นอันดับแรกก็อดถอนใจไม่ได้

เป็นศิลปินที่ใจกล้าดีจริงๆ การใช้ไหมเบอร์เล็กจะทำให้เย็บผนังหลอดเลือดได้แน่นหนาขึ้นมากจริงๆ และทำให้ผนังหลอดเลือดแดงมั่นคงยิ่งขึ้น แต่จะต้องใช้ทักษะในการเย็บและความเร็วในการเย็บสูงมาก

ทว่าขณะที่เฉินชางกำลังเย็บอยู่นั้น จู่ๆ ความคิดเขาก็หยุดชะงัก และ…ถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย!

เขาคิดว่าการเย็บผนังหลอดเลือด ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะความเร็วและความละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ขณะกำลังเย็บ ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้เยื่อบุผนังหัวใจภายนอกและภายในแนบสนิทกันได้ดียิ่งขึ้น สิ่งสำคัญต่อจากนั้นก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพของผนังหลอดเลือดให้ดียิ่งขึ้น! ทั้งยังมีปัจจัยเรื่องแรงตึงของผนังหลอดเลือด ความเสียหายที่ผนังหลอดเลือดชั้นใน หรือความสามารถในการฟื้นตัวของหลอดเลือดทั้งหมดด้วย

ทว่าเฉินชางกลับคิดมากกว่านั้น!

เขาคิดไปถึงขั้นที่ว่าการเย็บหลอดเลือดแดงใหญ่จะต้องเลือกเย็บอย่างไรจึงจะได้ประสิทธิภาพดีที่สุด! ขณะเย็บซ่อมหลอดเลือดบริเวณหัวใจจะต้องให้ความสำคัญกับปัญหาด้านใดบ้าง…

……

คิดแล้วเฉินชางก็อดถอนใจไม่ได้

จะยากเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่นอน การเย็บและซ่อมแซมหลอดเลือดถูกวิจัยและพัฒนามาตลอดหลายปีเช่นเดียวกับการเย็บเส้นเอ็น ไม่ใช่อะไรที่จะทำได้ในค่ำคืนเดียว จะต้องค่อยๆ ศึกษาและวิจัยต่อไป!

คิดแล้วเฉินชางก็ผ่อนลมหายใจออกมา แล้วเริ่มงานของตัวเองต่อไป

เถามี่และจางเหวินฟู่เห็นท่าทางของเฉินชางก็ชะงักไป เสียงถอนใจนี้…ทำให้พวกเขารู้สึกหดหู่!

เสียงหัวใจของเฉินชางเจือไปด้วยความโศกเศร้าจางๆ แฝงไปด้วยความจนปัญญาและหดหู่ต่อทักษะฝีมือของตน

นี่ทำให้ศัลยแพทย์หัวใจทั้งสองถึงกับหนังตากระตุก

นี่ยังไม่พอใจอีกหรือ

จะเคร่งครัดกับตัวเองมากเกินไปแล้ว!

จางเหวินฟู่มองหมอหนุ่มด้วยความรู้สึกหดหู่และละอายใจ ชั่วขณะนั้นเขาย้อนคิดถึงตัวเองอีกครั้ง หลายปีมานี้ตัวเขาย่อหย่อนเกินไปหรือไม่ ทำไมคนอื่นเขาถึงได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้! แถมยังไม่พอใจกับทักษะของตัวเองอีก

การเรียนรู้ไม่มีจุดสิ้นสุดจริงๆ!

ส่วนตนเป็นเหมือนขวดที่ยังมีน้ำไม่เต็ม แต่ใส่น้ำไปแค่ครึ่งขวดก็เละเทะหมดแล้ว…ดูเหมือนที่ผ่านมาเขาจะใช้เวลาไปอย่างเสียเปล่า

จางเหวินฟู่ยิ่งคิดก็ยิ่งละอายใจ

คืนนี้กลับไป ถ้าภรรยาสะกิดอีกจะต้องอดทนไว้ ขังตัวเองไว้ในห้องหนังสือ อ่านหนังสือให้ครบหนึ่งชั่วโมงก่อนค่อยว่ากันอีกที!

ส่วนเถามี่กลับรู้สึกปลื้มปริ่ม

พูดให้ถูกก็คือมีชีวิตอยู่มาจนอายุเท่าเขาแล้ว ปัจจัยด้านพละกำลังทำให้ทักษะหลายๆ อย่างพัฒนาไปอย่างครึ่งๆ กลางๆ แม้จะมีเฉินชางคอยแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ แต่ก็ทำให้ดีเท่าเฉินชางไม่ได้

สุดท้าย การเป็นศัลยแพทย์ก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และพลังกาย ซึ่งพรสวรรค์ที่ว่านี้รวมถึงทักษะและความสามารถทางด้านร่างกายด้วย! สิ่งเหล่านี้ต่อให้พยายามเพียงใดก็เสริมให้ดีขึ้นไม่ได้

เช่นเดียวกับการเย็บที่แน่นละเอียดและรวดเร็วตรงหน้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ที่อาศัยแค่ความพยายามก็ทำได้ แต่จะต้องดูปัจจัยอื่นอีกหลายอย่าง

การผ่าตัดเคสนี้ คนทั้งสามล้วนทอดถอนใจออกมา!

ฉินเสี้ยวหยวนเห็นดังนั้นก็รู้สึกขนลุก

เย็บได้ดีแล้วจะถอนใจอะไรกันอีก

……

เมื่อเฉินชางซ่อมแซมหลอดเลือดเสร็จแล้วก็เริ่มจัดการหลอดอาหารต่อ แต่จะต้องคิดเรื่องที่ว่าจะใช้แผ่นปะหรือไม่ เนื่องจากแผลที่หลอดอาหารไม่ใหญ่ไม่เล็ก จะใช้ หรือไม่ใช้ก็ได้ ต้องให้แพทย์เจ้าของไข้เป็นผู้ประเมิน!

เซียวเหอที่อยู่ข้างๆ เห็นเฉินชางลังเล

หากแผลมีขนาดใหญ่อาจใช้วิธีเย็บแบบ vertical mattress suture แต่จะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของทางเดินอาหารระหว่างขั้นตอนการฟื้นตัวและการรักษาตัวของเนื้อเยื่อ โดยจะทำให้ทางเดินอาหารมีขนาดแคบลง แต่หากใช้แผ่นปะสังเคราะห์ก็จะมีผลข้างเคียง!

เมื่อเป็นเช่นนี้ เฉินชางจึงจดจ่ออยู่กับตัวเลือกอันยากลำบากทั้งสองตัวเลือก

จะประเมินอย่างไร เลือกแล้วจะมีประสิทธิภาพแค่ไหน นี่คือสิ่งที่สำคัญมากสำหรับตอนนี้

ในแววตาของเฉินชางเจือไปด้วยความครุ่นคิด กำลังวินิจฉัยว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

ตอนนี้ดวงตาของเขาเริ่มมองเนื้อเยื่อตายรอบๆ ให้ชัดเจนขึ้นอีกขั้นหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มกำจัดเนื้อเยื่อหลอดอาหารที่ตายแล้วและเนื้อร้ายออกไป!

อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาตัดออกจะต้องระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจาก…เขาวางแผนว่าจะไม่ใช้แผ่นปะสังเคราะห์ แต่จะทำการเย็บหลอดอาหารอย่างเดียว

เซียวเหอและเถามี่สบตากันด้วยความสงสัย

แบบนี้จะได้หรือ

ในช่วงเวลาเช่นนี้ หากจะฝืนเย็บ สู้ใช้แผ่นปะสังเคราะห์ยังจะวางใจมากกว่า

ดวงตาของเฉินชางมองเห็นเนื้อเยื่อที่ตายแล้วและเนื้อร้ายได้อย่างชัดเจน เขาจึงไม่ตัดเนื้อออกมากเกินความจำเป็น ส่วนที่เหลือเอาไว้ได้ก็จะเหลือเอาไว้

ไม่นานเนื้อเยื่อก็ถูกเลาะจนเรียบร้อยทั้งหมด!

ขณะนี้เฉินชางกำลังดึงเยื่อชั้นที่อยู่ลึกที่สุดของหลอดอาหารออกมาเย็บ บริเวณแผลทะลุอยู่ระหว่างส่วนที่แคบที่สุดของหลอดอาหารพอดี เมื่อเฉินชางดึงเยื่อออกมาอย่างพิถีพิถันก็ทำให้ประกบเข้ากับหลอดอาหารได้อย่างพอดิบพอดี!

การกระทำนี้ทำให้ทุกคนตื่นเต้นมาก!

เซียวเหอแทบอยากจะตบมือแล้วตะโกนว่า ดี!

ส่วนที่อ่อนที่สุดก็ปรับความแคบให้ตรงกันได้พอดี และไม่ส่งผลกระทบกับโครงสร้างทางเดินอาหารด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ การเย็บย่อมกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!

ตัวเลือกนี้บ่งบอกถึงพรสวรรค์จริงๆ!

ใครจะคิดถึงวิธีการดึงเยื่อบุมุมหนึ่งออกมาเช่นนี้ได้ล่ะ

ตอนนี้เซียวเหออยากถามเฉินชางจริงๆ ว่าเขาเอาไม้โปรแทรกเตอร์และไม้ฉากเข้ามาผ่าตัดด้วยหรือเปล่า!

มิฉะนั้นคงต้องมีไม้บรรทัดอยู่ในดวงตาแล้วละ

มีการผ่าตัดแบบนี้ที่ไหนกัน!

ทางด้านเถามี่ก็ตกตะลึงมากเช่นกัน เจ้าหนุ่มนี่เก่งจริงๆ!

เฉินชางยังไม่วางใจ การเย็บชั้นเยื่อเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ต่อไปยังต้องเย็บกล้ามเนื้อชั้นในและเยื่อบุชั้นนอกต่อ ซึ่งจะต้องควบคุมมุมและองศาให้ดี!

การผ่าตัดเริ่มจากการผ่าตัดซ่อมแซมแผลทะลุธรรมดาธรรมดาจนตอนนี้กลายเป็นการผ่าตัดเย็บหลอดอาหารที่ซับซ้อนไปแล้ว

นี่ทำให้เซียวเหอที่ทำงานพัวพันอยู่กับหลอดอาหารมานานอยากตบมือชื่นชมจริงๆ!

แม้ฉินเสี้ยวหยวนจะไม่ค่อยรู้เรื่องการผ่าตัด แต่เห็นเฉินชางรักษาแผลทะลุได้ดีเช่นนี้ก็ตื่นตะลึงเช่นกัน

งานส่วนต่อไปของเฉินชางค่อนข้างธรรมดา เขาผ่าตัดจนเสร็จ

เฉินชางไม่ได้ให้คนอื่นช่วยเหลือมากนัก นั่นเป็นเพราะ…ระบบบอกแล้วว่ายิ่งมีส่วนร่วมในการผ่าตัดสูงก็ยิ่งได้รางวัลดี!

การผ่าตัดเคสนี้ ตอนซ่อมแซมหลอดอาหารไม่ได้ใช้กระทั่งแผ่นปะสังเคราะห์ แต่อาศัยแค่มือของเขา…แบบนี้อัตราการมีส่วนร่วมจะต้องสูงแน่นอน!

คิดแล้วเฉินชางก็เริ่มรู้สึกคาดหวังว่าจะได้รางวัลอลังการงานสร้างหรือเปล่า

จัดการนับผ้าก๊อซ…จัดเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย…การผ่าตัดก็เสร็จสิ้น!

