บทที่ 474 ผมทำเอง!
เมิ่งซีกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องเปลี่ยนชุดของห้องผ่าตัด เธอคาดหวังกับการผ่าตัดต่อไปจริงๆ!
สองวันมานี้เธอฝึกผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจอย่างหนัก วันหยุดก็ไม่ได้พักผ่อน ในที่สุดก็ก้าวหน้าไปไม่น้อย วันนี้ถึงเวลาทำให้เฉินชางตกตะลึงแล้ว
เธอจะทำให้เขารู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของอาจารย์ให้ได้!
อันที่จริงเมิ่งซีที่เพิ่งเคยเป็นอาจารย์ครั้งแรก เธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าการเป็นอาจารย์ควรทำอย่างไร
เธอซึมซับแนวคิดต่างๆ จากชาวตะวันตกมาเป็นเวลานาน ไม่ค่อยคุ้นเคยกับความคิดโบราณของชาวจีนที่ว่าเป็นอาจารย์หนึ่งวันก็เปรียบเสมือนเป็นมารดาไปชั่วชีวิต
เธอชอบความสัมพันธ์กึ่งเพื่อนกึ่งอาจารย์กับเฉินชางมากกว่า!
แต่…จะอย่างไรเธอก็เป็นอาจารย์ จะปล่อยให้ตัวเองด้อยกว่าลูกศิษย์ไม่ได้
คิดแล้วเมิ่งซีก็สวมเสื้อผ้าเร็วขึ้นหลายนาที!
น่าเสียดาย วันนี้เสื้อก็ยังเล็กเกินไป มันรัดจนน่าอึดอัด แต่หากเปลี่ยนเป็นไซส์ใหญ่กว่านี้ คอเสื้อก็จะกว้างจนดูไม่ดี นี่ทำให้เธอนึกถึงตอนล้างมือคราวที่แล้วที่ทำเอาเฉินชางลำบากใจ คิดแล้วก็หัวเราะออกมา สุดท้ายก็ตัดสินใจเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวใหญ่ที่ใส่สบายๆ!
อืม สบายขึ้นมากจริงๆ ด้วย!
……
……
ขณะล้างมือ คราวนี้เฉินชางไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ดวงตาจับจ้องอยู่ที่มือทั้งสองของตนเองโดยไม่มีเสียสมาธิ นี่ทำให้เมิ่งซีหัวเราะออกมา
เฉินชางได้ยินเสียงหัวเราะของเมิ่งซีย่อมรู้สึกขุ่นเคืองใจ
อีกเดี๋ยวพอถึงเวลาผ่าตัดจะตำหนิให้เข็ดไปเลย! เป็นอาจารย์ที่ไม่ดีจริงๆ!
คิดแล้วเฉินชางก็ขบฟันแน่น ตัดสินใจว่าจะต้องทำให้ได้!
การผ่าตัดเริ่มต้นขึ้นแล้ว คราวนี้มุมการกรีดเยื่อหุ้มหัวใจของเมิ่งซีทำให้เฉินชางตกตะลึงจริงๆ!
ไม่เลวเลย เป็นมุมที่ยอดเยี่ยมมาก!
หากกรีดจากตรงนี้ก็จะไปถึงส่วนที่ต้องผ่าตัดได้พอดี ไม่เลวๆ
เฉินชางกล่าวชมเชยไปว่า “กรีดได้ดีไปเลยครับ!”
เมิ่งซีหัวเราะอย่างไร้เสียง ทำเป็นสุขุมเยือกเย็น
เฉินชางแค่นเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่ง
ยังจะวางมาดอีกหรือ
ผมมองเห็นความคิดคุณหมดแล้ว!
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของเมิ่งซี + 1!]
แค่นี้ก็ดีใจแล้วหรือ แล้วยังมาทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก…
เด็กน้อยจริงๆ!
เฉินชางลอบยินดีอยู่ในใจ ดูเหมือนเขาจะค้นพบหนทางสู่ความมั่งคั่งเสียแล้ว สำหรับอาจารย์เมิ่งต้องใช้วิธีปราบให้เดี้ยงแล้วเลี้ยงให้เชื่อง! ต้องกดดันก่อนแล้วค่อยชมเชย เช่นนี้ก็จะได้รางวัลมากขึ้นแล้ว
การผ่าตัดต่อไปของเมิ่งซีทำให้เฉินชางอึ้งจริงๆ
ดูเหมือนวันนี้เมิ่งซีจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ฝีมือเธอก้าวหน้าไปมาก ที่สำคัญก็คือเก็บรายละเอียดได้ดี ราวกับว่าในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว เธอก็เดินก้าวออกมาจากเงาในอดีตของตัวเองได้แล้ว!
ราวกับได้เปลี่ยนเนื้อถอดกระดูก!
ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำบางอย่างของเธอก็ทำให้เฉินชางทึ่งไม่น้อย ไม่กล่าวไม่ได้ว่าในการผ่าตัด หมอแต่ละคนจะมีการตระหนักรู้ด้วยตัวเองอยู่ด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ขณะผ่าตัดให้ผู้ป่วย ทั้งสองก็วิจารณ์และแลกเปลี่ยนกันไปด้วย แต่ละคนได้ประโยชน์มหาศาล แม้กระนั้นเฉินชางก็ไม่ได้ชมเชยอาจารย์เมิ่งน้อยลงเลย ทั้งยังทำเป็น ‘ตกใจ’ ในบางครั้งด้วย
วิธีนี้ใช้กับอาจารย์เมิ่งได้ดีจริงๆ!
การผ่าตัดนี้ทำให้เขาได้รับค่าความรู้สึกดีเพิ่มขึ้นถึงห้าแต้ม ยังจะมีอะไรดีกว่านี้อีกล่ะ
การผ่าตัดเคสที่สองเป็นการผ่าตัดเอาซีสต์บริเวณเยื่อหุ้มหัวใจออก เป็นการผ่าตัดที่ไม่ค่อยยากเท่าไหร่นัก แม้เฉินชางจะทำเพียงคอยช่วยเหลือ แต่ก็ยังคิดว่าตนผ่าตัดเคสนี้เองได้
การผ่าตัดหัวใจมีอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่งคือการผ่าตัดส่วนประตูเยื่อหุ้มหัวใจชนิดต่างๆ สองคือการผ่าตัดหลอดเลือดแดงหรือหลอดเลือดต่างๆ สามคือการผ่าตัดหลอดเลือดและลิ้นหัวใจและการผ่าตัดโรคที่เกี่ยวกับลิ้นหัวใจ หากเป็นการผ่าตัดระดับสูงขึ้นมาอีกก็คือการผ่าตัดตัวหัวใจที่ค่อนข้างซับซ้อน รวมถึงการปลูกถ่ายหัวใจด้วย
นับได้ว่าเฉินชางค่อยๆ เรียนรู้กระบวนการผ่าตัดไปทีละนิด
การผ่าตัดเคสที่สองเสร็จสิ้นตอนประมาณสี่ทุ่ม ทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนกันด้วยรอยยิ้มและเตรียมออกจากห้องผ่าตัด ขณะนั้นโทรศัพท์ของเมิ่งซีก็ดังขึ้น
เธอกดรับโทรศัพท์ พบว่าเป็นพยาบาลจากแผนกศัลยกรรมหัวใจ “หัวหน้าเมิ่ง เกิดเหตุฉุกเฉินกับผู้ป่วยระหว่างผ่าตัดทรวงอก ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน คุณยังอยู่ในห้องผ่าตัดไหมคะ”
โชคดีที่ตอนนี้เมิ่งซียังไม่ได้ออกไป เมื่อได้รับข้อมูลจากอีกฝ่ายก็ขมวดคิ้วแล้วรีบถามขึ้นทันทีว่า “ฉันยังอยู่ค่ะ พวกคุณอยู่ห้องผ่าตัดไหนคะ”
พยาบาลตอบว่า “ห้องผ่าตัดเบอร์ 12 ค่ะ คุณไปถามหมอเวรที่ห้องผ่าตัดได้เลย”
เมิ่งซีสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน เธอรีบเดินไปยังห้องผ่าตัดเบอร์ 12 ทันที
นี่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลตงต้าและโรงพยาบาลอันดับสอง ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามีห้องผ่าตัดมากเท่าไหร่เลย ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วแต่โรงพยาบาลตงต้ายังใช้ห้องผ่าตัดกันอยู่ตั้งหลายห้อง!
ส่วนโรงพยาบาลอันดับสอง ตอนนี้จะมีใช้อยู่กี่ห้องกัน
ดังนั้นเรื่องนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เห็นภาพรวมได้อย่างรวดเร็ว ทำให้จินตนาการได้เลยว่าแตกต่างกันมากเพียงใด!
ดูเหมือนว่าตอนนี้พยาบาลประจำห้องผ่าตัดจะได้รับข่าวนี้แล้วจึงรีบเดินเข้ามา “หัวหน้าเมิ่ง ห้องผ่าตัดเบอร์ 12 ต้องการความช่วยเหลือจากแผนกศัลยกรรมหัวใจค่ะ”
เมิ่งซีพยักหน้าแล้วรีบไปล้างมือ จากนั้นก็เข้าไปในห้องผ่าตัด!
การเกิดเหตุฉุกเฉินในห้องผ่าตัดเช่นนี้เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยมาก ปกติจะเจอทุกวัน และการช่วยเหลือระหว่างแผนกเช่นนี้ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของโรงพยาบาลได้เช่นกัน
เมิ่งซีพาเฉินชางเดินเข้าไปอย่างเร่งร้อน พยาบาลเวรรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาก็รีบเข้ามาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที!
เมิ่งซีเปลี่ยนเสื้อผ้าพลางเงยหน้าขึ้นถามว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ”
จิ่งหรานขมวดคิ้ว “สถานการณ์ค่อนข้างซับซ้อนครับ หัวหน้าเมิ่ง คุณมาดูหน่อยเถอะว่าควรจัดการยังไง”
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย ที่แท้ก็เป็นจิ่งหรานนี่เอง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจิ่งหรานไม่ได้สนใจเฉินชางเลย ตอนนี้อยู่ระหว่างการผ่าตัด เขาจึงไม่กล้าผ่อนคลาย
เฉินชางเดินตามเมิ่งซีเข้าไป ชะโงกหน้าไปใกล้เตียงผ่าตัด เห็นสภาพภายในช่องอกพอดี
จิ่งหรานพูดว่า “นี่เป็นการผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอมที่ตกค้างอยู่ภายในออก สิบปีก่อนผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดช่องอกครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเนื่องจากปัจจัยหลายอย่างทำให้มีผ้าก๊อซหนึ่งชิ้นตกค้างอยู่ในช่องอกของผู้ป่วย ผ่านไปหลายปีผู้ป่วยก็ยิ่งรู้สึกว่าบริเวณหน้าอกของตัวเองไม่ปกติ!”
“พอมาตรวจที่โรงพยาบาลถึงค่อยรู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายใน ผมเลยเตรียมผ่าเปิดช่องอกเพื่อตรวจสอบ! ตอนนี้สภาพของผู้ป่วยก็อย่างที่คุณเห็นเลยครับ ผมไม่กล้าเอาผ้าก็อซออกมามั่วซั่ว เพราะตอนนี้มันติดแน่นอยู่กับหลอดเลือดแดงในช่องอกไปแล้ว สถานการณ์ค่อนข้างยุ่งยากเลยทีเดียว!”
เป็นจริงดังนั้น ตอนนี้ผ้าก๊อซที่อยู่ในช่องอกย่อยสลายจนเหลือเพียงกาก แต่กากของผ้าก็อซเหล่านี้กลับไปรวมกับเมือกและไปพันหลอดเลือด หลอดอาหารและหลอดลมไว้ด้วยกัน!
สภาพของช่องอกค่อนข้างแย่ มีการติดเชื้อและมีพังผืดมาก ดังนั้นตอนนี้จิ่งหรานจึงไม่กล้าทำอะไรมั่วๆ เพราะกลัวว่าตอนแยกพวกมันออกจากกันจะทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่เสียหายจนมีเลือดออกเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป ทำให้ผนังหลอดเลือดเสียหายจนเนื้อเยื่อเป็นแผลมานานแล้วจนส่งผลให้เส้นเลือดขอด!
เฉินชางพบว่า เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการเส้นเลือดขอดเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายสร้างเส้นทางบายพาสขึ้นมาใหม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ การผ่าตัดจึงยุ่งยากมากขึ้น
เมิ่งซีขมวดคิ้ว คิดใคร่ครวญว่าจะจัดการเช่นไรดี! ในสมองปรากฏความเป็นไปได้แต่ละอย่างขึ้นมาไม่หยุดหย่อน
ผ่านไปพักใหญ่ เมิ่งซีก็สูดหายใจลึก “ต้องแยกพวกมันออกจากกันก่อน ไม่งั้นถ้าเลือดออกก็จะหยุดเลือดไม่ได้แล้ว! แต่ตอนแยกจะต้องระวังไม่ให้หลอดเลือด หลอดอาหารและหลอดลมเสียหาย ค่อนข้างยากเลยค่ะ”
คำพูดของเมิ่งซีชัดเจนมาก ขั้นแรกจะต้องแยกหลอดเลือดออกมาก่อน แต่หากจะทำเช่นนั้น ผู้ลงมือจะต้องมีความสามารถทั้งด้านศัลยกรรมหัวใจและศัลยกรรมทรวงอก
ในตอนนี้จิ่งหรานรู้สึกกดดันมากจริงๆ
เขาสูดหายใจลึกแล้วพยักหน้า “ครับ เอาแบบนี้แล้วกัน หัวหน้าเมิ่ง คุณคอยดูหลอดเลือดไว้นะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเป็นคนแยกออกมาเอง!”
จิ่งหรานรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาหลีกเลี่ยง สิ่งที่เขาสมควรทำจะล่าช้าไม่ได้แม้แต่น้อย!
นี่ทำให้เฉินชางนับถือเขาจริงๆ!
อันที่จริง จิ่งหรานเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะมีความสามารถในฐานะหัวหน้าแผนกเท่านั้น แต่เขายังมีความรับผิดชอบอย่างที่หัวหน้าแผนกคนหนึ่งสมควรมีอีกด้วย!
คนเช่นนี้ ไม่ว่าจะอย่างไร อนาคตย่อมสดใสแน่นอน!
———————————————–
บทที่ 467 สิ่งที่คุณอยากทำและสิ่งที่คุณสมควรทำ!
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด นอกจากผ้าก๊อซสำหรับห้ามเลือดและอุปกรณ์ราคาแพงที่ทำบัญชีได้ชัดเจนแล้ว อุปกรณ์จิปาถะอื่นๆ เช่นผ้าก๊อซและวัสดุสิ้นเปลืองทั่วไปจะคำนวณออกมาเป็นตัวเลขได้ไม่แม่นยำนัก
แต่หัวหน้าพยาบาลทุกคนล้วนมีจิตใจผูกติดอยู่กับการประหยัดวัสดุสิ้นเปลืองทุกชิ้น! พวกเขามีคติว่าไม่ใช้เข็มด้ายและผ้าก็อซอย่างสิ้นเปลือง ห้ามพลาดแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นเมื่อเห็นการผ่าตัดของหมอพวกนั้นที่ใช้ผ้าก๊อซเป็นว่าเล่น หลี่อิงก็โกรธจนปวดหัว!
ไม่มีครอบครัวไม่รู้หรอกว่าข้าวสารฟืนไฟแพงแค่ไหน ของเหล่านี้เป็นเงินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดเงินให้ผู้ป่วย หรือจะประหยัดเงินให้โรงพยาบาล ก็ล้วนเป็นการประหยัดเพื่อประเทศชาติเหมือนกันไม่ใช่หรือ
โดยเฉพาะคนบางคนเช่นจางโหย่วฝู! ตอนผ่าตัดจะใช้ผ้าก๊อซเปลืองที่สุด ทำให้หลี่อิงโกรธจนแทบเต้น
น่าเสียดาย…ใครใช้ให้จางโหย่วฝูเป็นคนปากหวานกันเล่า ทั้งยังมีวิสัยทัศน์กว้างไกลและจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมจนทำให้หลี่อิงเบิกบานใจทุกครั้งไป บางครั้งก็นำขนมและผลไม้ติดมือมาแบ่งพยาบาลน้อยในห้องผ่าตัดด้วย นี่ทำให้หลี่อิงหลับตาข้างลืมตาข้างมาตลอด
หากหลี่เป่าซานใช้ผ้าก๊อซเปลืองคงถูกมองบนใส่ไปไม่น้อย หากอิงตามนิสัยของเขาแล้วก็นะ…
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หมอคนโปรดในสายตาหลี่อิงก็คือเฉินชาง เพราะเขาใช้ผ้าก๊อซแบบประหยัดทุกครั้ง!
ตอนเสี่ยวเฉินผ่าตัดจะพิถีพิถันและแม่นยำมาก จัดการเรื่องเลือดออกได้อย่างดี ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเรื่องดี ยิ่งไปกว่านั้น ปกติเมื่อผ่าตัดเสร็จก็จะจัดระเบียบผ้าก๊อซให้ด้วย ทุกครั้งก็จะนับไว้อย่างชัดเจน ไม่มีลืม หรือนับตก
ถึงอย่างไร…หากใช้ผ้าก๊อซมากเกินไป ต่อให้อยากนับก็นับไม่สะดวก
ต้องทราบว่างานนับผ้าก๊อซมันเหนื่อยมากจริงๆ! โดยเฉพาะการผ่าตัดใหญ่ๆ ที่ใช้ผ้าก๊อซหลายร้อยอัน ต้องนับกันหลายรอบถึงจะได้จำนวนที่แม่นยำ…
การนับผ้าก๊อซเป็นงานของพยาบาล…สิ่งที่พยาบาลช่วยส่งอุปกรณ์ประจำห้องผ่าตัดทุกคนเชี่ยวชาญที่สุดไม่ใช่การจัดการอุปกรณ์ผ่าตัด แต่เป็นการนับผ้าก๊อซ
หากยังนับไม่ดี หรือนับเล่นๆ ก็จะไม่ให้เย็บ
ปกติจะต้องใช้คนนับสองสามคน ตรวจสอบกันหลายรอบจึงจะจบงานได้
ดังนั้นในยุคปัจจุบันนี้ คนที่ลืมของไว้ในท้องได้คือคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ เพราะหากระมัดระวังก็จะไม่เป็นเช่นนี้
พยาบาลพาหวงหย่งอี้ไปส่งที่แผนกศัลยกรรมหัวใจเพราะพักฟื้นที่นั่นจะสะดวกกว่า จางเหวินฟู่ก็ตามไปด้วย
เฉินชางกำลังพูดคุยกับหัวหน้าแผนกทั้งหลายเพื่อแลกเปลี่ยนกันเรื่องการผ่าตัดในวันนี้ เมื่อฉินเสี้ยวหยวนได้ยินเซียวเหอและเถามี่ชมเชยเฉินชาง ก็รู้สึกปลื้มปริ่มราวกับมีสายลมพัดหมุนอยู่ในใจ
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด ฉินเสี้ยวหยวนที่ไม่ชอบให้คนอื่นประจบประแจงกลับชอบฟังคนอื่นชื่นชมเฉินชางเสียอย่างนั้น!
……
……
ตอนนี้จี้หรูอวิ๋นและหวงเหว่ยเหยียนรออยู่นอกห้องผ่าตัดด้วยใจว้าวุ่น ส่วนฉินเยว่กลับไม่กังวลแม้แต่น้อย เธอเป็นฝ่ายปลอบใจทั้งสองด้วยซ้ำไป
ปลอบด้วยการชมว่าเฉินชางเก่งอย่างโน้นออย่างนี้ ช่วยชีวิตเด็กน้อยอย่างนั้นอย่างนี้ ช่วยชีวิตคุณยายอายุแปดสิบอย่างโน้นอย่างนี้… ชมได้เท่าไหร่ก็ชมออกมาหมด หากให้เวลาเธอสักหน่อยคงเขียนออกมาเป็นนิยายได้มากถึงสามล้านตัวอักษรแล้ว!
จี้หรูอวิ๋นเห็นหวงเหว่ยเหยียนดูท่าทางเคร่งเครียดจึงกล่าวปลอบว่า “เหว่ยเหยียน ไม่ต้องกังวล อาหวงต้องไม่เป็นอะไรแน่”
หวงเหว่ยเหยียนทอดถอนใจ “เฮ้อ…เป็นเพราะปกติผมงานยุ่งมากจนละเลยการดูแลเขา ถ้าเคสนี้จบแล้ว ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเขาให้ดี จะพาเขาออกไปเดินเล่นบ้าง”
“หลังจากแม่ผมเสีย สุขภาพของพ่อผมก็ทรุดหนักขึ้นทุกวัน ผมเองก็ยุ่ง ไม่มีเวลาดูแลเขาเลย พูดไปแล้วก็คือผมยังทำดีไม่พอ!”
หวงหย่งอี้มีลูกชายคนเดียว ส่วนภรรยาเสียไปนานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงเห็นจี้หรูอวิ๋นเป็นเหมือนลูกสาวมาตลอด ตอนแรกเขาอยากจับคู่ให้จี้หรูอวิ๋นกับหวงเหว่ยเหยียนจริงๆ แต่ตอนนั้นจี้หรูอวิ๋นหมั้นกับฉินเสี้ยวหยวนไว้แล้ว ส่วนหวงเหว่ยเหยียนก็มีเจ้าของหัวใจเรียบร้อยแล้ว หวงหย่งอี้ย่อมไม่ทำเรื่องบังคับฝืนใจคน ต่อมาทั้งสองครอบครัวก็สนิทสนมกันมากขึ้น จี้หรูอวิ๋นไปมาหาสู่กันทุกเทศกาลไม่เคยขาด
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก จี้หรูอวิ๋นและคนอื่นๆ รีบลุกขึ้นทันที
“หมอครับ! เป็นยังไงบ้างครับ” หวงเหว่ยเหยียนถามขึ้นเป็นคนแรก
เถามี่มองหวงเหว่ยเหยียนพลางพยักหน้าปลอบ “ไม่เป็นอะไรแล้วครับ การผ่าตัดประสบความสำเร็จมาก ทุกคนวางใจได้เลยครับ”
เมื่อเถามี่กล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็วางใจลงได้ในที่สุด
หวงเหว่ยเหยียนกุมมือเถามี่ด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากครับคุณหมอ ผมซาบซึ้งจริงๆ!”
เถามี่พูดยิ้มๆ ว่า “ถ้าอยากขอบคุณก็ไปขอบคุณหมอเฉินเถอะครับ เขาเป็นศัลยแพทย์หลักตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะเขา การผ่าตัดถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้!”
หวงเหว่ยเหยียนตื่นเต้นมาก เขามองเฉินชางแล้วเข้าไปกุมมือ “หมอเฉิน เรื่องอื่นคงไม่ต้องพูดแล้ว ต่อไปหากต้องการให้ผมทำอะไรก็บอกผมได้เลยนะครับ!”
ขณะพูดก็หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้เฉินชาง
เฉินชางยิ้มแล้วรับนามบัตรมาใส่ไว้ในกระเป๋า “เกรงใจเกินไปแล้วครับ นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”
ฉินเยว่ยู่ปากมองจี้หรูอวิ๋น เข้าไปกระซิบข้างหูว่า “ดูสิ หนูบอกแล้วว่าเฉินชางเก่ง แต่พวกแม่ไม่ยอมเชื่อหนูเลย…”
จี้หรูอวิ๋นกลอกตาใส่ฉินเยว่อย่างอดรนทนไม่ไหว
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หวงเหว่ยเหยียนก็อยากทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ให้เฉินชาง
หวงเหว่ยเหยียนมองเฉินชางแล้วพูดว่า “หมอเฉิน ผมเป็นทนายความของสำนักทนายความเหว่ยเหยียน ต่อไปถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายต้องการปรึกษา หรือมีอะไรอยากให้ผมช่วยก็มาหาผมได้เลย ผมจะช่วยเต็มที่แน่นอนครับ!”
เฉินชางพยักหน้ายิ้มๆ เป็นการตอบรับ
เขาไม่ค่อยรู้จักสำนักทนายความเหว่ยเหยียนเท่าไหร่นัก แต่การรู้จักทนายความสักคนก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร!
เมื่อบิดาป่วย หวงเหว่ยเหยียนก็ไม่สนใจไปทำงานแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจัดแจงงานให้เรียบร้อย คืนนี้เขาจะอยู่เฝ้าที่โรงพยาบาล
เมื่อมีเงินเป็นใบเบิกทาง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ง่ายทั้งนั้น นอกจากนี้ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งในคณะมนตรีราชกิจจะได้รับเงินค่ารักษาคืน และฉินเสี้ยวหยวนก็สนิทสนมกับเขา จึงทำเรื่องขอห้องส่วนตัวได้ง่าย
ไม่นานแผนกศัลยกรรมหัวใจก็จัดห้องเตียงคู่ให้ห้องหนึ่ง เป็นห้องสำหรับให้พ่อลูกหวงเหว่ยเหยียนเข้าพัก
……
……
จัดการธุระเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ผ่อนคลายลงได้บ้าง แต่เถามี่ยังมีสิ่งที่ต้องจัดการอยู่อีก ส่วนฉินเสี้ยวหยวนและคนอื่นๆ ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว
จี้หรูอวิ๋นและฉินเยว่เดินอยู่ด้านหน้า พูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข ส่วนฉินเสี้ยวหยวนและเฉินชางเดินรั้งท้าย
ฉินเสี้ยวหยวนอดพูดไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน หวงเหว่ยเหยียนเป็นคนใช้ได้เลยนะ ค่อนข้างสนิทกับน้าหรูอวิ๋นและฉันมากเลยทีเดียว ต่อไปถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับข้อกฎหมายก็ไปหาเขาได้เลย คนกันเองทั้งนั้น”
“จริงสิ เธออาจจะไม่รู้ว่าที่ปรึกษาด้านกฎหมายของโรงพยาบาลพวกเราก็คือสำนักทนายความเหว่ยเหยียนนี่แหละ บริการทนายความของพวกเขาค่อนข้างกว้างขวางและหลากหลาย มีความสำคัญในมณฑลตงหยางของพวกเรามากเลยนะ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ายิ้มๆ “ครับ ขอบคุณครับผู้อำนวยการฉิน ผมทราบแล้วครับ”
ฉินเสี้ยวหยวนส่งเสียงอืมครั้งหนึ่งแล้วกล่าวต่อไป “อันที่จริงเธอก็อายุไม่น้อยแล้ว ในสังคมทุกวันนี้ ไม่ได้มีอะไรใสสะอาดบริสุทธิ์ขนาดนั้น พวกเราเป็นหมอก็มีข้อดีของตัวเอง เช่นรู้จักคนแต่ละอาชีพได้ง่าย คนพวกนี้จะเป็นคอนเน็คชั่นและทรัพยากรของคุณ”
“อย่าคิดว่าในวงการการแพทย์อย่างพวกเราจะใสสะอาดไปหมดล่ะ เพียงแต่ถ้าเจออะไรไม่ดีก็อย่าไปใส่ใจ ฉันรู้ว่าเธอคิดยังไง เธอคงอยากเป็นหมอดีๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจสินะ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน อันที่จริงบางครั้งเขาก็ไม่ได้อยากเป็นหมอดีๆ ด้วยใจบริสุทธิ์ขนาดนั้น
ฉินเสี้ยวหยวนหัวเราะออกมา “ตอนฉันยังหนุ่มก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าเธอต้องมีความสามารถ เธอถึงทำเรื่องที่เธออยากทำได้ ถ้าไม่มีความสามารถ เธอก็ทำได้แต่สิ่งที่สมควรทำ!”
“ระบบมันก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ว่าโรงพยาบาลไหนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น เธอเคยเจอหัวหน้าโจวหงกวงแล้วใช่ไหม ฉันจะบอกอะไรที่มันไม่ค่อยน่าฟังสักหน่อยแล้วกัน โรงพยาบาล 301 มีหัวหน้าแผนกอยู่มากมาย แต่ทำไมเขาถึงเป็นนักวิชาการได้ล่ะ นั่นเพราะว่าเขาเป็นทั้งหัวหน้าแผนกและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทำให้มีสิทธิ์เลือกมากกว่า นี่คือสิ่งที่เรียกว่าทรัพยากร”
“ที่ฉันพูดเรื่องพวกนี้กับเธอเพราะอยากให้เธอพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ให้มากขึ้นหน่อย รู้จักคนให้มากขึ้นหน่อย ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพราะเธอไม่มีทางรู้เลยว่าใครคือคนที่จะช่วยเธอได้”
ที่ฉินเสี้ยวหยวนเลือกเดินรั้งท้ายด้วยกันกับเฉินชางเพราะตั้งใจพูดเรื่องพวกนี้กับเขา
ฉินเสี้ยวหยวนเห็นเฉินชางมีพรสวรรค์ทางด้านการผ่าตัด อีกทั้งอายุก็ยังน้อย จึงกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจเรื่องทางโลกพวกนี้
คนเช่นนี้มีมากมาย! พวกที่หยิ่งจองหอง แต่ถ้าถามว่ามีความสามารถหรือเปล่าก็ต้องตอบเลยว่ามี! ทว่ากลับมีจุดจบที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
ฉินเสี้ยวหยวนไม่อยากให้เฉินชางเป็นเช่นนั้น
หากคุณเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไม่ได้ ทางที่ดีก็ต้องทำให้ตัวเองคุ้นชินกับสภาพแวดล้อม!