บทที่ 493 แกมันชาติหมา!
มณฑลตงหยางเป็นมณฑลที่สภาพอากาศแบ่งเป็นสี่ฤดูกาลชัดเจน อุณหภูมิในฤดูหนาวต่ำมาก
ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะเปลี่ยนเป็นฤดูหนาว เลยกลางเดือนพฤศจิกายนไปแล้ว เป็นเวลาที่โครงการก่อสร้างทยอยกันหยุดงาน
แต่ช่วงนี้จูเซวียนเหวินค่อนข้างงานยุ่ง ถึงอย่างไรก็เป็นเวลาปลายปีแล้ว ถึงเวลาคำนวณเงินทุนและเบิกเงินคืน ไม่อย่างนั้นถ้าติดหนี้ค่าวัสดุตอนปลายปี เขาก็คงสำรองจ่ายเองไม่ไหว
ช่วงนี้จูเซวียนเหวินเดินทางบ่อยมาก เพื่อรีบตรวจสอบโครงการก่อสร้างและนำเงินมาไว้ในมือ จะได้พาภรรยาและลูกไปฉลองปีใหม่ที่เมืองซานย่าได้อย่างราบรื่น
เดิมทีขั้นตอนก็เหมือนกับปีที่ผ่านมา ปีนี้แค่ทำเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง!
แต่ตอนที่ตรวจสอบ ก็พบว่าปีนี้เจอปัญหามากมายเกินไป!
“หัวหน้าจู โครงการเหอซีของพวกเราไม่ผ่านมาตรฐานครับ อีกฝ่ายไม่ให้ผ่านการตรวจสอบ!” ผู้จัดการโครงการเหอซีโทรศัพท์มาแจ้งข่าว
จูเซวียนเหวินขมวดคิ้ว “เอาละ ผมรู้แล้ว”
พอวางโทรศัพท์ จูเซวียนเหวินก็ครุ่นคิดว่าตัวเองทำพลาดจนเกิดปัญหาในขั้นตอนไหน
พอนึกถึงตรงนี้ ก็มีสายเข้าอีกแล้ว!
“หัวหน้าจู โครงการที่พวกเราจะร่วมมือกับจงเถี่ย อีกฝ่ายไม่อยากร่วมงานกับเราแล้วครับ ทั้งยังขอให้พวกเรารีบดำเนินการตามมาตรฐาน ตอนนี้…ทุกอย่างไม่ผ่านมาตรฐาน ปีหน้าให้พวกเราทำงานใหม่อีก!”
“หัวหน้าจู พวกเรา…”
ตอนรับโทรศัพท์สายแรก จูเซวียนเหวินก็สงสัยว่าตัวเองทำงานมีปัญหาตรงไหน ทำพลาดตรงไหนไป!
แต่พอมีโทรศัพท์โทรมาสายที่สองที่สามติดต่อกัน จูเซวียนเหวินก็เหงื่อกาฬแตกพลั่กแล้ว!
มีหรือที่เขาจะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองคงไปก่อเรื่องอะไรไว้
แต่ว่า…พอคิดไปคิดมา จูเซวียนเหวินก็ยังสับสนอยู่ดี
นี่ฉันไปหาเรื่องท่านเทพที่ไหนมา
เขายิ่งคิดยิ่งกลัว!
คนที่ทำให้งานของตนไม่ผ่านการตรวจสอบทั้งหมดได้…ต้องเป็นใครกัน
ใครกันที่มีความสามารถมากขนาดนั้น
พอคิดถึงตรงนี้ จูเซวียนเหวินก็เหงื่อแตกไม่หยุด!
เขาไม่ใช่คนโง่ ยอมรู้ว่าไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นโดยไร้ที่มาที่ไป
จูเซวียนเหวินพยายามทำให้ตัวเองใจเย็น แต่จะใจเย็นไหวได้อย่างไร
สำรองจ่ายเงินล่วงหน้าไปเยอะขนาดนี้ ทั้งยังมีคนรอทวงหนี้เป็นโขยง ถ้าเบื้องบนไม่ให้ผ่านการตรวจสอบและไม่จ่ายเงินให้ ต่อให้ตัวเองโดนฆ่า หรือโดนขาย ก็แก้ไขปัญหาพวกนี้ไม่ได้อยู่ดี!