หลี่อิง หัวหน้าพยาบาลมองเฉินชาง ในดวงตาเจือไปด้วยความขบขัน อันที่จริงเธอชอบเฉินชางมาก เพราะเจ้าหนุ่มนี่…ประหยัดผ้าก๊อซดีจริงๆ!

ใช่แล้ว การผ่าตัดของเฉินชางเป็นการผ่าตัดที่ประหยัดอุปกรณ์ที่สุดแล้ว เลือดออกน้อย งานที่มากเกินความจำเป็นก็ไม่มี นี่ทำให้การผ่าตัดแม่นยำและตรงจุดขึ้นมาก

บทที่ 460 ดูคุ้นๆ…

เฉินชางเพิ่งพูดจบ คนที่ไม่สนใจวิธีการผ่าตัดฉบับปรับปรุงของเฉินชางเมื่อครู่นี้ต่างพากันตาค้าง!

นี่มัน…จริงหรือหลอกเนี่ย ได้รับการตอบรับจากวารสาร BJS หรือ!

ชั่วขณะนั้น ทุกคนก็ต้องพากันเปลี่ยนมุมมอง!

จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจที่เมื่อครู่ไม่ยอมตั้งใจฟังดีๆ ขึ้นมาแล้ว

เฉินชางเพิ่งจะอายุเท่านี้แต่ก็ปรับปรุงวิธีการผ่าตัดไส้ติ่งได้แล้ว ทั้งยังได้ตีพิมพ์บทความกับวารสาร BJS ด้วย นี่ไม่ใช่แค่เกียรติยศระดับธรรมดาเลยจริงๆ

หมอที่ทำงานในโรงพยาบาลระดับรากหญ้าทั้งหลายที่มาเข้าร่วมงานสัมมนาประจำปีของสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี ส่วนใหญ่ก็เป็นหมอระดับหัวหน้าแผนกและรองหัวหน้าแผนกทั้งนั้น เมื่อพวกเขาเห็นข้อมูลเหล่านี้ ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความกระหาย!

การผ่าตัดนี้มีประโยชน์กับโรงพยาบาลระดับรากหญ้าของพวกเขาเป็นอย่างมาก!

ภายใต้ระบบการผลักดันทางศัลยศาสตร์ที่แบ่งออกเป็นสามระดับ ทำให้โรงพยาบาลระดับรากหญ้าต้องทำการผ่าตัดเล็กๆ อย่างการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบมากที่สุด หากส่งเสริมการผ่าตัดที่ทรงคุณค่าและราคาไม่แพงนี้ได้ ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับชาวบ้าน!

ขณะเดียวกัน สายตาที่พวกเขาใช้มองต้วนปัวก็เต็มไปด้วยความอิจฉา!

ต้วนปัวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อันดับหนึ่ง ทั้งยังได้รับฐานะผู้ประพันธ์อันดับหนึ่งของงานวิชาการที่ได้ร่วมตีพิมพ์กับวารสาร BJS ไปด้วย ทุกคนอิจฉาจนทนไม่ไหว อนาคตของต้วนปัวต่อจากนี้ย่อมต้องสว่างไสวและราบรื่นแน่นอน จะขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็คงไม่มีปัญหา

โรงพยาบาลระดับรากหญ้ามีผลงานทางวิชาการเช่นนี้ได้ย่อมมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประเมิน หรือเรื่องอื่นๆ ก็ตาม

พวกเขาแต่ละคนตัดสินใจแล้วว่าอีกสักครู่เมื่องานสัมมนาจบลงแล้วจะไปขอแลกข้อมูลติดต่อกับหมอเฉินเสียหน่อย รักษาความสัมพันธ์เอาไว้ จากนั้นก็เชิญเขาไปบรรยายที่โรงพยาบาลของตน ให้แสดงการผ่าตัดไส้ติ่งแบบแผลเล็กนี้ให้ดูสักหน่อย

……

……

ขณะนี้เอง ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นก็เดินเข้ามาพอดี พวกเขานั่งบริเวณแถวหลัง ได้ยินบทสนทนาของหัวหน้าแผนกในโรงพยาบาลระดับรากหญ้าทั้งหลายเข้าพอดี

“สุดยอด!”

