บทที่ 511 ดาวช่วยชีวิต
หวังเซี่ยงจวินสมกับเป็นหัวกะทิรุ่นอาวุโสของแผนกฉุกเฉิน มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นภาวะบีบรัดหัวใจ หยุดการทำซีพีอาร์ได้ทันเวลา!
เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เกิดภาวะบีบรัดหัวใจ แม้หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน แต่ก็ใช้แรงกดจากภายนอกหัวใจไม่ได้ เพราะนอกจากจะทำให้การซีพีอาร์ไม่สำเร็จ ยังทำให้อาการป่วยแย่ลงด้วย!
หวังเซี่ยงจวินรีบดำเนินการกู้ชีพฉุกเฉิน
“ใช้อัลตราซาวด์ชนิดสีกำหนดตำแหน่ง!”
“เตรียมห้องผ่าตัด!”
หวังเซี่ยงจวินถ่ายทอดคำสั่งอย่างเป็นขั้นเป็นตอน!
ตอนนี้มองออกถึงความสามารถในการร่วมงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของแผนกฉุกเฉินแล้ว มีการตรวจทุกอย่างครบครัน
เฉินชางเจาะถุงหุ้มหัวใจได้แม่นยำกว่าเมิ่งซี เมิ่งซีจึงเป็นฝ่ายก้าวมาข้างหน้าเพื่อช่วยดูดของเหลว
ด้วยการกำหนดตำแหน่งที่แม่นยำของอัลตร้าซาวด์ เฉินชางเจาะเข้าไปโดยตรง แล้วเมิ่งซีก็เริ่มดูดเลือดออก!
น้ำเลือดเกือบ 150 ml ถูกดูดออกมา ทั้งกระบวนการนี้ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที หลังจากนั้นเฉินชางถึงได้พูดกับหวังเซี่ยงจวินว่า “หัวหน้าแผนกหวัง แย่แล้วครับ คาดว่าเลือดออกเยอะเกินไป อาจะมีความเสียหายที่หลอดเลือดแดงใหญ่ เตรียมผ่าตัดเปิดหน้าอกเถอะครับ!”
สีหน้าหวังเซี่ยงจวินเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินประโยคนี้
“เตรียมผ่าตัดในห้องฉุกเฉิน!”
เมื่อเขาสั่งแล้ว พยาบาลสามคนก็รีบวิ่งไปเตรียมอุปกรณ์
ตอนนี้เอง จู่ๆ ทางฝั่งเตียงห้าก็มีเสียงร้องโอดครวญอยู่พักหนึ่ง
“โอ๊ย ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว! เจ็บมากเลย!”
หวังเซี่ยงจวินรีบเดินไปดู ตอนนี้ความเจ็บถือเป็นเรื่องดี แสดงว่ายังไม่มีภาวะช็อค
ส่วนทางฝั่งเฉินชางก็สมาธิแน่วแน่ เขาเตรียมผ่าตัดเปิดช่องอก!
แม้รอบข้างจะเสียงดังอึกทึก แต่งานกู้ชีพก็ชักช้าไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว!
เฉินชางผ่าเปิดช่องอกอย่างชำนาญโดยมีเมิ่งซีคอยช่วยอยู่ข้างๆ!
ตอนที่เพิ่งผ่าเปิดช่องอก ทั้งสองก็สีหน้าเปลี่ยนทันที!
เลือดเยอะมาก
นี่ต้องมีเลือดออกมามากขนาดไหนกัน!
ทั้งยังไม่ใช่แค่นั้น เส้นเลือดแดงเส้นหนึ่งพลันมีเลือดทะลักออกมา พยาบาลที่อยู่ข้างๆ ถูกเลือดพ่นใส่จนบนหน้ามีแต่รอยเลือดเต็มไปหมด!
เพียงแต่พยาบาลยังคงสุขุมเยือกเย็น ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดทีหนึ่ง ทำให้ทั้งหน้าเต็มไปด้วยรอยเลือดทันที แต่เธอก็ไม่ได้วิตกกังวลแม้แต่น้อย ส่งอุปกรณ์ให้เฉินชางอย่างไม่สะทกสะท้าน
ทันใดนั้น เพียงชั่วพริบตาเหมือนประกายไฟตอนตีหิน เฉินชางสีหน้าเปลี่ยนอีกแล้ว ในดวงตาพลันปรากฏชื่อสีแดงขึ้นมา นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะใช้มือกุมไว้โดยตรง!
เลือดหยุดไหลในชั่วพริบตาเดียว
ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก เป็นการใช้มือห้ามเลือดที่เจ๋งมาก เจอจุดที่เลือดออกได้ยังไง!
เมิ่งซีอาศัยเวลาช่วงนี้เริ่มผ่าเยื่อหุ้มหัวใจออก หมอที่อยู่ข้างกันเริ่มนำกระบอกฉีดยาขึ้นมาล้างเลือด
ช่วยไม่ได้!
ที่นี่คือห้องฉุกเฉิน ไม่ใช่ห้องผ่าตัด ไม่มีเครื่องมือล้าง!
