เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 521 โอกาสตายเก้าส่วน โอกาสรอดหนึ่งส่วน

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 521 โอกาสตายเก้าส่วน โอกาสรอดหนึ่งส่วน

หวังเชียนค่อนข้างเครียด การที่เขาเลือกทำสิ่งนี้ในวันนี้ สำหรับเขาถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก้าวหนึ่งของตัวเอง!

เป็นการก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซนของตัวเอง ไปเป็นหมอของแผนกฉุกเฉินอย่างแท้จริง!

แต่ตอนที่เขาเห็นว่าชีวิตคนอ่อนแอขนาดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ในใจเขาก็ตำหนิตัวเองและรู้สึกไร้ประโยชน์มาก

เพราะว่า…เขาในตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกแล้ว!

ตอนที่เขารายงานความดันโลหิต!

เฉินชางกลับพลันเบิกตากว้าง แล้วหันตัวไปตะโกนเสียงดัง “เหล่าหยาง เข็นเตียง!”

พอคนขับรถเหล่าหยางได้ยินเฉินชางตะโกนแบบนั้น ก็เข็นเตียงเข้ามาอย่างไม่ลังเล เฉินชางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วพูดกับหวังเชียนที่ค่อนข้างตึงเครียดว่า “ส่งไปที่รถพยาบาล! ใครเป็นผู้รับผิดชอบ ไปโรงพยาบาลด้วยกัน”

ตอนนี้มีชายหัวล้านคนหนึ่งเดินออกมาท่ามกลางกลุ่มคน ไปยืนข้างๆ กรรมกรที่ใส่ชุดลายพรางทหาร

“ผมไปครับ!”

ทั้งสองรีบตามขึ้นรถฉุกเฉินไป

มองออกเลยว่าชายหัวล้านคงจะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนกรรมกรชุดลายพรางทหารน่าจะเป็นคนบ้านเดียวกัน

แต่ตอนนี้เฉินชางไม่กล้ามีความคิดอย่างอื่น ตอนที่เพิ่งขึ้นรถ ก็บอกคนขับรถเหล่าหยางว่า “คนขับหยางครับ ขับให้นิ่งและไวๆ หน่อยนะครับ!”

เป็นประโยคที่เหมือนย้อนแย้งกันมาก แต่เหล่าหยางกลับฟังจนชินแล้ว

เฉินชางมองหวังเชียนแวบหนึ่ง “ใส่เครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เตรียมเจาะถุงหุ้มหัวใจ!”

หวังเชียนพยักหน้ารัวๆ ตอนนี้เฉินชางเหมือนกลายเป็นกระดูกสันหลังของเขาแล้ว

มือของเขาเคลื่อนไหวเร็วมาก และคล่องแคล่วมากเช่นกัน

ตอนที่หวังเชียนเตรียมเครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เฉินชางก็แกะเข็มสำหรับเจาะถุงหุ้มหัวใจ เตรียมตัวเจาะแล้ว!

สมมติฐานของโรค: หน้าอกบาดเจ็บจากการกระแทกรุนแรง ตามด้วยหัวใจเต้นช้าลงเฉียบพลัน!

อาการที่แสดง: กระดูกสันอกหัก ความดันตกเฉียบพลัน หายใจถี่ หลอดเลือดแดงเอออร์ตาเสียงแทรก เสียงหัวใจ S1 ผิดปกติ ตรวจบริเวณหลอดเลือดแดงเอออร์ตาเป็นครั้งที่สอง…

ในหัวเฉินชางกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ทุกสิ่งที่แสดงออกมา ทุกอาการและสัญญาณก็เหมือนกับเงื่อนไขต่างๆ ที่กำลังแสวงหาหาความเป็นไปได้สักอย่าง!

ตอนที่มีเงื่อนไขต่างๆ รวมกันขึ้นมา เฉินชางนึกถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง!

แต่ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือหลอดเลือดหัวใจในช่องอกได้รับความเสียหาย!

นอกจากนี้ ก็เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นการบาดเจ็บตรงหลอดเลือดแดงเอออร์ตาส่วนอก ถ้าตัดสินตามเสียงของหัวใจ ก็มีความเป็นไปได้ว่าเกิดตรงส่วนคอดของหลอดเลือดแดงเอออร์ตา!

ถ้าไม่ใช่ตรงนี้…งั้นก็เป็นตรง…

เฉินชางยิ่งคิดก็ยิ่งใจคอไม่ดี

ใครจะไปคิดว่าครั้งแรกที่ออกนอกสถานที่จะเจอกับเคสที่น่าปวดหัวแบบนี้

ถ้าอิงตามอัตราส่วน นี่คือผู้ป่วยที่มีโอกาสตายเก้าส่วน มีโอกาสรอดหนึ่งส่วน!

เฉินชางเงยหน้ามองสองคนที่ตามมาขึ้นรถ “ติดต่อญาติผู้ป่วยด้วยครับ บอกเขาว่าผู้ป่วยมีอันตรายถึงชีวิต อาจจะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ!”