“ใช่แล้ว หมอเฉินชางคนนี้เพิ่งจะอายุไม่เท่าไหร่แต่มีความสามารถขนาดนี้แล้ว อนาคตไร้ขีดจำกัดแน่!”

“ใช่ ทั่วทั้งมณฑลตงหยางจะมีคนเก่งแบบนี้สักกี่คนกันเชียว”

……

ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นได้ยินคำชมเชยเฉินชางก็รู้สึกเป็นเกียรติจนหัวใจพองโต ความรู้สึกนี้ทำให้รู้สึกดีกว่าชมพวกเขาเองเสียอีก!

ในใจพวกเขาอัดแน่นไปด้วยความสุข

ฉินเสี้ยวหยวนรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเฉินชาง ถ่ายติดหนังสือตอบรับฉบับนั้นพอดี ทันใดนั้นเขาก็หันไปกล่าวกับจี้หรูอวิ๋นด้วยสีหน้าตื่นตะลึงว่า “ที่รักดูสิครับ ลูกสาวคุณมีชื่ออยู่บนวิทยานิพนธ์ระดับสูงอีกแล้ว!”

จี้หรูอวิ๋นชะงักไป รีบแย่งโทรศัพท์มือถือมาดูอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ

“ผู้ประพันธ์บรรณกิจ: เฉินชาง ผู้ประพันธ์ลำดับหนึ่ง: ฉินเยว่ ต้วนปัว หลี่เป่าซาน”

จี้หรูอวิ๋นชะงักไปทันที ทันใดนั้นก็ย้อนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ฉินเยว่คล้ายจะยุ่งอยู่กับการจัดการข้อมูลบางอย่าง ห้องของลูกสาวเธอมีเอกสารวางอยู่เป็นกองพะเนิน

ตอนนี้เธอเข้าใจกระจ่างแล้ว!

เป็นเพราะคอยช่วยเฉินชางจัดการข้อมูลนี่เอง…ทว่า แค่เรื่องพวกนี้จะทำให้ฉินเยว่เป็นผู้ประพันธ์อันดับที่หนึ่งได้เชียวหรือ

จี้หรูอวิ๋นกระจ่างแจ้งโดยพลัน เจ้าเด็กเสี่ยวเฉินนี่คงคิดอะไรกับฉินเยว่มานานแล้วสินะ

มีชื่ออยู่ในวารสารระดับสูงถึงสองฉบับ ย่อมได้รับข้อยกเว้นให้เข้าเรียนระดับปริญญาเอกภายในประเทศได้โดยไม่ต้องเข้าสอบ นี่ทำให้อนาคตฉินเยว่มั่นคงขึ้นมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือวิทยานิพนธ์ทั้งสองฉบับตรงกับความเชี่ยวชาญของฉินเยว่พอดี

คิดแล้วจี้หรูอวิ๋นก็ต้องสูดหายใจลึก

เสี่ยวเฉินคนนี้ช่าง…เฮ้อ…

ตอนแรกเธอคิดว่าเสี่ยวเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบ…แต่ตอนนี้เมื่อดูแล้ว ฉินเยว่เป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่า

เสี่ยวเฉินนี่เปรียบเสมือนหุ้นที่มีศักยภาพจริงๆ

ไม่ได้การแล้ว กลับไปจะต้องพูดกับเยว่เยว่ให้ดี ต้องรีบคิดทำทุกวิถีทางเพื่อดองกับเฉินชางให้ได้!