และยิ่งไม่มีเครื่องเอคโม่ด้วย
ตอนนี้ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน!
ตอนนี้ทุกนาทีมีค่ามากสำหรับพวกเขา!
ต้องลดความดันในเยื่อหุ้มหัวใจให้สำเร็จภายในไม่กี่วินาที จากนั้นค่อยทำซีพีอาร์หัวใจ!
ไม่อย่างนั้น ถ้าทำซีพีอาร์ตอนนี้ ก็มีแต่จะทำให้บาดแผลบาดเจ็บยิ่งกว่าเดิม
ไม่มีทางไปห้องผ่าตัดทัน การเตรียมตัวไม่กี่นาทีก็ทำให้ผู้ป่วยมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ตอนนี้พวกเขาทุกคนล้วนต้องทำงานแข่งกับเวลา
เวลาที่เหลือให้ผู้ป่วยมีไม่มากแล้ว…
สีหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความร้อนรนและกระวนกระวาย
พยาบาลที่อยู่ข้างๆ ไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น ยุ่งจนเหงื่อไหลทิ้งรอยไว้บนคราบเลือดบนใบหน้า
เมิ่งซีผ่าเยื่อหุ้มหัวใจออกอย่างชำนาญ เลือดไหลออกมาทันที!
เฉินชางมีสีหน้าดีใจแล้ว!
เขาพูดกับหมอแผนกฉุกเฉินที่อยู่ข้างๆ ว่า “ทำซีพีอาร์!”
การทำซีพีอาร์หลังจากผ่าเปิดหน้าอกแบบนี้ ถือเป็นงานที่ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษในสายตาของพวกเขา
เฉินชางใช้สองมือกุมเส้นเลือดไว้อย่างระมัดระวัง!
หมอคนนั้นไม่ลังเล เริ่มทำซีพีอาร์ทันที
ความกลัวงั้นเหรอ
ไม่มีความกลัวอยู่เลย!
ไม่มีเวลากลัวหรอก
ถ้าจะกลัวก็รอให้ผู้ป่วยตายก่อนแล้วค่อยกลัว ไม่อย่างนั้นก็รอให้กู้ชีพกลับมาได้ก่อน แล้วค่อยมานึกกลัวเอาทีหลัง!
ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว
ทำซีพีอาร์ไปแค่สองเซ็ต หัวใจของผู้ป่วยก็กลับมาเต้นแล้ว
สาเหตุหลักที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นตอนแรก คงเป็นเพราะภาวะบีบรัดหัวใจรุนแรงจนทำให้เกิดแรงดันมากเกินไป
หลังจากผ่าเยื่อหุ้มหัวใจออกแล้ว แรงต้านของหัวใจก็หายไป เมื่อมีการทำซีพีอาร์คอยช่วย หัวใจก็เริ่มเต้นแล้ว
แต่เนื่องจากเสียเลือดปริมาณมาก ความดันเลือดจึงยังต่ำมาก
ตอนนี้แผนกธนาคารเลือดเทียบหมู่เลือดเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายก็นำเลือดที่เข้ากันได้ส่งมาแล้ว
ตอนนี้ต้องส่งตัวผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัดแล้ว!
ตอนนี้แพทย์เวรของแผนกศัลยกรรมหัวใจรีบมาช่วยเฉินชางแล้ว ทั้งสามกำลังจะไปที่ห้องผ่าตัด!
ตอนนี้เอง จู่ๆ ในห้องฉุกเฉินก็มีเสียงอาเจียนอย่างรุนแรงดังมา เฉินชางพลันสีหน้าเปลี่ยนแล้วพูดกับเมิ่งซีว่า “อาจารย์เมิ่งครับ พวกคุณไปผ่าตัดก่อนเลย ผมจะไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
เมิ่งซีพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธ!
ผู้ป่วยสามคนที่ถูกส่งตัวมา ไม่ว่าคนไหนก็อยู่ในอาการวิกฤติมาก
เวลานี้เลยเที่ยงคืนมาแล้ว หมอหลายคนมาไม่ทันกาล
สุดท้ายกำลังคนที่ทำการรักษาฉุกเฉินก็มีจำกัด
การเย็บซ่อมแซมหลอดเลือดหัวใจ มีเมิ่งซีกับเก่อฮว๋ายก็เพียงพอแล้ว!
อันตรายที่ยังไม่รู้ อาการของโรคที่ยังไม่รู้ รวมทั้งบททดสอบที่ยังไม่รู้ ทุกอย่างกำลังรอหมอทุกคนของแผนกฉุกเฉินอยู่!
เวลานี้ การการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่างหากที่เป็นตัวเลือกที่สำคัญ
เฉินชางไม่แม้แต่จะคิด หันตัวเดินไปทันที
“ช็อคแล้ว!”