เมื่อได้ยินเฉินชางพูดแบบนั้น สองคนนี้ก็ตกใจจนหน้าซีด!

ถึงอย่างไร จนกระทั่งตอนนี้ผู้ป่วยก็ยังหายใจอยู่ ยังคงดิ้นรน ยังคง…

มือของกรรมกรที่กำลังถือโทรศัพท์สั่นเทิ้มเล็กน้อย

ส่วนผู้รับเหมาก็กลืนน้ำลายหลายอึก กลอกตาเร็วมาก ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่

“คุณหมอครับ คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”

“ล้อเล่น?” เฉินชางถามกลับ

จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก!

ถ้าเขาเดาไม่ผิด ผู้ป่วยน่าจะเป็นหลอดเลือดหัวใจในช่องอกฉีกขาด และ 80% ของบาดแผลแบบปิดแบบนี้มักเกิดที่ส่วนคอดของหลอดเลือดแดงเอออร์ตา แต่…ผู้ป่วยคนนี้ก็อาจเป็น 20% ที่เหลือ

คน 20% นั้นก็คือคนที่โชคร้ายที่สุดเช่นกัน ความเสียหายอาจจะเกิดขึ้นที่จุดเริ่มต้นของหลอดเลือดแดงเอออร์ตา ซึ่งก็คือจุดเริ่มต้นของเอออร์ตาส่วนขึ้น

แบบนี้หมายความว่าอะไร

ถ้าดูตามวารสารทางการแพทย์ฉบับล่าสุด!

การได้รับบาดเจ็บแบบนี้ หมายความว่ามีโอกาสแค่ 10-20% ของผู้ป่วยที่รอดกระทั่งถูกส่งตัวไปถึงโรงพยาบาล!

ส่วนผู้ป่วย 80% ที่เหลือ โดยเฉลี่ยจะเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากในที่เกิดเหตุหรือไม่ก็ระหว่างทางที่นำตัวส่งโรงพยาบาล!

บาดแผลฉีกขาดตรงจุดเริ่มต้นของเอออร์ตาส่วนขึ้นก็จะทำให้เกิดภาวะบีบรัดหัวใจเฉียบพลัน แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการที่หัวใจได้รับความเสียหาย

ตอนนี้อาการทุกอย่างล้วนมาจากการตัดสินของเฉินชางเอง!

ตอนที่เฉินชางกำลังเตรียมเจาะถุงหุ้มหัวใจ

เครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็เปิดทำงานแล้ว

กลับเริ่มมีเสียงแจ้งเตือนดังติ๊ดๆๆๆ

เฉินชางเงยหน้ามอง พบว่าแรงดันเลือดในขณะที่หัวใจบีบตัวเหลือไม่ถึงห้าสิบแล้ว!

อย่าบอกนะว่าเกิดความเสียหายที่หัวใจ

พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางยังจะเตรียมเจาะถุงหุ้มหัวใจอีกเหรอ

เพราะเจาะแล้วก็ตายอยู่ดี!

ไม่เจาะก็ตายเหมือนกัน!

ทำยังไงดี

เฉินชางยอมไม่ได้จริงๆ ถ้าการกู้ชีพต้องล้มเหลวตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง!

เมื่อนึกได้แบบนี้ เฉินชางก็ตัดสินใจแน่วแน่!

พูดกับหวังเชียนว่า “โทรหาหัวหน้าแผนกหลี่ บอกเขาว่าผมจะทำการผ่าตัดเดี๋ยวนี้!”

หวังเชียนได้ยินเฉินชางพูดแบบนั้นแล้วสีหน้าเปลี่ยนทันที!

เขารีบรายงาน!

หลี่เป่าซานกับทุกคนเฝ้ารออย่างกระวนกระวายมาตั้งนานแล้ว

ตอนที่โทรศัพท์ของหวังเชียนดังขึ้น หลี่เป่าซานก็รีบถามว่า “หวังเชียน เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น”

ยิงคำถามมาเป็นชุด ทำให้หวังเชียนไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะ…เขาในตอนนี้ นอกจากเรื่องความดันโลหิตแล้วก็ไม่รู้อะไรอย่างอื่นเลย!

ควรจะตอบยังไงดี

เฉินชางรับโทรศัพท์มาแล้วบอกทันทีว่า “หัวหน้าแผนกหลี่ครับ ผมสงสัยว่าหลอดเลือดหัวใจในช่องอกฉีกขาดแบบแผลปิด ผู้ป่วยถูกกระแทกอย่างรุนแรงที่หน้าอกข้างซ้าย กระดูกซี่โครงแถวที่สองสามสี่หักในระดับความรุนแรงที่ต่างกัน! ตอนนี้ผมสงสัยมากว่ามีการฉีกขาดที่จุดเริ่มต้นของเอออร์ตาส่วนขึ้น ตอนนี้ผู้ป่วยมีแรงดันเลือดตอนหัวใจบีบตัวไม่ถึงห้าสิบแล้วครับ กำลังลดลงด้วย!…

…ถ้าตอนนี้ผมเปิดหน้าอกห้ามเลือดไม่ทัน อีกห้านาทีผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลครับ!”

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ หลี่เป่าซานยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร เถามี่กับซย่าเกาเฟิงก็เบิกตากว้างแล้ว พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนทันที เริ่มขมวดคิ้วมุ่นแล้ว

พอเถามี่เห็นหลี่เป่าซานเหม่อลอย ก็แย่งโทรศัพท์มาแล้วพูดกับเฉินชางอย่างร้อนใจว่า “เสี่ยวเฉิน! กู้ชีพก่อน พยายามกู้ชีพให้เต็มที่ ทำให้เต็มที่ได้เลย ผมจะโทรหาผู้อำนวยการให้คุณเอง! เสียเวลาไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว!”

พูดจบก็วางสายโทรศัพท์ทันที!

หลี่เป่าซานงงทันที “หัวหน้าแผนกเถาเป็นอะไรไปครับ”

เถามี่สีหน้าจริงจังมาก!

“ฟังจากที่เสี่ยวเฉินบรรยาย อาการของผู้ป่วยวิกฤตมาก มีความเป็นไปได้ 80% ว่าจะเสียชีวิตระหว่างทาง!”

“ถ้าไม่ลงมือผ่าตัด ตอนที่ส่งผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลศพก็เย็นแล้ว!”

ประโยคนี้ทำให้หลี่เป่าซานเหม่อทันที

ซย่าเกาเฟิงพยักหน้า “ถ้าเสี่ยวเฉินวินิจฉัยไม่ผิด ผู้ป่วยมีโอกาสรอดแค่ 20% เท่านั้น นี่ยังเป็น…อัตราส่วนที่สูงที่สุดแล้วนะ!…

…ถ้าบาดเจ็บไปถึงหัวใจ ผู้ป่วยก็มีโอกาสรอดไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ!”

หลี่เป่าซานตะลึงค้างแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเฉินชางออกไปรอบแรกแล้วจะเจอผู้ป่วยแบบนี้

แม้แต่เถามี่กับซย่าเกาเฟิงก็สบตากัน ในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตัว!

“ครั้งแรกที่ออกไปก็เจอเคสแบบนี้แล้ว รังแกเด็กใหม่จริงๆ!”

เถามี่พูดจบก็โทรศัพท์หาฝ่ายกิจการแพทย์แล้วเริ่มเตรียมตัว

ส่วนหลี่เป่าซานก็รีบเตรียมงานรักษาฉุกเฉิน

ตอนนี้มีเรื่องให้ต้องทำเยอะเกินไป!

เฉินชางยื่นโทรศัพท์ให้หวังเชียน แล้วนำวารสาร ‘เดอะแลนซิต’ มาจากกล่องปฐมพยาบาล

บางที…

ตอนนี้ การเชื่อในพระเจ้าก็ไม่สู้เชื่อวารสาร ‘เดอะแลนซิต’ ที่อยู่ในมือหรอกมั้ง!

พอหวังเชียนเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็รีบเริ่มฆ่าเชื้ออุปกรณ์!

สายตาสองคนที่อยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยความกังวล…

ทั้งชีวิตของพวกเขา นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้มาเยือนสถานที่ผ่าตัด เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหัวใจคน…

บทที่ 515 มีกระป๋องเครื่องดื่มงอกในท้อง

เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว เฉินชางก็จัดการกับ ‘สินสงคราม’ ทันที

อย่างแรกก็คือ [ทักษะการผ่าตัด JHVI ระดับปรมาจารย์]

ต่อมาคือ [ทักษะความเชี่ยวชาญยาที่ใช้ในแผนกฉุกเฉินระดับปรมาจารย์]

ทักษะหนึ่งเป็นทักษะทำงานอัตโนมัติ อีกทักษะหนึ่งเป็นทักษะเรียกใช้

แม้การผ่าตัดทั้งคืนจะยากลำบาก แต่ก็ได้รับผลประโยชน์สมกับที่ลงแรง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินชางเปิดหน้าจอภารกิจขึ้นมา ถึงค่อยพบว่าเขาทำภารกิจสำเร็จไปอีกหนึ่งภารกิจ

นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า

เฉินชางดีอกดีใจประหนึ่งเจอเงินสองพันหยวนอยู่ในกระเป๋าเสื้อตัวเก่าอย่างไรอย่างนั้น เขารีบเปิดดูภารกิจสำเร็จภารกิจนั้นขึ้นมาดู เสียงระบบแจ้งเตือนขึ้นว่า

[ติ๊ง! ลงดันเจี้ยนที่มีความยากตั้งแต่ระดับ 50 ขึ้นไปสำเร็จ ได้รับรางวัล: ทักษะใส่ท่อช่วยหายใจ (ระดับปรมาจารย์)]

ตอนนี้เฉินชางจึงค่อยเข้าใจกระจ่าง นี่คือภารกิจจากผู้ป่วยที่มีผ้าก๊อซตกหล่นอยู่ในช่องอกมาสิบปีคนนั้น หากปล่อยไว้เช่นนั้น ต่อไปอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ทว่านี่ไม่เกี่ยวกับผู้ป่วย แต่เป็นความผิดพลาดทางการแพทย์ของบุคลากร เรื่องนี้เป็นสิ่งเตือนใจเฉินชางได้ดี เพราะความประมาทลำพองใจของตนอาจทำให้ผู้ป่วยมีระเบิดเวลาอยู่ในร่างกายก็เป็นได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพวกเขาได้ตลอดเวลา

ภายหลังเฉินชางก็ไม่ได้ไปจี้ถามจิ่งหรานแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

บางทีพอเป็นหมอนานวันเข้า คงค่อยๆ ปล่อยวางความอยากรู้อยากเห็นเรื่องซุบซิบไปได้เอง

เขาเปิดช่องเก็บของออกมา พบว่ามีหนังสือทักษะสีม่วงเล่มหนึ่ง หินจำลองสี่ก้อน และหนังสือทักษะที่ว่างเปล่าหนึ่งเล่ม

เฉินชางกดใช้หนังสือทักษะสีม่วงทันที เสียงระบบแจ้งเตือนขึ้นว่า

[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับทักษะการผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมหัวใจ: ทักษะผ่าตัดซ่อมแซมหลอดเลือด Innominate artery ที่เสียหาย ระดับปรมาจารย์!]

ได้รับทักษะมาสองทักษะ ทำให้เฉินชางอดดีใจไม่ได้จริงๆ เรียกว่าเขาก้าวเข้าใกล้การเป็นแพทย์แผนกฉุกเฉินที่ยอดเยี่ยมไปอีกหลายก้าวแล้ว!

แต่ว่าตกลงแล้ว JHVI คือการผ่าตัดอะไรกันแน่ หากไม่รู้แน่ชัดเฉินชางคงนอนไม่หลับ เขารีบเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาค้นหาข้อมูล พอหาข้อมูลได้แล้ว เฉินชางจึงค่อยทราบว่าบางทีตนเองอาจเก็บของล้ำค่ามาก็เป็นได้!

การผ่าตัด JHVI เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการผ่าตัดหลอดเลือดดำตับ เป็นการผ่าตัดที่ยากสุดในหมู่การผ่าตัดอาการบาดเจ็บนอกตับ เป็นการผ่าตัดที่อันตรายที่สุด และเป็นหนึ่งในปัญหายุ่งยากที่สุดของวงการศัลยกรรมตับ

หลอดเลือดดำบริเวณตับประกอบไปด้วยหลอดเลือดดำใหญ่และหลอดเลือดดำหลังตับ เนื่องจากมีลักษณะทางกายวิภาคพิเศษทำให้จัดการได้ลำบาก ดังนั้นปัจจุบันนี้จึงเป็นการผ่าตัดที่ยากมากๆ

เมื่อหาข้อมูลได้เช่นนี้ เฉินชางพลันเบิกบานใจขึ้นมาทันที

……

……

เช้าวันต่อมา เฉินชางเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลก็ถูกฉินเยว่ขวางไว้หน้าประตู!

“คิดได้หรือยังคะ!”

เฉินชางชะงักไป คิดอะไรอะ

เธอมาเช้าขนาดนี้…เพื่อมาขวางฉันเนี่ยนะ

แต่เมื่อเห็นท่าทางดุดันของฉินเยว่ เฉินชางก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที “อืม! คิดแล้วครับ!”

ฉินเยว่ได้ยินดังนั้นก็รีบแบมือ “ขอมือถือด้วยค่ะ ฉันจะดู!”

จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าเช้าวันนี้ว่างเกินไปหรือไม่ คนไข้ไปอยู่ไหนกันหมด

พวกคุณรีบออกมาสิ!

ปกติแทบจะแซงคิวกันมาเลยไม่ใช่เหรอ

วันนี้ถึงจะไม่แซงคิวมา ผมก็ยินดีตรวจให้พวกคุณ โอเคไหม

รีบพาผู้หญิงคนนี้ออกไปทีเถอะ…

เฉินชางมองฉินเยว่ ยิ้มอย่างกระอ่วน “ผมยังไม่แน่ใจเลยครับ ก็เลยมาแต่เช้าจะได้มาถามความเห็นคุณหน่อยว่าคุณชอบแบบไหน”

ฉินเยว่ได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาทันที “งั้นพูดมาเลยค่ะ ฉันจะรอฟังว่ามีอะไรบ้าง!”

เฉินชางขมวดคิ้ว พยายามกระตุ้นเซลล์สมองของตัวเอง จากประสบการณ์ที่รวบรวมมา จากการไตร่ตรองและการเรียนรู้อันเจ็บปวด ทำให้เขาคิดได้ว่าหากพูดคำว่า ‘เล็กหรือน้อย’ อีกฝ่ายต้องไม่พอใจแน่!

คำว่าเล็กหรือน้อยเป็นสิ่งต้องห้ามของฉินเยว่!

“เยว่เยว่คนเบิ้ม!”

“ไสหัวไป!”

เฉินชางกลืนน้ำลาย “ที่รักผู้ยิ่งใหญ่!”

“เหอะ!”

“เอ่อ…”

ในขณะที่เฉินชางกำลังกระตุ้นเซลล์สมองตัวเองไม่หยุดหย่อนอยู่นั้น หนุ่มสาวคู่หนึ่งก็เดินอุ้มลูกเข้ามา! เมื่อเห็นฉินเยว่ หญิงสาวก็เข้ามาจับฉินเยว่ไว้แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบ “หมอคะ…เร็วเข้า! ช่วยลูกฉันด้วยค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินเยว่และเฉินชางก็ไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะกันแล้ว รีบหันไปมองเด็กคนนั้นทันที

ชายหนุ่มไปทำเรื่องตามระเบียบการด้านข้างอย่างเร่งร้อน ส่วนหญิงสาวจูงเด็กเอาไว้ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย มองฉินเยว่อย่างหวั่นวิตก

ขณะที่เธอกำลังจะพูด เด็กในอ้อมกอดก็กล่าวขึ้นมาว่า “แม่วางผมลงเถอะ เจ็บไปหมดแล้ว!”

เธอชะงักไป รีบวางลูกลงทันที

พอเฉินชางเห็นเด็กน้อยเตะขาไปมาด้วยท่าทางมีชีวิตชีวาก็ชะงักไป

เด็กคนนี้เป็นอะไร ทำไมต้องช่วย

ฉินเยว่เองก็แปลกใจเช่นกัน “เด็กคนไหนหรือคะ เป็นอะไรมาคะ”

ตอนนี้อีกฝ่ายจึงกล่าวขึ้นว่า “เขานี่แหละค่ะ เปินเปินมานี่สิลูก อย่าวิ่งมั่วซั่ว”

เด็กผู้ชายซนมาก พอเข้ามาที่แผนกฉุกเฉินแล้วก็จับโน่นลูบนี่ มองตรงโน้นตรงนี้ นี่…เหมือนคนที่ต้องการความช่วยเหลือที่ไหนกัน

ฉินเยว่ถามว่า “เด็กเป็นอะไรมาคะ”

หญิงสาวตอบว่า “เขากลืนห่วงฝากระป๋องของลู่ลู่ลงท้องไปแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ฉินเยว่และเฉินชางก็ชะงักไป

เธอรีบอธิบายต่อ “พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า ฉันก็ให้เครื่องดื่มยี่ห้อลู่ลู่เขากระป๋องหนึ่ง ตอนเปิดกระป๋องฉันไม่ทันระวังเลยทำห่วงฝาตกเข้าไปในกระป๋อง แล้วฉันก็เทเครื่องดื่มใส่แก้วให้เขาทาน แต่พอเขาดื่มในแก้วหมดก็ยกกระป๋องดื่มเข้าไปอีก ตอนนี้แหละที่เขากลืนห่วงฝากระป๋องไปด้วย!”

พูดจบเธอก็มีสีหน้าวิตกกังวล “หมอคะ ห่วงมันคมมาก คงไม่บาดท้องเขาใช่ไหมคะ”

ฉินเยว่ฟังถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

หลอดอาหารของเด็กไม่ได้มีความกว้างเท่าไหร่นัก ถ้าหลอดอาหารหดตัว อีกทั้งห่วงฝากระป๋องก็ค่อนข้างคม อาจทำให้หลอดอาหารเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย!

เฉินชางรีบพูดขึ้นว่า “พวกเราลองส่องกล้องดูกระเพาะก่อนเถอะครับว่าเป็นยังไงบ้าง ดูว่าจะเอาออกมาได้หรือเปล่า!”

พ่อแม่ของเด็กได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าทันที “ใช่ๆๆ ส่องกล้องดูกระเพาะ!”

เฉินชางเดินไปถามไป “หลังกลืนเข้าไปแล้ว ได้กินอะไรอีกไหมครับ”

หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่ได้กินค่ะ พอเขาบอกฉันว่าเขากลืนบางอย่างเข้าไปฉันก็ตกใจมาก แล้วรีบพาเขามาที่แผนกฉุกเฉินเลยค่ะ”

เฉินชางฟังจบก็พยักหน้า นี่ถือเป็นข่าวดี

ขณะพูดคุยกันก็เดินพาเด็กเข้าไปในห้องส่องกล้อง ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง เฉินชางจึงเดินเข้าไปในห้องส่องกล้องกับฉินเยว่เลย

หมอเวรเห็นเฉินชางก็กล่าวทักทาย “หมอเฉิน คนไข้เป็นอะไรมาครับ”

เฉินชางตอบไปว่า “เด็กคนนี้ดื่มลู่ลู่แล้วกลืนห่วงฝากระป๋องเข้าไปโดยไม่ทันระวังน่ะครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินชาง เขาก็มองไปที่เด็กน้อยด้วยสีหน้าสงสัย

เด็กชายเห็นหมอในห้องส่องกล้องท่าทางน่ากลัวจึงก้าวถอยหลังไปหลายก้าว “ผม…ผมก็ไม่ได้อยากกินมันสักหน่อย”

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด พอทุกคนได้ยินคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกอยากจะยิ้มออกมาจริงๆ

พ่อแม่เด็กก็ยิ้มแห้งๆ ออกมา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี!

หมอประจำห้องส่องกล้องพยักหน้าให้เด็กชาย “อืม ผมรู้แล้ว งั้นพวกเราก็เอามันออกมากันเถอะ ไม่งั้นถ้ามันหยั่งรากในท้อง ต่อไปก็จะมีกระป๋องงอกในท้องนะ!”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ เด็กชายก็ตกใจจนหน้าซีด

หมอส่องกล้องพยักหน้า “อืม งั้นก็เป็นเด็กดีนะ มาตรงนี้สิ อย่าขยับมั่วซั่ว เดี๋ยวหมอจะดูให้ว่าตอนนี้มันมีรากงอกหรือยัง!”

เด็กชายพยักหน้าอย่างจริงจัง ไม่กล้าขยับมั่วซั่วอีก

บทที่ 509 คิดให้ดีก่อนแล้วค่อยพูด!

ยัยขี้ประจบฉินถลึงตาจ้องเฉินชาง แล้วยิ้มตาหยีให้เขา “กระอักกระอ่วนล่ะสิ กินปูนร้อนท้องแล้วล่ะสิ บอกมาเถอะค่ะ!”

“กระอักกระอ่วนอะไร ทำไมผมต้องกินปูนร้อนท้องด้วย” เฉินชางปากไม่ตรงกับใจ

ยัยขี้ประจบฉินยิ้มเย้ยใส่เขา “คุณลืมออฟไลน์วีแชทบนคอมพิวเตอร์สินะ”

เฉินชางยิ้มบางๆ

ในใจสบถว่า แม่งเอ๊ย

“ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย ถึงยังไงผมก็ไม่ได้กินปูนร้อนท้องอะไรด้วย…”

พอฉินเยว่ได้ยินก็คิดว่า หึหึ คอยดูสิว่าคุณจะทำได้จริงหรือเปล่า

ช่วงนี้จี้หรูอวิ๋นอบรมฉินเยว่ทุกวัน เวลาผู้หญิงปฏิบัติต่อผู้ชาย ต้องหยาบช้าอย่างแยบยล ในความผ่อนคลายต้องมีความเข้มงวด รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว!

ยัยขี้ประจบฉินรู้สึกว่าตัวเองควรจะฝึกฝนตัวเองในฐานะแฟนสาวสักหน่อย

จู่ๆ ฉินเยว่ก็เลิกวุ่นวายกับคำถามว่าเมิ่งโหย่วเลี่ยวคือใคร แต่…แปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงชื่อเมิ่งโหย่วเลี่ยว

แม้เธอจะอยากรู้อยากเห็นมากว่าในบันทึกการสนทนาคุยอะไรกันบ้าง แต่ฉินเยว่ก็ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบดูเรื่องส่วนตัวของคนอื่น

ฉินเยว่เบิกตากว้าง อดถามไม่ได้ว่า “ทำไมเธอถึงชื่อนี้คะ”

ตอนนี้สมองของเฉินชางกำลังหมุนใช้ความคิดด้วยความเร็วสูงแบบเจ็ดพันสองร้อยตลบ “อาจารย์เมิ่งเป็นคนเดียวของมณฑลตงหยางของเราที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแคโรลินสกา

เธอได้เผยแพร่วิทยานิพนธ์กับวารสาร The Lancet คงแก่เรียน จิตใจล้ำลึกเหมือนหุบเขา ผมก็เลยตั้งฉายาให้เธอว่าเมิ่งโหย่วเลี่ยว!”

เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้พูดโกหก ถึงอย่างไรก็พูดสิ่งที่ควรพูดไปหมดแล้ว ทั้งยังพูดความจริงโดยไม่ได้แต่งเติมด้วย

ฉินเยว่พยักหน้าน้อยๆ อ้อ…อธิบายแบบนี้เหมือนจะชัดเจนแล้ว

แต่เธอก็หรี่ตาทันที “แล้วทำไมถึงเรียกฉันว่ายัยขี้ประจบฉินล่ะคะ”

เฉินชางมองสายตาคมกริบของยัยขี้ประจบฉิน ในดวงตาของเธอซ่อนกระบี่บินและดาบที่ตัดศีรษะเขาได้แม้อยู่ไกลพันลี้ เขาขาสั่นจนแทบคุกเข่าลงเสียตรงนั้น!

ท่านย่าครับผมผิดไปแล้ว

ฉินเยว่แสยะยิ้ม “ตอบสิ หาเหตุผลมาตอบให้ได้สิคะ!”

เฉินชางคิดอยู่นานมาก แต่คิดไม่ออกจริงๆ ผ่านไปนานกว่าจะพูดออกมาได้ “ยัยก็แปลว่าน่ารักไง เธอดูสิ ยัยหมิงน้อย ยัยแมวน้อย ยัยหมาน้อย…

…โอ๊ะ โอ๊ย ผมผิดไปแล้วครับท่านย่า โอ๊ย…อูยๆๆ…”

ถ้าไม่ใช่เพราะประตูห้องเวรเปิดอยู่ เฉินชางก็คงไม่รู้แล้วว่าท้องฟ้าของวันพรุ่งนี้จะสดใสหรือมีเมฆมาก…

เพียงแต่ว่า…หลังจากหลี่เป่าซานเข้ามาแล้วก็เดินวนรอบหนึ่งเหมือนไม่เห็น แล้วก็หันตัวเดินจากไป

ฉินเยว่หน้าแดงทันที เธอรีบลุกขึ้นแล้วบอกเฉินชางว่า “ฉันไม่พอใจฉายานี้!”

“แล้วจะเปลี่ยนเป็นอะไรดีล่ะ” เฉินชางรู้สึกไม่ยุติธรรม

ดวงตาฉินเยว่แฝงแววโกรธเคือง “คิดเอาเองสิ! พรุ่งนี้ฉันจะมาตรวจสอบ!”

พูดจบเธอก็เดินออกไปเลย

เฉินชางถอนหายใจ ผู้หญิงนะ…ผู้หญิง…

……

……

ยังเหลือเวลาอีกมาก เฉินชางไม่ได้ไปโรงพยาบาลตงต้าทันที แต่ไปซื้อนมวัวและของเล่นกองใหญ่ แล้วก็ไปที่ชั้นหกของแผนกศัลยกรรมกระดูก

เถามี่จ้างพยาบาลให้เด็กชายที่ไม่มีชื่อคนนี้ไว้คอยดูแลเรื่องการอยู่การกินโดยเฉพาะ

พยาบาลรับจ้างเป็นคุณป้าที่อายุห้าสิบกว่าแล้ว เพื่อแบ่งเบาความกดดันในการผ่อนบ้านให้ลูก เธอจึงทำงานที่นี่มาสี่ห้าปีแล้ว ประสบการณ์โชกโชน

ด้านข้างยังมีเก้าอี้ตัวหนึ่ง ดึงออกไปได้ เดิมทีเป็นเตียงของเถาหันไฉ่

จะว่าไปก็แปลก เด็กคนนี้เห็นเถาหันไฉ่แล้วไม่ร้องไห้งอแง ทั้งยังยิ้มแย้มอย่างดีใจด้วย

หลังจากเฉินชางมาแล้ว บรรดาสาวๆ พยาบาลก็ทยอยกันทักทาย “สวัสดีค่ะหัวหน้าแผนกเฉิน!”

เฉินชางยิ้มทักทายพวกเขา แล้วเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย

ตอนนี้เด็กตื่นแล้ว กำลังอยู่บนเตียงกับเถาหันไฉ่

เฉินชางทักทายคุณป้าพยาบาลรับจ้าง “เด็กงอแงไหมครับ”

คุณป้าพยักหน้า “เฮ้อ…เป็นเด็กดีมากค่ะ มาที่นี่แล้วไม่ร้องไห้งอแงเลย เจ็บขนาดนั้นก็ยังไม่โวยวาย ถ้าเป็นเด็กทั่วไปคงทนไม่ไหวแล้วค่ะ”

กระดูกของเด็กน้อยค่อนข้างอ่อน กระดูกคนแก่ค่อนข้างเปราะ ดังนั้นแผนกศัลยกรรมกระดูกจึงมีเด็กที่เล่นไม่ระวังจนกระดูกหักมาหาหมอบ่อยๆ คุณป้ามักได้ดูแลเด็กเหล่านั้นเสมอ เฉินชางมองเด็กน้อยที่สวมชุดผู้ป่วยลายสีฟ้าสลับขาว ดวงตาโตของเด็กน้อยกำลังมองเฉินชางด้วยความอยากรู้อยากเห็น มือขวาขยับไม่ได้ มือซ้ายชี้เข้าไปในปาก น่ารักสุดๆ ไปเลย!

ใครเห็นแล้วจะไม่ใจอ่อนบ้าง

สำนักสันติบาลยังตามหาพ่อแม่ของเด็กไม่พบ เฉินชางกำลังมองเถาหันไฉ่ที่ในดวงตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู จู่ๆ ก็รู้สึกว่า บางทีเด็กอยู่กับเขาอาจจะไม่ลำบากก็ได้

เฉินชางผลักของกินไว้ตรงมุม แล้วพูดกับเถาหันไฉ่ว่า “ผมซื้อมาให้เด็กครับ”

เถาหันไฉ่รีบลุกขึ้นโค้งตัว พูดจาอู้อี้กับเด็กน้อยพร้อมชี้ไปที่เฉินชาง เด็กน้อยมองเฉินชางด้วยความประหลาดใจ แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มเห็นฟัน ท่าทางน่ารักมาก

แม้แต่เฉินชางก็ยังอดอดใจไม่ไหว อยากจะอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา

เขานั่งอยู่เป็นเพื่อนเด็กตรงนั้นครู่หนึ่งแล้วก็นำของเล่นวางไว้บนเตียง เด็กน้อยพยายามจะขยับมือด้วยความดีใจทันที แต่ถูกเถาหันไฉ่กดไว้ เพราะกลัวว่ามือเด็กจะได้รับบาดเจ็บ

หลังจากผ่านไปครู่เดียว ตอนที่เฉินชางลุกขึ้นเดินออกไป เด็กน้อยก็ยืนขึ้นเพราะต้องการให้เฉินชางอุ้ม

เฉินชางงุนงงทันที

จากนั้นเขาจึงหันตัวมาอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เด็กน้อยดีใจจนหัวเราะคิกคัก

……

ประมาณห้าโมงกว่า เฉินชางเห็นว่าในแผนกไม่มีงานอะไรแล้ว จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลตงต้า

ตอนค่ำมีผ่าตัดหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองสองเคส จุดประสงค์ของหัวหน้าแผนกซย่าเกาเฟิงก็คือ ตอนที่ผ่าตัดหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองเคสนี้ เขาต้องการให้เฉินชางทำความเข้าใจการซ่อมแซมเส้นเลือดบนหลอดเลือดแดงใหญ่

แผนกมีคนไม่เยอะ หมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สองกำลังจัดเรียงประวัติผู้ป่วย พอเห็นเฉินชางมาแล้วก็พยักหน้ายิ้มทักทาย “เสี่ยวเฉินมาแล้วเหรอ!”

“หัวหน้าแผนกซย่าอยู่ที่ห้องผ่าตัด คุณไปที่นั่นเถอะ”

เฉินชางพยักหน้าขอบคุณแล้วเดินตรงไปที่ห้องผ่าตัด

แผนกศัลยกรรมก็เป็นอย่างนี้ เวลาที่งานยุ่งก็ใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดทั้งวัน

เฉินชางมาถึงห้องผ่าตัดพอดี หัวหน้าแผนกซย่ากำลังเดินออกมา พอเห็นเฉินชางก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเฉินมาถึงแล้ว กินข้าวก่อนสิ พอกินข้าวเสร็จแล้ว คืนนี้อาจจะมีผ่าตัดสองสามเคส”

เฉินชางยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณหัวหน้าแผนกซย่าครับ!”

ซย่าเกาเฟิงส่ายหน้ายิ้ม “เกรงใจแล้ว คุณก็เหมือนนักเรียนของผม ผมอยากถ่ายทอดวิชาให้ทุกอย่างจะแย่อยู่แล้ว”

พอเก่อฮว๋ายที่อยู่ข้างหลังได้ยินแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเจ็บแปลบ

หัวหน้าแผนกเมิ่งก็ไม่ต้องการฉันเหมือนกัน ตอนนี้อาจารย์จะทิ้งฉันแล้ว ทำไมชีวิตฉันมันขื่นขมขนาดนี้นะ

อาหารมื้อผ่าตัดของแต่ละโรงพยาบาลล้วนมีจุดเด่นแตกต่างกันไป เฉินชางรู้สึกว่าถ้าเทียบกับอาหารมื้อผ่าตัดของโรงพยาบาลอันดับสองแล้ว ที่นี่ยังขาดน่องไก่!

เฉินชางกินข้าวเร็วมาก หลังจากกินเสร็จแล้วยังรู้สึกไม่เต็มอิ่ม จึงกินเพิ่มอีกส่วน…

ไม่ผิดหรอก!

ช่วงนี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร อาจเป็นเพราะพลังกายด้านต่างๆ ของเขาเพิ่มขึ้น ปริมาณอาหารที่ต้องการก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน ทุกอย่างสมเหตุสมผล

ดีที่อาหารมื้อผ่าตัดจะสั่งไว้ค่อนข้างเยอะกว่าปกติ ส่วนใหญ่จะสั่งเกินหลายส่วน เมื่อเจอเคสผ่าตัดที่ไม่มีเวลากินข้าว ก็ยังใช้ไมโครเวฟอุ่นเพื่อกินอาหารมื้อดึก

ซย่าเกาเฟิงเห็นว่าเฉินชางกินเก่งขนาดนี้ ก็อดกล่าวพร้อมรอยยิ้มไม่ได้ว่า “อายุยังน้อยก็ดีอย่างนี้ สมัยนั้นผมก็กินข้าวในโรงอาหารคูณสองเหมือนกัน!”

เก่อฮว๋ายได้ยินแล้วตกตะลึง!

เขามองซย่าเกาเฟิงแวบหนึ่งอย่างลังเล อาจารย์…ตอนนั้นผมกินสองจาน อาจารย์ยังว่าผมเป็นถังข้าว…ทั้งยังบอกอีกว่ากินเยอะขนาดนี้ ตอนผ่าตัดไม่รู้สึกล้าเหรอ

ทำไมพอกลายเป็นเฉินชางความรู้สึกก็เปลี่ยนไปแล้วล่ะ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท