บทที่ 514 ร่างกายย่อมซื่อสัตย์
[ติ๊ง! ยินดีด้วย เย็บซ่อมแซมตับสำเร็จ เป็นการเย็บซ่อมแซมที่เหนือกว่าระดับตนเอง ทำให้ท่านได้รับรางวัลมากมายดังต่อไปนี้: วิธีผ่าตัดแบบ JHVI (ระดับปรมาจารย์)!]
เมื่อเฉินชางได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ชะงักไปเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจนัก!
วิธีการผ่าตัดนี้คือรางวัลมากมายที่ผมได้หรือ
มันมากตรงไหนเนี่ย แค่ใส่ตัวอักษรภาษาอังกฤษเข้ามาสี่ตัวก็ถือว่ามากแล้วเหรอ
เฉินชางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้งสี่ตัวนี้หมายถึงการผ่าตัดอะไร หากจะฝืนอธิบายให้ได้สักหน่อยล่ะก็…แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกยิ่งใหญ่แล้ว
[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับทักษะการผ่าตัด JHVI!]
ก็ได้ เดี๋ยวผมจะกลับไปหาข้อมูลก็แล้วกัน ยังไงซะฟังก็ไม่รู้เรื่อง…
ตอนนี้เฉินชางรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักศึกษาตัวน้อยที่ระบบมอบรางวัลให้เป็นทฤษฎีสัมพันธภาพ จึงได้แต่จ้องมองปกหนังสือด้วยท่าทางงุนงงว่าอะไรคือทฤษฎีสัมพันธภาพกันแน่
……
……
ภารกิจของคืนนี้ค่อนข้างยาก มีผู้ป่วยสามคน สองคนบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกคนหนึ่งบาดเจ็บเล็กน้อยไม่ร้ายแรง
ตอนนี้ช่วยชีวิตสำเร็จคนหนึ่งแล้ว ขณะที่หวังเซี่ยงจวินกำลังจะเดินไปที่ห้องผ่าตัดของพวกเมิ่งซีก็พบว่าเมิ่งซี เก่อฮว๋ายแล้วคนอื่นๆ เดินออกมาจากห้องผ่าตัดข้างๆ พอดี
หวังเซี่ยงจวินรีบถามไปว่า “หัวหน้าเมิ่ง การผ่าตัดเป็นยังไงบ้างครับ”
เมิ่งซีพยักหน้า “หัวหน้าหวัง การผ่าตัดราบรื่นมากค่ะ! แต่…ส่งตัวไปห้องไอซียูแล้วค่ะ ตอนนี้อาการยังน่าเป็นห่วง หลักๆ คือหลอดเลือดแดงใหญ่เสียหาย ส่งผลไปถึงช่องอก…”
หวังเซี่ยงจวินผ่อนลมหายใจแล้วพยักหน้า อย่างน้อยก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแล้ว!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาผ่อนคลาย ผู้ป่วยสองคนถูกส่งตัวไปสังเกตอาการที่ห้องไอซียูทั้งหมด
หลังจากทำงานมานาน หวังเซี่ยงจวินก็คลายใจลงได้ในที่สุด เขาเห็นเฉินชางเดินไปแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปหา! มองเฉินชางด้วยสายตาเปี่ยมอารมณ์และซาบซึ้งใจ
จากนั้นก็ฉีกยิ้มสว่างไสวออกมา “เสี่ยวเฉิน คิดไหมครับว่าพวกเราสองคนมีวาสนาต่อกันมากจริงๆ!”
เมิ่งซีและเฉียนเลี่ยงมีสีหน้างุนงง วาสนาจากไหนของเขาล่ะนั่น
เฉินชางคิดถึงวิธีการผ่าตัดระดับปรมาจารย์และยาฉุกเฉินขั้นปรมาจารย์ที่เขากำลังจะได้รับ คิดว่าตนมีวาสนามากจริงๆ ถ้าหาก…หัวหน้าหวังมอบทักษะให้ตนอีกมากๆ วาสนานี้จะต้องลึกล้ำเข้าไปอีกแน่นอน!
คิดแล้วเฉินชางก็พยักหน้ายิ้มๆ “ใช่ครับ! ได้รู้จักกับหัวหน้าหวังถือเป็นเกียรติของผมจริงๆ ครับ”
หวังเซี่ยงจวินได้ยินดังนั้นก็มองไปที่เฉียนเลี่ยงแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว! ฮ่าๆ ผมก็รู้สึกถูกชะตากับเสี่ยวเฉินมากเลยนะครับ”
พูดกันถึงตรงนี้ หวังเซี่ยงจวินก็หัวเราะออกมา “เสี่ยวเฉิน คุณคิดว่าแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลตงต้าของพวกเราเป็นยังไงบ้างครับ สนใจมาศึกษาพัฒนาตัวเองอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ”
เฉียนเลี่ยงกลอกตามองบน มองไม่ออกหรือไง คนอื่นเขาแค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ! ได้คืบจะเอาศอกจริงๆ!
เห็นหวังเซี่ยงจวินทำตัวเป็นนักล่าจะกินไม่ให้เหลือกระดูกเช่นนั้น เฉียนเลี่ยงพลันรู้สึกว่าใบหน้าของตนจะบางเกินไปหรือไม่
เฉินชางยิ้ม “ผมเชื่อว่าในอนาคตต้องมีโอกาสร่วมงานกับโรงพยาบาลตงต้าแน่นอนครับ!”
เมื่อหวังเซี่ยงจวินได้ยินคำพูดของเฉินชางก็ทอดถอนใจอย่างปลงตก เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น…
อย่างไรก็ตาม…เขาสงสัยจริงๆ ว่าโรงพยาบาลอันดับสองมีเสน่ห์อะไรถึงดึงดูดเฉินชางได้เช่นนี้ เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งด้านทรัพย์สิน สวัสดิการ หรือโอกาสในการก้าวหน้า โรงพยาบาลตงต้าก็ล้วนแล้วแต่ดีกว่าโรงพยาบาลอันดับสองทั้งสิ้น!
ปล่อยให้บุคคลผู้มีพรสวรรค์อยู่ในมือไอ้หลี่หน้าดำเช่นนี้ จะคิดอย่างไรก็เสียเปล่าจริงๆ!
หวังเซี่ยงจวินคิดว่าวันหลังควรไปสำรวจเส้นทางที่โรงพยาบาลอันดับสองเสียแล้ว ดูสักหน่อยว่าจะเจออะไรพิเศษหรือไม่
เมิ่งซีมองเฉินชางด้วยสีหน้าแปลกใจ แม้ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร แต่ต้องเกี่ยวกับการช่วยชีวิตผู้ป่วยแน่นอน!
คิดแล้วในใจของเมิ่งซีก็เกิดความสงสัยขึ้นมาโดยพลัน ตกลงว่าเป็นการผ่าตัดแบบไหนกันแน่
ทว่าตอนนี้เก่อฮว๋ายสงสัยยิ่งกว่าใคร ไม่ทราบว่าเจ้าเฉินชางคนนี้มีความสามารถขนาดไหนกัน หัวหน้าแผนกทั้งหลายถึงได้พากันเข้าไปติดพัน…
ฟั่นไท่เดินเข้ามาพอดี เก่อฮว๋ายจึงรีบยื่นหน้าเข้าไปถาม “เหล่าฟั่น เมื่อกี้ผ่าตัดอะไรน่ะ”
ตอนนี้ฟั่นไท่ก็ประหลาดใจในตัวเฉินชางมากเช่นกันจึงไม่ได้ตอบคำถามของเก่อฮว๋าย แต่ถามกลับไปตรงๆ ว่า “เก่อฮว๋าย หมอหนุ่มคนเมื่อกี้เป็นหมอของแผนกพวกคุณหรือ”
เก่อฮว๋ายพยักหน้า “ใช่ครับ เขาเป็นนักศึกษาปริญญาโทของหัวหน้าเมิ่ง อยู่ปีหนึ่งแล้ว!”
ฟั่นไท่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา “ให้ตายเถอะ ล้อเล่นหรือไง ผมดูโง่เหรอ หมอเฉินเป็นนักศึกษาปริญญาโทปีหนึ่งเนี่ยนะ บอกว่าคุณเป็นนักศึกษาปริญญาโทปีหนึ่งซะเองผมยังจะเชื่อมากกว่าอีก!”
เก่อฮว๋ายชะงักไป แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คุณดูโง่ด้วยล่ะ
ฟั่นไท่กล่าวต่อไป “อย่ามาล้อเล่นแถวนี้!”
เก่อฮว๋ายรู้สึกอับจนคำพูดขึ้นมาทันที “ล้อเล่นอะไรกันล่ะครับ ผมพูดจริง ตกลงผ่าตัดอะไรกันแน่ รีบบอกมาเถอะ!”
ฟั่นไท่เห็นเก่อฮว๋ายดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่นก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที สีหน้าอัดแน่นไปด้วยความตื่นตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ “โอ้โห! หมอเฉินเป็นนักศึกษาปริญญาโทปีหนึ่งจริงๆ น่ะเหรอ รู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้เขาผ่าตัดอะไร”
เก่อฮว๋ายส่ายหน้า ส่วนเมิ่งซีก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆ ตอนนี้เธอยิ่งอยากรู้อยากเห็นเรื่องเฉินชางมากเข้าไปอีก!
ฟั่นไท่กล่าวด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม “หมอเฉินผ่าตัดภาวะตับแตกที่มีอาการซับซ้อน! ตั้งแต่ต้นจนจบเลย เขาใช้มือเปล่าหยุดเลือดด้วย สุดยอดไปเลย!”
เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ สองคนที่ฟังยังจะพูดอะไรได้อีก!
เก่อฮว๋ายมองฟั่นไท่ด้วยสีหน้าสงสัย “คุณเห็นผมดูโง่มากเหรอ”
ฟั่นไท่ “…”
“ผมพูดจริงๆ ไม่เชื่อก็ไปถามเหวินชิงสิ!”
เยว่เหวินชิงมองเก่อฮว๋ายด้วยสีหน้ากระตือรือร้น “เสี่ยวเก่อ คุณมีเบอร์โทรหมอเฉินหรือเปล่า เขาห้ามเลือดด้วยมือเปล่า สุดยอดจริงๆ ผ่าตัดแบบนั้นได้นี่ ฝีมือพอๆ กับหัวหน้าเฉียนเลยนะ!”
เก่อฮว๋ายถึงกับเบิกตากว้าง “คุณจะบอกว่า…หมอเฉินผ่าตัดภาวะตับแตกที่มีอาการซับซ้อนได้จริงๆ หรือ”
เยว่เหวินชิงตอบอย่างกระตือรือร้น “จะเรียกว่าผ่าตัดได้ได้ยังไง แบบนั้นต้องเรียกว่าเป็นผลงานความสำเร็จระดับปรมาจารย์แล้ว”
เก่อฮว๋ายคิดว่าคืนนี้ตนต้องนอนไม่หลับแน่นอน บางทีอาจจะปัญญาอ่อนไปเลยก็ได้…
ต้องขอลางานกับอาจารย์ซย่าก่อนหรือเปล่า…
ทว่าพอคิดถึงสายตาที่หัวหน้าซย่าใช้มองเฉินชางในคืนนี้แล้ว เก่อฮว๋ายก็รีบส่ายหน้า อย่าลางานเลยดีกว่า ถ้าหาก…อาจารย์ไม่พอใจแล้วถือโอกาสเตะเขาออกจากสำนักขึ้นมา แบบนั้นคงขายหน้าแย่!
บางที…ตอนนี้อาจมีเพียงสองคนที่เข้าใจความรู้สึกเก่อฮว๋าย คนหนึ่งคือเฉียนหลิน อีกคนคือเพื่อนนักเรียน A
เมิ่งซีมองแผ่นหลังของเฉินชางด้วยท่าทางใคร่ครวญ ในดวงตาอัดแน่นไปด้วยความแปลกใจระคนสงสัย นักเรียนของเธอคนนี้ดูเหมือนว่า…จะยอดเยี่ยมอยู่บ้าง!
คิดจบ จู่ๆ เมิ่งซีก็รู้สึกเหมือนเสื้อรัดแน่นขึ้นอีกแล้ว อึดอัดจริงๆ …
……
……
ทางด้านเฉินชาง เขากำลังเดินเคียงคู่ไปกับเฉียนเลี่ยง ออกไปจากห้องฉุกเฉินแล้ว
ทันใดนั้นเฉินชางก็ได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือนดังขึ้น
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของเมิ่งซี +10!]
เฉินชางชะงักไปโดยพลัน นี่ผม…ทำอะไรอีกล่ะ
เพิ่มค่าความรู้สึกดีได้ด้วยเหรอ
นี่ทำให้เฉินชางผู้เป็นเสมือนคลังเก็บทักษะของคุณเมิ่งมีสีหน้ายินดี
ไม่เลวๆ ค่าความรู้สึกดีเพิ่มขึ้นอีกสิบแต้มแล้ว คราวที่แล้วเอาไปแลก [ทักษะผ่าตัดซ่อมแซมหลอดเลือดเอออร์ตาส่วนลง] ผลาญค่าความรู้สึกดีไปสามสิบแต้ม ตอนนี้อย่างน้อยก็กลับมาอยู่ที่สี่สิบแต้มแล้ว
เฉียนเลี่ยงมองเฉินชาง อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าโชคชะตาช่างเล่นตลกกับมนุษย์เราจริงๆ ตอนแรกเขาไม่เห็นความสำคัญของเฉินชาง ส่วนตอนนี้…มาไกลถึงขั้นนี้แล้ว หากตอนนี้เฉินชางจะหาอาจารย์ผู้ชี้แนะก็คงไม่มองตนเช่นกัน
คิดแล้วเหล่าเฉียนก็ทอดถอนใจออกมา
มนุษย์เราไม่ควรเย่อหยิ่งเลยจริงๆ เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว
บทที่ 508 บีบพระราชาให้สละราชสมบัติ…(2)
พวกหวังอวี้ซานไม่ได้อยู่ต่อนาน ทั้งสี่กินอาหารมื้อเที่ยงกับบุคลากรของโรงพยาบาลอันดับสองแล้วก็เดินทางจากไป
ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็มีงานรัดตัวเยอะมาก ไม่อาจไปมาตามอำเภอใจได้
พวกเขามีหน้าที่และงานเยอะมาก คนอย่างทังจินโปออกมาข้างนอกได้สองวันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ขนาดไหน
ตอนเที่ยงเหล่าฉินดื่มเหล้าจนเมาเล็กน้อย!
เขาฮัมเพลงระหว่างกลับมาที่บ้าน ตอนที่เพิ่งเดินเข้าประตูมาแล้วจี้หรูอวิ๋นได้กลิ่นเหล้า เธอก็ถลึงตาใส่ฉินเสี้ยวยวนรอบหนึ่ง
“ทำไมคุณดื่มอีกแล้วคะ! ดื่มทุกวันแบบนี้อยากตายเร็วเหรอคะ!” จี้หรูอวิ๋นกล่าวอย่างไม่พอใจ
ฉินเยว่ก็วิ่งออกมาเช่นกัน “คุณพ่อคะ ทำไมดื่มอีกแล้วล่ะ”
ฉินเสี้ยวยวนโบกมือ พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “วันนี้มีมีเรื่องให้ดีใจ เลยดื่มไปไม่กี่แก้ว ดื่มไม่เยอะหรอก”
จี้หรูอวิ๋นรินน้ำชาให้เขา “เป็นอะไรไปคะ ดีใจเรื่องอะไรมา”
“ก็ต้องมีเรื่องดีเกิดขึ้นอยู่แล้วสิ!” ฉินเสี้ยวยวนยิ้มอย่างมีเลศนัย
ฉินเยว่นั่งย่อตัวลงข้างๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น รอฟังฉินเสี้ยวยวนพูด
จี้หรูอวิ๋นกลอกตามองบน “รีบบอกมาเถอะค่ะ!”
ฉินเสี้ยวยวนไม่ถือสา ตอบปนเสียงหัวเราะแห้งๆ “เสี่ยวเฉินกำลังจะได้เป็นหัวหน้าแผนกแล้ว!”
เขากล่าวคำนี้ออกมา ก็ทำให้จี้หรูอวิ๋นกับฉินเยว่อึ้งทันที
หัวหน้าแผนก?
โรงพยาบาลรัฐทำตามอำเภอใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
ตอนนี้ได้เป็นหัวหน้าแผนกแล้วเหรอ
พวกเขาล้วนทำงานในระบบนี้ ย่อมรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร!
จี้หรูอวิ๋นสนใจทันที “เกิดเรื่องอะไรกันแน่ คุณบอกมาสิคะ!”
ฉินเยว่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเช่นกัน เธอเดินไปอยู่ข้างหลังเหล่าฉิน นวดไหล่ให้เขาพร้อมประจบเอาใจ “คุณพ่อคะ รีบบอกมาเถอะค่ะ!”
เหล่าฉินไม่สบอารมณ์ทันที ทำไมพอฉันพูดถึงเฉินชางแล้วพวกเธอต้องดีใจขนาดนี้
แบบนี้…เอาใจคนอื่นเกินไปหรือเปล่า
หัวใจฉันก็มีความรู้สึกเหมือนกันนะ พวกเธอไม่รู้เหรอ
แต่เห็นได้ชัดว่าทั้งสองมองข้ามความรู้สึกของเหล่าฉิน ไม่มีใครสนใจสักนิด
ฉินเสี้ยวยวนส่ายหน้าอย่างจนใจก่อนจะบอกว่า “พวกหวังอวี้ซาน ทังจินโปอยากจะดึงเสี่ยวเฉินไปร่วมกลุ่มวิจัยเพื่อรับเงินทุนโครงการวิจัยของมูลนิธิวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ พวกเขาต้องการให้โรงพยาบาลอันดับสองเข้าร่วมด้วย! ถ้าเข้าร่วมได้จริงๆ นี่ก็คือกลุ่มวิจัยระดับ ‘ร้อยล้าน’ โรงพยาบาลอันดับสองก็ย่อมได้อาศัยบารมีไปด้วย”
จี้หรูอวิ๋นได้ยินแล้วตาเป็นประกายทันที นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับการพัฒนาโรงพยาบาลอันดับสอง!
ถ้าโรงพยาบาลอันดับสองได้ยกระดับขึ้นมาอีกขั้น ก็ยิ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับฉินเสี้ยวยวน ไม่แน่ว่าอาจได้ก้าวหน้าอีกขั้นก่อนเกษียณ!
จี้หรูอวิ๋นถามเสียเลยว่า “เรื่องดีๆ แบบนี้คงไม่มีใครปฏิเสธหรอกใช่ไหมคะ!”
ฉินเสี้ยวยวนหัวเราะแห้ง “แต่พวกเขาให้ผมสร้างแผนกศัลยกรรมมือขึ้นมา ให้เสี่ยวเฉินเป็นหัวหน้าแผนก ต้องมีคนบางกลุ่มไม่พอใจอยู่แล้ว…
…แต่สี่คนนั้นก็ไม่ยอม บอกว่าถ้าไม่ให้เฉินชางรับผิดชอบ ก็จะไม่นับโรงพยาบาลอันดับสองไว้ในโครงการนี้ นี่เป็นการอาศัยบารมีชัดๆ ใครจะไม่เต็มใจล่ะ พอเป็นแบบนี้ทุกคนก็ไม่มีทางเลือกแล้ว!…
…ตอนหลังตัดสินใจเลือกหัวหน้าแผนกสองคน คนหนึ่งเป็นหัวหน้าแผนกตามปกติ ส่วนอีกคนก็คือเสี่ยวเฉิน…
…พวกเธอว่านี่เป็นเรื่องดีหรือเปล่าล่ะ”
จี้หรูอวิ๋นราวกับเห็นแสงสว่างตรงหน้า เธอยิ้มทันที “เรื่องนี้ดีกับทั้งคุณทั้งเสี่ยวเฉิน แต่ว่า…คุณไม่ได้เผยพิรุธใช่ไหม”
เหล่าฉินตบต้นขาแล้วหัวเราะลั่น “ผมเป็นใครกันล่ะ แต่พูดตามตรงนะ ตอนนั้นผมแทบอดไม่ไหว เกือบหัวเราะออกมาตรงนั้นแล้ว คุณไม่รู้ล่ะสิว่าตอนนั้นบรรยากาศเป็นยังไง ผมแทบจะไม่มีโอกาสเลื่อนขั้นให้เสี่ยวเฉิน แต่ตอนนี้เหมาะเจาะพอดีเลย ถือว่าเป็นไปตามธรรมชาติ คนพวกนั้นก็ว่าอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
ฉินเยว่กะพริบตาโตปริบๆ เธอดีใจสุดๆ “นั่นก็แน่อยู่แล้วค่ะ พ่อหนูเป็นใครกันล่ะ เป็นผู้อำนวยการฉิน ตาเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์ไง!”
พอฉินเสี้ยวยวนได้ยิน ก็อดตบหน้าผากฉินเยว่เบาๆ ไม่ได้ “เจ้าเด็กนี่ ใครเขาชมพ่อตัวเองแบบนี้กัน”
ฉินเยว่หัวเราะคิกคัก
……
……
เรื่องราวสุกงอมเร็วมาก ตอนที่มาทำงานวันจันทร์ เฉินชางเข้ามาถึงแผนก แต่ละคนก็เริ่มเรียกเขาว่า ‘หัวหน้าแผนกเสี่ยวเฉิน’ แล้ว!
เฉินชางอึ้งทันที แล้วก็เอามือเกาศีรษะ “เมื่อสองวันก่อนยังเป็นผู้อำนวยการเฉินอยู่เลยไม่ใช่เหรอ นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันก็กลายเป็นหัวหน้าแผนกเสี่ยวเฉินแล้ว ลดลงสองขั้นในรวดเดียวเลยนะ!”
ทุกคนได้ยินแล้วหัวเราะลั่น
การสร้างแผนกไม่ใช่เรื่องที่จะทำเสร็จภายในวันสองวัน เรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรเฉินชางมากนัก เป็นเรื่องของทางฝั่งโรงพยาบาล
และสำหรับเฉินชาง ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป!
ตอนกลางวันตรวจคนไข้ครบทุกห้อง
การผ่าตัดตอนบ่ายก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
แต่ชื่อของเฉินชางกลับโด่งดังทั่วทั้งโรงพยาบาลแล้ว ใครเห็นก็ต้องเรียกเฉินชางว่า ‘หัวหน้าแผนกเฉิน’ ทั้งนั้น เรื่องนี้ทำให้เฉินชางปรับตัวไม่ค่อยทัน
ในระบบของโรงพยาบาล ไม่มีกำแพงที่ไร้ช่องลมผ่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แพร่ไปทั่วทั้งโรงพยาบาลได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว!
แต่สิ่งที่เรียกว่าปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ตอนสี่โมงเย็นกว่าๆ อาจารย์เมิ่งโทรศัพท์มา แต่ปลายสายกลับเป็นซย่าเกาเฟิง
“เสี่ยวเฉิน คืนนี้มีผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจสองเคส คุณมาเถอะ ปลายเดือนธันวาคมก็ต้องแข่งขันแล้ว ช่วงนี้พยายามทำเวลาหน่อยดีกว่า” ซย่าเกาเฟิงกล่าว
พอเฉินชางได้ยินก็ตาเป็นประกายทันที มีหัวหน้าแผนกซย่ามาสอนด้วยตัวเอง โอกาสแบบนี้จะพลาดได้ยังไง
พอนึกถึงตรงนี้ เฉินชางก็รีบพยักหน้า “ได้ครับหัวหน้าแผนก ผมจะรีบไป”
พอวางโทรศัพท์ ฉินเยว่ก็โผล่มาข้างหลังเงียบๆ “ไม่ใช่ผู้หญิงใช่ไหมคะ”
เฉินชางกลอกตามองบน “you see see you one day day (เจอหน้าคุณอยู่ทุกวัน) คิดอะไรของคุณ”
ฉินเยว่บุ้ยปาก “ฉันเคยได้ยินมาว่าอาจารย์ของคุณชื่อเมิ่งโหย่วเลี่ยว[1]!”
เฉินชางเหงื่อแตกพลั่กด้วยความอับอายทันที…
[1] โหย่วเลี่ยว 有料 แปลว่ามีการศึกษา มีความสามารถ