ตอนนี้หวังเซี่ยงจวินเริ่มร้อนใจแล้วจริงๆ
แพทย์ที่ทำหน้าที่อัลตร้าซาวด์ดูแผ่นอัลตร้าซาวด์แล้วกล่าวอย่างตกใจทันที “หัวหน้าแผนกครับ! ตับแตก มีเลือดออกในช่องท้องเยอะมากด้วยครับ เตรียมผ่าตัดเถอะ!”
หวังเซี่ยงจวินรีบพยักหน้า “เตรียมห้องผ่าตัด!”
ทันใดนั้น จู่ๆ หวังเซี่ยงจวินก็รู้สึกหมดแรงนิดหน่อย การผ่าตัดซ่อมแซมตับเป็นการผ่าตัดใหญ่ ตอนที่มองหมอแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีที่กำลังอึดอัดใจก็อดถามไม่ได้ว่า “ผู้อำนวยการเฉียนจะมาเมื่อไรครับ!”
“ใกล้แล้วครับ อีกประมาณเจ็ดแปดนาที!” หมอของแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีตอบ
เมื่อหวังเซี่ยงจวินได้ยินคำตอบก็พูดอย่างร้อนใจว่า “เตรียมผ่าตัด แผนกธนาคารเลือด เตรียมเลือดที่เข้ากันได้!”
เฉินชางรีบบอกว่า “หัวหน้าแผนก ผมผ่าตัดซ่อมตับแตกได้ครับ!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ คนที่อยู่รอบๆ ก็ชำเลืองมาทันที
เพราะเขาเพิ่งนำทุกคนทำงานกู้ชีพเบื้องต้นให้ผู้ป่วยเตียงหมายเลขหนึ่งสำเร็จโดยไม่มีข้อผิดพลาด
ตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าเขายังผ่าตัดซ่อมแซมตับได้ด้วย!
การผ่าตัดซ่อมแซมตับเป็นการผ่าตัดที่ยากมาก เป็นการผ่าตัดระดับสี่!
แล้วทักษะที่เฉินชางเรียนมาก็เป็นเวอร์ชันไม่สมบูรณ์ด้วย!
แต่ตอนนี้ อย่าว่าแต่ทักษะเวอร์ชั่นไม่สมบูรณ์เลย ต่อให้เป็นทักษะเวอร์ชันพิการก็ต้องเอามาใช้!
พอหวังเซี่ยงจวินได้ยินเฉินชางพูดแบบนี้ ก็เหมือนได้ยินข่าวดีจากพระเจ้า เหลือบตาขึ้นมองทันที
แพทย์หนุ่มคนนี้ เหมือนจะไม่ได้ช่วยตนเป็นครั้งแรกแล้ว
หวังเซี่ยงจวินประหลาดใจและสะท้อนใจไม่ไหยุด แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองเก่งกาจขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้!
หวังเซี่ยงจวินมองเฉินชางด้วยสีหน้าดีใจ “ดี! ได้! ได้!”
หลังจากพูดจบ ก็มองหมอแผนกฉุกเฉินและหมอแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี “พวกคุณได้สิทธิ์ร่วมงานกับหมอเฉินเต็มที่เลยครับ ทำงานช่วยชีวิตผู้ป่วยให้ดี!”
ทั้งสองพยักหน้าทันที!
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดมาก เพราะผู้ป่วยตับแตกมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก!เพราะตับเป็นอวัยวะที่มีเลือดมาเลี้ยงจากทั้งหลอดเลือดแดงอาร์เทอรีและหลอดเลือดดำพอร์ทัล ตับมีการไหลเวียนเลือดเยอะมาก อีกทั้งตับยังมีหน้าที่ผลิตและระบายน้ำดี ถ้าตับเสียหายขึ้นมา ผลที่ตามมาก็ร้ายแรงมาก!
เสียเลือดมากก็จะทำให้เกิดภาวะช็อคเพราะขาดเลือด
และถ้าน้ำดีรั่วก็จะทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบที่ร้ายแรงจากน้ำดีด้วย
เลือดออก+ติดเชื้อ+การบาดเจ็บร่วม = ?
ผลที่ตามมาชัดเจนมาก!
ไม่ว่าจะเป็นภาวะไหนก็ทำให้ผู้ป่วยเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ทั้งนั้น
ดังนั้น ตอนนี้ทั้งสองจึงมองเฉินชางด้วยแววตาที่เหมือนเฝ้าคอยดาวช่วยชีวิต
หวังว่าเสี่ยวเฉินจะประคองสถานการณ์ได้จนกว่าเฉียนเลี่ยงจะกลับมา!
บทที่ 505 เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง
พอได้ยินบทสนทนาของหวังอวี้ซานกับทังจินโป กู้หงเหมยก็หน้าเปลี่ยนสีทันที!
เธอมองชายเร่ร่อนด้วยสีหน้าตำหนิแวบหนึ่ง “เขาไม่ได้มีอาการแค่วันสองวัน อย่างน้อยน่าจะครึ่งปีแล้วใช่ไหม ตอนแรกมัวไปทำอะไรอยู่ ตอนนี้กล้ามเนื้อท้องแขนของเด็กเปลี่ยนสภาพแล้ว กลายเป็นแผลเป็นแล้ว เขาจะไม่เจ็บแย่เหรอ”
ไม่แปลกใจที่กู้หงเหมยโมโห!
เด็กเพิ่งอายุสองสามขวบเอง แต่แขนบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว ใครเห็นก็ต้องปวดใจทั้งนั้น
กล้ามเนื้อท้องแขนหดรั้งเพราะขาดเลือดเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังจากอวัยวะแขนขาได้รับบาดเจ็บ สาเหตุสำคัญก็ไม่ได้ซับซ้อน เป็นเพราะเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่พอ
อาการแบบนี้มักมีประวัติการได้รับบาดเจ็บ หรือไม่ก็ถูกกดทับท้องแขนส่วนข้อศอกมาก่อน
ทั้งยังเป็นอาการที่เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ถ้ารักษาทันตั้งแต่ช่วงแรก ผลลัพธ์ก็ยังน่าพอใจ
แต่หากไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาไม่ทันเวลา รักษาไม่ถูกต้อง หรือถ่วงเวลารักษา ผลการรักษาก็จะไม่ดีพอหรือไม่ก็แขนพิการ ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้!
ด้วยเหตุนี้ การวินิจฉัยโรคและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญมาก
เห็นได้ชัดมากว่าตอนนี้อาการของเด็กไม่ได้อยู่ในระยะแรกแล้ว กลายเป็นอาการนิ้วหงิกงอเพราะภาวะกล้ามเนื้อหดรั้งแบบนี้ ก็อธิบายได้แล้วว่าเป็นระยะหลัง
เพราะแบบนี้ กู้หงเหมยถึงได้บ่นด้วยความโมโห
อายุของเด็กน่าจะประมาณหนึ่งถึงสองขวบ ถ้าอยู่บ้านคนอื่นคงได้เพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของชีวิตเด็กวัยห่อผ้าอ้อม
แต่เด็กคนนี้กลับเข้าใกล้ความพิการกับความตายแล้ว!
เมื่อชายเร่ร่อนได้ยินกู้หงเหมยตำหนิก็อดหน้าแดงไม่ได้ เขาส่ายหน้าน้อยๆ ร้อนรนอยากอธิบาย แต่กลับไม่มีเสียงพูดออกมา ท่าทางร้อนรนแทบแย่แล้ว
ตอนนี้หวังอวี้ซานก็กล่าวเสียงต่ำว่า “มีกระดูกเรเดียสหักตรงท้องแขน แต่…กระดูกประสานตัวกันแล้ว เป็นภาวะกระดูกติดผิดรูป เป็นมาอย่างน้อยครึ่งปีแล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคที่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบนี้ ใจก็ฝ่อไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ยิ่งเวลานานไป สถานการณ์ก็ยิ่งอันตราย ยิ่งทำให้เสียชีวิตได้ง่ายขึ้น!
เป็นพ่อแม่ประสาอะไร ถึงปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ได้ ลูกกระดูกแขนหักมาเกินครึ่งปีแล้วแต่ไม่สนใจ หลังจากปล่อยให้ลุกลามจนพิการ ก็อาจทำให้เกิดภาวะขาดเลือดจนกล้ามเนื้อตายเฉพาะส่วน ทำให้เป็นนิ้วหงิกงอเพราะภาวะกล้ามเนื้อหดรั้งเหมือนอย่างที่เห็นวันนี้
เฉินชางมองเถาหันไฉ่ ถามว่า “คุณไปเจอเขาได้ยังไงครับ”
เถาหันไฉ่แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกหมอคุยกัน แต่ก็พอรู้คร่าวๆ ว่ามาช้าไป ตอนนี้อาการหนักมากแล้ว อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้!
ชั่วขณะนั้นเขาตาแดงและส่ายหน้าไม่หยุด เอาแต่ขอร้องอยู่อย่างนั้น แล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ จึงหยิบกระดาษขึ้นมาเขียน ‘ผมเจอเด็กคนนี้ในซอยเล็กๆ เมื่อวานซืน แต่ผมยินดีพาเขามารักษา ผมมีเงิน ผมมี 52941.5 หยวน ผมยินดีจ่ายทั้งหมดเพื่อรักษาเขา’
พอพูดจบ เขาก็หยิบถุงพลาสติกออกจากกระเป๋าเสื้อ เหมือนกับครั้งก่อนไม่มีผิด แต่ครั้งนี้มีเงินอยู่ข้างใน มีทั้งเหรียญและธนบัตร!
เมื่อทุกคนได้เห็นข้อความของชายคนนี้ ก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งทันที
พ่อแม่แบบไหนกันที่ทำเรื่องอย่างนี้ได้!
เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แต่นี่โยนลูกทิ้งไว้ในซอยเล็กๆ จะปล่อยให้ตายเองตามยถากรรมงั้นเหรอ
พวกเขายังเทียบคนเร่ร่อนไม่ได้ด้วยซ้ำ
เขายินดีนำเงินทั้งหมดที่มีมาช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่ง แต่พวกคุณกลับไม่ทะนุถนอม โยนทิ้งไว้ในมุมเล็กๆ
ตอนนี้ทุกคนมองคนเร่ร่อนด้วยสายตาซาบซึ้งและนับถือมากขึ้นหลายส่วน
……
……
ตอนนี้ไม่รู้ที่มาของเด็กชัดเจน ครอบครัวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เฉินชางยังต้องรายงานไปที่โรงพยาบาล เพราะโรงพยาบาลและรัฐบาลจะมีเงินทุนประคับประคองและระบบจัดการดูแลโดยเฉพาะ
พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้คนเร่ร่อนคนหนึ่งมารับผิดชอบเด็ก สังคมนี้ก็ไม่แล้งน้ำใจจนปล่อยเด็กคนหนึ่งไว้ตามยถากรรมเช่นกัน
เฉินชางเคยเก็บเด็กทารกถูกทิ้งตรงประตูแผนกฉุกเฉินมาก่อน แต่ก็มีจำนวนไม่มาก พวกเขาเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยตอนทำงานที่โรงพยาบาลเด็ก
ผู้ปกครองเห็นว่ารักษาไม่ไหว จึงแอบวางเด็กไว้ตรงประตูแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเด็ก แล้วยืนตรงมุมรอให้หมอมาอุ้มไป จากนั้นค่อยจากไปพร้อมน้ำตา
แต่มีด้วยหรือ คนที่เลือดเย็นถึงขั้นทิ้งลูกไว้ข้างถังขยะ แล้วปล่อยให้คนเร่ร่อนเก็บไป!
หลังจากฉินเสี้ยวยวนรู้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล โทรหาฝ่ายกิจการแพทย์และแผนกที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทำข้อมูลรายงานให้เรียบร้อย
พวกเขาอาศัยช่วงเวลานี้ตรวจร่างกายและเจาะเลือดให้เด็ก
หลังจากแผ่นเอกซเรย์ออกมาแล้วทุกคนได้เห็นแขนที่ผิดรูปชัดเจนก็อดเศร้าใจไม่ได้ พวกเขาทอดถอนใจขณะมองเด็กน้อยถูกฉีดยาระงับประสาท
ตอนนี้คนเร่ร่อนไม่กล้าก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้ว ได้แต่ใช้สายตาปกป้องเด็กน้อยเงียบๆ
หวังอวี้ซาน ทังจินโปและอาจารย์อีกสองคนเริ่มหารือเรื่องวิธีการรักษาแล้ว
ตอนที่เฉินชางกำลังฟัง จู่ๆ ก็มีคนมาดึงชายเสื้อเขา
เฉินชางหันตัวมามองคนเร่ร่อนแล้วถามว่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
คนเร่ร่อนมองไปรอบๆ แวบหนึ่ง บอกใบ้ให้เฉินชางเดินออกมา
เฉินชางพยักหน้าแล้วเดินตามออกไป
คนเร่ร่อนหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนข้อความว่า ‘ให้ผมออกเงินรักษาเด็กคนนี้ได้ไหม ผมจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้จนเติบโต’
ประโยคนี้ทำให้เฉินชางอึ้งไปเลย
จะมีการสืบหาตัวพ่อแม่เด็กผ่านหน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะแน่นอน ถ้าหาไม่เจออาจถูกส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์
แต่…ถ้าเป็นอย่างนั้น คนเร่ร่อนก็อาจเสียสิทธิ์ในการเลี้ยงดู
อีกทั้งการเก็บเด็กมาเลี้ยงแบบนี้ โดยทั่วไปกฎหมายยังไม่ยอมรับ
ถึงตอนนั้นเวลาจะใส่ชื่อเข้าทะเบียนบ้านยังเป็นปัญหาเลย
แต่เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของคนเร่ร่อน เฉินชางก็อาจจะเข้าใจว่าเขาคิดอย่างไร
เด็กคนนี้อาจจะเป็นคนที่เขาฝากฝังชีวิตในอนาคตไว้ได้
เฉินชางคิดไปคิดมาแล้วบอกเขาว่า “หลังจากเด็กรักษาตัวหายดีแล้ว จะถูกส่งไปที่สถานสงเคราะห์ ถึงตอนนั้นผมจะช่วยคุณเดินเรื่องรับเลี้ยงได้ แต่เขา…ต้องได้รับการศึกษา…”
คนเร่ร่อนพยักหน้า ‘ผมจะเก็บขยะส่งเขาเข้าเรียน’
เฉินชางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เรื่องแบบนี้เขาไปยุ่งด้วยไม่ไหว แต่…น้ำใจส่วนนี้กลับทำให้เขาซาบซึ้ง
ในห้องทำงานตอนนี้ อาจารย์แพทย์ทั้งสี่คนกำลังปรึกษาเรื่องแผนการผ่าตัด!
เด็กอายุยังน้อย ทั้งยังมีอาการร้ายแรงด้วย
เฉินชางทำการผ่าตัดแบบนี้ไม่ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาผ่าตัดแบบนี้ไม่เป็น ทั้งเมืองตงหยางมีคนทำเป็นอยู่ไม่กี่คน
การผ่าตัดครั้งนี้เกี่ยวข้องกับปัจจัยต่างๆ เยอะเกินไป
ตอนที่ทุกคนกำลังหารือกัน เฉินชางก็หาข้อมูลแล้วเช่นกัน การผ่าตัดเคสนี้ครอบคลุมการผ่าตัดย่อยเยอะเกินไป เช่น ผ่าตัดคลายกล้ามเนื้อ ผ่าตัดยืดเส้นเอ็น ผ่าตัดปลูกถ่ายเส้นเอ็น ผ่าตัดตรึงเส้นเอ็น ผ่าตัดย่อกระดูก ตัดกระดูก ตัดแผลเป็นทิ้ง ผ่าตัดย้ายเส้นประสาท ปลูกถ่ายผิวหนัง…การผ่าตัดทั้งใหญ่ทั้งเล็กสามสิบกว่าเคส!
ตอนนี้เฉินชางผ่าตัดเป็นหมดแล้วอย่างนั้นหรือ
ไม่ใช่แค่เฉินชางเท่านั้น แม้แต่ทังจินโป หวังอวี้ซานและอาจารย์แพทย์อีกสองคนก็ยังถกเถียงกันไม่หยุดว่าจะเริ่มผ่าตัดให้เป็นระเบียบได้อย่างไร!
ทั้งสี่เริ่มถกเถียงกันอย่างดุเดือด!
ใครก็นึกไม่ถึงว่าการรวมตัวกันหลังจากผ่านไปยี่สิบกว่าปีจะเกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้นได้
ไม่มีเสียงพูดคุยหัวเราะอันชื่นมื่น ยังไม่ทันรินเหล้าให้กัน สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือการถกเถียงเกี่ยวกับเคสผู้ป่วยที่ซับซ้อนรักษายาก และการผ่าตัดที่พวกเขาต้องลงสนามด้วยกัน!
หวังอวี้ซานกับทังจินโปยังคงตะคอกเสียงดังใส่กัน เถียงกันดุเดือดมาก ผ่านไปนานกว่าจะได้บทสรุป
“การผ่าตัดแบบปาร์คส์!”
บทที่ 499 แปลคำว่าหมื่นกระบี่หวนคืนยังไง
เมื่อไม่มีการเปรียบเทียบ ก็ไม่มีการบาดเจ็บ
หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว สายตาที่ทั้งสองมองกันและกันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
สงครามระหว่างนักพรตขั้นรอรับทัณฑ์อัสนีกับนักพรตขั้นเหาะเหิน ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริสุทธิ์ได้ง่ายมาก
การถกเถียงแบบนี้ก็ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบฝ่ายศัตรูตายแปดร้อย ฝ่ายตัวเองตายหนึ่งพันเช่นกัน
ดังนั้น…
สองมหาเทพกับสอง ‘ผู้ติดตาม’ ที่ยังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ตอนนี้กำลังนั่งมองหน้ากันอย่างเลิกลั่กเงียบๆ อยู่ในห้องทำงานจิตใจสงบเยือกเย็น
ในที่สุด เฉินชางก็เป็นคนเปิดประเด็น “ศาสตราจารย์ทัง พูดตามตรงนะครับ ผมมีความรู้เรื่องวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังของคุณไม่เพียงพอจริงๆ ส่วนวิธีการเย็บแบบทังที่คุณปรับปรุงแล้ว มีความก้าวหน้ามากขึ้นจริงๆ ครับ”
ทังจินโปถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ศาสตราจารย์เฉิน คุณไม่ต้องเกรงใจแล้วครับ เราต่างก็ทำอาชีพเดียวกัน ต่างก็รู้อยู่แก่ใจ ก็อย่างที่คุณบอก พวกเรามานั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้ก็เพื่อถกเถียงกันด้วยดี เพื่อทำให้วิธีการเย็บเส้นเอ็นของแผนกศัลยกรรมมือก้าวหน้า!”
เมื่อเห็นทั้งสอง ‘กลับมาคืนดีกัน’ ในที่สุดฉินเสี้ยวยวนก็โล่งอกแล้ว ส่วนหัวหน้าแผนก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลและเลขาคนอื่นๆ ก็หายกังวลแล้ว
ถึงอย่างไร ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ…พวกเขาจะช่วยใครดีล่ะ
ส่วนหลี่อวี่ก็มองเจียงเทาแล้วมอบรอยยิ้มนอบน้อมให้ เก็บปากกาในมือใส่ในกระเป๋าเสื้ออย่างแนบเนียน
เจียงเทาเองก็พยักหน้าอย่างเจตนาดี เก็บค้อนเคาะเข่าไว้ในชุดกาวน์ มือที่กำหูฟังแพทย์ก็คลายออกแล้วเช่นกัน
เฉินชางบอกย่วนย่วนว่า “ย่วนย่วน คุณเปิดคลิปผ่าตัดเถอะ ผมกับศาสตราจารย์ทังจะอภิปรายกันสักหน่อย”
ทังจินโปพยักหน้า เขาเองก็มีความตั้งใจเหมือนกัน
นี่คือเป้าหมายของทั้งสอง ส่งเสริมกันและกัน สื่อสารพูดคุยกัน
ระดับที่สมบูรณ์แบบเป็นเพียงการตั้งหัวข้อที่ไม่สอดคล้องกับความจริง เป็นเพียงวิธีเย็บที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้น
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการเย็บที่ดีที่สุด
ทุกความสมบูรณ์แบบล้วนเกิดจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสาเหตุที่วิธีการเย็บเส้นเอ็นของเฉินชางได้รับขนานนามว่าเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบ ก็เพราะซึมซับวิธีการมาจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน ปรับจุดแข็งของอีกฝ่ายให้เป็นฝีมือของตัวเอง
แต่วิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังที่ค้นคว้าวิจัยโดยศาสตราจารย์ทังก็ถือว่าสมบูรณ์มากแล้ว ดังนั้นก็หมายความว่ามีจุดแข็งใหม่ๆ มากมาย ไม่จำเป็นต้องพัฒนาต่อเนื่องอีกแล้ว
ขณะมองคลิปผ่าตัดในทีวี เฉินชางก็เริ่มวิเคราะห์และวิจารณ์
ศาสตราจารย์ทังก็ดูอยู่เช่นกัน จากนั้นก็อธิบายสิ่งที่เฉินชางถาม
ตอนแรกบรรยากาศยังปรองดองมาก
เพียงแต่…
วิธีการสื่อสารแบบ ‘คุณถามผมตอบ’ กลายเป็น ‘ถามกลับและแย่งตอบ’ อย่างรวดเร็ว!
เฉินชางชี้รายระเอียดการเย็บบนทีวีแล้วเริ่มโต้เถียงกับศาสตราจารย์ทัง
ตอนแรกศาสตราจารย์ทังยังหนักแน่น ตอนหลังก็ลุกขึ้นเดินไปยืนข้างทีวีแล้วเริ่มออกท่าทางอธิบายภาพที่ปรากฎในจอทีวีเสียเลย
อืม!
ทั้งสองต่างก็อยากจะโน้มน้าวอีกฝ่าย
แต่ทั้งสองก็ดันเป็นคนที่ถูกโน้มน้าวไม่ได้ง่ายๆ
แม้จะเป็นวิธีการที่เกิดจากการฝึกอบรมเสริม แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ เฉินชางผ่านการฝึกมานับหมื่นครั้ง มีความรู้และความมั่นใจเรื่องวิธีการเย็บเส้นเอ็นมากพอ
ศาสตราจารย์ทังก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน!
ทีวีไม่อาจรองรับคววามเสียหายได้ตลอดเวลา ย่วนย่วนกังวลมาก และจนใจมากเช่นกัน ทำไมทุกครั้งที่ทีวีเกิดปัญหาจะต้องตรงกับเวรของฉันตลอด
เธอมองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฉินเสี้ยวยวนแวบหนึ่งอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรม
ฉินเสี้ยวยวนงงไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว เด็กน้อย ไม่เป็นอะไรหรอก! ถ้าเกิดเรื่องขึ้นฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง!
ทั้งสองถกเถียงกันจนยากจะตัดสินแพ้ชนะ
แต่จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ว่า ‘ศึกเทพ’ ครั้งนี้เป็นโอกาสที่หาพบได้ยากของหลี่อวี่ เจียงเทาและอันเยี่ยนจวิน นี่คือวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังที่วิเคราะห์ได้ค่อนข้างลึก
ทั้งสองต้องถกเถียงกันในทุกรายละเอียด จากนั้นก็เลือกวิธีการที่เหมาะสมมากกว่า แล้วอธิบายทุกขั้นตอนแยกเป็นข้อๆ…
การถกเถียงดำเนินไปอย่างนั้น สุดท้ายการผ่าตัดเคสแรกที่ศาสตราจารย์ทังลงมือเองก็ได้ข้อสรุปแล้ว
บุคลากรแผนกศัลยกรรมมือที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยกระดับความสามารถตัวเองอีกครั้ง
เมื่อภาพในจอทีวีเปลี่ยนไป ก็ปรากฏคลิปการผ่าตัดของเฉินชางขึ้นมา ตอนนี้ทุกคนต่างก็เริ่มจดจ่อสมาธิแล้ว
เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าวิธีการเย็บของเฉินชางมีที่มาจากไหนกันแน่!
เรียนมาจากอาจารย์ท่านไหน
แม้แต่ศาสตราจารย์ทังก็ยังสะท้อนใจอยู่บ้าง ขณะที่เขามองภาพการผ่าตัดในจอก็เริ่มเกิดคำถามขึ้นมาทีละข้อ
เฉินชางย่อมพูดสิ่งที่รู้ออกมาหมดอยู่แล้ว พูดถึงแนวคิดและวิธีคิดเรื่องการเย็บของตัวเองออกมาอย่างจริงจัง
เพราะเฉินชางก็ไม่รู้เช่นกันว่าวิธีการของตัวเองมีจุดบกพร่องตรงไหน แต่ศาสตราจารย์ทังกลับช่วยให้เขารู้ถึงจุดบกพร่องของตัวเองได้
แต่…
เฉินชางยิ่งพูด เจียงเทากับหลี่อวี่ก็ยิ่งอ้าปากค้าง จินตนาการตามไม่ออก!
แม้แต่ศาสตราจารย์ทังเองก็เริ่มเงียบแล้วเช่นกัน
เขานึกไม่ถึงว่าหมอเฉินที่อายุยังน้อยจะเข้าใจวิธีการเย็บเส้นเอ็นได้ล้ำลึกขนาดนี้!
“นี่เป็นแนวคิดของบันเนลล์กับวิธีคิดของเคสเลอร์….ตรงนี้ก็เป็น…
ผมรู้สึกว่าไม่มีวิธีการเย็บที่ถูกต้องเสมอไป มีแค่วิธีการเย็บที่ดีที่สุดเท่านั้น เหมือนกับสีที่สุ่มผสมกันไม่หยุด จนได้เป้าหมายการผ่าตัดที่เหมาะสมกว่า…”
หลังจากเฉินชางพูดจบ ศาสตราจารย์ทังก็นำปรบมือ!
เขามองเฉินชางด้วยสีหน้าตื่นเต้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความฮึกเหิม “ศาสตราจารย์เฉิน คุณกำลังทำเรื่องที่…พวกเราอยากทำแต่ไม่กล้าทำ!”
พอพูดถึงตรงนี้ แววตาของทังจินโปก็หม่นมัวลงหลายส่วน “บางที เรื่องนี้อาจจะมีแค่คนรุ่นคุณที่ทำได้ พวกเราแก่กันหมดแล้ว ถึงยังไงเป็นเส้นทางที่ยาวนาน ผมหวังว่าคุณจะพากลุ่มคนหนุ่มสาวพวกนี้เดินไปได้ไกลกว่านี้!…
…คุณพูดได้น่าคิดมาก ตอนนั้นผมกับศาสตราจารย์หวังอวี้ซาน ศาสตราจารย์ฉางหงเหล่ยเคยร่วมงานและวิจัยด้วยกัน พวกเราต่างก็เคยตั้งใจศึกษาวิธีการพวกนี้ ศาสตราจารย์ฉางเธอทุ่มเทสติปัญญาฝึกวิธีการเย็บแบบดั้งเดิมมาทั้งชีวิต ผู้อำนวยการหวังก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ใช่ว่าพวกเราจะไม่เคยคิดมาก่อน แต่มันยากเกินไป แนวคิดของคุณกลับดีมาก มีความหวังมาก!”
พอพูดถึงตรงนี้ ทังจินโปก็มองเฉินชางด้วยแววตาเปล่งประกาย
“ตอนนี้จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าแผนที่พวกเรายอมแพ้และดองไว้ตอนแรก เหมือนจะเริ่มใหม่แล้ว!…
…ผมรู้สึกว่าพวกเรานั่งคุยเรื่องนี้กันดีๆ ได้ เรื่องนี้มีความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อวงการศัลยกรรมมือในประเทศเรา!”
หลังจากพูดจบ หลี่อวี่ก็เงยหน้ามองอาจารย์ตัวเอง นึกไม่ถึงว่าอาจารย์จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้
คิดมาตลอดว่าศาสตราจารย์ทังทำอะไรก็ราบรื่นเหมือนใช้โปรแกรมโกง แต่…ไม่เคยได้ยินอาจารย์พูดถึงเรื่องในอดีตมาก่อน
ส่วนเจียงเทาก็มองเฉินชางพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกย้อนไปถึงวันแรกๆ ที่ตัวเองเพิ่งมาที่นี่พร้อมความรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นเพราะกลับจากเมืองหลวง
แต่พอลองคิดให้ดีๆ
เฉินชาง…ไม่ใช่สิ! ควรจะเป็นศาสตราจารย์เฉิน เขาไม่อยากได้คนที่มีความรู้พื้นๆ อย่างฉันหรอก
เราแตกต่างกันเกินไป!
ทังจินโปมองเฉินชาง “วิธีการเย็บแบบนี้เรียกว่าอะไรครับ”
“วิธีเย็บของเฉิน” เฉินชางยิ้มบางๆ
ทังจินโปฟังจบแล้วอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ เขาเริ่มหยอกว่า “ผมนึกว่าชื่อหมื่นกระบี่หวนคืนเสียอีก”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้หัวเราะออกมาแล้ว
แต่…เฉินชางนึกขึ้นได้ถึงปัญหาอีกอย่างหนึ่ง!
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าประโยคนี้อยู่ในวารสาร SCI ควรจะแปลยังไงดี
เฉินชางจมดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด!
———————————————–