ฉินเสี้ยวหยวนก็สูดหายใจลึก เจ้าเด็กเสี่ยวเฉินนี่ปฏิบัติต่อฉินเยว่อย่างดีจนเขาไม่มีอะไรจะพูดเลยจริงๆ วิทยานิพนธ์สองฉบับนี้ก็เพียงพอที่จะใช้เป็นสินสอดแล้ว

นี่ทำให้เหล่าฉินรู้สึกกดดันขึ้นมาทันใด ตอนลูกสาวแต่งออกไปเขาจะให้อะไรดีล่ะ

จี้หรูอวิ๋นส่งกล้องไปให้ฉินเสี้ยวหยวน มองเขาด้วยสีหน้าหนักแน่น “เสี่ยวเฉินไม่เลวจริงๆ เลยนะคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนพยักหน้า

ทันใดนั้นจี้หรูอวิ๋นก็หันไปจ้องฉินเสี้ยวหยวนแล้วพูดว่า “คุณดูสิคะ! เห็นหรือเปล่า ตอนเสี่ยวเฉินเดทกับลูกก็เผยแพร่วิทยานิพนธ์กับวารสารระดับสูงถึงสองฉบับเป็นของขวัญให้เยว่เยว่ ตอนพวกเราเดทกัน คุณยังให้ฉันช่วยเขียนวิทยานิพนธ์ให้คุณอยู่เลย ฉินเสี้ยวหยวน…ตอนนี้ฉันว่าฉันเริ่มมองคุณแย่ขึ้นทุกวันแล้วนะคะ!”

เหล่าฉินมีสีหน้าอัดอั้นตันใจ

เกี่ยวอะไรกับผมครับเนี่ย

นี่ผมไปล่วงเกินใครเมื่อไหร่กันนะ

……

……

เฉินชางบรรยายเนื้อหาต่อไป “ลำดับต่อไปคืองานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบบาดเจ็บน้อยฉบับปรับปรุงครับ นี่เป็นวิธีการผ่าตัดแบบใหม่ที่ผมวิจัยออกมา หรืออาจเรียกว่าเป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้นะครับ”

“ใช่แล้ว ขอบอกทุกคนก่อนเลยนะครับว่าวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับวิธีการผ่าตัดแบบใหม่นี้ได้รับการเผยแพร่บนวารสารการปลูกถ่ายตับด้วย ถ้าสนใจก็ลองไปหาดูบนอินเทอร์เน็ตนะครับ อาจจะหาเจอก็ได้”

ทุกคนฟังถึงประโยคนี้ก็เงียบลงทันใด

วิทยานิพนธ์ฉบับหนึ่งเผยแพร่กับวารสาร BJS อีกฉบับหนึ่งเผยแพร่กับวารสารการปลูกถ่ายตับ ทั้งยังเป็นวิธีการผ่าตัดที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นทั้งสองวิธีเลย

มีผลงานขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งคณะกรรมการสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งมณฑลตงหยางเลย มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นรองประธานสมาคมเลยด้วยซ้ำ

หากไม่ใช่เพราะเฉินชางวัยวุฒิไม่พอ หากเป็นคนอื่นที่อายุสี่สิบกว่าปีคงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับเลือกเป็นรองประธานสมาคมแล้ว

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงตั้งใจฟังการบรรยายลำดับต่อไปของเฉินชางอย่างจริงจัง ไม่มีใครกล้าดูถูกเฉินชางอีกแม้แต่คนเดียว

ในตอนที่เฉินชางฉายภาพบนหน้าจอ ทุกคนจึงค่อยเห็นความแตกต่างอย่างแท้จริง

บาดแผลที่ปรากฏน้อยจนมองหายาก หากเฉินชางไม่ชี้ทุกคนคงหาไม่เจอ กล่าวได้ว่าการผ่าตัดวิธีนี้เห็นผลทันตา ทั้งยังมีผลลัพธ์ชัดเจน

ตอนนี้เอง บรรดาคนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างมีอาการหน้าแดงหูแดงกันถ้วนหน้า!

ส่วนหนึ่งเป็นหมอโรงพยาบาลอันดับสองที่รู้สึกว่าเฉินชางไม่ได้อย่างใจ! รวมไปถึงสวีเหวินปินผู้เป็นรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลด้วย ตอนที่เขาเห็นเฉินชางบรรยายถึงวิธีการผ่าตัดชนิดนี้ จู่ๆ ก็คิดถึงการประเมินบุคลากรของโรงพยาบาลอันดับสองในตอนแรก

ตอนนั้นเขาเป็นผู้ประเมินให้หวังหย่ง ผลคือตอนที่หวังหย่งแนะนำเฉินชาง สวีเหวินปินกลับไม่ได้สนใจ!

คิดไม่ถึงว่า…เฉินชางจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้

ชั่วขณะนั้น สวีเหวินปินพลันหน้าแดงก่ำ เขาทำผิดพลาดในเรื่องแย่ๆ อย่างการประเมินคนจากภายนอกไปแล้ว!

คิดแล้วสวีเหวินปินก็รู้สึกอับอายขึ้นเป็นเท่าทวี

ในขณะเดียวกัน ทางด้านหลิวซือฉี รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลควบตำแหน่งรองประธานสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี และเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีก็มีสีหน้าปลาบปลื้ม!

ตอนนั้นเขาและถานจงหลินได้รับคำเชิญจากจางเค่อฉินให้ไปที่โรงพยาบาลอันดับสอง และได้เห็นเฉินชางเย็บแผลให้อู๋กังของทีมตำรวจปราบปรามอาชญากรรมเข้าพอดี

ตอนนั้นเขาก็ชอบเจ้าหนุ่มคนนี้แล้ว

แต่ว่า…ตอนนั้นเขาควรพยายามสักหน่อย หากเชิญเฉินชางไปที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลได้ เกียรติยศนี้ย่อมเป็นเกียรติยศของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลด้วย

พูดไปแล้วก็เป็นเพราะเขาไม่หนักแน่นพอ! ตอนนั้นเฉินชางยังเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว เขามีโอกาสมากทีเดียว ต่อมาในช่วงประเมินบุคลากรเพื่อรับเข้าบรรจุเป็นพนักงานประจำ หลิวซือฉีก็อยู่ด้วย

ตอนนี้หลิวซือฉีเสียดายจนต้องถอนใจออกมา หากตอนนั้นตนกับถานจงหลินยอมกัดฟันตัดสินใจดึงตัวเฉินชางไปที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลและให้เป็นพนักงานประจำ ไม่แน่ว่า…อาจจะมีโอกาสอยู่!

แต่ตอนนี้หมดโอกาสจริงๆ แล้ว เฉินชางในตอนนี้ค่อยๆ เติบโตไปทีละนิด

……

……

ขณะเดียวกัน จี้หรูอวิ๋นมองเฉินชาง จู่ๆ ก็รู้สึกคุ้นตา…ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที เธอรีบหันไปพูดเหล่าฉินว่า “เหล่าฉิน ดูเสื้อผ้าที่เสี่ยวเฉินใส่สิคะ!”

ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไป “อืม หล่อมาก! ไอ้หนุ่มนี่เซ้นส์ดีจริงๆ!”

จี้หรูอวิ๋นกลอกตาใส่ “ฉันให้คุณดูเสื้อผ้าค่ะ คุณว่า…คุ้นๆ หรือเปล่า”

ฉินเสี้ยวหยวนถูกจี้หรูอวิ๋นพูดใส่เช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “หือ ดูคุ้นจริงด้วย เหมือนผมเคยเห็นที่ไหน…”

ทันใดเหล่าฉินก็ตบขาตัวเองฉาดใหญ่ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที!

หรือว่า…

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท