เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 542 พี่ใหญ่ที่อยู่หลังม่าน!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 542 พี่ใหญ่ที่อยู่หลังม่าน!

หลังจากอาจารย์เฉินเตรียมแสงไฟเรียบร้อยแล้ว กล้องก็เข้าประจำที่ในชั่วพริบตาเดียว ทุกคนจ้องไปยังพื้นที่การผ่าตัด เฝ้ารอการเริ่มต้นของละครฉากเด็ด!

นี่คือการผ่าตัดซ่อมเส้นเลือดบริเวณรอบตับเสียหายที่หยางจื้อหมิงมาสังเกตเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ตั้งแต่เริ่มผ่าตัด เฉินชางใช้เทคนิคการกรีดผ่าและการปรับแสงไฟได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้บริเวณผ่าตัดแสดงพื้นที่การผ่าตัดได้ดีขึ้น

เฉินชางใช้ตาเปล่ามองตอนควบคุมรอยปริแตกของหลอดเลือดแดงใหญ่ แล้วหันตัวไปบอกพยาบาล “คีมหนีบ!”

เฉินชางในตอนนี้ เปล่งออร่าบางอย่างออกมาแล้ว!

เขาทำให้พยาบาลตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว เหมือนเป็นการผ่าตัดระดับหัวหน้าแผนก

เฉินชางใช้คีมหนีบรอยแตกหลอดเลือดเวนาคาวาไว้ ทำให้กิ่งไม้หักเล็กๆ เข้าไปอยู่ในนั้นด้วย แต่เส้นเลือดที่อยู่อีกฝั่งยังมีเลือดไหลอยู่

“ดึงออกมาครับ!” เฉินชางรีบบอกหยางจื้อหมิง

หยางจื้อหมิงอึ้งทันที เขาเริ่มกังวลนิดหน่อย แต่พอเห็นสายตาของเฉินชาง เขาก็ก้มหน้าแล้วใช้แหนบเบอร์เล็กหนีบผนังเส้นเลือดไว้ จากนั้นใช้มือดึงสิ่งแปลกปลอมออกมาช้าๆ!

ชั่วพริบตาเดียว ตรงหลอดเลือดดำคาร์ดินัลหลังตับก็เผยรอยแตกหนึ่งรอย!

เฉินชางเย็บรอยแตกเรียบร้อยอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม!

สิ่งนี้ทำให้หยางจื้อหมิงที่อยู่ข้างๆ อึ้งทันที ง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ

เฉินชางวางไหมเย็บลง แล้วเริ่มซ่อมแซมตับ

จี้ชวีมองหยางจื้อหมิงแวบหนึ่งด้วยความสงสัย ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ไหนคุณบอกผมว่ายากมากไง กำลังล้อผมเล่นใช่ไหม

หยางจื้อหมิงก็งงเช่นกัน แต่บนตำราเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าการผ่าตัดประเภทนี้ยากมาก เขาเองก็เคยดูการผ่าตัดเคสนี้มาเหมือนกัน เป็นการผ่าตัดที่ยุ่งยากมาก แต่…

เฉินชางแสดงออกแบบผ่อนคลายเกินไปหรือเปล่า

ใช้มีดกรีดผ่า!

ใช้มือข้างหนึ่งประคองโคมไฟ!

ต่อไปก็ถือแหนบ!

แล้วก็เย็บปิดเส้นเลือด!

แค่สี่ขั้นตอนก็เย็บซ่อมแซมเส้นเลือดบริเวณรอบตับที่เสียหายเรียบร้อยแล้ว?

ง่ายขนาดนี้ ตัวเองก็ทำได้เหมือนกันหรือเปล่า

พอนึกถึงตรงนี้ หยางจื้อหมิงก็เริ่มฮึกเหิมขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

อย่าบอกนะว่า…เป็นเพราะฉันเก่งมาก ขนาดการผ่าตัดแบบนี้ยังผ่าตัดได้ หรือว่า…ฉันประเมินความสามารถตัวเองต่ำมาตลอด

แม้แต่เสิ่นซิวหยวนก็เผยสีหน้าฮึกเหิมเช่นกัน เขารู้สึกว่าตัวเองก็ผ่าตัดซ่อมแซมเส้นเลือดบริเวณรอบตับเสียหายได้ แบบนี้มันง่ายเกินไปแล้ว!

คนพวกนั้นต้องพูดเกินจริงแน่ๆ

พูดเกินจริงให้คนตกใจ!

ไม่ผิดแน่!

ตอนนี้เฉินชางเงยหน้าขึ้นมองพวกเขา เหมือนเห็นสายตาแล้วมองออกว่าพวกเขากำลังคิดอะไร

จึงถามว่า “คิดว่าการผ่าตัดนี้ง่ายมากใช่ไหมครับ”

ทุกคนรีบพยักหน้า!

เฉินชางส่ายหน้า แล้วหรี่ตาจ้องพวกเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ที่จริงไม่ง่ายเลยครัย ความยากของการผ่าตัดดูด้วยตาเปล่าไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาทุกด้านให้ถี่ถ้วน!…

…การเลือกวิธีกรีดแผลที่เหมาะสมโดยอิงตามตำแหน่งบาดแผลที่ต่างกัน ก็คือหนึ่งในวิธีการที่ยากที่สุด เพราะมีเส้นเลือดบริเวณรอบตับมากมายที่ถูกหุ้มด้วยเนื้อเยื่อตับ หลายครั้งจึงต้องผ่าตับก่อนถึงซ่อมแซมได้ ไม่ต้องสงสัยเลยครับ เงื่อนไขนี้จะเพิ่มความยากให้การผ่าตัดมากขึ้นอีก!…

…แล้วพวกคุณคิดว่าการกรีดผ่าเลือกง่ายขนาดนั้นจริงๆ เหรอครับ”

หลังจากทุกคนได้ยินคำถาม ก็พากันพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว…

เหมือนง่ายมาก…

แต่หยางจื้อหมิงเริ่มขมวดคิ้วพิจารณาแล้ว หลังจากเฉินชางเริ่มอธิบาย เขาก็เริ่มสังเกตอย่างละเอียด จากนั้นก็เห็นเฉินชางกรีดผ่าทันที ที่จริงเขาเลือกตำแหน่งกรีดแผลไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว

ศักยภาพแบบนี้…ถ้าไม่ได้ฝึกผ่าตัดมาหลายเคสก็ทำไม่ได้เลย!

ยากเกินไป!

จะกรีดผ่าให้ผู้ป่วยตามอำเภอใจไม่ได้ คุณคิดว่าในการผ่าตัดเคสหนึ่ง คิดจะผ่ากี่แผลก็ผ่าได้งั้นเหรอ

ไม่ใช่อยู่แล้ว!

ขั้นตอนที่ดูเหมือนง่ายแบบนี้ ที่จริงแล้วมีพื้นฐานจากการฝึกฝนและการผ่าตัดนับครั้งไม่ถ้วน!

ดูเหมือนง่าย แต่ที่จริงเป็นการทดสอบฝีมือมาก

หยางจื้อหมิงถอนหายใจแล้วบอกว่า “เส้นเลือดบริเวณรอบตับเสียหายเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นแผลที่เริ่มมีเลือดออกแล้ว ที่จริงในเวลานี้ ทุกวินาทีมีค่ามาก เพราะความยากของการผ่าตัดเคสนี้ ขึ้นอยู่กับว่าจะผ่าตัดให้ทั้งแม่นยำทั้งรวดเร็วได้ยังไง!”

“เมื่อกี้ที่อาจารย์เฉินเริ่มผ่า จนถึงตอนใช้คีมหนีบแยกเส้นเลือด แล้วก็เย็บปิดแผลตอนสุดท้าย ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที นี่ต่างหากจุดยอดเยี่ยมที่แท้จริงของการผ่าตัด สมมติเป็นแผลกรีดขนาดใหญ่ที่มีเลือดออกไม่หยุด บางทีใช้เวลาห้านาทีอาจช่วยได้ แต่…ถ้าเวลานานกว่านี้”

พอทุกคนได้ยินแบบนี้ก็พากันเงียบแล้ว

ใช่แล้ว จะตอบสนองสิ่งต่างๆ ให้รวดเร็วภายในเวลาที่จำกัดได้ยังไง

นี่ก็คือฝีมือ!

ความรู้ทางการแพทย์แตกต่างกับสิ่งอื่น ไม่ว่าเรื่องไหนก็ถูกจำกัดด้วยเวลาทั้งนั้น

นาทีทองของการช่วยชีวิตผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นก็คือสี่นาที!

ถ้าสมองขาดออกซิเจนสี่นาที เซลล์สมองก็จะเริ่มตายเป็นบางส่วน!

การผ่าตัดหลอดเลือดอุดตันห้ามใช้เวลาเกินสิบห้านาที!

เพราะกล้ามเนื้อขาดเลือดและออกซิเจนไม่กี่ชั่วโมงก็เริ่มมีเนื้อเยื่อตายแล้ว!

เดี๋ยวนะ…เดี๋ยวก่อน!

ในการช่วยชีวิตผู้ป่วย เวลาทุกนาทีมีค่ามาก

แต่การจะตัดสินใจให้รวดเร็วอย่างไรภายในเวลาอันสั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษ แล้วก็ยากมากด้วย!

ตอนนี้เอง เฉินชางก็บอกอีกว่า “การผ่าตัดซ่อมเส้นเลือดบริเวณรอบตับเสียหายเป็นเคสที่ยากที่สุดครับ แต่ความยากไม่ได้อยู่ตรงนี้ ยากตรงที่หลังจากผ่าตัดซ่อมแซมล้มเหลวแล้วเราจะแก้ไขยังไง เพราะไม่ใช่ว่าทุกจุดที่กรีดผ่าจะทำให้เจอพื้นที่ผ่าตัดที่เหมาะสม การหลับหูหลับตาห้ามเลือดก็มีแต่จะทำให้อาการแย่ลงด้วยครับ”

ตอนนี้หยางจื้อหมิงก็พลันเข้าใจแล้ว เคสผ่าตัดที่เขาเคยดูตอนแรก เป็นเคสผ่าตัดแก้ไขของอาจารย์วิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน…

นั่นคือเคสผ่าตัดที่ยากจริงๆ!

เฉินชางแม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่มือก็ยังทำงานเรื่อยๆ ด้วยความเร็วปกติ ผ่านไปไม่นาน สิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นก็ถูกกำจัดทิ้งอย่างต่อเนื่อง พวกมันถูกส่งออกนอกร่างกายแล้ว ส่วนตับที่เสียหาย เฉินชางก็ซ่อมแซมจนเสร็จเรียบร้อยอย่างเป็นขั้นเป็นตอนแล้วเช่นกัน

ต่อมาระดับความยากก็ลดลงเยอะแล้ว…

การผ่าตัดกินเวลาต่อเนื่องสี่ชั่วโมง ในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว!

ตอนนี้หยางจื้อหมิงยอมจำนนต่อเฉินชางด้วยความนับถือแล้ว เรียกว่าอาจารย์เฉินทุกคำ เรียกอย่างสนิทสนมมาก

จี้ชวีที่อยู่ข้างๆ มองเฉินชางด้วยความสะท้อนใจเช่นกัน ช่างเป็นคนหนุ่มที่เก่งกาจจริงๆ ใครจะไปคิดว่าเขาเป็นแค่หมอแผนกศัลยกรรมทั่วไปที่อายุไม่ถึงสามสิบปีคนหนึ่งเท่านั้น!

นี่มันสามร้อยปี…แค่กๆ…

หลังจากการผ่าตัดจบลง ผู้ป่วยถูกส่งตัวไปติดตามอาการที่ห้อง ICU ส่วนเฉินชางเดินนำบรรดาแพทย์ออกจากห้องผ่าตัด พวกเฉินต้าไห่รีบลุกขึ้นถามว่า “เป็นยังไงบ้าง”

ภรรยาของเหล่าเฮ่อก็ยิ่งตัวสั่น เธอกำลังรอคำพิพากษา!

เฉินชางตอบพร้อมรอยยิ้ม “อาสะใภ้ ไม่ต้องห่วงครับ การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี ไปพักผ่อนกันสักครู่เถอะครับ เดี๋ยวผมจะไปคุยอะไรกับหมอนิดหน่อย”

ฉินเยว่ได้ยินแล้วยิ้มทันที “อาสะใภ้ หนูพูดไม่ผิดใช่ไหมคะ เฉินชางเก่งมาก!”

ขณะที่คุยกัน เฉินชางก็เดินนำบรรดาหัวหน้าแผนกกลับไปที่ห้อง ICU ตอนนี้หัวหน้าแพทย์ประจำ ICU ก็มาแล้วเช่นกัน

เฉินชางเริ่มอธิบาย “สถานการณ์ของผู้ป่วยค่อนข้างซับซ้อน ทำตามสิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนี้ จดไว้นะครับ”

พวกหัวหน้าแพทย์ของแผนกรีบหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมารอ

เฉินชางบอกว่า “หลังจากผ่าตัดตับจะทำให้เกิดภาวะขาดสมดุลอิเล็กโทรไลต์[1]ง่ายมาก วัดโพแทสเซียม โซเดียม คลอรีนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดให้ทันเวลา แล้วอย่าลืมเติมน้ำกับสารอิเล็กโทรไลต์ให้เพียงพอด้วยครับ”

“แล้วก็…เติมเลือดกับวิตามินเคด้วยครับ!”

……

เฉินชางอธิบายข้อควรระวังหลังการผ่าตัดไม่หยุด ส่วนบรรดาหัวหน้าแพทย์ก็ราวกับย้อนเวลากลับเป็นนักศึกษา ตอนที่ฟังเฉินชางพูด พวกเขาขีดๆ เขียนๆ บันทึกไม่หยุด…

จี้ชวีถอนหายใจ ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มากี่ปีแล้ว!

เสิ่นซิวหยวนที่อยู่ข้างๆ ไม่มีสิทธิ์หยิบปากกามาจดด้วยซ้ำ เพราะ…สมุดบันทึกถูกหัวหน้าแผนกจี้แย่งไปแล้ว…

เขาอดถอนหายใจไม่ได้ ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาคือพี่ใหญ่!

การที่เขาทำแบบนี้ ทำให้พวกพยาบาลตาโตแล้ว…

“เอ๊ะ? เธอดูสิ…นั่นญาติผู้ป่วยที่เพิ่งมาส่งตัวผู้ป่วยไม่ใช่เหรอ” พยาบาล A ถามอย่างประหลาดใจ

พยาบาล B งงทันที “ใช่แล้ว! ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาต่างหากที่เหมือนหัวหน้าแพทย์ หัวหน้าแผนกของพวกเรา หัวหน้าแผนกศัลยกรรมตับ แล้วก็หัวหน้าแพทย์ศัลยกรรมทั่วไป…พวกเขาดูเหมือนนักศึกษาแพทย์เลย!”

พยาบาล B เบิกตากว้าง “อย่าบอกนะว่า…เขาคือพี่ใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่จริงๆ หล่อเกินไปแล้วมั้ง!”

“อืม เป็นไปได้นะ พระเอกมีคาแรกเตอร์แบบนี้ทั้งนั้น…”

ไม่มีมีใครคาดคิดว่าญาติผู้ป่วยที่เพิ่งมาส่งตัวผู้ป่วยเมื่อครู่นี้ ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นหัวหน้าแพทย์ของหัวหน้าแพทย์แล้ว

คงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มาจากข้างนอกมั้ง!?

หน้าตาหล่อขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีแฟนหรือยัง…

ถ้ามีแฟนแล้ว สนใจมีอีกคนไหม

[1] ภาวะขาดสมดุลอิเล็กโทรไลต์ electrolyte disturbance คือภาวะที่มีความผิดปกติของความเข้มข้นสารละลายอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะธำรงดุลของร่างกาย ช่วยการทำงานของหัวใจ ระบบประสาท สมดุลสารน้ำ การขนส่งออกซิเจน สมดุลกรดเบส และอื่นๆ

——————————————

บทที่ 535 ตรงประตูมีหมาป่า!

ตกกลางคืน พอเอนกายลงบนเตียงแล้ว เฉินชางก็ส่งข้อความหาฉินเยว่ “คุณนอนคนเดียวไม่กลัวเหรอ”

“กลัวอะไรคะ” ฉินเยว่งง

“คุณลองคิดดูสิ ข้างหลังคุณคือภูเขาหนานฉวน ข้างบนมีหมาป่า ระวังตอนเที่ยงคืนมันจะปีนขึ้นมาบนหน้าต่างห้องคุณนะ” เฉินชางตอบ

ฉินเยว่แสยะยิ้ม มีหรือที่เธอจะไม่รู้แผนร้ายของเฉินชาง “จริงเหรอคะ! คุณไม่ได้ขู่ฉันแน่นะ”

พอเฉินชางเห็นว่ามีหวัง ก็บอกอีกว่า “แน่นอนสิ ผมจะหลอกคุณทำไม คุณจำไม่ได้เหรอว่ามื้อค่ำกินอะไรไป เป็นอาหารป่าทั้งนั้นนะ”

“แล้วจะทำยังไงดีคะ หรือไม่งั้น…คุณมาอยู่เป็นเพื่อนฉันที่ห้องดีไหม” ฉินเยว่ถาม

เฉินชางแทบจะยิ้มออกมา “แบบนี้ก็ได้ คุณเปิดประตูสิ เดี๋ยวผมเข้าไป”

“ค่ะ ฉันเปิดแล้ว เข้ามาเถอะ!” ฉินเยว่ตอบ

ผ่านไปหลายนาที เฉินชางมายืนตรงหน้าประตู เขากำลังจะบิดลูกบิดประตูแต่ก็ชะงักทันที เปิดบ้าอะไรล่ะ!

ยัยตัวแสบแกล้งฉันนี่นา!

แต่…เฉินชางก็ไม่กล้าเปิดประตูอยู่ดี กลัวว่าเสียงจะรบกวนจนพ่อแม่ตื่น

เขาโมโหจนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที “ดีจังเลยนะครับ! ผมอุตส่าห์หวังดีมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ แต่คุณดันมาแกล้งผม”

ฉินเยว่หัวเราะคิกคักอยู่ในผ้าห่ม “หึหึ คุณอยากจะกินฉันเหรอคะ!”

เฉินชางพูดไม่ออกทันที ไม่น่าเชื่อว่าจะเถียงไม่ออก

“ไม่ใช่ เยว่เยว่ คุณไม่กลัวแต่ผมกลัวนะ ผมกลัว หรือไม่อย่างนั้น…คุณมาปกป้องผมดีไหม”

“กลับไป!” ฉินเยว่ตอบ

เฉินชางอึ้งทันที ยัยตัวแสบนี่ ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาจริงๆ ไม่รู้ซะแล้วว่าที่นี่ถิ่นใคร

เฉินชางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นั่งยองๆ อยู่ตรงมุมประตู “คุณไม่รู้เหรอว่าที่นี่ถิ่นใคร”

ฉินเยว่ยิ้มเย้ย “คุณเดาสิว่าฉันกล้าตะโกนบอกคุณอากับคุณน้าไหมว่าข้างนอกมีหมาป่า”

“มีหมาป่าที่ไหนกัน” เฉินชางงงมาก

ฉินเยว่หัวเราะเบาๆ “ตรงประตูมีหมาป่าหื่นกามตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่งไงคะ!”

เฉินชางถอนหายใจ แผน A ล้มเหลว พรุ่งนี้ค่อยคิดแผน B ใหม่แล้วกัน!

เขากลับมานอนที่ห้องแต่โดยดี ไม่ต้องพูดถึงเลย คืนนี้เขานอนหลับสบายเป็นพิเศษ หลังจากขอลาหยุดกลับมาบ้าน ในที่สุดจิตใจที่กระวนกระวายของเฉินชางก็สงบลงแล้ว

ถึงอย่างไรตัวเองก็เป็นคนธรรมดา ยังไม่มีความสามารถถึงขั้นควบคุมโลก ก็ต้องใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอยู่แล้ว

ในที่สุดก็ได้พักแบบไม่ต้องมีใครรบกวนได้เสียที

วันต่อมา ฉินเยว่ได้สัมผัสประสบการณ์ ‘ถูกไก่ขันปลุกให้ตื่น’ ตอนที่แสงแดดส่องเข้ามาในห้อง เสียงไก่ขันก็ทยอยดังขึ้นมา เธอตื่นขึ้นแล้วบิดขี้เกียจ

เมื่อคืนหลับลึกมาก หลังตื่นนอนจึงรู้สึกสดชื่น

หลังจากพับผ้าห่มเรียบร้อย ก็เปิดประตูห้องออกมาเงยหน้ามองภูเขาหนานฉวนที่อยู่ไกลๆ เธอสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง อากาศสดชื่นมากจริงๆ เหมือนมีรสชาติหวานอยู่ในอากาศ

ตรงที่ไกลๆ มีสุนัขหน้าโง่ตัวหนึ่งกำลังจ้องแขกไม่ได้รับเชิญ มันอยากจะเห่าแต่ก็ไม่กล้าเห่า เพราะผู้หญิงคนนี้ ตัวเองจึงถูกขังไว้ในกรง

อยากจะเห่าสักครั้ง แต่พอนึกถึงไม้กระบองของเฉินต้าไห่ มันก็ถอนหายใจแล้วหันตัวไป เดินสะบัดก้นสะบัดหางแสดงความไม่พอใจของตัวเองเงียบๆ

ลานบ้านใหญ่มาก ด้านนอกมีเล้าไก่ ในนั้นมีไก่สิบกว่าตัวกำลังร้องกุ๊กๆๆ ฉินเยว่เห็นตรงมุมหนึ่งในเล้าไก่มีไข่อยู่หลายฟอง ไม่แน่ใจว่ามันเพิ่งไข่ออกมาหรือเปล่า

พอคิดแบบนี้ ฉินเยว่ก็นั่งยองๆ แล้วยื่นแขนออกไป เธอสัมผัสมันได้พอดี บนไข่ไก่ยังอุ่นๆ อยู่เลย เรื่องนี้ทำให้เธออารมณ์ดี

แต่เห็นได้ชัดว่าแม่ไก่พวกนี้เหมือนไม่ค่อยสนใจไข่ของตัวเอง ถูกผู้หญิงคนอื่นแย่งไปก็ไม่สนใจ กลับกระพือปีกหนีไปอย่างสง่าผ่าเผย เหมือนแม่ไก่ที่ไม่มีความรับผิดชอบ!

ตอนที่กำลังลูบเปลือกไข่ จู่ๆ ฉินเยว่ก็ได้ยินเสียงหาเรื่องดังขึ้น

“ดีจังเลยนะ มาขโมยไก่ไล่เตะหมาตั้งแต่เช้า เอ? ในมือคุณมีอะไร ไข่ไก่บ้านผมนี่นา! จับโจรได้พร้อมของกลางเลย” เฉินชางหัวเราะลั่นใส่ฉินเยว่

ฉินเยว่ยังไม่ทันตอบอะไร หยางจยาฮุ่ยก็พูดกลั้วหัวเราะว่า “พูดอะไรของลูก เป็นของฉินเยว่ทั้งนั้น! อยากได้เท่าไหร่ก็เอาไปเลย ฉินเยว่ น้าเตรียมน้ำอุ่นให้หนูแล้ว ไปอาบน้ำก่อนแล้วมากินมื้อเช้ากันเถอะ”

ฉินเยว่ได้ยินแล้วยิ้มชื่นใจ ลุกขึ้นตอบว่า “ขอบคุณค่ะคุณน้า”

พูดจบก็กลอกตามองเฉินชาง

เฉินชางงงแล้ว นี่แม่ฉันไม่ใช่เหรอ

หลังจากฉินเยว่อาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็ยังอาลัยอาวรณ์กับไข่ไก่ฟองนั้นอยู่ หลังจากล้างไข่แล้ว เธอก็ตัดสินใจจะทำซุปไข่ด้วยตัวเอง!

หลังจากตอกไข่ลงในชาม จู่ๆ เฉินชางก็หัวเราะแล้วบอกว่า “ผมจะเล่นกลให้คุณดู!”

พอพูดจบเขาก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบไข่แดง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะคีบไข่แดงขึ้นมาได้!

สิ่งนี้ทำให้ฉินเยว่ตกตะลึง “นี่…ให้ตะเกียบคีบไข่แดงขึ้นมาได้ด้วยเหรอคะ นี่…นี่มันไข่ดิบนะคะ!”

“เก่งไหมล่ะ”

ฉินเยว่ที่กำลังแปลกใจตอกไข่อีกฟอง แล้วเธอก็พบว่าตัวเองคีบได้เหมือนกัน

ซุปไข่ที่ทำตั้งแต่เช้าตรู่ส่งกลิ่นหอมโชยมา จู่ๆ ฉินเยว่ก็พบว่าไข่ที่ตัวเองกินมายี่สิบกว่าปี ครั้งนี้อาจจะเป็นไข่ที่อร่อยที่สุดแล้ว

ตอนสายๆ เฉินต้าไห่บอกว่า “ชางเอ๋อร์ พาเยว่เยว่ไปดูตาน้ำพุบนภูเขาหนานฉวนสิ”

ฉินเยว่ได้ยินแล้วเกิดความสงสัยใคร่รู้ทันที

เฉินชางปล่อยสุนัขโง่ตัวนั้นออกมา มันคือสุนัขต้อนสัตว์พันธุ์พื้นเมืองของจีน ถึงอย่างไรก็เป็นสุนัขพันธุ์ผสม ยังมีเกียรติภูมิของสุนัขพันธุ์ผสมอยู่!

พอถูกปล่อยออกมาแล้ว มันก็รีบวิ่งไปข้างกายฉินเยว่แล้วดมกลิ่นตัวของเธอ แต่…ไม่น่าเชื่อว่ามันจะจามออกมา

พฤติกรรมนี้ทำเอาเฉินชางหัวเราะลั่น “เห็นหรือยัง มันแพ้น้ำหอมของคุณนะ”

ฉินเยว่ยิ้ม แต่ในใจแอบคิดบัญชีไว้แล้ว รอให้กลับไปเมืองอันหยางก่อน คอยดูเถอะว่าฉันจะคิดบัญชีกับคุณยังไง

สุนัขโง่ตัวใหญ่มาก สูงครึ่งเมตร อายุเจ็ดแปดปีแล้ว แต่หน้าตามันดูโง่มาก เฉินชางเรียกมันว่าหมาโง่มาตลอด เรียกมาหลายปีจนชินแล้ว

ในหมู่บ้านเวลาเลี้ยงสุนัขส่วนใหญ่จะไม่ผูกไว้ เฉินต้าไห่กังวลว่าสุนัขตัวนี้จะกัดฉินเยว่ ถึงได้ขังมันไว้

ทีแรกฉินเยว่ก็ยังกลัวนิดหน่อย แต่สุนัขโง่เหมือนจะรู้ถึงตัวตนและสถานะของผู้หญิงคนนี้ พอนึกถึงแม่ไก่เพื่อนบ้านของตัวเองที่ถูกฆ่าไปเมื่อวาน มันก็เริ่มกลัวแล้วเหมือนกัน ตอนที่เฉินต้าไห่เชือดไก่ให้สุนัขดู ถือว่าทำได้เหมาะสมมาก เมื่อสุนัขมาเห็นฉากฆ่าไก่ ก็ต้องรู้ประสาขึ้นเยอะอยู่แล้ว

หลังจากลองคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าการเป็นสุนัขขี้ประจบจะได้อยู่อย่างสงบใจมากกว่า มันจึงเลียรองเท้าของฉินเยว่เสียเลย

ตอนนี้ฉินเยว่เริ่มสบายใจ โค้งตัวลงไปลูบหัวสุนัขโง่ตัวนี้แล้ว

สุนัขโง่ยิ้มในใจ หึหึ ผู้หญิงก็หลอกง่ายแบบนี้แหละ ถ้าไม่ใช่เพราะกระบองของเฉินต้าไห่ทำให้ไม่สบายตัว ฉันคงไม่มาประจบเธอหรอก

ฉากนี้ทำให้เฉินชางงงนิดหน่อย เจ้าหมาโง่ตัวนี้…บำเพ็ญเพียรกลายเป็นปีศาจแล้วเหรอ!

เข้าใจถึงแก่นแท้ของสุนัขขี้ประจบ เลียประจบจนถึงที่สุด คุณสมบัติครบถ้วน!

……

มีคนใช้เส้นทางบนภูเขาเยอะมาก คนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านมาปูหินไว้ตั้งนานแล้ว ตอนเดินขึ้นไปได้กลิ่นอากาศชื้น มีสุนัขโง่เดินสั่นหัวส่ายหางอยู่ข้างกาย ฉินเยว่หยิบกิ่งไม้ขึ้นมาอันหนึ่ง เธอโยนไปข้างหน้าแล้วบอกว่า “เฉินชาง เก็บกลับมา!”

เป็นอย่างที่คาดไว้ สุนัขโง่เข้าใจนิสัยมนุษย์มาก มันวิ่งไปคาบกิ่งไม้อันนั้นไว้ แล้ววิ่งกลับมาอย่างว่านอนสอนง่าย

แต่ว่า…มันไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงถูกเรียกด้วยชื่อนี้ เหมือนจะ…เป็นชื่อของคนนะ

ช่างเถอะ ไม่สนใจแล้ว ประจบไว้ก่อน!

มันนั่งยองๆ แล้วอ้าปากแลบลิ้นออกมา หายใจเสียงดังแฮ่กๆๆ ใส่ฉินเยว่

เฉินชางเห็นแล้วปวดประสาทนิดหน่อย

“เจ้าหมาโง่ แกทรยศฉันเหรอ พรุ่งนี้ฉันจะฆ่าแก!”

พอสุนัขโง่ได้ฟังก็ตกใจยืนขึ้นทันที แล้วมาคลอเคลียบนขาของเฉินชาง

ฉินเยว่เห็นฉากนี้แล้วหัวเราะลั่น

สุนัขโง่มองสองคนที่จูงมือกันอยู่ตรงหน้าแล้วถอนหายใจเงียบๆ ความรู้สึกของมนุษย์นี่ซับซ้อนจริงๆ!

“หมาโง่ ตามมา!” ตอนนี้ฉินเยว่ตะโกนเรียกแล้ว

สุนัขโง่ได้ยินแล้ววิ่งตามไปทันที มันวิ่งนำหน้าไปแล้วหันกลับมามองเป็นระยะ พอเห็นว่าเจ้าของทั้งสองคนยังอยู่ มันถึงได้วิ่งไปข้างหน้าต่อ แล้วก็หันกลับมามองอีก…

บทที่ 529 ความต่างระหว่างประทับใจกับกล้าคิด

การผ่าตัดหนึ่งเคสจบลง เก่อฮว๋ายลุกขึ้นแล้วเดินออกไป อย่างไรเสีย ถ้าเขาอยู่ต่อก็จะได้เป็นแค่แพะรับบาป นั่นจะมีความหมายอะไร!

แต่พอเขามองอาจารย์ของตัวเอง ก็เริ่มทนไม่ไหวอีก

ถึงยังไง…การเป็นแพะรับบาปให้อาจารย์ตัวเอง ก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเหมือนกัน เป็นเรื่องที่ฟังขึ้น

หัวหน้าแผนกควรจะมีฐานะและตำแหน่งที่หัวหน้าแผนกควรมี

แต่ตอนนี้ซย่าเกาเฟิงดันบอกเก่อฮว๋าย “เสี่ยวเก่อ ดูการผ่าตัดของหมอเฉินชางจบแล้ว รู้สึกประทับใจ หรือคิดยังไงบ้าง”

เก่อฮว๋ายถอนหายใจเบาๆ ประทับใจก็ส่วนประทับใจ กล้าคิดก็ส่วนกล้าคิด!

รู้สึกประทับใจมากจริงๆ!

แต่ไม่กล้าคิดอะไรเลย!

การผ่าตัดบางขั้นตอนของเฉินชาง เขาทำได้แค่ดู แต่ไม่แม้แต่จะกล้าคิด ตอนที่เขาเห็นความเร็วของมือ เห็นความเร็วในการเย็บปิดเส้นเลือด…เขาก็ทำได้เพียงมองอยู่อย่างนั้น

ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น พูดถึงแค่การเย็บสอดแบบไม่ต่อเนื่อง เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพดีจริงๆ แต่เขาเองก็รู้ถึงระดับความเร็วในการเย็บของตัวเองดี ถ้าอยากทำให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดก็ยากมาก!

ตอนนี้เขาต้องยอมรับว่าตอนนั้นเฉินชางมีเมตตาเกินไปจริงๆ ตอนนั้นที่เขาแข่งเย็บกับเฉินชาง อีกฝ่ายออมมือให้ ไม่ได้โจมตีเขาในรวดเดียว แต่ค่อยๆ ทำให้เขาเห็นความแตกต่างทีละก้าว เพราะถ้าทำแบบนี้ เหมือนจะ…ทำให้เขาไม่รู้สึกพ่ายแพ้มากเกินไป…

แน่นอนอยู่แล้ว วันนี้สังเกตและเรียนรู้การผ่าตัดของเฉินชาง เขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย เขาได้ซึมซับและเรียนรู้วิธีที่เฉินชางจัดการกับรายละเอียด โดยเฉพาะรายละเอียดตอนที่แยกเส้นเลือดกับเส้นประสาทอย่างระมัดระวัง

“ได้ความรู้มากมายครับ!” เก่อฮว๋ายตอบ

เฉินชางยิ้ม “อาจารย์เก่อเกรงใจแล้ว ผมเองก็ได้เรียนรู้อะไรจากคุณไม่น้อยเลย”

หลังจากเก่อฮว๋ายได้ยินแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ก็เกิดดีใจขึ้นมา

ถูกเรียกว่าอาจารย์เก่อ เรียกได้สนิทสนมจริงๆ!

พอนึกถึงตรงนี้ เก่อฮว๋ายก็ยิ้ม “ช่วยเหลือกันและกันครับ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน!”

พอพูดจบ เก่อฮว๋ายก็บอกซย่าเกาเฟิงว่า “หัวหน้าแผนก ผมกลับก่อนนะครับ! ทางนั้นยังมีธุระอีกนิดหน่อย”

ซย่าเกาเฟิงอึ้งทันที อย่าทำอย่างนี้สิ ถ้าคุณไปผมก็ไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้วน่ะสิ!

เก่อฮว๋ายแสร้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรีบร้อนเดินออกไป เมื่อเทียบกัน เขาชอบการถูกหัวหน้าแผนกเมิ่งคนสวยตำหนิมากกว่า อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็หน้าตาดี ขนาดเวลาโกรธก็ยังสวยอยู่เลย!

เฮ้อ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็เป็นตัวประกอบที่มีหน้ามีตามีชื่อเสียงคนหนึ่งเหมือนกัน เก่งกว่าหมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สองและเบอร์สามไม่รู้ตั้งเท่าไร!

จะให้เป็นแพะรับบาปไปตลอดไม่ได้หรอก!

ซย่าเกาเฟิงถอนหายใจเฮือกหนึ่งขณะมองเก่อฮว๋ายรีบร้อนออกไป ไอ้เวรนี่…

……

……

นอกห้องผ่าตัด หวังชิ่งหู่กลัวว่ารอแล้วจะไม่ได้เจอเฉินชาง เขาจึงดึงหลี่ฮ่วนมารอที่หน้าประตูห้องผ่าตัดเสียเลย!

“ผู้อำนวยการ คุณป่วยเป็นอะไรถึงมาหาหมอเฉินครับ” หลี่ฮ่วนอดถามไม่ได้

หวังชิ่งหู่ส่ายหน้า “ภรรยาผมเป็นครูสอนเปียโนไงล่ะ ตอนนี้อายุมากแล้ว เธอปวดมือมาก อาจเป็นผลสืบเนื่องหลังจากเคยได้รับบาดเจ็บที่เส้นเอ็น เมื่อวานซืนผมพาเธอไปที่โรงพยาบาลจีสุ่ยถาน แต่พอไปถึงแล้ว อีกฝ่ายรู้ว่าผมเป็นคนตงหยาง ก็ให้ผมกลับมาที่นี่!”

หลี่ฮ่วนได้ฟังแล้วทำตาโตทันที “เพราะอะไรครับ”

หวังชิ่งหู่ยิ้ม “นี่ก็คือจุดที่เก่งกาจของหมอเฉิน คุณไม่รู้สินะ เป็นเพราะหมอเฉินคนนี้แหละ! ตอนนี้โรงพยาบาลจีสุ่ยถาน โรงพยาบาลไห่ตูซื่อลิ่ว โรงพยาบาลของสังกัดมหาวิทยาลัยหนานทงและกลุ่มโรงพยาบาลของเรากำลังร่วมมือกันสร้างศูนย์กายภาพเส้นเอ็นขึ้นมา”

พอได้ยินหวังชิ่งหู่พูดแบบนี้ หลี่ฮ่วนก็ยิ่งหน้าแดงเพราะความอับอายแล้ว!

นี่ฉันดูถูกหมอเฉินไม่ใช่เหรอ

นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ตัวเองต้องเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้ว!

หลี่ฮ่วนทำงานที่สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนหวังชิ่งหู่ทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยพื้นฐานทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา

หลี่ฮ่วนยิ่งได้คุยกับหวังชิ่งหู่นาน ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโชคดี!

นึกไม่ถึงว่าเฉินชางจะมีความสามารถมากขนาดนี้!

หลี่ฮ่วนเองก็เป็นคนของสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่แล้ว รู้ว่าสิ่งนี้มีความหมายและมีความสำคัญขนาดไหน

ตอนนี้ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกแล้ว

เฉินชางกับซย่าเกาเฟิงอยู่ท่ามกลางคนที่เดินติดตามเป็นกลุ่ม

หลี่ฮ่วนรีบลุกขึ้น “หมอเฉิน หัวหน้าแผนกซย่า แม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ”

ซย่าเกาเฟิงยิ้ม “วางใจได้ ผู้อำนวยการหลี่ การผ่าตัดสำเร็จดีมาก ขอบคุณหมอเฉินนะ คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าถ้าให้ผมทำด้วยตัวเอง…

…ถ้าตั้งใจพักฟื้นให้ดี โดยทั่วไปก็จะไม่มีปัญหาอะไรตามมาแล้ว!”

ประโยคนี้ของซย่าเกาเฟิงทำให้หลี่ฮ่วนตาเป็นประกายทันที เขารีบพูดกับเฉินชางว่า “หมอเฉิน ขอบคุณคุณมากนะครับ! ผมอยู่ที่สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อไปนี้คงได้ติดต่อกันเยอะแน่ๆ ครั้งหน้าถ้าคุณมาที่สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็โทรหาผมได้โดยตรงเลยนะครับ!”

หลังจากตอบด้วยความเกรงใจ เฉินชางก็ไม่ได้ปฏิเสธ ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้แล้ว

จากนั้นก็บอกให้จางเหวินฟู่ไปทำเรื่องย้ายแผนกให้เขา ย้ายเข้าแผนกศัลยกรรมหัวใจเพื่อรับการรักษาตามระบบ

หลังจากเฉินชางให้ญาติผู้ป่วยอย่างหลี่ฮ่วนทำเรื่องต่างๆ และเซ็นชื่อแล้ว ก็รีบไปดูแลเคสของเด็กชายคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ

เวลาประมาณห้าโมงเกือบหกโมงเย็น ตอนที่เฉินชางเดินผ่านโถงทางเดิน ก็เห็นหวังชิ่งหู่นั่งเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ตรงนั้น

เฉินชางตบหน้าผาก แล้วรีบกุมมือสองข้างของหวังชิ่งหู่ “คุณหวังใช่ไหมครับ ขออภัยจริงๆ ครับ ผมงานยุ่งมาจนถึงตอนนี้เลย หัวหน้าแผนกเถาโทรหาผมแล้ว แต่…”

เฉินชางกุมมือหวังชิ่งหู่พร้อมกล่าวขอโทษ เขาค่อนข้างรู้สึกผิด

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นผู้อำนวยการที่หัวหน้าแผนกเถาแนะนำด้วยตัวเองและบอกให้เขาดูแลดีๆ

หวังชิ่งหู่เห็นดังนั้นก็อดพูดไม่ได้ว่า “ไม่เป็นอะไรครับ! หมอเฉิน บ่ายนี้ก็ถือว่าผมได้เปิดประสบการณ์แล้ว พวกคุณงานยุ่งกันจริงๆ ท่าจะเหนื่อยมาก! ผมเห็นตั้งแต่คุณออกจากห้องผ่าตัดมาก็ยังเดินไปมาไม่หยุดพักเลย”

หวังชิ่งหู่อายุห้าสิบกว่า มีพื้นเพมาจากครอบครัวที่มีความรู้ ตอนนี้รับตำแหน่งอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งมณฑล

ในฐานะที่เป็นปัญญาชนเหมือนกัน เขามีความรู้สึกดีต่อแพทย์มาก

เฉินชางพาหวังชิ่งหู่เข้ามาในห้องเวร “คุณหวังครับ หัวหน้าแผนกเถายังไม่ได้บอกผมละเอียด คุณมาหาผมเพราะมีธุระอะไรครับ”

หวังชิ่งหู่ตอบว่า “ภรรยาของผมเป็นคุณครูสอนเปียโน มีประวัติได้รับบาดเจ็บที่เส้นเอ็น ตอนนี้ที่มือมีอาการเส้นเอ็นยึดติดรุนแรง เคลื่อนไหวได้จำกัด ทั้งยังปวดอยู่บ่อยๆ ผมเลยพาไปที่โรงพยาบาลจีสุ่ยถาน พอตรวจแล้ว หัวหน้าแผนกฉางหงเหล่ยก็ให้ผมกลับมาหาหมอเฉินชาง!…

…วันนี้ผมก็เลยมาสืบดูล่วงหน้าครับ”

พอฟังหวังชิ่งหู่พูดจบ เฉินชางก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย

อาการป่วยที่เป็นผลสืบเนื่องจากเส้นเอ็นบาดเจ็บ ยกตัวอย่างเช่นเส้นเอ็นยึดติด ถึงขั้นมีอาการปลอกเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบเล็กน้อย ล้วนเกิดอาการเหล่านี้ได้ทั้งนั้น

แต่การซ่อมแซมเส้นเอ็นมันง่ายในตอนแรก หลังจากเส้นเอ็นฟื้นฟูแล้ว ก็จะกลายเป็นเส้นเอ็นยึดติด ทั้งยังมีความยุ่งยากในการรักษาด้วย

หลังจากเฉินชางครุ่นคิดครู่หนึ่งก็บอกว่า “เอาอย่างนี้แล้วกันครับ คุณหวัง วันหลังคุณพาผู้ป่วยมาด้วย ผมจะดูให้ละเอียดว่าอาการเป็นยังไง แล้วพวกเราค่อยตัดสินใจกันอีกที ตอนนี้พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร คุณเห็นด้วยไหมครับ”

เฉินชางเข้าใจเรื่องเส้นเอ็นดีมาก แต่ถ้าพูดอย่างเดียวโดยไม่เห็นตัวผู้ป่วย จะต้องอธิบายได้ไม่ชัดเจนแน่นอน

ถึงตอนนั้นดูให้ละเอียดก่อน แล้วค่อยตัดสินใจวางแผนการรักษาอีกที

หวังชิ่งหู่พยักหน้ายิ้มขอบคุณ “ได้ครับๆ เข้าใจครับ! ผมเข้าใจ! งั้นก็ต้องรบกวนหมอเฉินแล้วครับ! วันหลังพวกเรานัดเวลากัน เอ่อ แลกเบอร์โทรศัพท์กันหน่อยดีไหมครับ”

จากนั้นคุยกันสองสามประโยค แล้วหวังชิ่งหู่ก็ลุกขึ้นเดินออกไป

นั่งมาทั้งบ่ายแล้ว รอมาทั้งบ่ายแล้ว เหมือนจะเป็นผู้อำนวยการที่ตำแหน่งไม่เล็กด้วย แต่เขาไม่บ่นสักคำ บางทีนี่อาจจะเป็นการแสดงออกของผู้ที่มีคุณสมบัติสูงก็ได้

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท