บทที่ 501 ผมจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขา!
เจียงเทาวิ่งเหยาะๆ สองก้าวมาถึงตรงหน้าเฉินชาง พอขวางไว้แล้วก็จ้องเฉินชางพร้อมพูดอย่างจริงจังว่า “ผมผิดไปแล้ว!”
เฉินชางตอบยิ้มๆ “คุณดื่มเยอะไปแล้ว”
เจียงเทาตะโกนเสียงดังว่า “ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ดื่มเยอะ! ศาสตราจารย์เฉิน ผมผิดไปแล้ว ผมไม่มีความรู้ ผมหลงระเริง ผมอวดดีลำพองใจ ผม…ผมขอโทษคุณครับ”
เฉินชางอึ้งไปเลย ขณะมองเจียงเทาตะโกนเสียงดังเหมือนแทบขาดใจขนาดนี้ เขาก็งงนิดหน่อย
เขาไม่ได้ถือสาเจียงเทาเลย เขารู้สึกเฉยๆ กับเรื่องพวกนี้ ไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ
เจียงเทาจ้องเฉินชาง “ศาสตราจารย์เฉิน อาจารย์ของผมคือกู้หงเหมย!”
…ผมอยากทำงานกับคุณ ผมอยากเดินบนเส้นทางที่พวกเธอเดินไม่สุดไปพร้อมกับคุณ!…
…มีแค่คุณเท่านั้นที่จะพาพวกเราเดินไปสู่ชัยชนะได้!…
…ศาสตราจารย์เฉิน ผมอยากติดตามคุณ!”
หลังจากเจียงเทาได้ฟังเรื่องในอดีตที่ศาสตราจารย์ทังเล่า ได้ฟังการฝ่าฟันต่อสู้ของคนรุ่นเก่า ฟังชีวิตยุครุ่งเรืองของพวกเขา ชั่วขณะนั้นก็ซาบซึ้งไปกับจิตวิญญาณของคนรุ่นเก่าแล้ว!
นี่คือเส้นทางงานสาธารณสุขของประเทศจีนที่คนรุ่นก่อนยังเดินไม่สุดทาง!
พวกเขามีเงื่อนไขจำกัด ใช้เวลาเดินนานมาก บางทีวันนี้อาจจะเดินไม่ไหวแล้ว!
ส่วนพวกเรา ในฐานะหมอรุ่นใหม่ พวกเราควรจะเดินไปบนเส้นทางนี้ให้สุดทาง
แม้จะเดินได้ไม่สุดทาง แต่ก็ควรจะเดินให้ไกล!
สร้างจุดเริ่มต้นที่สูงขึ้นให้ลูกหลานในอนาคตและนักเรียนของพวกเรา
เจียงเทารู้ว่าพวกเขาเดินอยู่บนบ่าของอาจารย์พวกเขา นึกย้อนไปถึงการสนับสนุนในหลายปีมานี้ของอาจารย์ ก็คิดได้ว่าอาจารย์อายุมากขนาดนี้แล้ว แต่ทุกวันก็ยังผ่าตัด ยังทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
พอคิดว่าอาจารย์กับหัวหน้าแผนกฉางหงเหล่ยยังทดลองและวิจัยทุกวัน…
จู่ๆ ตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาต้องทำอย่างนี้!
เพราะเป็นความรับผิดชอบ!
และเพื่อถ่ายทอดด้วย
อิงตามมโนทัศน์ของคนทั่วไป เขาเป็นถึงหัวหน้าแผนกโรงพยาบาลจีสุ่ยถานเชียวนะ เป็นบุคคลที่ยืนอยู่ระดับสูงสุดแล้ว สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คือออกไปประชุม บรรยายในชั้นเรียน รับนักศึกษาทำหัวข้องานวิจัย…เดินมาถึงขั้นที่กินทุนเก่าได้แล้ว
จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้ซะที่ไหนกัน อายุห้าสิบกว่าแต่ยังเป็นแนวหน้าในการวินิจฉัยโรค
เงินไม่พอใช้เหรอ
ไปเที่ยวมัลดีฟส์ไม่ผ่อนคลายกว่าเหรอ
อุ้มหลานไม่มีความสุขกว่าเหรอ
……
แต่พอฟังศาสตราจารย์ทังพูดจบ เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที
นี่คือการสนับสนุนจากคนยุคพวกเขา เป็นของขวัญที่พวกเขามอบให้คนยุคนี้
เป็นเพราะคนกลุ่มนี้ ถึงได้มีจุดเริ่มต้นให้พวกเขา!
เจียงเทาตะโกนเสียงดังแทบขาดใจ เขาอยากจะควักหัวใจอันรุ่มร้อนของตัวเองออกมาแล้วบอกเฉินชางว่า ผม เจียงเทาก็มีอุดมการณ์นี้เหมือนกัน ผมยินดีมอบชีวิตให้อาชีพการงานที่ผมทำ!
เมื่อเห็นเจียงเทามีท่าทางแบบนี้ เฉินชางก็เงียบแล้ว
เขาก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน
เมื่อได้ฟังเรื่องราวของคนรุ่นก่อน ฟังเรื่องที่พวกเขาต่อสู้ฝ่าฟัน ฟังวันวานอันมีความหมายของพวกเขา…
เฉินชางจะไม่ซาบซึ้งได้อย่างไร
เฉินชางมองเจียงเทา “คุณอยากทำจริงเหรอครับ”
เจียงเทาอึ้งไปชั่วขณะ แล้วมองเฉินชาง “ผม…ผมทำได้เหรอครับ”
เฉินชางจ้องตาเขา แล้วย้อนถามเสียงเบาว่า “ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ”
เจียงเทามั่นใจมากขึ้นทันที เขาดึงแขนเฉินชาง “ผมจะทำให้ดีแน่นอนครับ!”
เฉินชางส่งเจียงเทากลับบ้าน
เห็นได้ชัดว่าเจียงเทาดื่มมากเกินไป พูดมากด้วย แต่ปากยังบอกว่าตัวเองไม่เมา
จากนั้นตัวเองถึงได้เดินกลับบ้าน
ระหว่างทางลมค่อนข้างเย็น แต่กลับดับไฟในใจของเฉินชางไม่ได้
ตอนที่ฟังศาสตราจารย์ทังพูด เฉินชางก็อิจฉามาก นั่นเป็นเรื่องราวของพวกเขา
บางที…
ฉันก็สร้างเรื่องราวของตัวเองได้เหมือนกัน!
บางที หลังจากนี้ไม่กี่สิบปี รอฉันแก่แล้ว ดื่มไปเยอะ ฉันก็จะอาศัยฤทธิ์เหล้าพูดเรื่องราวในอดีตของตัวเองได้เหมือนกัน…
ชีวิตยังดำเนินต่อไป แต่ไฟที่ถ่ายทอดมาไม่เคยดับมอด!
พอกลับถึงบ้าน เฉินชางก็เอนกายลงบนเตียง แล้วพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่กลับ
เขาส่งข้อความหาฉินเยว่ แต่เธอก็ไม่ตอบ
เฉินชางคิดว่าเธอหลับไปแล้ว
เขาคิดเยอะมาก คิดเรื่องทังจินโป คิดเรื่องหวังอวี้ซาน คิดเรื่องฉางหงเหล่ยด้วย ทั้งยังคิดเรื่องอันเยี่ยนจวิน ถานจงหลิน เจียงเทา ถึงขั้นคิดเรื่องหลี่อวี่ด้วย
พอคิดมาถึงช่วงท้าย จู่ๆ เฉินชางก็เกิดความคิดอะไรบางอย่าง
ทำไมตัวเองไม่ลองทำดูบ้างล่ะ
ในเมื่อตัวเองมีโอกาสนี้แล้ว ทำไมไม่พาคนหนุ่มสาวกลุ่มนี้เดินให้ไกลขึ้นอีกหน่อย
พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องบางเรื่อง!
ลบความแตกต่างทางความคิดระหว่างคนรุ่นก่อน เพิ่มโอกาสรวมพลังของคนรุ่นใหม่
เชิญคนกลุ่มนี้มาแล้วนั่งคุยกันดีๆ พูดคุยเกี่ยวกับแนวคิดในอนาคตกันใหม่!
จากนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหวังอวี้ซาน
จากนั้นก็เป็นฉางหงเหล่ย
สุดท้ายเป็นเจียงเทา เข้าไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของกู้หงเหมย จึงให้เจียงเทาติดต่อให้เสียเลย
จากนั้น เขาก็วางโทรศัพท์แล้วเตรียมตัวนอน
จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนจากวีแชทก็ดังขึ้น
เฉินชางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พอดูก็พบว่าเป็นข้อความตอบกลับจากฉินเยว่ “เมื่อกี้พ่อฉันดื่มเยอะไป ตอนนี้อาเจียนกับร้องไห้อยู่ในห้องน้ำตลอด…
…ปากก็บ่นไม่หยุดว่า อาจารย์ครับ ผมทำได้ไม่ดี! ผม…”
เฉินชางอึ้งทันที พอคิดถึงสิ่งที่คุยกันคืนนี้ เขาก็เข้าใจแล้ว
เขายิ้มและตอบกลับว่า “ดูแลเขาให้ดี”
พอผ่านไปอีกครู่เดียว…
ฉินเยว่ก็ส่งอิโมติคอนแสดงความรู้สึก ‘หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก’ มา
“เป็นอะไรไปอีก” เฉินชางงง
“พ่อฉันไม่ร้องไห้แล้ว ตอนนี้กำลังหัวเราะด้วย” ฉินเยว่ตอบ
จากนั้น ฉินเยว่ก็ส่งข้อความเสียงมา
“ที่รัก! ผมจะบอกคุณให้นะ ผมไม่ได้ทำให้โรงพยาบาลอันดับสองเป็นโรงพยาบาลที่ดี! แต่…ผมเชื่อว่าลูกเขยของผมทำได้!”
“ผมไม่มีปัญหา! ผมจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับเฉินชาง!”
“เจ้าเด็กคนนี้ ผมจะบอกคุณไว้นะ ว่าไม่มีปัญหา!”
“ผมเคยดื่มเหล้ากับเขามาก่อน รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ผมอยากยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขา คุณอย่าขัดขวางผมนะ!”
“ถ้าเขาไม่มีบ้านผมก็จะซื้อให้ ถ้าเขาไม่มีรถผมก็จะซื้อให้ ขอเพียงเขาดีกับลูกสาวผม ไม่ว่าอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น!”
“เจ้าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์แน่นอน ผมเชื่อว่าถ้าโรงพยาบาลอันดับสองมีเขาเป็นผู้นำ ก็จะกลายเป็นโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของมณฑลตงหยางได้แน่นอน!”
“ถ้าผมหนุ่มกว่านี้สักสามสิบปี ผมจะไปสาบานเป็นพี่น้องกับเฉินชางเป็นอาจารย์แน่นอน…”
“อ้วก…เจ้าเด็กนี่ไว้หน้าฉัน!”
ตอนที่เฉินชางได้ฟังฉินเสี้ยวยวนพูด ก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี!
ฉินเยว่หัวเราะ “ได้ยินหรือยังคะ พ่อฉันจะยกฉันให้แต่งงานกับคุณนะ! ดีใจล่ะสิ”
“ดีใจครับ!” เฉินชางมีความสุขมาก
จี้หรูอวิ๋นมองฉินเสี้ยวยวนเดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ร้องไห้ เธอก็ไม่ได้ห้ามปราม ได้แต่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ เขา คอยลูบหลังให้เขาอย่างระมัดระวัง ทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นหน่อย
ขณะที่ฟังฉินเสี้ยวยวนพูดจาเหลวไหลเงียบๆ เธอก็นำน้ำอุ่นมาให้เขาดื่ม
ไม่รังเกียจกลิ่นเหม็นจากสิ่งที่อาเจียนออกมาด้วย
เธอรู้ว่าวันนี้เหล่าฉินมีความสุข
ผ่านมาหลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาดื่มจนกลายเป็นอย่างนี้
ฉินเยว่แอบมองไปข้างนอก พอเห็นพ่อแม่อยู่ด้วยกันแบบนั้น จู่ๆ เธอก็อิจฉาอยู่ในใจ
หวังว่าอนาคตของเราจะงดงามแบบนี้เหมือนกัน
พอคิดถึงตรงนี้ ฉินเยว่ก็ส่งข้อความไป “สามีคะ ฉันรักคุณ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ!”
“ผมรักคุณ ราตรีสวัสดิ์ครับ!” เฉินชางยิ้ม
บทที่ 495 คุณแน่ใจนะว่าไม่ใช่ความลับของแผนก
หลังจากถูกฉินเยว่เมินอีกครั้ง เจียงเทาก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย!
นี่…มันเรื่องอะไรกันแน่
ฉันพูดอะไรผิดอีกแล้วเหรอ
เจียงเทาถอนหายใจอย่างจนใจ!
เฮ้อ ถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องการผ่าตัด ตัวเองไม่ถนัดสื่อสารกับผู้หญิงเลยจริงๆ
แต่ตอนนี้ จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เจียงเทารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พอดูหน้าจอก็พบว่าเป็นอาจารย์ ตอนนี้รู้สึกชื่นใจขึ้นเยอะ!
อาจารย์ยังคิดถึงฉันด้วย!
หลังจากรับโทรศัพท์ เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยถามว่า “ฮัลโหล เสี่ยวเจียง ผมมีเรื่องจะถามคุณเรื่องหนึ่ง!”
เจียงเทาเห็นอาจารย์รีบร้อนขนาดนี้ ก็เลยถามว่า “ว่ามาเลยครับอาจารย์”
“คู่มือเส้นเอ็นที่คุณส่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ไปเอามาจากไหน!” กู้หงเหมยถาม
“คู่มือเส้นเอ็นอะไรครับ” เจียงเทางง
“ก็แนวทางกายภาพเส้นเอ็นที่คุณบอกว่าหมอแผนกคุณทำเอง คุณส่งมาในวีแชทไง แผนกของพวกคุณทำเองจริงเหรอ” กู้หงเหมยถาม
ตอนนี้เจียงเทาถึงได้นึกออก เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!
นึกไม่ถึงว่าอาจารย์จะถามเรื่องนี้
“ใช่ครับอาจารย์ หมอคนหนึ่งในแผนกของพวกเราทำขึ้นมาเอง”
พอกู้หงเหมยได้ยินดังนั้นก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว “เสี่ยวเจียง ผมจะบอกคุณให้นะ หลังจากที่คุณส่งมาให้ ผมก็ให้คนไข้ที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จชุดนั้นแยกย้ายกันไปลองทำตาม คุณรู้ไหมว่าผลเป็นยังไง ได้ผลดีมาก!…
…ถ้าเทียบกับคู่มือกายภาพเส้นเอ็นที่โรงพยาบาลของพวกเราใช้ฉบับนั้น คู่มือที่คุณส่งมาได้ผลดีกว่า ย่นระยะเวลาการกายภาพได้อย่างชัดเจน! ช่วยเพิ่มผลการรักษาและการทำกายภาพ ทั้งยังลดผลข้างเคียงหลังจากแผลสมานตัวด้วย!…
…แต่…แต่ผมรู้สึกว่าคู่มือฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์!…
…คุณแนะนำหมอคนนั้นให้ผมรู้จักได้ไหม”
สิ่งที่กู้หงเหมยพูดทำให้เจียงเทางงเป็นไก่ตาแตกตั้งนานแล้ว!
จริงเหรอ
ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าอาจารย์กำลังล้อฉันเล่น!
กู้หงเหมยบอกอีกว่า “เสี่ยวเจียง คุณนี่ตาแหลมจริงๆ ทั้งทัศนคติที่ชอบแบ่งปันแบบนี้ก็ไม่เลว แต่…คุณส่งข้อมูลลับแบบนี้ออกมา หน่วยงานของคุณไม่ถือสาเหรอ”
ถือสา ทำไมต้องถือสาด้วยล่ะ
แบ่งปัน ฉันไปแบ่งปันอะไร
ฉันต้องแบ่งปันด้วยเหรอ
เจียงเทากลืนน้ำลาย!
นั่นคือเจตนาเดิมของฉันเหรอ
นอกจากนี้…คู่มือกายภาพเส้นเอ็นที่วางเอาไว้ปึกหนาตรงเคาน์เตอร์พยาบาลแผนกฉุกเฉิน ถือว่าเป็นข้อมูลลับจริงเหรอ
อย่าบอกนะว่าโรงพยาบาลอันดับสองวางเอกสารคู่มือกายภาพเส้นเอ็นที่อาจารย์ของตัวเองมองว่าเป็นสมบัติล้ำค่าไว้ส่งเดชบนเคาน์เตอร์พยาบาลแผนกฉุกเฉินจริงๆ
เหมือนเป็น…ใบปลิวโฆษณา!
พอนึกถึงตรงนี้ เจียงเทาก็รู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยสอดคล้องกับความจริง อาจารย์…เข้าใจผิดเกี่ยวกับคู่มือกายภาพเส้นเอ็นฉบับนี้แล้วหรือเปล่า
“อาจารย์ครับ ไม่เป็นไรหรอก โรงพยาบาลของพวกเราไม่มีความลับเรื่องแนวทางกายภาพสุขภาพครับ”
เจียงเทาเรายังสงวนท่าที ไม่ได้บอกว่าที่จริงแล้วโรงพยาบาลของตัวเองทิ้งขว้างคู่มือกายภาพเส้นเอ็นพวกนั้นไว้บนเคาน์เตอร์พยาบาลราวกับเป็นแผ่นพับโฆษณา ใครอยากหยิบก็หยิบไปได้
เขากังวลว่าถ้าพูดแบบนี้ออกไป เดี๋ยวอาจารย์จะรับไม่ไหว…
แต่นึกไม่ถึงว่า…
พอกู้หงเหมยได้ฟังคำตอบของเจียงเทาก็งงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าวอย่างสะทกสะท้อนใจว่า “คนที่ทำเอกสารนี้ขึ้นมายิ่งใหญ่จริงๆ ทั้งยังไม่ขออะไรตอบแทนด้วย คู่มือกายภาพเส้นเอ็นแบบนี้เป็นข้อมูลลับของแผนกได้เลย นึกไม่ถึงว่าจะเลือกเผยแพร่!…
…นี่สิคุณสมบัติแท้จริงที่บุคลากรของแผนกที่รักษาโรคเฉพาะทางควรจะมี!”
คำพูดของกู้หงเหมยแฝงไปด้วยความนับถือ!
ในความนับถือปนด้วยความรู้สึกละอายที่ตัวเองเทียบไม่ติด!
เรื่องนี้ทำให้เจียงเทาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
เฉินชางคนนี้…เจ๋งอย่างที่พวกคุณบอกจริงเหรอ
ตอนนี้เจียงเทาเริ่มสับสนขึ้นมาบ้างแล้ว
จู่ๆ กู้หงเหมยก็บอกว่า “เสี่ยงเจียง ถ้าคุณสะดวกก็ส่งเบอร์โทรศัพท์ของหมอเฉินมาให้ผมหน่อย ถ้าผมว่างแล้วจะคุยรายละเอียดเรื่องนี้กับเขา”
เจียงเทาอึดอัดกับคำขอนี้ “อาจารย์ครับ รอสักครู่นะครับ ตอนนี้ผมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา เดี๋ยวผมไปถามให้แล้วจะโทรกลับครับ”
พอกู้หงเหมยได้ยินดังนั้นก็ตอบตกลง คิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
แต่ยังไม่ลืมกำชับอีก
“เสี่ยวเจียง คุณก็มีพรสวรรค์เหมือนกัน ติดที่หยิ่งไปหน่อย แต่คุณจำไว้นะ ต้องถ่อมตัวเข้าไว้ ต้องจริงใจเข้าไว้! เมื่ออยู่ต่อหน้าวิชาความรู้ ต้องรักษาหัวใจที่ถ่อมตัวเข้าไว้”
“นอกจากนี้ ผมขอพูดความจริงหน่อย คุณก็โชคดีพอสมควร ถึงได้เข้าไปอยู่ในแผนกและโรงพยาบาลนั้นได้ ทีแรกอาจารย์นึกว่าแค่แผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลอันดับสองก็เก่งมากแล้ว ตอนนี้อาจารย์คงเข้าใจผิดไป!”
เจียงเทาถอนหายใจ อาจารย์ไม่ได้เข้าใจผิดหรอกครับ แผนกแผนกศัลยกรรมมือของพวกเราแย่มากจริงๆ หมอแผนกศัลยกรรมมือแค่สองคนครึ่ง
หัวหน้าแผนกอันคนหนึ่ง ตัวเองคนหนึ่ง หมอเฉิน…มีทักษะรอบด้าน ถือว่าเป็นหมอแผนกศัลยกรรมมือครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็ทำได้หมด!
“คุณต้องตั้งใจเรียนรู้จากหมอเฉินนะ! เขาทำคู่มือกายภาพเส้นเอ็นฉบับนี้ขึ้นมาได้ ก็แสดงว่าเขามีความเข้าใจเรื่องเส้นเอ็นเป็นอย่างดี คุณกับผมยังเทียบไม่ติด คุณต้องตั้งใจเรียนรู้จากเขานะ!”
หลังจากกู้หงเหมยกำชับแล้วก็วางสาย
ทิ้งให้เจียงเทาอยู่กับสีหน้างุนงง
อย่าบอกนะว่า…คิดว่าระดับของผมอยู่ต่ำเกินไป ยังไม่ได้ตระหนักถึงความเก่งกาจของหมอเฉิน
พอนึกถึงตรงนี้ เจียงเทาก็เงียบไป
เขาไม่เชื่อคำพูดใคร และไม่เชื่อคำพูดอาจารย์ที่ปรึกษาของตัวเองด้วย
ติดตามอาจารย์ที่ปรึกษาตั้งแต่ปริญญาโทจนถึงปริญญาเอก ความรู้ความเข้าใจที่เขามีต่อแผนกศัลยกรรมมือล้วนมาจากอาจารย์
เจียงเทาอดทอดถอนใจไม่ได้
บางที…ตัวเองอาจอวดดีไปหน่อย
ดูถูกคนในโลกนี้
……
……
ตอนนี้เอง อันเยี่ยนจวินรีบร้อนเดินเข้ามาในห้องทำงาน แล้วบอกเจียงเทาว่า “เสี่ยวเจียง ผมจะมอบภารกิจบางอย่างให้คุณ”
เจียงเทารีบลุกขึ้น “หัวหน้าแผนกอัน มีอะไรเหรอครับ!”
อันเยี่ยนจวินรีบบอกว่า “เมื่อกี้เพิ่งได้ข่าวมาจะฝั่งหนานทงว่าศาสตราจารย์ทังจะมาที่โรงพยาบาลอันดับสอง เที่ยวบินพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืน คุณไปรับศาสตราจารย์ทังแล้วกัน!”
หลังจากเจียงเทาได้ยินดังนั้นก็อึ้งเล็กน้อย “หัวหน้าแผนกอัน…ผมไม่รู้ว่าคนไหนคือศาสตราจารย์ทังนะครับ!”
อันเยี่ยนจวินเอามือตบหน้าผาก!
ใช่แล้ว ทำไมตัวเองลืมเรื่องนี้ไปได้
ตื่นเต้นเกินไปแล้ว เพราะตื่นเต้นเกินไป!
แต่แพทย์ในแวดวงศัลยกรรมมือ มีใครบ้างที่ไม่รู้จักศาสตราจารย์ทัง!
ผู้ที่คิดค้นวิธีการเย็บแบบทัง ผู้คิดค้น ‘ทฤษฎีการแบ่งเขตเส้นเอ็นยืดเหยียดของทัง’ ของโลก…ยักษ์ใหญ่ในวงการศัลยกรรมมือของประเทศจีน ผู้ตรวจสอบและประเมินวารสารศัลยกรรมมือแห่งยุโรป…
สรุปก็คือ บนตัวเขามีออร่าและเกียรติยศมากเกินไป
พอพูดถึงแผนกศัลยกรรมมือ ก็จะไม่พูดถึงศาสตราจารย์ทังไม่ได้
อันเยี่ยนจวินรีบตอบด้วยรอยยิ้ม “ยังจะมีศาสตราจารย์ทังคนไหนได้อีก เป็นศาสตราจารย์ทังที่คิดค้นวิธีการเย็บเส้นเอ็นในแบบของทังตอนนั้นไง! ศัลยกรรมมือของพวกเรามีศาสตราจารย์ทังคนเดียว!”
พอได้ยินคำพูดของอันเยี่ยนจวิน เจียงเทาก็ยืนขึ้นแล้วเบิกตากว้างทันที มองอันเยี่ยนจวินอย่างเหลือเชื่อ “หัวหน้าแผนกอัน…เป็นศาสตราจารย์ทังคนนั้นจริงเหรอครับ”
อันเยี่ยนจวินพยักหน้ายิ้ม “แน่นอนสิ!”
หลังจากอันเยี่ยนจวินยืนยันแล้ว เจียงเทาก็เริ่มตื่นเต้น
ศาสตราจารย์ทังเป็นไอดอลของฉันเลย!
พอคิดว่าตัวเองจะได้ไปรับไอดอล ในใจเจียงเทาก็พลันตื่นเต้นฮึกเหิม
อันเยี่ยนจวินมองเจียงเทาพร้อมยิ้มให้ “คืนพรุ่งนี้คุณมีเวลาว่างหรือเปล่า”
เจียงเทาพยักหน้า “ว่างครับ! มีเวลาว่าง!…
…แต่…หัวหน้าแผนกอัน ทำไมคุณไม่ไปรับเองครับ”
อันเยี่ยนจวินส่ายหน้า “พรุ่งนี้ผมมีตารางผ่าตัดเต็มแล้ว เป็นคนที่มีเส้นสายทั้งนั้น อยากให้เสี่ยวเฉินเข้าห้องผ่าตัดเอง ผมต้องไปช่วยด้วย!”
เจียงเทาพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น “หัวหน้าแผนก คุณวางใจได้ครับ มอบหมายภารกิจนี้ให้ผมเถอะ!”
อันเยี่ยนจวินขานรับ “ได้ อีกสักครู่ผมจะส่งรายละเอียดไปให้คุณ คุณก็ตั้งใจดูสักหน่อยแล้วกัน!”
บทที่ 490 ต่อไปนี้เขาคือน้องชายของแก!
ในที่สุดก็เขียนเครื่องหมายจบประโยคข้างหลังคำว่า ‘ผ่าตัด’ ได้แล้ว!
เวลาที่ยาชาออกฤทธิ์สิ้นสุดอย่างรวดเร็วเช่นกัน ตอนนี้เฉินชางพูดกับข่งเจียฮุยว่า “ลองสัมผัสความรู้สึกสักหน่อยครับ แต่อย่าออกแรงเด็ดขาด”
เส้นเอ็น เส้นเลือดและเส้นประสาทของมือที่ต่อไว้ค่อนข้างหนา การผ่าตัดซ่อมแซมก็ค่อนข้างมั่นคงเช่นกัน ต่อให้ขยับเล็กน้อย ก็จะไม่รู้สึกอะไรมากอยู่ดี
พอได้ฟังสิ่งที่เฉินชางบอก ข่งเจียฮุยก็ชะงักไปครู่เดียว ก่อนจะเคลื่อนไหวนิ้วเล็กน้อย!
มีความรู้สึกแล้ว!
ขยับแล้ว!
ขยับได้แล้วจริงๆ!
ตอนนี้ข่งเจียฮุยซาบซึ้งใจจนแทบน้ำตาไหล
ทีแรกนึกว่าจะไม่มีหวังแล้ว เขาคิดว่า ถึงยังไงก็เป็นมือที่ถูกตัดออกไปแล้ว ยังจะต่อคืนได้อีกเหรอ
แต่ต่อคืนได้แล้วจริงๆ!
ขณะที่ฤทธิ์ยาชาค่อยๆ หมดไป เขาก็รู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของมือ!
แตกต่างกับความรู้สึกก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง!
อีกทั้งยังขยับได้ด้วย…
พอนึกถึงจุดนี้ ข่งเจียฮุยก็รีบกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ “หมอเฉินครับ ขอบคุณมากครับ ผมซาบซึ้งใจมากจริงๆ ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย คุณก็บอกมาได้เลย!”
เฉินชางยิ้ม “นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำครับ แต่คุณก็อย่าขยับมั่วซั่ว ต้องตรึงกระดูกไว้ เมื่อครู่นี้ผมแค่ให้คุณทดสอบความรู้สึกเฉยๆ”
หลังจากได้รับการผ่าตัดต่อมือแบบนี้มา จำเป็นต้องเข้าเฝือกสักระยะหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เคลื่อนไหวแล้วเกิดความเสียหายโดยไม่จำเป็น
ผู้ที่เข้าเฝือกให้ก็คือถานจงหลิน เขาชำนาญเรื่องนี้มาก ทั้งยังเป็นความภาคภูมิใจของตัวเองด้วย อย่างน้อยในจุดนี้หัวหน้าแผนกอันก็ทำได้ไม่ดีเท่าเขา!
กลุ่มหัวหน้าแผนกที่อยู่ข้างหลังกำลังมองเฉินชางด้วยความอิจฉา
นี่ถือเป็นโอกาสดี!
หมอเฉินเที่ยงหนุ่มยังแน่น คงอายุราวๆ สามสิบละมั้ง
ส่วนข่งเจียฮุยก็อายุประมาณสามสิบเหมือนกัน เป็นคนหนุ่มทั้งคู่แบบนี้ ถ้าไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย ไม่ว่าในภายหลังข่งเจียฮุยจะเก่งกาจขนาดไหน เฉินชางก็จะถูกเขาจดจำไว้ในใจเสมอ
ถึงอย่างไรเฉินชางก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตมือขวาของเขาไว้!
ถ้าพูดแบบหยาบๆ หน่อยก็คือ ช่วยชีวิต ‘แฟนสาว’ ของเขาไว้!
ใช่แล้ว คำพูดฟังดูหยาบคาย แต่แบบนี้บรรยายได้เห็นภาพมากกว่า
อนาคตของข่งเจียฮุยสว่างสดใสแน่นอน ส่วนเฉินชางต่อให้ชีวิตจะแย่ขนาดไหน แต่ต่อไปก็จะต้องเติบโตเหมือนเรือที่ลอยขึ้นสูงตามน้ำแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คนที่หนุนหลังข่งเจียฮุยก็ยังมีข่งเสียงหมินอีกคน
เฉินชางถือว่าได้สร้างวาสนาที่ยิ่งใหญ่ไว้แล้ว
แต่วาสนาแบบนี้ใช่ว่าทุกคนจะสร้างได้ ถ้าไม่มีความสามารถเหมือนหมอเฉิน ทุกอย่างก็เป็นเพียงคำพูดที่ไร้น้ำหนัก!
ในฐานะที่เป็นแพทย์แผนกศัลยกรรมทั่วไปคนหนึ่ง สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นความสามารถของตัวเอง!
ไม่แปลกใจที่ข่งเสียงหมินพาข่งเจียฮุยมาส่งถึงที่นี่ด้วยตัวเอง!
ทุกคนเห็นเฉินชางไม่ลำพองใจ ดูเหมือนอารมณ์ปกติมาก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกใดๆ เหมือนไม่ต่างอะไรกับช่วยชีวิตขอทานไว้คนหนึ่ง
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาค่อนข้างทึ่งเช่นกัน!
จรรยาบรรณสูงส่ง ฝีมือเลิศล้ำ พลังกายก็ดี หน้าตาก็หล่อ มีความรักในงานที่ทำ!
เติบโตทั้งด้านคุณธรรม สติปัญญา ร่างกาย สุนทรียศาสตร์และการศึกษา
หมอเฉินผู้แสนดี!
ช่างเป็นคนหนุ่มที่ดีจริงๆ
ตอนที่ล้างมือ กลุ่มหัวหน้าแผนกทยอยกันยื่นกระดาษให้เฉินชาง จากนั้นทิ้งช่องทางติดต่อไว้ ในภายหลังจะได้ติดต่อกันสะดวก
แม้แต่ฮั่วกว๋อชิ่งที่กระตือรือร้นมาตลอดก็ยังคว้าโอกาสนี้ไม่ได้
……
……
คนกลุ่มหนึ่งเดินออกจากห้องผ่าตัดด้วยกัน รวมทั้งข่งเจียฮุยด้วย
หลังจากออกมาแล้ว พวกเขาก็เห็นคนอีกกลุ่มอยู่ข้างนอก
ข่งเสียงหมินกับภรรยา รวมทั้งฉินเสี้ยวยวนรีบยืนขึ้นแล้วเดินเข้ามา
“เสี่ยวเฉิน การผ่าตัดราบรื่นดีไหม” ฉินเสี้ยวยวนถามเป็นคนแรก
เฉินชางมองพวกเขาปราดหนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบ “ครับ การผ่าตัดสำเร็จด้วยดีครับ!”
ตอนนี้ข่งเจียฮุยไม่ได้หวาดกลัวเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว ตอนที่เห็นพ่อแม่ เขาก็อดปลอบใจไม่ได้
“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรจริงๆ การผ่าตัดเมื่อกี้สำเร็จแล้ว! หมอเฉินเก่งมากจริงๆ ผมรู้สึกขอบคุณมากครับ”
“ผู้อำนวยการครับ ผมไม่เป็นอะไร! คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้วครับ”
เมื่อเห็นข่งเจียฮุยอาการค่อนข้างดี ทุกคนถึงได้โล่งอก
ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!
ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!
ทุกคนที่อยู่ข้างนอกพากันทอดถอนใจตอนที่พูดประโยคนี้
ถ้าการผ่าตัดข่งเจียฮุยล้มเหลวขึ้นมาจริงๆ…พวกเขา…แค่คิดก็รู้สึกถึงความยุ่งยากแล้ว
เรื่องยุ่งยากตามมาเป็นกอง
ถึงอย่างไรในสายตาพวกเขา การผ่าตัดต่อมือก็เป็นเคสที่ยากและเจ๋งมาก เป็นการผ่าตัดที่มีรายละเอียดสูงมาก คุณสมบัติของแพทย์ผู้ผ่าตัดก็สูง คนที่จะทำการผ่าตัดแบบนี้ได้ดี จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถมากจริงๆ!
พูดตามตรง นี่เป็นการผ่าตัดเลเวลสูงที่มีเพียงเฉินชางเท่านั้นที่ทำได้
เป็นเพราะการผ่าตัดเคสนี้แยกเป็นการผ่าตัดย่อยได้หลายส่วน ถึงได้ทำให้ระดับความยากลดลงเล็กน้อย
เฉินชางเองก็ถือว่าทำให้การผ่าตัดดำเนินไปอย่างราบรื่น ควบคุมได้เป็นอย่างดี!
ข่งเสียงหมินมองเฉินชาง ใช้สองมือกุมมือเขาไว้ แล้วโค้งตัวแสดงความขอบคุณ!
“หมอเฉิน ขอบคุณคุณมากจริงๆ ครับ!”
ภรรยาของเขาก็พยักหน้าโค้งตัวเช่นกัน
ในสายตาของคนอื่นที่อยู่รอบๆ นี่คือฉากที่สั่นสะเทือนอารมณ์มาก!
บุญคุณครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากจริงๆ
แต่ไม่มีใครอิจฉา
เพราะนี่คือสิ่งที่เฉินชางสมควรได้รับ
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ สมแล้วที่คุณได้รับความเคารพ
เฉินชางเห็นแล้วเกรงใจนิดหน่อย ถึงอย่างไร…พูดตามตรง เฉินชางยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีฐานะสูงส่งและมีอำนาจมาก พอมาแสดงท่าทีแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่บ้างจริงๆ
“เกรงใจแล้วครับ เกรงใจแล้ว คุณข่งเกรงใจเกินไปแล้ว อีกอย่างผมก็ได้ยินเรื่องของพี่เจียฮุยมาแล้วด้วย เสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น คุณสมบัติแบบนี้ทำให้ผมนับถือมากจริงๆ ครับ”
พอได้ยินเฉินชางเรียกลูกชายว่าพี่เจียฮุย ข่งเสียงหมินก็ชะงักนิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้าครุ่นคิด แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “อืม เจียฮุย ต่อไปนี้หมอเฉินก็คือน้องชายของแก มีเรื่องอะไรก็ช่วยเหลือกัน ครั้งนี้เสี่ยวเฉินช่วยลูกไว้เยอะเลย!”
ประโยคนี้ทำให้คนที่อยู่รอบๆ ตะลึงค้างทันที
แม้แต่ฉินเสี้ยวยวนที่อยู่ข้างหลังก็ยังงงเป็นไก่ตาแตก
นี่มัน…
ไม่ทันรอให้เขาตอบอะไร ข่งเสียงหมินพูดต่อไปว่า “แล้วอีกอย่าง เสี่ยวเฉิน เรียกผมว่าคุณข่งฟังดูห่างเหินเกินไป ต่อไปเรียกว่าคุณอาข่ง ถ้ามีเวลาว่างก็มาเป็นแขกบ้านเราได้”
ภรรยาของข่งเสียงหมินก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว! ถ้ามีเวลาว่าง เสี่ยวเฉินก็มาเที่ยวบ้านเราบ้างนะจ๊ะ”
ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆ อดกลืนน้ำลายไม่ได้!
นี่มัน…
แม่งเอ๊ย แบบนี้คุ้มมาก!
ตอนนี้ถือว่าได้สร้างคอนเนคชั่นกับข่งเสียงหมินแล้ว
อนาคตยาวไกล
ฉินเสี้ยวยวนตบหน้าผากตัวเอง เมื่อไม่กี่วันก่อนตัวเองยังบอกให้เฉินชางสร้างคอนเนคชั่นเพิ่มอยู่เลย…
ไม่แน่ว่าอาจจะได้เจอบุคคลผู้ทรงคุณค่าอะไรทำนองนั้น!
ตอนนี้ได้เจอกับข่งเสียงหมินแล้ว
เจ้าเด็กนี่…เป็นตัวเอกงั้นเหรอ
โชคดีเกินไปหรือเปล่า!
พอคิดถึงตรงนี้ จู่ๆ ฉินเสี้ยวยวนก็นึกขึ้นได้ว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับเขาเสียหน่อย
ตอนนี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์ของฉินเสี้ยวยวนก็ดังขึ้น
หลังจากรับโทรศัพท์ พบว่าปลายสายคือถานลี่กั๋ว
“เหล่าฉิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพที่ผมเล่าให้คุณฟังวันนั้น บอกว่าต้องการจะคุยกับคุณครับ”
ฉินเสี้ยวยวนอึ้งนิดหน่อย นึกไม่ถึงว่าเขาคนนั้นจะทำเรื่องราวให้ใหญ่โตแล้วจริงๆ!
คิดจริงเหรอว่าฉันฉินเสี้ยวยวนจะเปราะบางขนาดนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเสี้ยวยวนกังวลอยู่แล้วว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ จึงเก็บคลิปจากกล้องวงจรปิดของวันนั้นไว้
ถ้าคุณต้องการทำให้เป็นเรื่องใหญ่ งั้นก็อย่าหวังว่าจะมีใครได้อยู่อย่างสงบสุขเลย
พอนึกถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวยวนก็เดือดดาลเช่นกัน
และตอนนี้เอง ข่งเสียงหมินเอ่ยขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉิน แล้วก็ทุกคนด้วย ไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ เรื่องของเจียฮุยทำให้ทุกคนหิวกันหมดแล้ว ขออภัยจริงๆ!”
เป็นอย่างนั้นจริงๆ การผ่าตัดทำให้เสียเวลาไปหลายชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว เลยมื้อเที่ยงมาแล้วด้วยซ้ำ
แต่ฉินเสี้ยวยวนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วบอกว่า “เอ่อ คือ…คุณข่ง ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพต้องการคุยกับผม…ทางนี้อาจจะมีธุระนิดหน่อย คงไปทานด้วยไม่ได้แล้ว พวกคุณไปกันก่อนดีไหมครับ”
เดิมทีข่งเสียงหมินต้องการจะแสดงความขอบคุณฉินเสี้ยวยวน แต่พอได้ยินฉินเสี้ยวยวนพูดแบบนี้ เขาก็พยักหน้าทันที “อ้อ? เรื่องงานเหรอครับ ด่วนหรือเปล่า”