บทที่ 503 นัดพิเศษตอนค่ำ!
ขณะที่ทังจินโปกินโจ๊กก็มองหลี่อวี่ที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่งแล้วบอกว่า “เสี่ยวหลี่ คุณคิดว่าศาสตราจารย์เฉินเป็นยังไงบ้าง”
หลี่อวี่ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าอาจารย์ต้องการจะพูดอะไร “สุดยอดมากครับ! ศาสตราจารย์เฉินคือหมอที่เย็บเส้นเอ็นได้ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา”
ทังจินโปไม่ได้โกรธที่หลี่อวี่ไม่พูดประจบตน เกือบหัวเราะแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
พูดถึงการผ่าตัด อย่างไรเสียยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของเขาก็คือตอนวัยหนุ่ม ตอนนี้อายุห้าสิบกว่าแล้ว เริ่มเดินลงเนินแล้ว การตอบสนอง ความว่องไวรวมทั้งคุณสมบัติโดยรวมของร่างกายย่อมตามคนหนุ่มสาวไม่ทันแล้ว
ทังจินโปมองเฉินชาง “ศาสตราจารย์เฉิน ที่จริงผมจะเสนอว่า คุณตั้งแผนกศัลยกรรมมือแยกออกมาได้ ผมจะไปคุยเรื่องนี้กับผู้อำนวยการของพวกคุณเอง ทำให้แผนกศัลยกรรมมือกลายเป็นแผนกที่สำคัญแผนกหนึ่ง…
…คุณมีความสามารถนี้!”
หลังจากพูดจบ เขาก็บอกอีกว่า “ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมขอแนะนำนักเรียนของผม หลี่อวี่ เด็กคนนี้ไม่เลวเลย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการวินิจฉัยโรค หรือความสามารถด้านวิจัย ผมต้องขอเน้นเลย”
“เรื่องนี้…ผมอาศัยความอาวุโสของตัวเองแนะนำและรับรองได้ แน่นอนว่าผมจะติดต่อกับผู้อำนวยการของพวกคุณด้วย แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วก็ยังขึ้นอยู่กับคุณ”
เฉินชางพยักหน้า ศาสตราจารย์ทังจินโปเป็นหน้าเป็นตาของแผนกศัลยกรรมมือภายในประเทศ!
แล้วนักเรียนของเขาจะแย่ได้หรือ
ถ้าพูดตรงๆ พูดแบบสอดคล้องกับความเป็นจริงหน่อยก็คือ
แผนกศัลยกรรมมือทั้งประเทศมีอาจารย์ที่ปรึกษามากมายขนาดนั้น คนที่จะมาเป็นนักเรียนของทังจินโปได้ ถ้าไม่มี ‘ศักยภาพโดยรวม’ จะเป็นได้หรือ
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเรื่องความสามารถเลย
เฉินชางยิ้มให้เขา “ถ้าหลี่อวี่ยินดีจะมาอยู่ด้วยกัน ผมก็ปรบมือต้อนรับอยู่แล้วครับ”
หลี่อวี่ฉลาดมาก รีบแสดงท่าทีทันที “ศาสตราจารย์เฉิน ผมยินดีไปทำงานกับคุณครับ!”
หลี่อวี่เป็นคนฉลาด มองปัญหาได้ชัดเจนมาก เส้นทางในอนาคตยังอีกยาวไกลมาก อาจารย์จะช่วยเขาได้นานเท่าไรกันเชียว นี่เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน แต่เฉินชางเพิ่งอายุเท่าไรเอง
อนาคตของเขา เส้นทางข้างหน้าของเขายาวไกลไร้ขีดจำกัดแน่นอน
ชีวิตคนเราคือการลงทุนครั้งแล้วครั้งเล่า เหรียญของคุณก็คือตัวคุณเอง
ทังจินโปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือ หนึ่งวันที่แสนงดงามเริ่มต้นจากมื้อเช้าอันน่าพอใจ
หลังจากกินอาหารเสร็จ ทังจินโปก็พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “วันนี้ไปดูการผ่าตัดหลายเคส ทริปเมืองอันหยางของผมก็ถือว่าได้ประสบการณ์กลับมามากมายแล้ว อ้อ ใช่ คลิปการผ่าตัดเมื่อวาน ถ้าศาสตราจารย์เฉินสะดวกก็ทำสำเนาให้ผมสักไฟล์นะครับ ผมจะกลับไปศึกษาสักหน่อย”
พอพูดจบเขาก็บอกหลี่อวี่ว่า “เสี่ยวหลี่ คุณดูหน่อยว่าคืนนี้หรือพรุ่งนี้มีเที่ยวบินหรือเปล่า”
เฉินชางได้ยินแล้วสงสัย คุณจะไปวันนี้เหรอ
ไปวันนี้ไม่ได้นะ!
คืนนี้ฉันจัดตารางนัดไว้แล้ว!
พอนึกถึงตรงนี้ เฉินชางก็รีบบอกว่า “เอ่อ คือ…ศาสตราจารย์ทังครับ พักอยู่ที่นี่อีกสักวันเถอะ คืนนี้ยังมีนัดพิเศษอีกครับ!”
ประโยคนี้ของเฉินชางทำให้ทั้งหลี่อวี่ทั้งทังจินโปนิ่งอึ้งไป!
ตาโตจ้องตาเล็ก
หลี่อวี่กลืนน้ำลายหลายอึก นี่…เมืองอันหยางมีกระแสนิยมดุดันขนาดนี้เลยเหรอ
นี่คืองานชุมนุมวิชาการระหว่างศาสตราจารย์ คุณทำแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่า ถ้า…ไม่ไหวจริงๆ ให้ผมทำแทนศาสตราจารย์ก็ได้นะ
หลี่อวี่ประเมินร่างเล็กๆ ของตัวเอง ฉันก็น่าจะ…พอไหวมั้ง
ส่วนทังจินโป พอได้ยินคำว่า ‘นัดพิเศษ’ จากเฉินชางก็หน้าแดงเพราะเขินอาย ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อายุตั้งเท่าไรกันแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น!
นี่ก็เป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย
พอคิดถึงจุดนี้ ทังจินโปก็แสร้งตีหน้านิ่งมองเฉินชาง คำเรียกศาสตราจารย์เฉินเปลี่ยนเป็นเสี่ยวเฉินแล้วเช่นกัน “เสี่ยวเฉิน คุณยังอายุน้อย ระมัดระวังร่างกายตัวเองด้วย!”
“แล้วก็ เรื่องไม่เรียบร้อยพวกนั้น ผมไม่อยากไปยุ่งหรอกครับ ต่อไปไม่ต้องพูดถึงเรื่องพรรค์นี้!”
เฉินชางงงไปชั่วขณะ
เรื่องไม่เรียบร้อยอะไรกัน
แต่เมื่อเห็นสายตาที่ค่อนข้างเฝ้าคอยของหลี่อวี่…
เฉินชางก็เริ่มสับสนเล็กน้อย นี่ฉันพูดอะไรผิดไป
เฉินชางจึงพูดต่อว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นครับศาสตราจารย์ทัง!”
จู่ๆ เขาก็รู้ตัวแล้วกล่าวอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ศาสตราจารย์ทัง คุณเข้าใจผมผิดแล้ว ผมไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นหรอกครับ!”
“คืนนี้ผมจองร้านอาหารไว้แล้ว ผมจะพาคุณไปพบกับใครบางคน ผมเชื่อว่าคุณต้องมีความสุขมากแน่”
พอเห็นเฉินชางมีท่าทางลับๆ ล่อๆ ทังจินโปก็เริ่มอยากรู้อย่างเห็น เจ้าเด็กนี่คิดจะทำอะไรกันแน่
ตอนเช้าไม่มีธุระอะไร แต่ตอนบ่ายมีผ่าตัดหลายเคส เฉินชางให้อันเยี่ยนจวินมาเข้าร่วมผ่าตัด
ส่วนถานจงหลินเมื่อรู้ว่าศาสตราจารย์ทังมาแล้วก็รีบมาทันที!
พอถานจงหลินได้ยินว่าเฉินชางให้อันเยี่ยนจวินเข้าร่วมผ่าตัดก็รู้สึกน้อยใจนิดหน่อย ถึงอย่างไรก็เป็นการผ่าตัดต่อหน้าศาสตราจารย์ทัง จะปล่อยให้อันเยี่ยนจวินมาโดดเด่นเกินหน้าเกินตาได้อย่างไร
หัวหน้าแผนกอันได้แต่หลีกทางให้ถานจงหลินด้วยความจนใจ
เจียงเทาได้รับมอบหมายให้ไปรับคนที่สนามบิน
การผ่าตัดตอนบ่ายยังเป็นคนกลุ่มเดิม ที่เพิ่มมาอีกคนคือถานจงหลิน
…
…
กู้หงเหมยกับฉางหงเหล่ยมาถึงสนามบินเมืองอันหยางก่อน
เจียงเทาเองก็ไม่ได้เจออาจารย์กับหัวหน้าแผนกฉางมาสักระยะแล้ว จึงรีบรับสัมภาระของพวกเธอมาเก็บในรถ เป็นรถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์คันหนึ่ง มีพื้นที่กว้างมาก
เที่ยวบินจากเซี่ยงไฮ้ก็มาถึงที่นี่เร็วเช่นกัน เวลาห่างกันไม่ถึงยี่สิบนาที
คนที่มาถึงก่อนจึงรออยู่นอกสนามบินเสียเลย
กู้หงเหมยกับฉางหงเหล่ยเฝ้ารอการพบกันครั้งนี้มาก
กู้หงเหมยมีคำพูดเก็บไว้ในใจมากมายราวกับเป็นสาวน้อยคนหนึ่ง เธอถามฉางหงเหล่ยมาตลอดทาง “พี่ว่าศิษย์พี่หวังกับศิษย์พี่ทังเจอกันแล้วจะเป็นยังไง พวกเขาสองคนไม่ได้เจอกันมานานแล้ว!”
ฉางหงเหล่ยพยักหน้า แม้ทังจินโปกับหวังอวี้ซานจะนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนเย่อหยิ่งเหมือนกัน! ดื้อรั้นเหมือนกันด้วย!
ไม่ยอมอ่อนข้อให้กันแน่นอน
พอนึกถึงการพบกันในคืนนี้ เธอเองก็เฝ้ารอมากเช่นกัน
กู้หงเหมยมองเจียงเทา “ศิษย์พี่หญิง คู่มือกายภาพเส้นเอ็นเล่มนั้นที่เสี่ยวเจียงให้ฉัน หมอเฉินชางของแผนกพวกเขาทำขึ้นเอง! เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ”
ฉางหงเหล่ยนึกย้อนไปถึงการเย็บเส้นเอ็นครั้งก่อนแล้วอดขำไม่ได้ “อาจจะ…เป็นคนที่ทำภารกิจที่พวกเราเคยทำไม่สำเร็จให้สำเร็จก็ได้มั้ง!”
ขณะที่กำลังคุยกัน เงาของคนคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่สูงไม่เตี้ย แต่กระฉับกระเฉงมาก แต่งกายชุดสูทเรียบร้อย เส้นผมที่เหลืออยู่น้อยนิดก็จัดทรงอย่างดีเช่นกัน
เพื่อการพบกันครั้งนี้ หวังอวี้ซานใส่ชุดที่ตัวเองดูหล่อที่สุด
นี่คือการรวมตัวกันอย่างจริงจังครั้งแรกของทั้งสี่คนในรอบยี่สิบปี
เมื่อเห็นกู้หงเหมยกับฉางหงเหล่ยยืนอยู่ไกลๆ หวังอวี้ซานก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าสงบราบเรียบ แต่ในใจกลับตื่นเต้นมาก
กู้หงเหล่ยเงยหน้าทักทาย “ศิษย์พี่ ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ!”
หวังอวี้ซานอดถามไม่ได้ว่า “หล่อกว่าทังจินโปหรือเปล่า”
ประโยคนี้ทำให้ฉางหงเหล่ยหัวเราะแล้ว
เมื่อเห็นสามคนในเรื่องเล่าปรากฏตัว เจียงเทาก็ตื่นเต้นสุดๆ เขาเฝ้าคอยจะได้เห็นมากว่าหลังจากอาจารย์เหล่านี้เจอกันแล้ว ฉากในค่ำคืนนี้จะเป็นอย่างไร!
บางที…
แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
พวกเขาลากกระเป๋าเดินทางขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าไปทางโรงพยาบาลอันดับสอง
ตอนนี้เจียงเทาส่งข้อความให้เฉินชางแล้ว “ผมมารับคนแล้วครับ มากันครบแล้ว!”
เฉินชางได้ยินแล้วเผยรอยยิ้มทันที หันมองทังจินโปแวบหนึ่ง
เขาเฝ้าคอยการพบกันครั้งนี้ของพวกเขามาก
ไม่ใช่ว่าเฉินชางรู้สึกเบื่อหน่าย ถึงได้นัดคนกลุ่มนี้ให้มารวมตัวกัน เข้าต้องการให้คนกลุ่มนี้ได้นั่งปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกันดีๆ เรื่องที่เกี่ยวกับการส่งต่อคบเพลิง!
บทที่ 497 พี่ใหญ่ขั้นรอรับทัณฑ์อัสนี
หลี่อวี่มองอาจารย์ตัวเองด้วยความคาดไม่ถึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอาจารย์ ‘เสียอาการ’ ขนาดนี้!
ไม่ผิดหรอก!
เพราะในใจเขา อาจารย์เป็นผู้ที่มีนิสัยสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านเสมอมา ในดวงตาที่สง่างามภูมิฐานเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าตัวเองควบคุมทุกอย่างได้
แต่ตอนนี้อาจารย์ดูทนไม่ไหวอย่างเห็นได้ชัด
ต่อมาเขาก็ติดต่อเฉินชางกับโรงพยาบาลอันดับสอง จองตั๋วเครื่องบินและเลือกจุดหมายปลายทาง
ระหว่างที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน อาจารย์อ่านบทความฉบับนี้ไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้ว บนกระดาษที่พิมพ์ออกมามีรอยคราบหมึกเล็กน้อย
ทุกครั้งที่ทังจินโปอ่าน ก็จะเกิดความคิดหลากหลายแตกต่างกันไป!
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้เขียนแข็งแกร่งเกินจินตนาการ
ศาสตราจารย์ทังจินโปจินตนาการภาพผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งขึ้นมาในหัวแล้วแล้ว คงจะเป็นหัวหน้าแผนกที่วินิจฉัยโรคได้เก่งมากคนหนึ่ง บางที…ผมอาจจะน้อยกว่าตนด้วยละมั้ง
ต้องบอกเลยว่าบทความฉบับนี้ไม่เพียงแค่ดึงดูดสายตาทังจินโปไว้ได้ ถึงขั้นคว้าหัวใจทังจินโปไว้ด้วย
ในฐานะผู้คิดค้นและศึกษาวิธีการเย็บแบบทัง หลายปีมานี้ทังจินโปไม่เคยยอมแพ้ที่จะพัฒนาวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังให้สมบูรณ์แบบ และในข้อคิดเห็นกับแนวคิด รวมทั้งทิศทางการพัฒนาที่เฉินชางเสนอในบทความ ก็ทำให้ทังจินโปชื่นชมมาก ถึงขั้นมีความเห็นที่ตรงกันด้วย
แม้จะมีบางจุดที่ค่อนข้างคิดต่าง แต่ก็ต้องพิจารณาและมองมันอย่างถี่ถ้วน
ทันใดนั้น ทังจินโปก็เอนกายบนเก้าอี้ มองไปนอกหน้าต่าง คิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสดีของตัวเองก็ได้
ตอนนี้เขาเฝ้าคอยที่จะพบหน้าศาสตราจารย์ที่ชื่อเฉินชางมาก!
……
……
เมื่อโรงพยาบาลอันดับสองรู้ว่าทังจินโปกำลังจะมา ก็จัดพิธีต้อนรับทันที โดยเฉพาะแผนกฉุกเฉิน
นี่อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้หลี่เป่าซานแห่งแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองดีใจที่สุด
การที่ดึงดูดให้คนอื่นมาที่นี่ได้ ก็แสดงว่าความสามารถของคุณได้รับการยอมรับจากอีกฝ่ายแล้ว ทั้งอีกฝ่ายยังเฝ้าคอยที่จะร่วมงานกับคุณด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับทังจินโป!
ดังนั้นครั้งนี้หลี่เป่าซานจึงใจกว้างมาก ทุ่มทุนเพื่อให้จัดงานนี้ให้ดี ทำให้หัวหน้าพยาบาลอย่างเถียนเซียงหลานปวดใจอยู่นานมาก แต่เมื่อรู้ว่าทางโรงพยาบาลจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เธอถึงได้โล่งอก ตราบใดที่ไม่ใช่เงินของแผนกตัวเอง จะใช้จ่ายอย่างไรก็ได้…
เจียงเทารับศาสตราจารย์ทังและลูกศิษย์มาที่โรงแรม ระหว่างทางเจียงเทาพูดเป็นต่อยหอย บอกว่าตัวเองนับถือศาสตราจารย์ทังมาก
ศาสตราจารย์ทังก็เป็นมิตรมาก ไม่วางมาดเลยสักนิด กลับคุยเรื่องวิชาการกับเจียงเทาจนถึงโรงแรม
จู่ๆ ทังจินโปก็ถามว่า “หมอเจียง ศาสตราจารย์เฉินชางไม่มาเหรอครับ”
เจียงเทายิ้มตอบ “ศาสตราจารย์ทัง ที่จริงหมอเฉินอยากมาด้วยตัวเอง แต่ช่วงนี้คนไข้เยอะมากจริงๆ ตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่ มาไม่ได้จริงๆ ครับ!”
ทังจินโปพยักหน้ายิ้ม แต่ไม่ได้โกรธ กลับดีใจด้วยซ้ำ
แบบนี้สิถึงจะอธิบายได้ว่าศาสตราจารย์เฉินชางเป็นหมอที่ดี!
หลังจากพักผ่อนในโรงแรมครู่หนึ่ง หลี่เป่าซาน ฉินเสี้ยวยวน หลี่เจี้ยนเหว่ยก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ถึงอย่างไรศาสตราจารย์ทังก็เป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมมาก ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลของสังกัดมหาวิทยาลัยหนานทง การที่พวกพวกฉินเสี้ยวยวนมาก็ถือเป็นเรื่องปกติมาก
“ผู้อำนวยการทังเดินทางมาลำบาก ผมจองร้านอาหารไว้แล้ว พวกเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ” ฉินเสี้ยวยวนถาม
ทังจินโปรีบปฏิเสธ “ผู้อำนวยการฉิน ไม่ต้องเกรงใจแล้วครับ พวกเรากินกันแล้วตอนอยู่บนเครื่องบิน อ้อ ใช่…ศาสตราจารย์เฉินชางกำลังผ่าตัดอยู่เหรอครับ สะดวกให้พวกเราไปดูไหม”
ทังจินโปมาเพื่อมาหาเฉินชางโดยเฉพาะ ไม่ได้มาประชุมหรือท่องเที่ยว ความคิดแรกก็คืออยากพบเฉินชางก่อนอยู่แล้ว
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็พากันอึ้งทันที จากนั้นก็เริ่มยิ้มอย่างเป็นมิตร
ศาสตราจารย์ทังคนนี้ช่างเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสไตล์อัจฉริยะจริงๆ
ฉินเสี้ยวยวนไม่ฝืนเชิญเขารับประทานอาหารอีก แต่กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้น…ผมจะพาพวกคุณไปที่โรงพยาบาลของเราแล้วกันครับ!”
ทังจินโปได้ยินแล้วเผยสีหน้าดีใจทันที “งั้นก็ดีมากเลย รบกวนผู้อำนวยการฉินด้วยครับ!”
ขณะที่คุยกัน พวกเขาก็เดินมาถึงแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง
หลังจากเข้ามา ทังจินโปก็ชะงักเล็กน้อย “นี่…คือแผนกศัลยกรรมมือของพวกเราเหรอ”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่เดินมาด้วยเริ่มหน้าแดงเพราะความอาย!
แบบนี้…ทำให้คนอื่นเห็นเรื่องน่าขำแล้ว!
ตอนนี้หลี่เป่าซานถึงได้บอกความจริง “โรงพยาบาลของพวกเรา แต่ไหนแต่ไรมาแผนกอายุรกรรมค่อนข้างเก่ง ด้านศัลกรรมค่อนข้างอ่อนด้อย แผนกศัลยกรรมมือก็ยิ่งขาดคนเก่งที่เหมาะสม แต่ผู้ป่วยแผนกศัลยกรรมมือมีเยอะมาก ผู้อำนวยการฉินถึงได้ตั้งทีมศัลยกรรมมือเล็กๆ ขึ้นมาภายในแผนกฉุกเฉินครับ”
“ตอบแบบไม่กลัวถูกศาสตราจารย์ทังหัวเราะเยาะแล้วกันครับ ตอนนี้แผนกศัลยกรรมมือของพวกเรามีหมอแค่สามคน คนหนึ่งคือหัวหน้าแผนกอันเยี่ยนจวิน อีกคนคือหมอเฉินชาง แล้วก็มีดอกเตอร์ที่เพิ่งมาใหม่ ดอกเตอร์เจียงเทาครับ”
คำตอบนี้ทำให้ทังจินโปอึ้งไปชั่วขณะ!
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “เฮ้อ…ผมรู้สึกละอายที่เทียบไม่ติดครับ ขนาดศาสตราจารย์เฉินชางอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ยังสรุปประสบการณ์ด้านการวินิจฉัยโรคและตระหนักรู้เรื่องเย็บเส้นเอ็นได้ขนาดนี้ หาพบได้ยากจริงๆ!”
หลี่อวี่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง!
ทุกคนตะลึงไปชั่วขณะ พบว่าคนที่มีการศึกษามีความรู้จะคิดอะไรแตกต่างออกไป เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่อีกฝ่ายพูดออกมาได้…ในความหมายที่สูงส่งและมีเกียรติ
พวกเขาไม่ได้หยุดคุยกันนานนัก ตอนนี้จึงเดินมาถึงห้องผ่าตัดแล้ว
ตอนนี้เฉินชางกับอันเยี่ยนจวินเพิ่งผ่าตัดเสร็จพอดี พอได้ยินว่าศาสตราจารย์ทังมาถึงห้องผ่าตัดแล้วก็รีบลุกขึ้นต้อนรับ
หลังจากเห็นเฉินชาง แม้ทังจินโปกับหลี่อวี่จะคิดเตรียมไว้แล้วว่าตัวจริงเป็นอย่างไร แต่พอถึงเวลาจริงก็รับไม่ได้นิดหน่อย!
คนนี้คือเฉินชางงั้นเหรอ
อายุน้อยจนน่ากลัว!
หลี่อวี่เดาว่าคงอายุน้อยกว่าต้นด้วยซ้ำ
ทังจินโปเก็บอาการตกตะลึงแล้วรีบก้าวขึ้นมาจับมือทักทาย “ศาสตราจารย์เฉิน สวัสดีครับ!”
เฉินชางอึ้งนิดหน่อย “ศาสตราจารย์ทัง เกรงใจเกินไปแล้วครับ เรียกผมว่าเสี่ยวเฉินก็พอ”
ทังจินโปส่ายหน้า สำหรับเฉินชาง เขาเรียกว่า ‘เสี่ยวเฉิน’ ไม่ออกจริงๆ อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็มีความรู้เรื่องวิชาการในระดับที่ลึกซึ้ง ทังจินโปนับถือเขามาก!
ทั้งสองไม่สนใจไต่ถามทุกข์สุขกันแล้ว ตอนนี้เริ่มพูดคุยถึงปัญหาทางด้านวิชาการกัน
คำพูดที่ทังจินโปเก็บไว้ในใจมาตลอด ในที่สุดก็ได้ระบายออกมาแล้ว!
เฉินชางตกปลามาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในที่สุดก็ตกได้ทังจินโป
ทั้งสองผลัดกันถามตอบ พูดคุยถูกคอกันมาก!
ส่วนพวกหัวหน้าแผนกกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็ได้แต่เบิกตากว้างบ้างหรี่ตาบ้างสลับกันไป
แต่เจียงเทากับหลี่อวี่ฟังแล้วได้อรรถรส
ราวกับกำลังพวกเขากำลังสนทนาถึงหลักปรัชญากัน
พี่ใหญ่ทั้งสองที่อยู่ระดับผ่านทัณฑ์อัสนีกำลังพูดคุยถึงหลักปรัชญา ส่วนพวกนักพรตน้องเล็กที่อยู่ในช่วงฝึกลมปราณขั้นพื้นฐานกำลังทำความเข้าใจอยู่ไกลๆ
ไม่ว่าจะพูดถึงอะไรก็ฟังดูล้ำลึกไปเสียหมด
ตอนที่เจียงเทากำลังฟังทั้งสองคุยกัน ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนเดินตรวจผู้ป่วยในวอร์ดเฉินชางจึงบอกเขาว่า “วิธีการเย็บแบบทังยังขาดอะไรบางอย่างไป ไม่เหมาะกับวิธีการเย็บแบบนี้”
ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าเฉินชางไม่ได้คุยโม้!
อีกฝ่ายกำลังพูดต่อหน้าทังจินโปแล้วว่าวิธีการของคุณมีตรงไหนไม่ดี มีตรงไหนไม่ถูก มีตรงไหนต้องแก้ไข…
อีกทั้งทังจินโปก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ทว่า…บรรยากาศเปลี่ยนเร็วมาก