ตอนนี้เอง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพ่อตาแล้ว
“คุณพ่อครับ…ผมเจอปัญหาแล้ว!” จูเซวียนเหวินบอกทันทีที่โทรติด!
อีกฝ่ายชะงักนิดหน่อย “มาคุยกันหน่อย”
หลังจากวางโทรศัพท์ จูเซวียนเหวินก็รีบยืนขึ้นแล้วขับรถไปที่เขตพักอาศัยเดิม
พอเข้าประตูบ้านมา จูเซวียนเหวินก็แทบจะคุกเข่าขอร้อง
“คุณพ่อครับ! ต้องช่วยผมด้วยนะครับ!”
“ผมเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้ว!”
เมื่อเห็นจูเซวียนเหวินทำตัวไม่ได้เรื่องแบบนี้ ชายชราก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วส่ายหน้าอย่างจนใจ “นั่งลง ค่อยๆ คุยกัน”
ตอนนี้จูเซวียนเหวินถึงได้เล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ฟัง
เมื่อเห็นคนที่โตป่านนี้พูดจาด้วยเสียงสะอื้น ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ออกมา ชายชราก็ค่อนข้างดูถูกพฤติกรรมนี้!
แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นลูกเขยของตัวเอง
หลังจากฟังจบ ชายชราก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา ลังเลอยู่ครู่เดียวก่อนจะโทรหาอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง
อีกฝ่ายเคารพชายชราผู้นี้มาก หลังจากโทรติดแล้วก็กล่าวทักทายว่า “สวัสดีครับหัวหน้า”
ชายชราขานรับแล้วบอกว่า “เสี่ยวอู๋ ผมวานให้คุณไปสืบเรื่องบางอย่างให้หน่อย วันนี้ที่มณฑลมีข่าวพิเศษอะไรหรือเปล่า”
คำพูดนี้อ้อมค้อมมาก แต่หลังจากอีกฝ่ายได้ฟังแล้วก็เงียบไปพักหนึ่ง
จากนั้นก็ตอบว่า “หัวหน้าครับ ผมบอกความจริงกับท่านแล้วกัน คราวหลังบอกให้ลูกเขยของท่านเอาการเอางานหน่อย ทำตัวสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเอาแต่ก่อเรื่องทั้งวัน แล้วก็มีอีกเรื่องครับ ทางที่ดีรีบจัดการโครงการของบริษัทจื้อต๋าคอนสตรัคชั่นให้เสร็จเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นเบื้องบนจะไม่ให้เงินสักหยวน อย่าให้เขาอวดฉลาดเพราะความโลภ หลังจากนี้ให้เขายุบบริษัทเถอะครับ หรือไม่ก็ออกไปดูข้างนอกบ้าง สรุปสั้นๆ ก็คือ อย่าอยู่ที่ตงหยางเลยครับ”
เขาอธิบายได้ชัดเจนมากแล้ว!
ชายชราฟังอย่างสงบเยือกเย็น ชีวิตนี้ผ่านอุปสรรคขึ้นลงมามากมาย มีเรื่องไหนบ้างที่มองไม่ขาด
ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ถือว่าค่อนข้างรู้ใจเขา เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ เขาก็พยักหน้าแล้วไม่ได้ถามรายละเอียดอีก
“อืม เข้าใจแล้ว ขอบใจมากเสี่ยวอู๋”
พอวางโทรศัพท์ ชายชราก็มองจูเซวียนเหวินที่กำลังเสียขวัญ พร้อมกล่าวเนิบๆ ว่า “ได้ยินหมดแล้วใช่ไหม”
จูเซวียนเหวินจะไม่ได้ยินได้อย่างไร
เขาได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบ!
แต่ก็เพราะอย่างนี้เอง เขาถึงได้ขวัญเสียขนาดนี้
ตอนนี้พ่อตากลายเป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายของเขาแล้ว!
พอนึกถึงตรงนี้ จูเซวียนเหวินก็รีบบอกว่า “คุณพ่อครับ ต้องช่วยผมนะครับ ผม…ตอนนี้ผม…”
“ช่วงนี้แกไปหาเรื่องใครไว้” ชายชราถามตัดบทเขา
จูเซวียนเหวินอึ้งทันที!
คนที่เขาหาเรื่องมีน้อยเสียที่ไหน
ใครจะไปจำได้หมด!
ช่วงนี้…
ช่วงนี้มีสิบเจ็ดสิบแปดคนแล้วมั้ง…
“ผมไม่แน่ใจว่าใครครับ!”
ชายชรามองลูกเขยอย่างจนใจ ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วบอกว่า “แกเล่ามา เดี๋ยวฉันจะวิเคราะห์ให้”
จูเซวียนเหวินพยักหน้า “มีหัวหน้าแผนกสาธารณูปโภคของเฉิงซี อายุประมาณห้าสิบกว่า เขา…”
“ผู้จัดการคนหนึ่งของเฉิงไท่กรุ๊ป…”
“เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสำนักสันติบาล…”
“ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของธนาคารพาณิชย์อุตสาหกรรมแห่งประเทศจีน…”
……
จูเซวียนเหวินพูดไปพูดมา ชายชราก็รู้สึกปวดหัวใจอยู่พักหนึ่ง อดเอามือกุมตรงหัวใจไม่ได้ สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรไป!
ไอ้เจ้าชาติสุนัขที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย ช่วงนี้ไปหาเรื่องคนไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ
ตอนแรกฉันคงตาบอดไป
ขณะที่เห็นจูเซวียนเหวินกำลังจะบ่นยาวเหยียดเหมือนป้ากวาดถนน ชายชราก็ตัดบทเขา!
“เน้นหนักที่ประเด็นสำคัญ!”
จูเซวียนเหวินคิดไปคิดมา เน้นหนัก…หนักเท่าไร สองร้อยชั่งเหรอ จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ถึงคนคนหนึ่ง!
เขารีบตอบว่า “อ๋อ! มีผู้อำนวยการโรงพยาบาลอันดับสองคนหนึ่ง ชื่อฉินเสี้ยวยวน วันนั้นมือผมบาดเจ็บเลยไปทำแผลที่นั่น ผลปรากฏว่า…โดนด่าแล้ว”
“ตอนหลังผมก็เลยสั่งให้คนหลายคนไปใส่ร้ายเขาที่สำนักสุขภาพ”
พอพูดมาถึงตอนนี้ ก็สีหน้าเปลี่ยนทันที!
“แกไม่เป็นอะไรแล้วจะไปก่อเรื่องซี้ซั้วที่โรงพยาบาลทำไม!”
“ยังไปหาเรื่องผู้อำนวยการโรงพยาบาลซ้ำอีกเหรอ รู้หรือเปล่าว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนหนึ่งมีคอนเนคชั่นกับแวดวงสังคมกว้างขนาดไหน สถานที่ที่อีกฝ่ายบริหารมาทั้งชีวิต แกเอาอะไรไปทำตัวอันธพาลที่นั่น! ทำไมแกไม่ไปทำตัวอันธพาลที่สถานีตำรวจล่ะ”
ชายชรายิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์ขึ้น!
ลูกเขยที่ไม่เป็นโล้เป็นพายคนนี้ช่างอวดดีจริง ไปเกเรที่ไหนก็ไม่ไป ดันไปที่โรงพยาบาล!
ทั้งยังเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอีก!
แม่งเอ๊ย น่าโมโหจริงๆ
พอนึกถึงตรงนี้ ชายชราก็ไม่อยากพูดอะไรกับเขาอีกแล้วจริงๆ
“รีบไปขอโทษ!”
จูเซวียนเหวินอึ้งไปชั่วขณะ “คุณพ่อ ไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ”
ชายชราหัวเราะหึหึแล้วบอกว่า “ไม่ถึงขั้นนั้นเหรอ ฉันจะบอกแกให้นะ มีความเป็นไปได้สูงว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือผู้อำนวยการโรงพยาบาล ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ”
พอจูเซวียนเหวินได้ยินก็รีบลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป
ตอนนี้เอง โทรศัพท์ของชายชรามีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
พอเปิดวีแชทดูก็พบว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนเมื่อครู่นี้ส่งคลิปวิดีโอมา
ชายชราแปลกใจ จึงเริ่มเปิดดูคลิปวิดีโอทันที
นี่ก็คือคลิปที่จูเซวียนเหวินอวดเบ่งบารมี!
หลังจากดูจบ ชายชราก็โมโหจนแทบเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง!
ให้มันได้อย่างนี้!
ดี!
สุดยอดไปเลย!
ตอนนี้อีกฝ่ายโทรเข้ามาแล้ว “หัวหน้าครับ ตอนนี้หัวหน้าคนปัจจุบันเห็นคลิปนี้แล้ว”
หลังจากชายชราได้ยินก็โมโหจนตัวสั่น แล้วพูดกับจูเซวียนเหวินว่า “ไสหัวไป! แกไสหัวออกไปจากบ้านฉัน! ไม่ต้องเข้ามาที่บ้านฉันอีก!”
จูเซวียนเหวินอึ้งทันที ตอนนี้เขาจะออกไปได้หรือ
ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะนอกจากพ่อตาแล้ว ยังจะมีใครช่วยเขาได้อีก
ถ้าไม่ช่วยเขาก็ต้องนึกถึงลูกสาวตัวเองบ้างสิ!
จูเซวียนเหวินรีบบอกว่า “คุณพ่อครับ ใจเย็นก่อนครับ อย่าวู่วาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโมโห พวกเราคิดหาวิธีกันเถอะ!”
ขณะที่ชายชรามองเจ้าคนหน้าด้านคนนี้ ก็รู้สึกโมโหจนหน้ามืด “ไสหัวออกไป!”
จูเซวียนเหวินถอนหายใจ ไม่ถือสาเช่นกัน เขานั่งลงบนโซฟา แล้วคิดว่าจะทำอย่างไรดี
ชายชราสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตอนนี้เขาจนใจอย่างที่สุด เป็นเพราะตัวเองแท้ๆ!
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ฉันให้ท้ายเขามากเกินไป
บทที่ 488 ตั้งแต่โบราณ วีรบุรุษล้วนมาจากคนหนุ่มสาว
ทักษะการจัดกระดูกที่รวดเร็วและสม่ำเสมอของเฉินชางทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นราวกับมีแสงสว่างปรากฏตรงหน้า!
ทุกคนล้วนเคยผ่าตัดเชื่อมต่อนิ้วและจัดกระดูกมือให้เข้าที่มาก่อน ต่างก็รู้ถึงลักษณะพิเศษของข้อต่อและกระดูก
แต่ก็เพราะรู้ถึงลักษณะพิเศษของมัน พวกเขาถึงได้ยิ่งแปลกใจว่าเฉินชางทำได้อย่างไรกันแน่!
ทุกคนไม่คิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญแน่นอน!
คนที่ใช้ชีวิตมาถึงวัยอย่างพวกเขา ถ้าจะให้เชื่อความบังเอิญ ไม่สู้เชื่อในศักยภาพดีกว่า แบบนั้นสอดคล้องกับความจริงมากกว่า
เมื่อครู่เฉินชางดูเหมือนเชื่อมต่อมือตามอำเภอใจ แต่ที่จริงทักษะของเขาล้วนมีจุดที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย
ฮั่วกว๋อชิ่งเริ่มจากตกตะลึงก่อน จากนั้นก็สังเกตอย่างถี่ถ้วน
เขาย่อมไม่คิดว่าเฉินชางทำซี้ซั้ว ต่อให้เป็นผู้ป่วยทั่วไป เฉินชางก็ไม่ทำส่งเดชอยู่ดี!
จะต้องมีกุญแจสำคัญที่ซ่อนอยู่ในนั้นแน่นอน
พอนึกถึงตรงนี้ ฮั่วกว๋อชิ่งก็ตระหนักได้ว่าสองมือของเฉินชางกำลังปรับรายละเอียดไม่หยุด ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับแฝงไปด้วยความซับซ้อน ที่จริงแล้วนี่ก็คือกุญแจสำคัญเช่นกัน
ตาของเฉินชางกำลังจ้องส่วนปลายของกระดูก ขณะที่มือคอยปรับตำแหน่งไปเรื่อยๆ ตามความรู้สึก จากนั้นออกแรงมือเล็กน้อย จัดการกับรายละเอียดต่อไป
หลังจากเฉินชางรู้สึกว่าพอใจแล้ว ก็รีบสั่งให้ถานจงหลินเตรียมใช้สกรูยึดกระดูก!
ฮั่วกว๋อชิ่งรู้สึกว่าทักษะของเฉินชางค่อนข้างคุ้นตา การปรับทิศทางกระดูกผ่านนิ้วที่เคลื่อนไหวขึ้นลงเหมือนลูกคลื่น ออกแรงทั้งสองด้าน…
ฮั่วกว๋อชิ่งเริ่มขมวดคิ้ว!
เขารับประกันได้เลยว่าเคยเห็นทักษะแบบนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนกันแน่
ผ่านไปไม่นาน ถานจงหลินก็สอดสกรูเข้าไปในนั้น แล้วใช้เข็มสแตนเลสเย็บไขว้ให้คงที่!
ตอนนี้เฉินชางมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ผ่านไปอีกสี่สิบนาทีแล้ว!
นับเวลาหลังจากมือขาด ตอนนี้ผ่านไปสามชั่วโมงสี่สิบนาทีแล้ว
สิ่งนี้หมายความว่าเซลล์เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อเริ่มเสียหายเพราะขาดเลือดและอ็อกซิเจน ถ้าต่อเส้นเลือดไม่ทันเวลา ก็จะเกิดความเสียหายบางอย่างที่กู้คืนไม่ได้แน่นอน
แน่นอน มีบางเคสที่ผ่านไปยี่สิบกว่าชั่วโมงแล้วยังเชื่อมต่ออวัยวะสำเร็จ อวัยวะขาดยังใช้งานได้มีประสิทธิภาพดีมาก
แต่แบบนี้ต่างอะไรกับการสร้างกระแสกับการโฆษณา
บางเคสที่ว่าก็ไม่อาจแสดงถึงข้อมูลภาพรวมได้
ในทางการแพทย์ คุณจะนำแค่บางเคสมาอ้างอิงไม่ได้
พูดให้ชัดๆ ก็คือ อย่าคิดว่าตัวเองจะบังเอิญโชคดี!
เมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ก็ไม่มีใครเปิดบอทโกงตามอำเภอใจได้ทั้งนั้น
เฉินชางถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่ไม่สิ้นเปลืองเวลามาก ไม่ส่งผลกระทบกับการต่อเส้นเลือดในขั้นถัดไป
เฉินชางทำทุกขั้นตอนเพื่อประหยัดเวลา เพื่อรับรองผลลัพธ์ของการผ่าตัด!
ตอนที่เฉินชางหยิบ ‘กล้องจุลทรรศน์’ ขึ้นมา จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน
“หมอเฉิน…เหมือนคุณยังไม่ได้ตัดย่อกระดูกนะครับ!”
เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าแผนกที่อยู่รอบๆ ลอบอุทานในใจว่า แย่แล้ว
นี่ไม่ใช่เรื่องดีสักนิด!
ฮั่วกว๋อชิ่งตระหนักได้ทันทีว่าเฉินชางเหมือนจะยังไม่ได้ตัดย่อกระดูกจริงๆ!
การตัดย่อกระดูกคืออะไร
เพราะตอนแรกที่ผ่าตัดนำเนื้อตายและสิ่งแปลกปลอมออก แพทย์จะทำความสะอาดเนื้อเยื่ออ่อนที่ตายแล้วตรงปลายกระดูก เช่นตัดเล็ม ตัดทิ้งเป็นต้น…
รวมถึงเนื้อเยื่อตรงเส้นประสาทและเส้นเลือดด้วย
พอเป็นแบบนี้ หลังจากผ่าตัดนำเนื้อตายและสิ่งแปลกปลอมออกแล้ว ก็จะส่งผลกระทบกับความยาวของเส้นเลือด เส้นประสาท เส้นเอ็นและเนื้อเยื่ออ่อนแน่นอน เนื่องจากกระดูกค่อนข้างยาว หลังจากเชื่อมต่อกระดูกแล้ว ก็จะเย็บและผ่าตัดซ่อมแซมเนื้อเยื่อตรงเส้นประสาทกับเส้นเลือดได้ยากเพราะความยาวไม่พอ
ดังนั้นจึงต้องตัดกระดูกหนึ่งครั้งก่อนที่จะเชื่อมต่อปลายกระดูก แบบนั้นจะทำให้ระดับความยาวของเส้นเลือด เส้นประสาทและเส้นเอ็นเหมาะกับการเย็บพอดี การสมานตัวของแผลจะได้ผลดียิ่งขึ้นด้วย!
แต่เห็นได้ชัดว่าเฉินชางไม่ได้ตัดย่อกระดูก!
ครั้งนี้ทุกคนเริ่มกังวลแทนเฉินชางแล้ว
แต่…ในสถานการณ์แบบนี้ การเตือนต่อหน้าคนเยอะๆ อาจจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า…ถึงอย่างไรคนไข้ก็ยังมีสติอยู่!
แม้แต่หัวหน้าแผนกที่เอ่ยเตือนยังรู้สึกผิดนิดหน่อย แต่…นี่คือคุณสมบัติพื้นฐานของแพทย์ เป็นการชี้ถึงปัญหาเมื่อถึงเวลาจำเป็น เขาไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด
เฉินชางไม่ได้ตอบอะไร แต่ ‘ศิษย์รอง’ ถานจงหลินกลับกล่าวกลั้วหัวเราะ “ตอนผ่าตัดกำจัดเนื้อตาย หมอเฉินชอบคำนวณปลายกระดูกที่หักไปพร้อมกันเลย เขาตัดย่อกระดูกไว้ล่วงหน้าตั้งแต่แรกแล้วครับ”
พอพูดจบ ถานจงหลินก็ชี้หน้าตัดปากแผล “คุณดูสิครับ ตอนนี้ความยาวของเส้นเลือดที่ต่อกำลังพอดีเลย!”
ทุกคนเริ่มเข้ามาดูใกล้ๆ อย่างละเอียด พอได้เห็นก็ตะลึงทันที!
เพราะความยาวกำลังพอดีจริงๆ!
ตอนนี้ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
ตอนที่ผ่าตัดนำเนื้อเยื่ออ่อนออก เขาทำความสะอาดผิวกระดูกไปพร้อมๆ กัน จากนั้นก็ตัดย่อกระดูกเรียบร้อย?
นี่…เหมือนจะเป็นความคิดที่ไม่เลว คราวหลังต้องทดลองสักหน่อย!
เมื่อเปรียบเทียบกับเส้นเลือดที่ข้อมือและนิ้ว เส้นเลือดที่แขนหนากว่ามาก แม้จะไม่ใช้กล้องจุลทรรศน์ผ่าตัดก็เย็บได้อยู่ดี
แต่ต่อให้สายตาดีขนาดไหน ก็ตัดสินระดับความเสียหายของเนื้อเยื่อไม่ได้เหมือนใช้กล้องจุลทรรศน์ผ่าตัด โดยเฉพาะความเสียหายภายในผนังเส้นเลือด ดังนั้นจึงใช้อุปกรณ์เพื่อให้การต่อเส้นเลือดมีความละเอียดแม่นยำ
ตอนนี้ ถานจงหลินกับอันเยี่ยนจวินที่อยู่ข้างกันวางงานในมือทันที แล้วดูเฉินชางเย็บเส้นเลือดอย่างตั้งใจ
พูดตามตรง แม้ปัจจุบันจะอยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว แต่ทั้งสองก็ศึกษาการเย็บเส้นเลือดของเฉินชางได้ไม่ถึงแก่นสักที เพราะเป็นการเย็บที่ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับซ่อนความละเอียดลึกซึ้งเอาไว้
ทุกสัปดาห์ ถานจงหลินกับอันเยี่ยนจวินจะต้องมาดูเฉินชางผ่าตัดหนึ่งครั้ง โดยเฉพาะช่วงนี้ พวกเขาพบว่าเฉินชางมีความตระหนักรู้เรื่องการเย็บเส้นเลือดลึกซึ้งขึ้นทุกวัน เหมือนเป็นหลักการที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
ฮั่วกว๋อชิ่งที่อยู่ข้างๆ กำลังดูวิธีการเย็บของเฉินชาง อืม เป็นวิธีเย็บสอดธรรมดา[1]แบบไม่ต่อเนื่อง นิยมใช้มากที่สุด วิธีเย็บแบบนี้สร้างความเสียหายต่อผนังเส้นเลือดค่อนข้างน้อย ไม่ก่อให้เกิดการตีบตันง่ายๆ แต่ก็เปลืองเวลาพอสมควร เพราะเป็นการเย็บที่มีเงื่อนไขสูงมาก!
แต่วิธีการเย็บของเฉินชางต่อจากนั้น ก็ได้ล้างกระบวนการรับรู้ที่มีต่อวิธีการเย็บแบบดั้งเดิมของฮั่วกว๋อชิ่งแล้ว!
นี่…เป็นวิธีเย็บสอดธรรมดาแบบไม่ต่อเนื่องจริงเหรอ
คุณแน่ใจนะว่าไม่ใช่การเย็บสอดธรรมดาแบบต่อเนื่อง
หมอเฉิน! คุณ…เย็บไวขนาดนี้เลยเหรอ
หัวหน้าแผนกคนเดิมก็พูดไม่ออกเช่นกัน ได้แต่หายใจถี่เล็กน้อย หมอเฉินคนนี้…ทำไวมาก!
เย็บเร็วแบบนี้จะไม่เกิดผลข้างเคียงเหรอ
จะกระทบกับการไหลเวียนเลือดหรือเปล่า
ทุกคนเริ่มกระซิบกระซาบกันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
…
เฉินชางไม่วอกแวก เย็บหลอดเลือดดำเส้นหนึ่งกับหลอดเลือดแดงเส้นหนึ่งก่อน จากนั้นจากนั้นเริ่มเย็บหลอดเลือดดำอีก แล้วสุดท้ายก็เย็บหลอดเลือดแดง
รายละเอียดเหล่านี้ทำให้บรรดาหัวหน้าแผนกพยักหน้าเล็กน้อย เป็นวิธีการที่ไม่เลวเลย การเย็บหลอดเลือดแดงก่อนเส้นหนึ่ง เป็นการช่วยชีวิตเนื้อเยื่อที่ขาดเลือดพวกนั้นได้จริงๆ
ใช้เวลาไม่นาน เฉินชางก็เย็บเรียบร้อยแล้ว!
ตอนนี้ทุกคนเริ่มเข้ามาใกล้เพื่อดูผลลัพธ์การเย็บ
สิ่งที่เห็นก็คือหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดที่เชื่อมต่อกันแล้วมีการไหลเวียนเลือดดี ผิวเริ่มกลับมามีสีปกติ การคืนกลับของเลือดในหลอดเลือดฝอย[2]…ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที!
ดูจากข้อบ่งชี้ทั้งหมด ถือว่าการเย็บเส้นเลือดของเฉินชางสำเร็จร้อยเปอร์เซนต์!
ทุกคนทยอยกันเงยหน้ามองแพทย์หนุ่มคนนี้ด้วยความทึ่ง ยอดเยี่ยมจริงๆ!
ตั้งแต่เริ่มผ่าตัดจนถึงตอนนี้ ยังใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็รักษามือไว้ได้แล้ว การต่อเส้นเลือดราบรื่นดี โดยทั่วไปถือว่าการผ่าตัดสำเร็จแล้ว
ณ ตอนนี้ ก็รับประกันได้แล้วว่ารักษามือข้างนี้เอาไว้ได้!
อีกทั้งเวลาที่ใช้ไปตั้งแต่ต้นจนจบ ก็เร็วกว่าเวลาการเย็บต่อมือขาดที่พวกเขาเคยรู้มาด้วย
หมอแต่ละคนลองถามใจตัวเองว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเองจะเย็บได้เร็วขนาดนี้หรือเปล่า
คำตอบก็คือ ทุกคนส่ายหน้าทอดถอนใจ!
ตั้งแต่โบราณ วีรบุรุษล้วนมาจากคนหนุ่มสาว!
[1] วิธีเย็บสอดธรรมดา Over and over suture (simple suture) เป็นวิธีเย็บแผลที่ใช้บ่อยที่สุด ใช้เย็บได้ทั้งผิวหนังและเนื้อเยื่อ มีทั้งแบบไม่ต่อเนื่อง interrupted และแบบต่อเนื่อง continuous
[2] เวลาคืนกลับของเลือดในหลอดเลือดฝอย Capillary Refill Time (CRT) คือการวัดการไหลเวียนของเส้นเลือดฝอย ใช้บอกว่ามีเลือดมาหมุนเวียนตามปลายอวัยวะมากน้อยแค่ไหน