เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 482 คุณยังหนุ่ม เรียนรู้จากอาจารย์เฉินให้ดีๆ!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 482 คุณยังหนุ่ม เรียนรู้จากอาจารย์เฉินให้ดีๆ!

ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เฉินชางจึงมีฉายาที่ใช้เรียกกันในแผนกฉุกเฉินเพิ่มอีกฉายาหนึ่งคือ ‘ผู้อำนวยการเฉิน!’

ทุกคนคิดว่าตำแหน่งหัวหน้าแผนกไม่ยิ่งใหญ่พอ ‘หัวหน้าเฉิน’ ก็ไม่อลังการงานสร้างเท่า ‘ผู้อำนวยการเฉิน’

เฉินชางมีสีหน้าหวาดระแวง รู้สึกเครียดขึ้นมาแล้ว เขามองฉินเยว่ สูดหายใจลึกๆ กระซิบเบาๆ ว่า “ลูกสาวท่านผู้อำนวยการ ผมไม่ได้อยากแย่งตำแหน่งจริงๆ นะครับ”

แต่เรื่องขำขันก็ส่วนเรื่องขำขัน การราวด์วอร์ดตอนเช้าทำให้ทุกคนรู้ว่าชื่อ ‘ผู้อำนวยการเฉิน’ ไม่ได้มาเล่นๆ ผู้อำนวยการเฉินคนนี้มีความสามารถอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอัตราความสำเร็จในการผ่าตัดผู้ป่วยของเขาอยู่ในเกณฑ์ดีเลยทีเดียว

ลักษณะท่าทางตอนตรวจเยี่ยมผู้ป่วยของเขาก็ไม่แตกต่างอะไรจากหัวหน้าแผนก

สือน่าเดินนำเหอลู่ เหอลู่อุ้มประวัติผู้ป่วยเดินตามโดยมีเฉินชางอยู่ข้างๆ

เมื่อสือน่ารายงานอาการของผู้ป่วยจบแล้วเฉินชางก็ตรวจให้ผู้ป่วยเล็กน้อย จากนั้นจึงออกคำสั่งแพทย์ตามอาการของผู้ป่วย

เหอลู่ที่ยืนดูอยู่ข้างๆ รู้สึกแปลกใจ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นงานของหัวหน้าแผนก

นอกจากนี้เหอลู่ยังพบด้วยว่า เมื่อมาถึงห้องพักผู้ป่วยแล้ว ทุกคนจะให้ความเคารพเฉินชางอย่างมาก ทั้งยังเรียกอย่างสนิทสนมว่า ‘หมอเฉิน’ อีกด้วย

คนที่เพิ่งมาทำงานในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองได้เพียงสองวันสั้นๆ ต่างรับรู้แล้วว่าผู้อำนวยการเฉินคนนี้ไม่ใช่ฉายาที่เกินจริงแม้แต่น้อย แต่เขามีฝีมือคู่ควรกับฉายาจริงๆ

แม้จะไม่เคยเห็นเฉินชางผ่าตัด แต่ฟังจากคำพูดของผู้ป่วยแล้ว ผู้อำนวยการเฉินคนนี้มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ นี่ทำให้ทุกคนทั้งแปลกใจและคาดหวัง คิดว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นการผ่าตัดของเฉินชางกับตาสักที!

ด้วยเหตุนี้ ความลึกลับของผู้อำนวยการเฉินจึงกลายเป็นความคาดหวังในใจของหมอที่เพิ่งมาใหม่ทุกคนไปโดยปริยาย

……

……

อย่างไรก็ตาม ต่อให้เฉินชางได้ชื่อใหม่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเหล่าเฉินสักนิด!

เพิ่งไปตรวจเยี่ยมผู้ป่วยให้สือน่าเสร็จ เหล่าเฉินก็ส่งประวัติผู้ป่วยมาให้หลายเล่ม พูดเย้าไปว่า “ผู้อำนวยการเฉิน ถือให้ดีนะครับ ถ้าตกไปคุณต้องไปปรินท์ผลการตรวจมาใหม่นะครับ”

เฉินชางกัดฟันแน่น ได้แต่โกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไร!

หลัวโจวพอจะมองความสัมพันธ์ระหว่างเฉินชางและเหล่าเฉินออก ทำให้เขารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

เขายิ้มพูดไปว่า “มาเถอะ ส่งมาให้ฉันเถอะ”

เฉินชางยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันถือจนชินแล้วละ ดูกล้ามแขนฉันสิ ได้มาจากการถือประวัติผู้ป่วยนี่แหละ!”

หมอในห้องพากันหัวเราะออกมา

หากมีเฉินใหญ่เฉินน้อยอยู่ ห้องพักหมอแห่งนี้คล้ายจะไม่เคยขาดแคลนเสียงหัวเราะเลยสักครั้ง

เหล่าเฉินมีผู้ป่วยค่อนข้างมาก ซึ่งรวมถึงคนไข้ของหวังหย่งด้วย ดังนั้นจึงใช้เวลาในการตรวจเยี่ยมพักใหญ่

ตอนเช้ามีผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณมือมาใหม่คนหนึ่ง อันเยี่ยนจวินจึงคิดจะพาเจียงเทาที่เพิ่งมาใหม่ไปผ่าตัดก่อนแล้วค่อยกลับมาราวด์วอร์ด ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงตรงไปที่ห้องผ่าตัดด้วยกัน

ระหว่างทางเจียงเทาถามเรื่องเฉินชางไม่หยุด อันเยี่ยนจวินไม่ค่อยชอบพูดอะไรนัก แต่ก็ยังตอบกลับไปเป็นบางครั้ง

คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่มักจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อเห็นคนอื่นเก่งๆ ก็มักจะเกิดความคิดโอหังในใจ คิดเปรียบเทียบไม่มากก็น้อย นี่คือเรื่องปกติ ทุกคนต่างก็มีใจอยากแข่งขันอยากเอาชนะกันทั้งนั้น

ยิ่งเป็นคนที่เพิ่งเรียนจบปริญญาเอกเช่นเจียงเทาก็ยิ่งเลือดร้อน ยิ่งทุ่มเทให้กับตำแหน่งหน้าที่การงานมากกว่าคนอื่น!

อันเยี่ยนจวินไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องเลวร้ายอะไร คนหนุ่มสาวก็มีนิสัยเช่นคนหนุ่มสาว อีกอย่าง บางครั้งการเปรียบเทียบและการแข่งขันอย่างสมเหตุสมผลก็ช่วยให้คนเราก้าวหน้าได้เช่นกัน

แต่ว่า…อันเยี่ยนจวินเห็นท่าทางของเจียงเทาแล้วก็อยากเตือนสักประโยคจริงๆ

คุณเทียบกับคนอื่นได้ จะเทียบกับผมก็ยังได้ แต่ว่า…อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับเฉินชางเป็นอันขาด จะเลือกเป้าหมายก็ต้องเลือกให้มันเหมาะสมด้วย

ถึงอย่างไร…ระหว่างคุณกับเฉินชางไม่เรียกเปรียบเทียบหรอก แต่เรียกว่าถูกข่มเหงซะมากกว่า!

การหาคู่แข่งไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่ถ้าคุณหาคู่ต่อสู้ที่คุณไม่อาจเอาชนะได้ตลอดชีวิต ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

ทว่าเห็นเจียงเทามีท่าทางทะเยอทะยานเช่นนั้น อันเยี่ยนจวินก็อดทอดถอนใจไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย

คนหนุ่มเช่นนี้ หากตนพูดออกไปก็ไม่แน่ว่าจะเชื่อ

คิดถึงตรงนี้ อันเยี่ยนจวินก็ได้แต่ระงับคำที่อยากพูดเอาไว้ คนหนุ่มสาวเช่นนี้ หากไม่เจอดีซะบ้างจะรู้จักถ่อมตนได้อย่างไร บางทีนี่อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายก็ได้

ลองดูผมสิ อายุมากขนาดนี้แล้ว หากจะเอาไปเทียบกันจริงๆ ยังต้องเรียกผู้อำนวยการเฉินว่าอาจารย์ด้วยซ้ำ!

ถ้าคุณไม่เชื่อ…ก็ลองไปดูที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลดูสิ ศิษย์น้องของอันเยี่ยนจวินอายุมากกว่าเป็นสิบปีด้วยซ้ำ ทั้งยังเป็นรองประธานสมาคมศัลยกรรมมือของมณฑลตงหยางด้วย!

ดังนั้น! ถ่อมตนเป็นเรื่องดี ถ้ารู้จักถ่อมตนก็จะได้ประโยชน์!

ตอนแรกหัวหน้าอันก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน แต่เมื่อคิดว่าถานจงหลินหัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือแห่งโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลยังเป็นศิษย์น้องของตัวเองได้ก็รู้สึกสบายขึ้นมาก!

ถึงขั้นมีรอยยิ้มแปลกประหลาดปรากฏที่มุมปากเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน ถานจงหลินที่กำลังเตรียมผ่าตัดอยู่ที่แผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คล้ายมีคนนินทาตัวเองอยู่…

ใครกันนะ

……

……

เจียงเทาเห็นหัวหน้าอันท่าทางคล้ายมีบางอย่างอยากจะพูดแต่ก็หยุดไปพลันรู้สึกสงสัยเล็กน้อย หรือว่า…มีอะไรที่พูดไม่ได้

หรืออยากจะบอกว่า…เฉินชางคนนี้มีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งอยู่

คิดแล้วเจียงเทาก็ตัดสินใจว่า วันนี้จะหาโอกาสแสดงฝีมือตนเองให้ดีๆ

ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปจนกระทั่งถึงห้องผ่าตัด

เวลานี้เป็นช่วงเวลามีการผ่าตัดมากที่สุด วิสัญญีแพทย์เป็นรุ่นน้องของหลิวเจี้ยน เมื่อมาที่โรงพยาบาลช่วงแรกๆ ได้ติดตามเรียนรู้จากหลิวเจี้ยน ตอนนี้ทำงานเป็นวิสัญญีแพทย์ได้ด้วยตัวคนเดียวแล้ว แต่ก็จำกัดอยู่เพียงงานง่ายๆ เท่านั้น เช่นการรมยาระงับความรู้สึกเส้นประสาทส่วนปลายแขน หรือ brachial plexus ที่ต้องทำในการผ่าตัดศัลยกรรมมือคราวนี้เป็นต้น

เมื่อเห็นอันเยี่ยนจวินมาแล้ว อู๋ปัววิสัญญีแพทย์ก็ยิ้มให้ “หัวหน้าอัน หมอเฉินไม่มาเหรอครับ”

อันเยี่ยนจวินยิ้มตอบ “ครับ ช่วงนี้เสี่ยวเฉินค่อนข้างยุ่งน่ะครับ”

เมื่อทักทายเสร็จแล้วก็เตรียมเริ่มการผ่าตัด อันเยี่ยนจวินตรวจผู้ป่วย พบว่าอาการไม่สาหัสนัก เขามองเจียงเทาแล้วพูดว่า “คุณเคยผ่าตัดมาก่อนหรือเปล่าครับ”

เจียงเทาเห็นหัวหน้าอันถามเช่นนี้ก็ดวงตาเปล่งประกาย “ผ่าตัดบ่อยครับ ผมถนัดเรื่องการเย็บเส้นเอ็นครับ”

อันเยี่ยนจวินได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “คุณลองมาทำก่อน เดี๋ยวผมจะดูคุณเอง”

อันเยี่ยนจวินค่อนข้างมั่นใจว่าต่อให้เจียงเทาสร้างปัญหา แต่ด้วยทักษะของตนในตอนนี้ก็จัดการได้

เจียงเทาคิดว่าโอกาสแสดงฝีมือของตนมาถึงแล้วจึงกระตือรือร้นมาก เดินขึ้นไปเริ่มงานทันที ส่วนอันเยี่ยนจวินคอยดูอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร

พื้นฐานทักษะของเจียงเทาค่อนข้างดี เพราะตอนเรียนปริญญาโทเขาเลือกเรียนวิชาเฉพาะทางของศัลยกรรมมือทั้งหมด มีประสบการณ์ทางด้านคลินิกเกี่ยวกับศัลยกรรมมือมาหกปี ผ่าตัดเคสนี้ได้ดีทีเดียว

รู้จักปรับเปลี่ยน ผ่าตัดได้อย่างชำนาญ!

อันเยี่ยนจวินให้แปดสิบคะแนน! สายตาที่ใช้มองเจียงเทาก็อ่อนโยนขึ้นมาก ถือเป็นคนหนุ่มที่ไม่เลวเลย

การผ่าตัดใช้เวลาไม่นาน ไม่ทันไรก็จบแล้ว เจียงเทาพอใจกับผลงานตัวเองมาก

ส่วนอู๋ปัววิสัญญีแพทย์ที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มแล้วกล่าวชมว่า “ทำได้ไม่เลวเลยนะครับ”

เจียงเทายิ้ม ได้รับการยอมรับจากวิสัญญีแพทย์เช่นนี้นับเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง

ผู้ป่วยได้ยินว่าไม่เลวก็ดีใจมาก จะมีผู้ป่วยคนไหนบ้างไม่อยากให้หมอผ่าตัดของตนผ่าตัดให้ดีสักหน่อย

เจียงเทายิ้มแก้มปริ “เกรงใจเกินไปแล้วครับ ผมยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมาก”

อู๋ปัวได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “ครับ ติดตามเรียนรู้กับหัวหน้าอันให้ดี ถ้ามีโอกาสก็ไปให้หมอเฉินชี้แนะนะครับ จะต้องเก่งขึ้นมากแน่นอน! ยังไงคุณก็ยังหนุ่ม”

เจียงเทาชะงักไปทันที…

ทำไมคำพูดนี้เขาฟังแล้วถึงรู้สึกแปลกๆ ล่ะ

ตกลงว่า…มันแปลกตรงไหนกันแน่

รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง!

รายละเอียด!

ขอรายละเอียดด่วน…

บทที่ 476 ขอบคุณผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่สังหาร

เมิ่งซีรับมีดผ่าตัดมา หน้าที่ถูกส่งต่อแล้ว!

การผ่าตัดขั้นต่อไปแตกต่างจากการผ่าตัดสองอย่างก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง! ทั้งยังยากกว่ามาก

เมิ่งซีมองเฉินชาง “สร้างเส้นทางบายพาสชั่วคราวให้หลอดเลือดก่อนนะคะ”

เฉินชางพยักหน้ารับ

หากจะผ่าตัดหลอดเลือดขอด จะต้องปิดกั้นเส้นทางทั้งด้านบนและด้านล่างของหลอดเลือดบริเวณที่ขอดตีบ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ไขสันหลังและอวัยวะที่เชื่อมต่อกับหลอดเลือดเหล่านี้เกิดภาวะขาดเลือดจนเสียหาย

ปกติจะเลือกใช้วิธีลดอุณหภูมิ แต่จะเลือกใช้วิธีการสร้างเส้นทางบายพาสชั่วคราว หรือการสร้างเส้นทางไหลเวียนโลหิตที่หัวใจห้องซ้ายก็ได้

แม้ว่าวิธีการสร้างเส้นทางบายพาสชั่วคราวที่เมิ่งซีเลือกจะทำให้การผ่าตัดยากขึ้น แต่วิธีนี้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือกว่าการลดอุณหภูมิ! เพราะไม่แน่ว่าการผ่าตัดจะต้องใช้เวลานานเท่าไร หากเลือกลดอุณหภูมิก็จะมีเวลาจำกัด ถ้าใช้เวลานานเกินไปจะทำให้อวัยวะขาดเลือดจนเสียหาย เราจะไม่รู้เลยว่าเมื่อรักษาหลอดเลือดแล้ว เยื่อบุหัวใจชั้นในจะตายหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง

เมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างทรงตัวแล้ว เมิ่งซีก็เริ่มผ่าตัดจากผนังหลอดเลือดแดงเอออร์ตาที่เกิดแผลสะสมจนมีลักษณะคล้ายกับเนื้องอกนูนออกมา

เฉินชางสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน เขาคิดว่านี่อาจไม่ใช่แค่แผลที่หลอดเลือดธรรมดาแล้ว! บางทีอาจมีอย่างอื่นอยู่ด้วย

เขาใช้คีมห้ามเลือดหนีบส่วนบนและส่วนล่างของหลอดเลือดเอาไว้

เมิ่งซีเงยหน้าขึ้นกล่าวกับจิ่งหรานว่า “เอกซเรย์หลอดเลือดมาหรือยังคะ”

จิ่งหรานชะงักไปก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ได้ทำครับ”

เมิ่งซีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกลังเลขึ้นมาแล้ว

เฉินชางคิดแล้วก็พูดเตือนขึ้นว่า “อาจารย์เมิ่ง ระวังข้างหลังให้ดีนะครับ อาจมีอาการผนังหลอดเลือดโป่งพอง!”

เมิ่งซีพยักหน้า เธอคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว หากเป็นเพียงแผลที่เนื้อเยื่อธรรมดาคงไม่สาหัสถึงเพียงนี้

เมิ่งซีหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา เธอไม่ได้ตัดผนังหลอดเลือดโดยตรง แต่เลือกกรีดเปิดเพื่อตรวจสอบก่อน

เมื่อหลอดเลือดถูกกรีดเปิดแล้ว เฉินชางก็เห็นส่วนที่โป่งพองของหลอดเลือดจริงๆ แม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็มีอยู่จริง!

[หลอดเลือดแดงเอออร์ต้าโป่งพอง: มีลักษณะเป็นซีส! เลเวล 57]

ยังดี! นี่เป็นข่าวดีเพราะไม่ใช่เนื้อร้าย อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินชางมองไปที่เนื้อเยื่อส่วนล่างของบริเวณที่หลอดเลือดโป่งพองก็พบว่ามันขยายไปมากแล้ว…

นี่หมายความว่า หากตัดหลอดเลือดส่วนที่โป่งพองออกไปทั้งหมด อาจเหลือความยาวให้เย็บเชื่อมต่อกันไม่พอ!

เดิมทีหากตัดหลอดเลือดส่วนที่แคบตีบอกไปยังใช้วิธีการ anastomosis เพื่อเย็บเชื่อมผนังหลอดเลือดเข้าด้วยกันได้ แต่เมื่อมี ‘หลอดเลือดโป่งพอง’ มาเป็นแขกไม่ได้รับเชิญเช่นนี้ จึงทำให้การผ่าตัดยากขึ้นเป็นเท่าตัว

หากตัดส่วนที่โป่งพองออกไปทั้งหมด ระยะยืดของหลอดเลือดส่วนล่างจะไม่เพียงพอ เย็บหลอดเลือดสองส่วนเข้าด้วยกันไม่ได้

จะทำอย่างไรดี

ปลูกถ่ายหลอดเลือด

ใช้แผ่นปะสังเคราะห์

หรือจะทำอย่างไร

เพียงพริบตาเดียว ปัญหามากมายก็มากองอยู่ตรงหน้าทุกคน

เมิ่งซีสูดหายใจลึกพลางขมวดคิ้วมุ่น!

จะปลูกถ่ายหลอดเลือดข้างๆ ดีหรือไม่

หากปลูกถ่ายหลอดเลือดจะเกิดความเสียหายกับร่างกายส่วนบนของผู้ป่วยอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้ เพราะวิธีนี้เป็นการยืมหลอดเลือดที่ทำหน้าที่ส่งเลือดไปยังช่วงแขนมาใช้กับหลอดเลือดแดงใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้จะดีกับหลอดเลือดแดงใหญ่ แต่จะทำให้แขนเสียหาย!

ขณะที่ทุกคนไม่ทราบว่าจะสรุปผลออกมาอย่างไร เฉินชางก็ลังเลไปครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “ผมมีวิธีจะเสนอครับ”

เมิ่งซีเงยหน้ามองเฉินชางด้วยดวงตาเปล่งประกาย “วิธีอะไรคะ”

เฉินชางพูดว่า “กรีดแผลเพิ่มให้หลอดเลือดแดงอีกแผลหนึ่ง!”

ความคิดของเฉินชางทำให้เมิ่งซีจับประเด็นได้ทันที แต่รายละเอียดเป็นเช่นไร เธอก็ยังไม่แน่ใจนัก “อธิบายมาหน่อยค่ะ”

เฉินชางคิดทบทวนแล้วก็รู้สึกว่าหากอธิบายไปตอนนี้คงไม่ละเอียดพอ! ยิ่งไปกว่านั้น หากจะให้อธิบายอย่างละเอียด สู้ทำให้ดูอย่างละเอียดจะดีกว่า!

คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็พูดกับเมิ่งซีว่า “อาจารย์เมิ่ง ส่งมีดมาให้ผมเถอะครับ!”

เมิ่งซีชะงักไป เธอนิ่งไปเล็กน้อยจากนั้นจึงส่งมีดผ่าตัดไปให้เฉินชาง

จิ่งหรานกลืนน้ำลายอึกใหญ่

เฉินชางนี่…เชี่ยวชาญอะไรบ้างนะ

จิ่งหรานรู้ว่าเขาเก่งเรื่องผ่าตัดทรวงอก แต่…ฝีมือการผ่าตัดหัวใจของเขาก็ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียวหรือ

ตอนนี้เฉินชางมองเมิ่งซีแล้วถอนใจออกมา ค่าความรู้สึกดีสามสิบแต้มกำลังจะหายไปแล้ว

เขาเพิ่งได้ค่าความรู้สึกดีเพิ่มมาห้าแต้มจากการผ่าตัดเมื่อครู่นี้ ซึ่งทำให้ค่าความรู้สึกดีของเมิ่งซีทะลุหกสิบไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะใช้คะแนนแลกทักษะผ่าตัดระดับสามได้

เฉินชางเลือกใช้คะแนนแลก [ทักษะการผ่าตัดหลอดเลือดแดงเอออร์ตาขอด] โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!

เมื่อแลกเรียบร้อยแล้ว เฉินชางก็เข้าไปฝึกฝนโดยไม่ลัง

การผ่าตัดนี้ใช้ทักษะ [การผ่าตัดหลอดเลือดแดงเอออร์ต้าขอด] อย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องใช้ร่วมกับทักษะ [หลอดเลือดแดงโป่งพอง] ด้วย ตอนนี้เฉินชางต้องใช้คะแนนอีกหนึ่งคะแนนเพื่อให้เป็นทักษะ [การผ่าตัดหลอดเลือดแดงที่เสียหาย]

สิ่งที่เฉินชางต้องทำก็คือตัดส่วนล่างของหลอดเลือดแดงโป่งพองไปตามแนวที่สายตามองเห็น และต้องตัดออกอย่างพิถีพิถันด้วย มิฉะนั้นตอนเย็บจะทำให้เกิดการตีบของหลอดเลือดแดงอยู่ดี ดังนั้นสิ่งที่เฉินชางต้องทำก็คือการตัดแผลที่หลอดเลือดและการตัดส่วนล่างของหลอดเลือดแดงที่ขอดทั้งหมดออก จากนั้นก็กรีดสร้างแผลบนผนังหลอดเลือดแดง

หากตัดแผลและส่วนที่ขอดออกไปโดยไม่กรีดผนังหลอดเลือด จะเชื่อมหลอดเลือดสองส่วนเข้าด้วยกันไม่ได้ แต่หากกรีดลงไปอีกหนึ่งแผลก็จะทำให้ส่วนตัดมีมุมที่เหมาะสมกันอย่างพอดิบพอดี!

หมายความว่าไม่จำเป็นต้องตัดปลายทั้งสองออกทั้งหมด แต่จะต้องตัดเนื้อเยื่อแผลเป็นและซีสเนื้อเยื่อพวกนั้นออกไป พอถึงขั้นตอนนี้จะยังเย็บไม่ได้ แต่เฉินชางใช้มีดผ่าตัดกำจัดส่วนที่ไม่เหมาะสมออกไปได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเย็บได้แล้ว

คิดแล้วเฉินชางก็ทำตามที่พูดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

เขาหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาเริ่มตัดส่วนซีสต์บนผนังหลอดเลือดออกอย่างพิถีพิถัน ในขณะตัดซีสต์ เฉินชางก็ตั้งใจตัดอีกส่วนหนึ่งเพิ่มเติม จากนั้นก็จัดการเนื้อเยื่อที่เป็นแผลต่อไป ซึ่งตรงนี้จะต้องตัดผนังหลอดเลือดออกกลุ่มหนึ่งด้วย!

……

การผ่าตัดดำเนินไปตามขั้นตอน! เมื่อเฉินชางตัดเนื้อเยื่อทั้งหมดแล้ว ปลายหน้าตัดทั้งสองข้างก็กลายเป็นหน้าตัดที่ไม่เสมอกัน

เมิ่งซีมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้ามึนงง! กระทั่งจิ่งหราน เพื่อนร่วมงาน ผู้ช่วยและวิสัญญีแพทย์ที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

นี่มันบ้าอะไรกัน แล้วแบบนี้จะเย็บยังไง!

ทุกคนมองรอยตัดอันแปลกประหลาดทั้งสองรอยของเฉินชางด้วยใบหน้าคับข้องใจ

แบบนี้ตัดออกให้หมดยังจะดีซะกว่า!

ขณะนี้เอง เฉินชางก็กรีดมีดลงบนส่วนปลายของหลอดเลือดแดงรอยหนึ่ง จากนั้นก็นำปลายทั้งสองมาประกบกัน…

ทันใดนั้นเอง! ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ!

ทุกคนถึงกับสูดหายใจเย็นยะเยือก

แบบนี้ก็ได้หรือ

เมิ่งซีมองเฉินชางอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในดวงตาเต็มไปด้วยความสั่นไหว

เฉินชางไม่ใช่ศัลยแพทย์แล้ว นี่มันนักมายากลชัดๆ!

รอยตัดของหลอดเลือดที่เละเทะเมื่อครู่นี้ประกบกันได้อย่างแนบสนิทพอดี!

ถ้าไม่ใช่นักมายากลแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก ศัลยแพทย์มาไกลขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน

เฉินชางใช้งานปลายตัดที่ไม่สม่ำเสมอกันได้อย่างพิถีพิถัน ทำให้หลอดเลือดใกล้เคียงรอดพ้นจากความเสียหายไปได้!

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องปลูกถ่ายหลอดเลือดแล้ว เจ้าหลอดเลือดถึงกับผ่อนลมหายใจแล้วคิดว่า: ตกใจแทบแย่ เกือบโดนตัดแล้วไหมล่ะ…ขอบคุณผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่สังหารผม!

บทที่ 469 ใครเป็นคนคุมเรื่องเงิน

จู่ๆ ฉินเสี้ยวหยวนก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าของเฉินชางคล้ายๆ เสื้อที่ตนมี!

ตอนนั้นเขาไปเที่ยวห้างกับภรรยาและลูกสาว เพียงเห็นเสื้อตัวนั้นเขาก็ถูกใจจนต้องซื้อมา เมื่อเขาเห็นมันอยู่บนตัวเฉินชางก็คิดขึ้นมาว่า คนเก่งก็ต้องชอบอะไรเหมือนกันนี่แหละ!

นี่เรียกว่า…คนมีความสามารถ ย่อมมีรสนิยมใกล้เคียงกัน!

เขายิ้มมองเฉินชางจนตาหยี “เสี่ยวเฉิน นี่คือนักข่าวจากหนังสือพิมพ์อันหยางฉบับเย็น ส่วนนี่พนักงานจากสถานีโทรทัศน์…”

การสัมภาษณ์ใช้เวลาไม่นาน หลักๆ จะให้เฉินชางพูดถึงความคิดและความรู้สึกในตอนนั้น ส่วนเรื่องความอันตรายของเหตุการณ์ พวกเขาได้รับรายงานมาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว ดังนั้นเป้าหมายของการสัมภาษณ์ในวันนี้จึงอยู่ที่โรงพยาบาลอันดับสอง เฉินชางและหมอระดับสูง

ดูแล้วข้าวที่เลี้ยงไปเมื่อหลายวันก่อนไม่ได้เสียเปล่าจริงๆ

เดิมทีนี่เป็นการสัมภาษณ์เฉินชาง แต่ผลปรากฏว่า…เฉินชางนั่งได้ไม่ทันไร เลขาถานที่นั่งอยู่ด้วยกันก็เริ่มประชาสัมพันธ์เรื่องจรรยาบรรณแพทย์และการพัฒนาตัวเองแล้ว

นี่ทำให้เฉินชางรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง…

ก่อนเฉินชางออกไป ฉินเสี้ยวหยวนจงใจเดินออกมาส่ง เขามองเฉินชางแล้วกล่าวด้วยท่าทางสนอกสนใจว่า “เสื้อตัวนี้ไม่เลวเลย! ดูมีรสนิยมมาก!”

เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วนแล้วตอบว่า “ขอบคุณครับผู้อำนวยการฉิน…เสื้อตัวนี้เยว่เยว่ให้ผมมาครับ”

เหล่าฉินได้ยินดังนั้นก็มีความสุขขึ้นมาทันที “อ้อ! เยว่เยว่ให้มาหรือ มิน่าล่ะ…!”

เหล่าฉินยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ก็รู้สึกใจเต้นตึกตัก ใบหน้ากลายเป็นบูดบึ้งราวกับคนท้องผูก รีบพูดว่า “อืม งั้นก็ใส่ให้ดีล่ะๆ ! รีบกลับไปทำงานเถอะ…”

เฉินชางเห็นสีหน้าของเหล่าฉินเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนี้ก็ชะงักไป ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก…สุดท้ายจึงส่ายหน้าแล้วเดินจากไป

พวกคนใหญ่คนโตเหล่านี้อารมณ์แปรปรวนกันจริง!

ฉินเสี้ยวหยวนจ้องมองแผ่นหลังของเฉินชาง คิดเชื่อมโยงไปถึงคำพูดเมื่อครู่นี้ของอีกฝ่าย ในใจไหววูบขึ้นมาระรอกหนึ่ง อย่างไรฉินเยว่ก็เป็นคนให้…เหล่าฉินจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังเสียหน่อย!

ฉินเสี้ยวหยวนเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตมาบ้างแล้ว ถึงอย่างไรฝ้ายบุในเสื้อก็ถูกเฉินชางดึงออกจนหมดแล้ว! แถมยังขาดไปไม่น้อย มีรูด้วย!

สายลมที่พัดเข้ามาเปรียบเสมือนมีด ไม่ใช่แค่หนาวเหน็บ แต่ยังทำให้รู้สึกราวกับถูกกรีดเนื้อด้วย!

เมื่อคิดถึงเรื่องที่ไปดูบ้านช่วงก่อนหน้านี้ เหล่าฉินพลันคิดว่า จะเก็บลูกสาวไว้ไม่ได้แล้ว ต้องรีบรวบรัดเอาเธอออกไปเสียแล้ว! ทว่าเรื่องด่วนที่สุดสำหรับตอนนี้ก็คือ รีบกลับไปดูเสื้อผ้าในตู้ตัวเองว่ายังเหลืออยู่กี่ตัว…

คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนก็ทอดถอนใจออกมาแล้วเดินกลับไปที่ห้องประชุม

การสัมภาษณ์ไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่นัก เขามองเหล่านักข่าวและพวกถานลี่กั๋ว พูดยิ้มๆ ว่า “เอ่อ…ผมมีธุระ ต้องขอตัวไปก่อนนะครับ เลขาถาน ฝากดูแลด้วยนะครับ”

ถานลี่กั๋วแปลกใจเล็กน้อย โอกาสที่จะได้ออกหน้าเช่นนี้…จะให้กันง่ายๆ เลยหรือ

นี่มันไม่สมเหตุสมผล! ทำให้ถานลี่กั๋วสงสัยยิ่งขึ้นไปอีก

วันนี้ผู้อำนวยการฉินเป็นอะไรไป ปกติชอบแข่งขันกับฉันไม่ใช่หรือไง อยู่ดีๆ ก็มอบโอกาสออกทีวีให้ฉัน นี่เขาให้สิ่งที่ต้องการมาเองเลยนะ

หรือว่า…จะมีอะไรแอบแฝง

คิดแล้วถานลี่กั๋วก็รู้สึกกระวนกระวายใจ

ไม่ได้แล้ว กลับไปจะต้องพิจารณาให้ดี จะปล่อยให้ตัวเองติดกับตาแก่นั่นไม่ได้!

ถานลี่กั๋วจำเป็นต้องระมัดระวังให้มาก เพราะว่า…เขาเสียเปรียบฉินเสี้ยวหยวนไปหลายครั้งแล้ว ว่ากันว่าจิตใจของอายุรแพทย์นั้นแข็งแกร่งและทนต่อโรคภัยต่างๆ ได้มากมายราวกับบริโภคหัวใจพิสุทธิ์เจ็ดห้องเข้าไป!!

ยังไงก็…ต้องระวังให้ดี!

เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เหล่าฉินกำลังหดหู่ เมื่อออกไปแล้วก็ได้แต่มองผ่านกระจกใสไปยังตึกอันยิ่งใหญ่งดงามของโรงพยาบาลอันดับสองหลายแห่ง ความคิดมากมายผสมปนเปกันไป…

นี่คือโลกที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก จะยอมแพ้ได้หรือ

เหล่าฉินคิดถึงสเวตเตอร์ที่เฉินชางสวมใส่ อดถอนใจไม่ได้…

เฮ้อ…

……

……

เมื่อกลับมาที่ห้องพักหมอ หลายคนมองเฉินชางแล้วก็พากันเข้ามาทักทาย จะให้เขาเลี้ยงข้าวให้ได้ ไม่เหลือช่องว่างให้เฉินชางปฏิเสธเลย

ฉินเยว่ถลึงตาใส่เฉินชาง แฝงความหมายว่า ระวังตัวไว้เถอะ เรื่องที่ใครจะเป็นคนคุมเงินยังไม่ได้ตกลงกันนะคะ!

เฉินชางถูกมองเช่นนี้ก็ได้สติขึ้นมาทันที!

แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง คนแซ่เฉินอย่างเขาเป็นคนประเภทกลัวเมียด้วยหรือ

แน่นอนว่าไม่ใช่!

ภายในห้องคึกคักมาก ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ หรือจะเพื่ออวยพรแก่เขาก็ควรเฉลิมฉลองกันสักครั้ง เฉินชางตบขาฉาดใหญ่ นัดกินข้าวกับทุกคนมื้อหนึ่ง

เสียงเอะอะเช่นนี้ทำให้บรรยากาศในห้องครึกครื้นขึ้นมาในชั่วพริบตา

ตอนนี้ในห้องมีแต่คนหนุ่มสาว ส่วนคนรุ่นเฉินปิ่งเซิงมีผ่าตัด หนุ่มๆ สาวๆ จึงเฮฮากันได้

หวังข่ายอันมองดูบรรยากาศที่นี่ จู่ๆ ก็ยิ้มออกมาด้วยความอิจฉา เขาเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่ง มิฉะนั้นคงเข้ากับเพื่อนๆ ที่โรงพยาบาลตงต้าสาขาสองได้นานแล้ว

แผนกฉุกเฉินแห่งนี้บรรยากาศไม่เลวจริงๆ

ฉินเยว่เองก็แค่ล้อเล่น เลี้ยงข้าวมื้อหนึ่งจะใช้เงินเท่าไหร่กันเชียว

ทว่าเมื่อเห็นท่าทางของเฉินชางก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา!

ไม่ได้แล้ว! ต้องคิดหาโอกาสและเหตุผลดีๆ ซะแล้ว หากไม่มีเหตุผลก็ต้องแถให้ได้ ต้องคิดให้ดีว่าจะจัดการเขายังไง

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉินเยว่ก็เริ่มใช้ความคิด

หลัวโจวเดินเข้ามานั่งลงข้างเฉินชาง “สุดยอดไปเลยชางเอ๋อร์ เขียนวิทยานิพนธ์ดีๆ ได้ตั้งสองเล่มแน่ะ เก่งสุดๆ”

เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน “แค่โชคดีน่ะ โชคดี มีคนช่วยติดต่อให้ ไม่งั้นคงไม่ง่ายขนาดนี้หรอก”

เฉินชางพูดจบก็ยิ้มออกมา “ช่วงนี้ฉันยุ่งจนไม่ได้สนใจเรื่องสัมภาษณ์ของนายเลย แต่ได้เข้ามาก็ดีแล้ว”

หลัวโจวพยักหน้ายิ้มๆ “อืม อย่างน้อยก็มั่นคงขึ้นกว่าเดิม แล้วโรงพยาบาลก็ให้สวัสดิการพวกเราไม่น้อยเลย บอกว่ารายได้เท่าเทียมกัน อีกสามปีก็จะเพิ่มกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ด้วย อย่างอื่นก็แตกต่างกันไม่มาก”

เฉินชางตอบอืมไปคำหนึ่ง “อืม ฉันก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ดูเหมือนตอนนี้จะยกเลิกการบรรจุแล้ว อีกอย่าง งานอย่างพวกเรา เรื่องการบรรจุก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี ถ้านายมีความสามารถจะไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับทักษะความสามารถ”

พูดถึงตรงนี้เฉินชางก็มองหลัวโจวแล้วกล่าวต่อไป “นายติดตามอาจารย์เฉินปิ่งเซิงก็ได้ ตอนนั้นฉันก็ติดตามเขาเหมือนกัน เขาเป็นคนดีทีเดียว แล้วก็เป็นหมอศัลยกรรมทั่วไปเหมือนนายด้วย คงคุยถูกคอกับนาย”

หลัวโจวพยักหน้า ยังไม่ทันพูดอะไร พยาบาลคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาแล้วมองไปรอบๆ สุดท้ายก็หยุดมองที่เฉินชาง “หมอเสี่ยวเฉิน มีผู้ป่วยหมดสติมาที่แผนกค่ะ!”

เฉินชางชะงักไป เขารีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไปด้านนอกทันที สวีตงตงที่อ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ก็เดินออกจากห้องตามไปด้วย

วันนี้ไม่ใช่เวรของเฉินชาง แต่พยาบาลน้อยในแผนกฉุกเฉินค่อนข้างเชื่อมั่นในฝีมือเฉินชาง ดังนั้นตอนที่หมออาวุโสไม่อยู่ พวกเขาจะมาหาคนที่ท่าทางพึ่งได้ที่สุด

ตอนนี้เรียกได้ว่าเฉินชางเป็นสะพานเชื่อมระหว่างหมอรุ่นใหม่และหมออาวุโสแล้ว เขามีฝีมือสูงกว่าหมอหนุ่มสาว แต่ประสบการณ์ยังด้อยกว่าหมออาวุโส

หากกล่าวว่าการรักษาและการกู้ชีพทุกครั้งของแผนกฉุกเฉินคือการสอบ เช่นนั้นกระดาษคำตอบของเฉินชางก็ได้คะแนนค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเขา

หวังข่ายอันและเจียงเทาเห็นดังนั้นก็มองเฉินชางด้วยความสงสัย พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาลมาระยะหนึ่งแล้วย่อมเข้าใจเหตุผลเป็นอย่างดี

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท