เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 481 หัวหน้าเฉินดูเด็กจัง!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 481 หัวหน้าเฉินดูเด็กจัง!

ฉินเสี้ยวหยวนก็รู้สึกขุ่นเคืองเช่นกัน บางทีเมื่ออยู่ในตำแหน่งเช่นเขาอาจไม่สมควรพูดเช่นนี้ เพราะใครจะไม่อยากรักษาหน้าตัวเองบ้างล่ะ แต่ตอนนี้ขณะนี้ ฉินเสี้ยวหยวนฟังคำพูดของชายคนนั้นจนเดือดดาลไปหมดแล้ว

อะไรคืองานอย่างพวกเราจะมีหรือไม่มีก็ได้ อะไรคือเป็นงานที่ไม่มีความหมาย

ถ้าคุณหาเงินได้ถึงเรียกว่ามีความหมาย แล้วพวกเราเรียกว่าไม่มีความหมายหรือไร

นี่มันคำพูดบ้าบออะไรกัน!

ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร วันนี้ฉินเสี้ยวหยวนก็ต้องก้าวออกมาพูดเสียหน่อย อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเถ้าแก่แล้วจะทำอะไรก็ได้ วันนี้เขาไม่สนว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขา ฉินเสี้ยวหยวน เห็นแล้วก็จะต้องพูดออกมา!

คุณจะมาปฏิเสธคุณค่าของพวกเราไม่ได้!

สาวน้อยเหล่านี้ทำงานกันตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ พวกคุณเคยพูดขอบคุณเธอหรือยัง

ดังนั้นขณะพูด ฉินเสี้ยวหยวนจึงไม่คิดเกรงใจแม้แต่น้อย ไม่คิดไว้หน้าเขาสักนิด

ใช่แล้ว ฉินเสี้ยวหยวนเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล จะต้องประเมินจากสถานการณ์โดยรวม แต่เขาก็เป็นบุคลากรทางการแพทย์คนหนึ่งเช่นกัน เขาย่อมมีความหนักแน่นของตนอยู่

กล่าวจบฉินเสี้ยวหยวนก็มองทุกคน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ทำงานกันดีๆ นะครับ มีอะไรก็มาที่โรงพยาบาลได้”

พยาบาลน้อยรีบพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งใจสุดเปรียบ!

จะมีผู้อำนวยการโรงพยาบาลสักกี่คนที่ทำได้อย่างฉินเสี้ยวหยวน จะมีใครบ้างไม่อยากรักษาสถานการณ์ให้สมดุล มีค่ายทหารไหนบ้างที่คอยปกป้องทหารตัวน้อย ไม่มีใครอยากล่วงเกินผู้ประกอบการท้องถิ่นหรือที่เราเรียกกันว่า ‘ชนชั้นสูง’ เพื่อพยาบาลน้อยเหล่านี้แน่ๆ

คำพูดเมื่อครู่นี้ของฉินเสี้ยวหยวนประทับอยู่ในส่วนลึกจิตใจผู้ป่วยที่อยู่รอบๆ

ทุกคนต่างก็ชื่นชม!

คนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งยังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไว้ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ถือว่าเรื่องนี้จบลงชั่วคราวแล้ว

……

……

บุคลากรในแผนกฉุกเฉินโถมตัวเองเข้าสู่งานอันหนักหน่วงอีกครั้ง

หลังจากแลกเวรช่วงเช้าแล้ว หลี่เป่าซานก็เริ่มจัดแจงงานและเน้นย้ำสิ่งต่างๆ กับพนักงานใหม่

เจียงเทา หมอดีกรีปริญญาเอกที่เพิ่งเข้ามาทำงานถูกจัดให้ติดตามหัวหน้าอันเยี่ยนจวินอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ รับผิดชอบการรักษาที่เกี่ยวข้องกับศัลยกรรมมือ

หวังซิน นักศึกษาปริญญาโทในสาขาศัลยกรรมทรวงอกที่มาใหม่ก็ร่วมงานกับหวังข่ายอัน รับผิดชอบการผ่าตัดเกี่ยวกับศัลยกรรมมือด้วยกัน

งานเกี่ยวกับศัลยกรรมทั่วไปมีเฉินปิ่งเซิงรับผิดชอบ โดยมีหลัวโจวคอยติดตามทำงานด้วย ส่วนคนที่เหลืออีกคนหนึ่งก็มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของสือน่า

เมื่อเป็นเช่นนี้แผนกฉุกเฉินก็นับว่าเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว นับว่าได้ก่อตั้งฝ่ายศัลยกรรมมือ ศัลยกรรมทรวงอก ศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี และศัลยกรรมทั่วไปขึ้นมาแล้ว

หลี่เป่าซานไม่ได้แบ่งหน้าที่เฉพาะเจาะจงให้เฉินชาง เนื่องจากตอนนี้เฉินชางยังอยู่ในขั้นศึกษาเรียนรู้ หากแบ่งงานไปจะต้องยุ่งขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย และสาเหตุรองลงมาก็คือเอกลักษณ์ของเฉินชาง

โดยพื้นฐานแล้วเฉินชางมีความรู้หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นศัลยกรรมทรวงอก ศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี หรือจะเป็นศัลยกรรมมือ เฉินชางก็ทำได้ทั้งหมด

ทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่ง หลี่เป่าซานจึงรับรู้ถึงความพิเศษของเฉินชางขึ้นมาแล้ว หากจะมอบหมายตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งให้เขา สู้ให้เขารั้งตำแหน่งอิสระของแผนกจะดีกว่า ส่วนไหนต้องการก็ไปทำที่ส่วนนั้น

หากดูผิวเผินเหมือนจะเป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยสำคัญอะไร แต่ความจริงเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด มีลักษณะงานเหมือนกับหลี่เป่าซานนั่นเอง

ในฐานะที่หลี่เป่าซานเป็นหัวหน้าแผนกฉุกเฉิน สิ่งที่เขาต้องทำก็คือให้ความร่วมมือกับแผนกต่างๆ และโรงพยาบาลในการผ่าตัดเคสเร่งด่วน

แม้เฉินชางจะเป็นเพียงแพทย์ดูแลไข้ แต่ก็ถูกหลี่เป่าซานจับไปวางไว้ในตำแหน่งที่สำคัญมากที่สุด นั่นเป็นเพราะหลี่เป่าซานพบว่าช่วงนี้ภาระของตนลดลงมาก ดูเหมือน…พอทุกคนมีเรื่องอะไร หากไม่มาเรียกตนก็จะเริ่มเรียกหาเฉินชางแล้ว!

นี่ทำให้หลี่เป่าซานที่วิ่งรับความกดดันของงานมาเป็นเวลานานสบายขึ้นไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เฉินชางยังทำงานของหัวหน้าแผนกทุกวันด้วย เช่นการราวด์วอร์ด หรือตรวจเยี่ยมคนไข้นั่นเอง!

เวลาเก้าโมงกว่า เฉินปิ่งเซิงถือประวัติผู้ป่วยแล้วโยนไปให้เฉินชางอย่างคุ้นชิน “เสี่ยวเฉิน ไปราวด์”

สือน่าที่กำลังม้วนผมตัวเองเล่นรีบพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อนเหล่าเฉิน ให้ฉันไปราวด์กับเขาก่อน ราวด์เสร็จฉันก็จะเลิกเวรดึกแล้ว วันนี้ต้องไปประชุมผู้ปกครอง!”

อันเยี่ยนจวินหัวเราะ พูดกับเจียงเทาว่า “ดูเหมือนวันนี้พวกเราจะได้ราวด์ทีหลังสุดแล้ว!”

เจียงเทาชะงักไป “หัวหน้าอัน…ทำไมจะไปราวด์ต้องเรียกหมอเฉินไปด้วยทุกรอบเลยล่ะครับ”

อันเยี่ยนจวินชะงักไปทันที อดพูดไม่ได้ว่า “เพราะเสี่ยวเฉินเป็นคนผ่าตัดให้ผู้ป่วยหลายคนน่ะครับ เขารู้สภาพของผู้ป่วยดีที่สุด ถ้าไม่เรียกเขาแล้วจะเรียกใครไปด้วยล่ะครับ”

คำพูดนี้เมื่อคนเก่าคนแก่ของแผนกฉุกเฉินได้ยินก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเหล่าพนักงานใหม่ได้ยินกลับรู้สึกตะลึงพรึงเพริด!

จะอย่างไรเฉินชางก็ยังอายุไม่มาก ไม่ต่างจากพวกเขานัก แต่เมื่อพิจารณาจากปริมาณผมบนศีรษะของเขาแล้ว ตำแหน่งก็ไม่น่าจะสูงกว่าพวกตนด้วยซ้ำ

แต่ว่า…กลับทำงานเหมือนกับหัวหน้าแพทย์!

นำราวด์วอร์ดเช่นนี้เป็นอภิสิทธิ์ของหัวหน้าแพทย์เท่านั้น

หรือว่า…หมอเฉินคนนี้คือหัวหน้าเฉิน

ทุกคนคิดถึงตรงนี้ก็ทอดถอนใจออกมาด้วยความตื่นตะลึง หรือว่าเฉินชางคือผู้มีความสามารถที่ทางโรงพยาบาลรับเข้ามาเป็นกรณีพิเศษ

ทางหลัวโจวยิ่งช็อกหนัก เพราะเขารู้จักเฉินชางดี อย่างไรก็นับว่ารู้รากรู้ฐานของเฉินชางมาบ้าง ตอนแรกเขาคิดว่าเฉินชางคงเป็นแค่หมอน้อยธรรมดาในแผนกฉุกเฉิน แต่ตอนนี้เมื่อถึงช่วงเวลาราวด์วอร์ด เขาก็รู้สึกเหมือนทัศนคติทุกอย่างของตัวเองถูกทำลายลงทั้งหมด!

ให้แพทย์ดูแลไข้คนหนึ่งไปราวด์วอร์ดเช่นนี้ คิดอะไรกันแน่

ส่วนหมอที่มาใหม่ทั้งหลายก็แปลกใจมากเช่นกัน นี่…หมอเฉิน ไม่สิ หรือต้องเรียกว่าหัวหน้าเฉิน

คิดแล้วเหอลู่ซึ่งเป็นหมอภายใต้การดูแลของสือน่าก็เบิกตากว้างแล้วถามว่า “อาจารย์คะ นี่…หัวหน้าเฉินดูหนุ่มจังเลยนะคะ!”

สือน่าถูกคำพูดประโยคนี้ขอเหอลู่ทำเอาสับสนไปหมดแล้ว

“หัวหน้าเฉินเหรอ หนุ่มเหรอ ก็โอเคอยู่นะ!”

สือน่าเงยหน้าขึ้นยิ้มๆ “เหล่าเฉิน นักเรียนของฉันบอกว่าคุณยังหนุ่ม แล้วยังเรียกคุณว่าหัวหน้าเฉินด้วย!”

เฉินปิ่งเซิงเห็นหมอสาวกล่าวชมตนเช่นนี้ก็ยืดตัวขึ้นทันที ทั้งยังส่งเสียงหัวเราะออกมา “งั้นหรือครับ อาจเป็นเพราะผมหน้าเด็กมั้งครับ แล้วก็มีมาดของหัวหน้าแพทย์อยู่ด้วย!”

ทุกคนหัวเราะ

ตอนนี้เอง เหอลู่ก็กระซิบว่า “ฉันหมายถึงหัวหน้าเฉินค่ะ ไม่ใช่อาจารย์เฉิน”

สือน่าชะงักไปเล็กน้อย “หัวหน้าเฉินหรือ เหล่าเฉินยังไม่ได้เป็นหัวหน้าแพทย์เลยนะ”

ทันใดนั้นสือน่าก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เสี่ยวเหอ…เธอคงไม่ได้พูดถึงเฉินชางหรอกนะ!”

เหอลู่พยักหน้าราวกับมีเหตุผลเสียเต็มประดา “ใช่แล้วค่ะ หมายถึงคุณเฉินชาง ยังหนุ่มยังแน่นก็ได้เป็นหัวหน้าแพทย์แล้ว เขาจบจากมหาลัยชื่อดังหรือคะ”

สือน่าได้ยินดังนั้นก็หัวเราะลั่น

อันเยี่ยนจวิน เฉินปิ่งเซิงและคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของเหอลู่ ก็รู้สึกราวกับตัวเองทำสมองหายไป

“อีกไม่นานเสี่ยวเฉินก็คงได้เป็นหัวหน้าแพทย์แล้วละ!” สือน่าพูดยิ้มๆ

เหอลู่ตาค้างไปแล้ว “แต่…อาจารย์หมอทุกคนเรียกหมอเฉินไปราวด์ด้วย…นี่ไม่ใช่เรื่องที่หัวหน้าแพทย์เท่านั้นถึงจะทำได้เหรอคะ”

ทุกคนฟังจบก็เข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที จากนั้นก็หัวเราะออกมา

หวังเชียนที่อยู่ข้างๆ หัวเราะจนน้ำตาไหล

สือน่าก็ถูกนักเรียนของตนทำเอาขำไม่หยุด เธอรีบอธิบายว่า “ที่แผนกของพวกเรา ใครเป็นคนผ่าตัด คนนั้นก็ต้องเป็นคนดูแลผู้ป่วย เสี่ยวเฉินผ่าตัดให้ผู้ป่วยหลายคน คนไข้ในการดูแลของพวกเราทุกคนก็เป็นผู้ป่วยของเขาทั้งนั้น ดังนั้นก็เลยต้องเรียกเสี่ยวเฉินไปราวด์ด้วย!”

ฟังจบเหอลู่ก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง

เฉินชางฟังถึงตรงนี้ก็ยกยิ้มขึ้นมา “หัวหน้าเฉินหรือครับ ไม่เลวเลย ฮ่าๆ ผมจะกลายเป็นหัวหน้าแล้ว เหล่าเฉิน ผมก้าวหน้าเร็วกว่าคุณอีกนะเนี่ย!”

บทที่ 475 ผลัดไม้

จิ่งหรานมองดูช่องอกที่ตอนนี้ยึดเกาะกันแน่นจนเหมือนกับถังขยะ! เขาอดถอนใจออกมาไม่ได้ ในฐานะที่เขาเป็นหมอ จึงต้องมีความอดทนสูงมาก มิฉะนั้นเมื่อพบกับสถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้คงคิดอยากขย้ำให้เป็นก้อนแล้วจับโยนออกไปจริงๆ

เขาพยายามบังคับให้ตัวเองสงบจิตสงบใจ รีบจัดการกับความคิดของตนแล้วจินตนาการว่าหากอาจารย์เจอสถานการณ์เช่นนี้จะจัดการอย่างไร

จิ่งหรานชอบคิดจำลองสถานการณ์มาก เพราะมันทำให้เขามักเจอวิธีดีๆ ทุกครั้งที่ถึงเวลาเช่นนี้

บางทีหากเป็นอาจารย์ คงเลือกทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่อยู่ในสภาพเดิมก่อน เลือกแยกหลอดอาหาร หลอดลมและเนื้อเยื่อที่เป็นพังผืดในช่องอกออกจากกันก่อน

ทันใดนั้นจิ่งหรานก็คิดถึงเฉินชางขึ้นมา!

หากให้หมอเฉินทำ เขาจะทำอย่างไร

หมอทุกคนมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป มือของเฉินชางค่อนข้างนิ่ง หากให้เขาเป็นคนแยกคงพึ่งพาได้มากกว่าตน

จิ่งหรานอดถอนใจไม่ได้ ถ้าหาก…เฉินชางอยู่ที่นี่ด้วยก็คงดี

เมื่อเขาเห็นสภาพทำอะไรไม่ถูกของหมอหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็ต้องถอนใจออกมาอย่างอดไม่อยู่ การผ่าตัดยากๆ เช่นนี้ต้องการคู่หูที่มีทักษะฝีมือสูงจริงๆ

ดวงตาของเฉินชางมองดูความยุ่งเหยิงตรงหน้า รู้สึกไม่สบายใจขึ้นบ้างแล้ว!

[ติ๊ง! ค้นพบดันเจี้ยนระดับ 50 ความยากสูง! หากเข้าร่วมดันเจี้ยนและผ่าตัดสำเร็จราบรื่น จะได้รับรางวัลมหาศาล!]

เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าการผ่าตัดอันซับซ้อนเช่นนี้จะกลายเป็นดันเจี้ยนผ่าตัดระดับความยากสูงไปได้ แต่นี่ก็สมควรเรียกว่าดันเจี้ยนระดับความยากสูงจริงๆ ‘มอนสเตอร์’ ในดันเจี้ยนคงเป็นมอนสเตอร์ชั้นสูง หากจะจัดการให้หมดคงเหนื่อยพอๆ กับลงดันฯ ใหญ่ๆ เลย!

เฉินชางมองช่องอกด้วยท่าทางหนักแน่นจริงจัง เมื่อครู่ตอนจิ่งหรานวิเคราะห์ เขาก็ไม่ได้หยุดแม้แต่น้อย

เขาก็กำลังคิดอยู่เช่นกันว่าจะผ่าตัดอย่างไร!

ดวงตาของเขามองสำรวจสภาพพังผืดไม่หยุด เห็นระดับการยึดติดของผ้าก๊อซและเนื้อเยื่อได้อย่างชัดเจน มีวัสดุบางอย่างติดแน่นอยู่กับหลอดอาหาร หากคิดจะแยกออกมาคงเป็นไปไม่ได้เลย ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือตัดส่วนที่เสียหายออก จากนั้นก็เชื่อมต่อส่วนที่เหลืออีกครั้ง

หลอดลมก็ต้องจัดการเช่นเดียวกับหลอดอาหาร อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ยุ่งยากที่สุดอยู่ที่หลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณช่องอก!

เนื่องจากผ้าก๊อซติดอยู่เป็นเวลานาน ทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ เป็นแผลจนหนาขึ้นมาก เฉินชางเห็นผนังหลอดเลือดแดงเอออร์ตานูนขึ้นชัดเจนราวกับเนื้อร้าย แม้จะไม่ใหญ่นัก แต่หากต้องตัดออกจะต้องทำช่วงที่หัวใจหดตัว จากนั้นค่อยเย็บเชื่อมต่อหลอดเลือดอีกครั้ง

ช่างเป็นดันเจี้ยนที่ยากจริงๆ!

อย่างที่เฉินชางกล่าวเมื่อครู่นี้ มีเพียงเนื้อเยื่อและอวัยวะใหญ่ๆ ที่เขาเห็นอันตรายของมันได้อย่างชัดเจน แต่นอกจากอวัยวะเหล่านี้แล้ว ยังมีอันตรายอีกมากมายที่ซ่อนอยู่

ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนที่ยุ่งยากที่สุดก็คือหลอดเลือดบางส่วนสร้างเส้นทางบายพาสขึ้นมาใหม่แล้ว ซึ่งรวมถึงหลอดเลือดแดงบริเวณซี่โครงที่คอยส่งเลือดไปที่กระดูกสันหลังด้วย หลอดเลือดเหล่านี้ค่อนข้างเล็ก หากจะแยกออกจากกันต้องระมัดระวังให้ดี

ไม่ต้องถามเลยว่าจิ่งหรานคนเดียวจะทำสำเร็จหรือไม่ แม้กระทั่งเฉินชางที่มีระบบโกงก็ยังทำได้ยากเลย!

นี่ไม่ใช่การผ่าตัดที่จะทำสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว!

เขามองออกว่าจิ่งหรานก็จนปัญญาเช่นกัน

เฉินชางรู้ดีว่าตนจะชักช้าไม่ได้แล้ว จึงพูดขึ้นเองว่า “เดี๋ยวผมช่วยคุณเอง!”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆ ตกตะลึงขึ้นมาทันที

จิ่งหรานได้ยินเสียงอันคุ้นเคยก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที! เขาพบกับดวงตาอันแน่วแน่ของเฉินชางเข้าพอดี เขาดีใจมาก รู้สึกว่าจิตใจสงบและมั่นคงขึ้นมาก

จิ่งหรานพยักหน้า “ครับ!”

เขาไม่ได้ถามว่าอีกฝ่ายมาได้อย่างไรและไม่ได้สนใจด้วยว่าเฉินชางมาทำไม ความรู้สึกของจิ่งหรานในตอนนี้ก็เปรียบเสมือนมีคู่หูตกลงมาจากฟ้าขณะที่ตนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของสัตว์ประหลาด

เฉินชางหันไปพูดกับพยาบาลว่า “ขอผ้าก๊อซให้ผมสองชิ้น แล้วก็ใช้น้ำเกลือล้างสักหน่อยนะครับ”

พยาบาลรีบพยักหน้าทันที!

เฉินชางจับผ้าก๊อซให้อยู่ระหว่างหลอดอาหารและหลอดลม จากนั้นก็รับกรรไกรมา มองจิ่งหราน “ผมพร้อมแล้วครับ!”

เมิ่งซีเห็นดังนั้นก็คอยช่วยดูแลหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องอก ขณะนี้หน้าที่ของเธอสำคัญมาก แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างจริงจัง “ฉันก็พร้อมแล้วค่ะ!”

ตอนนี้จิ่งหรานรู้สึกว่ามีทีมที่พึ่งพาได้เหมือนตอนที่อยู่ฟู่ไว่แรกๆ!

เขาหยิบคีมแยกเนื้อเยื่อและกรรไกรขึ้นมา จะต้องเริ่มจากตัดพังผืดเหล่านั้นเสียก่อน! แล้วค่อยจัดการไปทีละขั้น!

ตอนนี้เอง วิสัญญีแพทย์พูดขึ้นว่า “เอาละ สร้างเส้นทางหายใจแล้วครับ ผ่าตัดได้เลย!”

จิ่งหรานพยักหน้าแล้วเริ่มงานของตน!

เฉินชางทำงานเข้าคู่กับทุกการกระทำของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ ทั้งสองแลกอวัยวะในมือกันโดยใช้สายตาสื่อสาร แฝงความหมายว่า ผมเข้าใจแล้ว!

ทุกขั้นตอนคือผลจากการร่วมมือกัน!

เมื่อเขาตัดส่วนหนึ่งออก เฉินชางก็แยกได้พอดี ทำเช่นนี้ไปทีละนิดจนจิ่งหรานเริ่มเข้าสู่สภาวะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตน

ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการผ่าตัดด้านนี้ของเฉินชางยังสู้จิ่งหรานไม่ได้ แถมยังเชื่อมต่อหลอดลมได้แย่กว่าจิ่งหรานมาก

ระหว่างที่ร่วมมือกันก็เป็นการเรียนรู้ไปด้วยในตัว!

เขาเงยหน้าขึ้นมองเวลาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว อาจจะเป็นค่ำคืนที่ไม่ได้หลับได้นอนก็เป็นได้

เฉินชางทอดถอนใจออกมา

ขณะนี้จิ่งหรานรักษาหลอดลมเสร็จแล้ว ต่อไปเป็นการแยกหลอดอาหารออกจากเนื้อเยื่อรอบๆ ทุกครั้งที่แยกจะต้องจัดการอย่างรอบคอบ เพราะผ้าก๊อซเหล่านั้นฝังอยู่กับเนื้อเยื่อภายในร่างกายและเข้าสู่ผนังด้านนอกของหลอดอาหารแล้ว ทำให้มีพังผืดและเนื้อเยื่อตายไปบางส่วน

โชคดีที่มีเฉินชางและเมิ่งซีคอยช่วย การผ่าตัดจึงราบรื่นขึ้นมาก

เฉินชางใช้ดวงตาของระบบทำให้มองหาช่องว่างและปัจจัยอันตรายเจอได้ง่ายๆ และคอยบอกให้จิ่งหรานระมัดระวังให้ดี

เมื่อเวลาไหลผ่านมาถึงเที่ยงคืน ทุกคนก็ผ่อนคลายลง

ผ่าตัดมาจนถึงตอนนี้ เรียกได้ว่าจัดการส่วนใหญ่ๆ สำเร็จไปหมดแล้ว

มีเฉินชาง เมิ่งซีและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ คอยช่วยเหลือเช่นนี้ จึงกำจัดผ้าก๊อซที่ติดอยู่รอบหลอดอาหารออกไปได้จนหมด รวมถึงเนื้อเยื่อที่ไม่จำเป็นต้องตัดออกเหล่านั้นด้วย

หลังจากทำความสะอาดช่องอกทั้งหมดแล้วก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของช่องอกครั้งใหญ่ อย่างน้อยจิ่งหรานดูแล้วก็พอใจมาก เขาไม่เห็นใครมีท่าทางทำอะไรไม่ถูกเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว

ในดวงตาของจิ่งหรานเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น!

ไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ

การผ่าตัดอย่างไร้กังวลมักทำให้ศัลยแพทย์พัฒนาฝีมือขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว จิ่งหรานก็รู้สึกเช่นนี้

เขาเงยหน้ามองเฉินชาง เมิ่งซีและเพื่อนร่วมงานของตน พยักหน้าให้ด้วยความซาบซึ้งใจ หากไม่มีพวกเขา การผ่าตัดนี้คงไม่ประสบความสำเร็จ!

ในห้องผ่าตัดย่อมมีวีรบุรุษ แต่จะไม่มีวีรบุรุษที่ต่อสู้เพียงลำพัง

ทุกคนพยักหน้าตอบ ไม่กล่าวไม่ได้ว่าฝีมือการผ่าตัดช่องอกของจิ่งหรานดีมากจริงๆ เขาผ่าตัดอย่างสุขุมเยือกเย็น ไม่มีอาการกระสับกระส่ายให้เห็นสักนิด

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาชื่นชม หรือฉลองให้กับความสำเร็จ พวกเขาต่างทราบดีว่าสงครามครั้งนี้ยังไม่จบ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือการผ่าตัดเส้นเลือดขอดที่ยากลำบากยิ่งกว่า

เมื่อการผ่าตัดดำเนินมาถึงตรงนี้ หน้าที่ก็ถูกเปลี่ยนผ่าน!

หน้าที่ถูกส่งออกจากมือเขาแล้ว!

เมิ่งซีรับหน้าที่ต่อโดยไม่มีความลังเลใดๆ และต่อไปจะเป็นเวลาของเธอ

บทที่ 468 ภรรยาแสนดีมาพร้อมเรื่องมงคล

ช่วงเวลาแลกเวรในเช้าวันจันทร์ หลี่เป่าซานพาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในห้องทำงานหมอ มีทั้งหมดประมาณเจ็ดแปดคน

ทันทีที่เฉินชางเห็นหลัวโจวเป็นหนึ่งในนั้นก็เข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที

นี่คือ…สัมภาษณ์เสร็จแล้วหรือ

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ช่วงนี้เขายุ่งจนไม่รู้อะไรเลย!

ดูท่าทางหลัวโจวคงผ่านการทดสอบอย่างราบรื่นสินะ

คิดแล้วเฉินชางก็ยิ้มให้หลัวโจว

หลัวโจวเห็นเฉินชางก็ดีใจมาก ถึงอย่างไรก็เป็นเพื่อนเก่ากัน และต่อไปก็จะเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว

วันนี้หลี่เป่าซานอารมณ์ดี จึงแย้มยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก

เขาเดินยิ้มนำทุกคนเข้ามา จากนั้นก็พูดกับคนอื่นๆ ว่า “ทุกคนสนใจหน่อยครับ ผมจะแนะนำเพื่อนร่วมงานคนใหม่ให้ทุกคนรู้จักนะครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเขาก็คือสมาชิกใหม่ของแผนกฉุกเฉิน!”

“คนนี้คือหัวหน้าหวังข่ายอัน เดิมทีเป็นรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกของโรงพยาบาลตงต้าสาขาสอง เชี่ยวชาญเรื่องศัลยกรรมทรวงอก ขอให้ทุกคนต้อนรับหัวหน้าหวังอย่างอบอุ่นด้วยนะครับ!”

ทุกคนพากันตบมือเพื่อแสดงถึงการต้อนรับ เฉินชางมองหวังข่ายอันอย่างยินดี ในที่สุดโรงพยาบาลอันดับสองก็มีหมอแผนกศัลยกรรมทรวงอกกับเขาบ้างแล้ว

หวังข่ายอันรูปร่างสูงใหญ่ อายุไม่มากเท่าไหร่ ประมาณสามสิบห้าสามสิบหกปีเท่านั้น จบปริญญาเอกค่อนข้างเร็ว เขายิ้มให้ทุกคนแล้วพูดว่า “สวัสดีครับทุกคน ผมหวังข่ายอัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ!”

หวังข่ายอันคนนี้รูปร่างสูงใหญ่แต่เสียงค่อนข้างต่ำ ทำให้ทุกคนอดยิ้มไม่ได้

คนๆ นี้ดูเหมือนจะไม่มีการวางมาดเลยสักนิด

“คนนี้เจียงเทา จบปริญญาเอกสาขาศัลยกรรมมือ ต่อไปคุณก็คอยติดตามหัวหน้าอันแล้วกันนะครับ”

เจียงเทายังอายุไม่มาก ประมาณสามสิบปีเท่านั้น แต่เขาหน้าเด็กมาก ดูแล้วเหมือนเพิ่งจบมัธยม

จากนั้นหลี่เป่าซานก็แนะนำทุกคน เมื่อรวมกับหมอในแผนกฉุกเฉินทั้งหมดก็ดูหรูหราขึ้นมาทันใด ฝ่ายศัลยกรรมของแผนกฉุกเฉินมีคนมาใหม่ห้าคน ได้แก่หวังข่ายอัน เจียงเทา หลัวโจวและคนอื่นๆ

ช่วงเช้าเป็นเวลาที่ค่อนข้างวุ่นวาย กว่าจะแลกเวรและราวด์วอร์ดเสร็จก็เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว

ขณะนั้นเอง จู่ๆ วีแชทกลุ่มโรงพยาบาลก็มีข้อความส่งมาข้อความหนึ่ง

“ขอแสดงความยินดีกับเฉินชาง ฉินเยว่ และหลี่เป่าซานแห่งแผนกฉุกเฉินที่ได้เผยแพร่บทความวิทยานิพนธ์ที่มี Impact Factor สูงกับวารสารการปลูกถ่ายตับและวารสาร BJS รวมทั้งสิ้นสองฉบับ เป็นการสร้างผลงานด้านการวิจัยให้แก่โรงพยาบาล…จึงขอมอบเงินสดจำนวนหนึ่งแสนหยวนเป็นรางวัลและของแทนคำชื่นชม!”

เมื่อข่าวนี้ถูกประกาศออกมา โรงพยาบาลก็ลุกเป็นไฟ

ทุกคนอ่านข่าวแล้วก็รู้สึกอิจฉาตาร้อน!

แค่วารสารการปลูกถ่ายตับก็ทำให้ไฟอิจฉาลุกท่วมได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังมีวารสาร BJS ด้วย ผู้ที่เขียนวิทยานิพนธ์ที่มีค่า Impact Factor สูงถึงสองฉบับอยู่ในโรงพยาบาลอันดับสองของมณฑลตงหยางเช่นนี้ หากเกิดกับหมอระดับหัวหน้าแพทย์ พอถึงปลายปีก็คงได้เลื่อนตำแหน่งอย่างไร้อุปสรรค!

แต่นี่เป็นหมอแผนกฉุกเฉินสามคน ทำให้พวกเขาอิจฉาแทบตายแล้ว

แถมยังมีเงินรางวัลให้อีกหนึ่งแสนหยวนด้วย ขณะนั้นทั่วทั้งโรงพยาบาลก็คึกคักขึ้นมาทันที

เฉินชางเองก็มีความสุขมาก เขาทำวิทยานิพนธ์สองฉบับโดยไม่เสียเงินเลยสักหยวน คิดไม่ถึงว่าจะได้เงินกลับมาอีกแสนหยวน เป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ

ต้องทราบว่าการเผยแพร่วิทยานิพนธ์กับวารสารหลักของประเทศจะต้องจ่ายเงินหลายพันหยวนเป็นค่าใช้จ่าย

ขณะนี้แผนกฉุกเฉินเต็มไปด้วยบรรยากาศปลื้มปีติ จะอย่างไรนี่ก็เป็นเกียรติของแผนกฉุกเฉิน

หวังข่ายอันและเจียงเทาที่เพิ่งมาทำงานฝ่ายศัลยกรรมของแผนกฉุกเฉินที่ยังไม่ทันนั่งให้ดีก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

โดยเฉพาะเจียงเทา เขาเพิ่งจบจากวิทยาลัยแพทย์ของเมืองหลวง พอกลับมาบ้านเกิดก็ไม่ได้เลือกไปทำงานที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล หรือโรงพยาบาลตงต้า แต่เลือกมาทำงานที่โรงพยาบาลอันดับสอง นั่นเป็นเพราะทางโรงพยาบาลสัญญาว่าจะสร้างแผนกศัลยกรรมมือให้ได้ภายในสามปี ถึงตอนนั้นเจียงเทาคงได้ขึ้นเป็นรองหัวหน้าแผนกอย่างสะดวกราบรื่น

ดังนั้นเขาจึงเลือกมาที่นี่…

เดิมทีเขาคิดว่าตนจบจากวิทยาลัยแพทย์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง จะได้สิทธิประโยชน์มาก คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งมาถึงก็จะได้รับข่าวเช่นนี้แล้ว…

แผนกฉุกเฉินแห่งนี้ ดูจะแปลกใหม่ไม่เหมือนที่อื่น ถึงกับเผยแพร่วิทยานิพนธ์กับวารสารชั้นนำระดับนานาชาติได้ถึงสองฉบับเชียว

วิทยานิพนธ์ที่เจียงเทาเขียนตอนจบปริญญาเอกมีค่า Impact Factor อยู่ที่ 1.3 ซึ่งนำมาเทียบกับบทความในวารสารการปลูกถ่ายตับไม่ได้เลย

เมื่อเทียบกับเจียงเทาแล้ว หวังข่ายอันกลับรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังเล็กน้อย

เขาไม่เหมือนเจียงเทาที่มาพร้อมเงื่อนไข

หวังข่ายอันเป็นหมอแผนกศัลยกรรมทรวงอกอยู่ที่โรงพยาบาลตงต้าสาขาสอง เขาเข้ากับคนอื่นไม่ได้และไม่อยากต่อสู้กับคนเหล่านั้น จึงลาออกมาด้วยตัวเอง พอดีกับที่โรงพยาบาลอันดับสองกำลังรับสมัครพนักงานจึงได้เข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เดิมทีคิดว่าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองจะธรรมดา ไม่นึกเลยว่า…จะทำให้เขาตื่นเต้นเช่นนี้!

บางทีคนข้างนอกอาจเข้าใจเรื่องโรงพยาบาลอันดับสองผิดไปก็เป็นได้!

คนในวงการคิดว่าโรงพยาบาลอันดับสองให้ความสำคัญกับแผนกอายุรกรรมมากกว่า หากดูเรื่องแผนกศัลยกรรม จะถือว่าเป็นโรงพยาบาลที่ค่อนข้างล้าหลัง

แต่วันนี้ดูแล้ว แผนกฉุกเฉินนี่ก็ไม่ใช่ธรรมดา!

หวังข่ายอันคาดหวังกับงานในอนาคตขึ้นมาทันใด

แม้ฝ่ายศัลยกรรมทรวงอกจะมีเขาคนเดียว อาจจะเหนื่อยไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องแข่งขันกับคนเจ้าเล่ห์เหล่านั้น

เฉินชางยังไม่ทันได้ตื่นเต้นก็ถูกเรียกตัวไปที่ฝ่ายวิชาการแล้ว

ตอนที่เฉินชางมาถึง หยางถงอยู่ในห้องพอดี เมื่อเห็นเฉินชางเข้ามาก็ยิ้มให้ “ยินดีด้วยนะเสี่ยวเฉิน!”

เฉินชางอดยิ้มไม่ได้ “ขอบคุณครับอาจารย์หยาง”

หยางถงหลุดหัวเราะออกมา “มีอะไรต้องขอบคุณฉันล่ะ พูดไปแล้วฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณเธอ วิทยานิพนธ์ของเธอทั้งสองฉบับทำให้ฝ่ายวิชาการอย่างพวกเราลดความกดดันลงได้มากเลยทีเดียว”

“จริงสิ เอาเลขบัญชีมาให้ฉันสิ ฉันจะให้ฝ่ายบัญชีโอนเงินให้เธอ”

เฉินชางยิ้ม “ให้ผมคนเดียวหรือครับ”

หยางถงพยักหน้า “แน่นอน นี่เป็นผลงานของเธอ ทำไมจะไม่ให้เธอล่ะ”

เดิมทีเฉินชางคิดว่าต้องแบ่งเงินหนึ่งแสนกันสามคน ไม่นึกว่าเขาจะได้แค่คนเดียว

เพิ่งออกมาจากฝ่ายกิจการแพทย์ เฉินชางก็รู้สึกเหมือนว่าวันนี้ตัวเองไปอาบแสงมงคลมาอย่างไรอย่างนั้น ทุกเรื่องล้วนได้อย่างใจนึก

หรือนี่คือคำอวยพรจากเสื้อตัวนี้

เฉินชางลูบเสื้อสเวตเตอร์บนตัว ดูแล้วยัยขี้ประจบฉินจะเป็นคนรักที่ล้ำเลิศมาก ให้สเวตเตอร์มาตัวหนึ่งก็ทำให้เขาได้เงินมาหนึ่งแสนแล้ว ไม่เลวเลย…

ดูเหมือนช่วงเวลารุ่งโรจน์จะอยู่ไม่ไกลแล้ว

เฉินชางเดินยิ้มกำลังจะลงไปชั้นล่าง จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นหลี่เป่าซานโทรมา “เสี่ยวเฉิน มาที่ห้องประชุมชั้นยี่สิบเอ็ดหน่อยนะครับ คือว่า นักข่าวของหนังสือพิมพ์อันหยางฉบับเย็นมาขอสัมภาษณ์ เขาอยากสัมภาษณ์คุณหน่อยนะครับ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณช่วยคนเมื่อวันนั้น”

เฉินชางได้ยินก็รู้สึกความสุขล้นปรี่ นี่เรียกว่ามงคลคู่จริงๆ!

ดีที่เขายังไม่ได้ลงไปชั้นล่าง ตอนนี้จึงเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องประชุมชั้นยี่สิบเอ็ด

ขณะนี้หลี่เป่าซาน ฉินเสี้ยวหยวน ถานลี่กั๋วและคนอื่นๆ อยู่ในห้องประชุมทั้งหมด กำลังพูดคุยยิ้มแย้มอยู่กับนักข่าว เมื่อเฉินชางเดินเข้ามาก็กลายเป็นเป้าสายตาทันที

ฉินเสี้ยวหยวนกำลังให้สัมภาษณ์อย่างร่าเริง เมื่อเห็นเฉินชางก็อดยิ้มไม่ได้ เขารู้สึกว่าตนกับเสี่ยวเฉินนี่ดวงสมพงษ์กันจริงๆ!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท