บทที่ 544 ลูกชายผมเก่งขนาดนี้เชียวเหรอ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลจิ้นหยางกับหยางจื้อหมิงรีบร้อนมาที่แผนกฉุกเฉิน
ตอนนี้เฉินชางกับจี้ชวีเดินออกจากห้อง ICU มาด้วยกันพอดี
หยางจื้อหมิงรีบบอกว่า “ท่านนี้คือเฉินชาง หมอเฉินที่ผมเคยเล่าให้คุณฟังครับ!”
“หมอเฉิน ท่านนี้คือผู้อำนวยการของพวกเราครับ”
เฉินชางพยักหน้าแล้วเป็นฝ่ายจับมือทักทายก่อน “สวัสดีครับ”
หลิวก่วงเจิ้นยิ้ม “สวัสดีครับหมอเฉิน ผมชื่อหลิวก่วงเจิ้น เป็นเกียรติที่ได้รู้จักครับ!”
หลิวก่วงเจิ้นเองก็ไว้หน้ามากเช่นกัน เขาที่อายุสี่สิบเจ็ดปีนี้ยังคงอยู่ในช่วงก้าวหน้าในอาชีพการงาน ย่อมหวังว่าจะบริหารโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลจิ้นหยางให้ดีอยู่แล้ว
หลิวก่วงเจิ้นรูปร่างอ้วนท้วน บนใบหน้าอมยิ้มอยู่เสมอ ดูเข้ากับคนง่ายมาก
“ผมได้ยินเรื่องวันนี้แล้ว ขอบคุณหมอเฉินมากจริงๆ ครับที่ช่วยแก้สถานการณ์ให้ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเรื่องกับผู้ป่วยแล้วจริงๆ”
เฉินชางรีบโบกมือ “ผมต่างหากที่ควรขอบคุณที่โรงพยาบาลของพวกคุณให้โอกาสนี้กับผม”
หลิวก่วงเจิ้นยิ้มบางๆ ถอนหายใจแล้วบอกว่า “หมอเฉิน ผมขอพูดตรงๆ นะครับ โรงพยาบาลท้องถิ่นของพวกเรามีข้อจำกัดมากเกินไป มีอาการป่วยซับซ้อนรับมือยากมากมาย โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการโคม่า ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยก็จะอยู่ในอันตรายเกินไปครับ…
…ผมในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็มีความกดดันมากเหมือนกัน คนที่มีความสามารถก็ไม่ยอมกลับบ้านเกิด ขนาดโรงพยาบาลท้องถิ่นเสนอนโยบายให้ก็ยังไม่กลับมาเลย เฮ้อ…”
เป็นอย่างนั้นจริงๆ ปัจจุบันนี้หมอที่มีคุณภาพและประวัติการศึกษาดีส่วนใหญ่ไม่ยอมกลับมาที่โรงพยาบาลท้องถิ่น โดยเฉพาะหมอที่มีความสามารถและมีฝีมือพวกนั้น เบียดกันไปอยู่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ในเมืองใหญ่กันหมด
เพราะเหตุนี้จึงเกิดเป็นสถานการณ์สองขั้วที่แตกต่างกันมาก ถ้าโรงพยาบาลระดับปฐมภูมิไม่มีบุคลากรที่มีคุณสมบัติพร้อม ต่อให้สร้างตึกโรงพยาบาลดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
หลิวก่วงเจิ้นพูดต่อว่า “หมอเฉิน คืออย่างนี้นะครับ ผมอยากจะเชิญให้คุณมาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั่วคราวที่โรงพยาบาลพวกเรา!…
…ต่อไปถ้ามีผู้ป่วยอาการโคม่า หรือเคสที่รักษายากที่พวกเราไม่มีทางรักษาได้ จะได้เชิญท่านมาช่วยได้ ท่านว่ายังไงบ้างครับ”
หลิวก่วงเจิ้นเรียกอีกฝ่ายว่าท่านโดยไม่รู้ตัว!
มองจากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าเขาให้เกียรติเฉินชางขนาดไหน
“แน่นอนครับว่ารายละเอียดเรื่องข้อกำหนด พวกเราคอยคุยกันก็ได้” หลิวก่วงเจิ้นกล่าว
“อ้อ ใช่ หมอเฉินครับ ไปนั่งที่ห้องทำงานของผมสักครู่สิครับ” จี้ชวีสายตาเฉียบคมมาก
เฉินชางลังเลนิดหน่อย ไม่ได้ปฏิเสธชัดเจน
เพราะตอนนี้เขามีความสามารถพอตัวแล้ว
อีกทั้งตอนนี้ การผ่าตัดเคสยากของโรงพยาบาลอันดับสองก็มีไม่เยอะแล้ว แม้ตอนนี้เฉินชางจะไม่มีเวลาดูรางวัลที่เพิ่งได้รับ แต่…สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ รางวัลเป็นกอบเป็นกำ!
เมืองจิ้นหยางในฐานะที่เป็นเมืองระดับจังหวัด มักจะมีเคสผ่าตัดที่ค่อนข้างยากโผล่มาเสมอ การตัดสินใจแบบนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับเฉินชางตอนนี้
พูดตามตรง โรครักษายากกับโรคระดับสูงจะมีเยอะขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน
ถึงแม้จะมี แต่ก็เป็นเคสของโรงพยาบาลอันดับต้นของมณฑลอยู่ดี อย่าบอกนะว่า…เฉี่ยนเลี่ยงจะเชิญให้เขาไปรักษาที่แผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีโรงพยาบาลตงต้า
หรือว่าหลิวซือฉีจะให้เฉินชางไปใช้มีดผ่าตัดที่แผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล
พูดแบบไม่น่าฟังก็คือ ตอนนี้เฉินชางยังไม่มีความสามารถและสถานภาพแบบนั้น คนที่มาผ่าตัดให้โรงพยาบาลอันดับต้นของมณฑลได้ โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นพี่ใหญ่ที่มาจากโรงพยาบาลระดับท็อปเช่นโรงพยาบาลปักกิ่งยูเนี่ยน 301 โรงพยาบาลเซียงหย่า โรงพยาบาลฮว๋าซี
เฉินชาง…ยังไม่มีคุณสมบัตินั้น!
ตามที่ระบบบอกไว้ก็คือ BOSS หายากเหล่านั้นรวมเป็นเป้าหมายที่พวก NPC ระดับสูงสนใจ ตอนนี้ตนยังไม่มีคุณสมบัติที่จะไปแย่งโจมตี BOSS จากคนพวกนั้น…
เพราะแบบนี้ เมื่อเทียบกันแล้ว โรงพยาบาลอันดับสามของเมืองจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเฉินชาง ไม่แน่ว่า boss อาจจะถูกตนเหมาหมดเลยก็ได้!
ส่วนโรงพยาบาลประชาชนแห่งอำเภอที่ต้วนปัวอยู่ก็ไม่มีความสามารถด้านการผ่าตัดประเภทนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ห้องผ่าตัดก็ไม่ได้มาตรฐานแล้ว ขนาดกล้องตรวจโพรงมดลูกยังไม่มีเลย…แค่คิดก็รู้แล้วว่าเป็นยังไง
เฉินชางคิดไปคิดมา บางทีโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลจิ้นหยาง อาจเป็นทำเลทองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับให้ตนตีมอนสเตอร์และเติบโต!
ตอนนี้เอง หลิวก่วงเจิ้นก็เริ่มใช้ทั้งเหตุผลและความรู้สึกเพื่อหงายการ์ดพัฒนาบ้านเกิดสู้กับเฉินชางแล้ว!
หลังจากเฉินชางครุ่นคริดสักพัก ก็ตอบว่า “ก็ได้อยู่หรอกครับ แต่ปัญหาก็คือเวลากับอาการป่วยชนิดต่างๆ พวกเราต้องปรึกษากันอีกนิดหน่อยครับ”
หลิวก่วงเจิ้นได้ยินประโยคนี้แล้วอึ้งทันที จากนั้นก็เผยสีหน้าปลาบปลื้มยินดี!
แม้แต่หยางจื้อหมิงกับจี้ชวีที่อยู่ข้างๆ ก็ยังยินดีจากใจ!
หยางจื้อหมิงไม่อยากปรนนิบัติคนใหญ่คนโตอย่างหวังโส้วแล้วจริงๆ มาครั้งหนึ่งก็ทำตัวเหมือนบรรพบุรุษ ต้องเลี้ยงรับรองอย่างดีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เปลืองภาษีประชาชน อีกทั้งตอนจะไปยังเอาเงินไปอีกกอง โลภเกินไปแล้ว!
……
……
เฉินชางกับพวกหยางจื้อหมิงกำลังปรึกษาหารือขั้นต้นกันอยู่ในห้องทำงาน แต่เสิ่นซิวหยวนกับพยาบาลกลับตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น!
พยาบาลกล่าวยังตื่นเต้นว่า “สุดยอด! วันนี้ฉันโชคดีเกินไปหรือเปล่า เมื่อกี้ฉันยังบอกอยู่เลยว่าถ้าศาสตราจารย์เฉินหนุ่มน้อยคนนี้มาทำงานที่โรงพยาบาลเราก็คงดี นึกไม่ถึงว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะเชิญเขามาด้วยตัวเอง!”
พยาบาลอีกคนมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง เพียงแต่พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน “เธอโชคดีอะไรกัน เขาอาจจะเป็นเขยเต่าทองคำ[1]ของฉันก็ได้นะ…”
“หมอเสิ่น รีบอาบน้ำนอนไวๆ เถอะค่ะ…ตั้งแต่นี้ไป ตำแหน่งรองสุดหล่อแห่งแผนกฉุกเฉินจะกลายเป็นของคุณแล้วค่ะ!”
เสิ่นซิวหยวนอึ้ง เขาไม่ได้สนใจพยาบาลพวกนี้ เพราะถ้าเฉินชางมาที่นี่…เขาก็จะได้เรียนรู้อะไรมากมายแน่นอน!
ถ้าเทียบกับหวังโส้วนั่นที่มาแล้วไม่ค่อยพูดอะไรมาก จะขอให้สอนงานก็คงเป็นไปไม่ได้เลย!
พอคิดได้แบบนี้ เสิ่นซิวหยวนก็ยิ้มเย้ยใส่พยาบาลพวกนั้น “เชอะ…ตื้นเขิน”
หลังจากพูดจบ เขาก็กลับห้องทำงานแล้วเริ่มชะเง้อคอรอ
ส่วนฉินเยว่กับเฉินต้าไห่ไปซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันเป็นเพื่อนภรรยาเหล่าเฮ่อ เหล่าเฮ่ออยู่ในห้อง ICU ทุกวันไม่ได้อยู่แล้ว ผ่านไปสองวันก็ต้องย้ายไปพักฟื้นที่แผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี จึงต้องเตรียมข้าวของพวกนี้ไว้ล่วงหน้า
มีฉินเยว่อยู่ เธอจัดการเรื่องเอกสารทุกอย่างได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งยังละเอียดครบถ้วนมากด้วย
ตอนนี้เฉินชางกับบรรดาแพทย์ของโรงพยาบาลเดินออกมาแล้ว หลิวก่วงเจิ้นเผยสีหน้าปลาบปลื้มยินดี จี้ชวีกับพวกหยางจื้อหมิงก็มีความสุขมากเช่นกัน
การร่วมงานขั้นต้นบรรลุเป้าหมายแล้ว แต่ตอนหลังยังต้องเซ็นสัญญาอีก
ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญชั่วคราวแบบนี้ จำเป็นต้องใช้ใบรับรองคุณสมบัติผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของเฉินชางเพื่อมาลงทะเบียนที่อยู่ใบประกอบวิชาชีพ ไม่เหมือนกับการผ่าตัดอย่างเดียว
หลังจากออกมาแล้ว หลิวก่วงเจิ้นก็พูดกับภรรยาของเหล่าเฮ่อว่า “คุณพี่ครับ วางใจได้เลย ค่าใช้จ่ายในระหว่างที่เหล่าเฮ่อพักรักษาตัวในโรงพยาบาล โรงพยาบาลของเราให้เบิกได้ทั้งหมดครับ!”
ประโยคนี้ทำให้ภรรยาของเหล่าเฮ่องงทันที
เมื่อครู่นี้เธอไปสืบมานิดหน่อย การผ่าตัดเคสนี้ถ้าไม่มีเงินสามถึงห้าหมื่นหยวนก็ออกจากโรงพยาบาลไม่ได้เลย อีกทั้งค่านอนห้อง ICU ก็หลายพันหยวน…นี่คือค่าใช้จ่ายที่คนทั่วไปรับไหวเสียที่ไหนกัน
แต่ลูกชายและลูกสาวของเธอก็คิดหาวิธีการแล้ว
เธอนึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะได้ยินประโยคนี้จากหลิวก่วงเจิ้น น้ำตาไหลอาบใบหน้าชราของเธอทันที “ขอบคุณค่ะคุณหมอ! ขอบคุณพวกคุณมาก พวกคุณเป็นคนดีจริงๆ…”
หลิวก่วงเจิ้นยิ้มบางๆ “ไม่ต้องเกรงใจครับ ถ้าจะขอบคุณก็ขอบคุณหมอเฉินเถอะ ต่อไปนี้เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญชั่วคราวของโรงพยาบาลเรา”
เฉินต้าไห่อึ้งทันที ลูกชายผมเก่งขนาดนี้เชียวเหรอ
กลับมาบ้านแค่วันเดียวก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญของที่นี่แล้ว?
ฉินเยว่ก็ยิ่งตาเป็นประกาย กำลังจินตนาการถึงท่าทางของเฉินชางตอนเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า…
ส่วนสหายวงเหล้าของเฉินต้าไห่ก็มองเหล่าเฉินแวบหนึ่ง ในใจอิจฉาจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้…
[1] เขยเต่าทองคำ 金龟婿 หมายถึงสามีที่มีฐานะร่ำรวย
บทที่ 537 ชิงไหวชิงพริบ
ว่ากันว่าในหมู่บ้านปิดเรื่องราวอะไรไม่ได้ ประเดี๋ยวเดียวเรื่องที่เฉินชางจัดกระดูกแขนให้ลูกเฉินเยี่ยนนีเมื่อคืนนี้ก็แพร่ไปทั้งหมู่บ้านแล้ว
ทุกคนต่างก็ชมว่าลูกชายของเหล่าเฉินสมกับเป็นหมอที่อยู่ในเมืองเอกของมณฑล ยอดเยี่ยมจริงๆ!
เช้าตรู่วันต่อมา เฉินชางยังไม่ตื่นนอนก็ถูกเฉินต้าไห่ปลุกเรียกแล้ว
เฉินชางที่ชิงไหวชิงพริบกับยัยขี้ประจบฉินมาทั้งคืนงุนงงไปชั่วขณะ
“มีอะไรครับพ่อ”
“ขนาดฉินเยว่ยังตื่นแล้ว ลูกยังไม่ตื่นอีกเหรอ พอคนในหมู่บ้านรู้ว่าพวกลูกมาที่นี่ ก็พากันมาให้ลูกตรวจโรคให้ถึงหน้าบ้านแล้ว” เฉินต้าไห่กำลังรับหน้ากับชาวบ้าน
“เร็วๆ หน่อย รีบลุกขึ้นมา คนบ้านเดียวกันก็เหมือนญาติกัน กว่าลูกจะกลับมาสักครั้งไม่ง่ายเลย ทำงานให้ทุกคนดูสักหน่อยสิ เขียนใบสั่งยาสักหน่อย!”
เฉินชางอึ้งแล้วเหงื่อแตกด้วยความอับอายทันที ผมเป็นหมอแผนกฉุกเฉิน จะเข้าใจเรื่องแพทย์แผนจีนได้ยังไง ไหนจะเขียนใบสั่งยาอะไรนั่นอีก…
แต่เขาก็ยังรีบลุกออกจากเตียง
เพียงแต่เฉินชางเสียดายนิดหน่อย ถึงยังไงก็มีเวลาอยู่บ้านแค่สองวัน แต่ต้องพลาดไปแบบนี้แล้ว ยัยตัวแสบไม่ให้โอกาสฉันลงมือเลย พอนึกถึงจุดนี้ แม้แต่เฉินชางก็ยังต้องทอดถอนใจ
เฮ้อ…
เฉินชางลุกขึ้นเก็บที่นอนแล้วเดินออกประตูมา พบว่าในลานบ้านมีคนเยอะมาก พอทุกคนเห็นเขาตื่นแล้วก็พากันทักทายพร้อมรอยยิ้ม
ในบ้านตอนนี้ ฉินเยว่กำลังคุยกับคุณยายคนหนึ่ง เธอบอกว่าต้องควบคุมความดันโลหิตอะไรทำนองนั้น
ที่จริงการอยู่บ้านจะตรวจโรคอะไรได้ พวกชาวบ้านก็แค่นำภาพเอกซเรย์ที่ไม่รู้ว่าถ่ายไว้นานเท่าไรแล้วมาถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
หลายครั้งที่ทุกคนต้องการเพียงความสบายใจ
หรือไม่ก็ถามว่าตัวเองจำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่
ฉินเยว่กระตือรือร้นมาก เธอเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน ดูจากสีหน้าปลื้มปริ่มของหยางจยาฮุ่ยก็รู้แล้ว
พอเดินออกมาจากบ้าน พวกชาวบ้านก็ชมเฉินต้าไห่ไม่หยุดว่าเป็นคนมีวาสนา ต่อไปนี้จะได้เสพสุขกับวาสนาแล้ว มีลูกสะใภ้ทั้งสวยทั้งนิสัยดี ทั้งยังเป็นหมอทั้งคู่ ต่อไปต้องได้เข้าไปเสพสุขชีวิตในเมืองใหญ่แน่นอน
เฉินต้าไห่หัวเราะเห็นฟัน บุหรี่จีนที่ยามปกติไม่นำออกมาสูบเพราะเสียดาย ตอนนี้ก็นำมาแจกให้พวกชาวบ้านแล้ว
หลังจากพวกผู้ชายในหมู่บ้านเห็นบุหรี่ก็กล่าวกลั้วหัวเราะทันที “ต้าไห่ใช้ได้เลยนะ เริ่มสูบบุหรี่จีนแล้ว!”
เฉินต้าไห่หัวเราะลั่น “ลูกสะใภ้ซื้อมาฝาก เธอรู้ว่าฉันชอบดื่มเหล้าสูบบุหรี่ เลยซื้อบุหรี่ดีๆ กับเหล้าดีๆ กลับมาด้วย”
เพื่อนร่วมวงเหล้าที่อยู่ข้างๆ จึงบอกว่า “นางหนูคนนั้นนำเหล้าเหมาไถมาฝากเหล่าเฉิน! รู้จักไหม เหล้าเหมาไถ หมักยี่สิบปีเชียวนะ! เมื่อคืนฉันหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เห็นว่าราคาสี่ห้าหมื่น”
เฉินต้าไห่ภูมิใจจนหน้าแดงนิดหน่อย!
คนเป็นพ่อเป็นแม่เมื่ออายุมากแล้วก็มีชีวิตอยู่เพื่อลูกเท่านั้น
ว่ากันว่าสามสิบปีแรกคนเคารพลูกชายเพราะเห็นแก่หน้าพ่อ สามสิบปีหลังคนเคารพพ่อเพราะเห็นแก่หน้าลูกชาย
คำพูดนี้ไม่ถือว่าเกินไปสักนิด
ฉินเยว่มีพื้นฐานวิชาแพทย์แน่นมาก อธิบายให้ความรู้กับชาวบ้านอย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้ทุกคนได้อะไรกลับไปมากมาย ได้เก็บเกี่ยวความรู้เยอะมาก
ส่วนพวกชาวบ้านที่อยากผ่าตัด ฉินเยว่ก็บอกพวกเขาพร้อมรอยยิ้มว่า “คุณตาคะ ถ้าคุณตาจะเข้าผ่าตัด ก็ไม่ต้องไปหาใครทั้งนั้น ถ้าจะผ่าตัดถุงน้ำดี คุณตามาที่โรงพยาบาลอันดับสองได้เลยค่ะ ไปหาเฉินชางก็สิ้นเรื่องแล้ว! เฉินชางเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงของโรงพยาบาลเราค่ะ การผ่าตัดของเขาก็โด่งดังมากด้วย!”
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ แต่ละคนก็ลุกขึ้นมาจับมือและยิ้มให้เฉินชางทันที พร้อมพูดกับเฉินต้าไห่กับหยางจยาฮุ่ย “ดีจัง ลูกชายมีอนาคต”
ทำให้เฉินต้าไห่กับหยางจยาฮุ่ยภาคภูมิใจในตัวลูกและตัวเองจากใจจริง
คนเราก็เป็นแบบนี้ เมื่อมีคนเคารพคุณ ก็ย่อมมีคนที่ดูถูกคุณด้วย ไม่ว่าที่ไหนก็หลักการนี้ทั้งนั้น
ยามว่างพวกชาวบ้านมักจะชอบคุยกันว่าลูกบ้านไหนประสบความสำเร็จ ลูกบ้านไหนหาเงินได้เยอะ ลูกบ้านไหนอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร
พอได้ยินว่าเฉินชางเป็นคนดีและเป็นคนเก่งขนาดนี้ บางคนที่ไม่พอใจก็บอกว่า
“ยังมีเหล้าเหมาไถหมักยี่สิบปีอยู่ด้วยนะ มีเงินขนาดนั้นทำไมไม่ซื้อรถสักคันล่ะ มัววางมาดอยู่ได้”
“ไอ๊หยา เฉินต้าไห่ชอบขี้โม้ว่าพอเฉินชางทำงานก็ซื้อได้แล้ว”
“ใช่ๆ ดูเขาหิ้วกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่เรียกรถกลับมาสิ เมืองอันหยางอยู่ตั้งไกล ถ้าเก่งนักก็ซื้อรถดีๆ สักคันขับมาสิ”
……
คนที่รังเกียจคนจนย่อมไม่อยากเห็นคนอื่นได้ดี ชอบพูดเสียดสีเป็นเรื่องปกติ
วันนี้เฉินชางกับฉินเยว่ขึ้นรถรอบบ่าย กว่าจะไปถึงเมืองอันหยางก็ใช้เวลาสามชั่วโมงกว่า
เดิมทีเฉินชางตัดสินใจซื้อรถ แต่เพราะช่วงนี้งานยุ่งเกินไป เขาจึงไม่มีเวลาไปดูรถเลย รอกลับไปครั้งนี้แล้วค่อยว่ากัน ซื้อรถก่อนฉลองตรุษจีน เวลากลับบ้านจะได้สะดวกหน่อย
ตอนรับประทานอาหารมื้อเที่ยง จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้ามา “ต้าไห่! ต้าไห่! เร็วๆ เหล่าเฮ่อกลิ้งตกลงมาจากช่องเขา ถูกกิ่งไม้เสียบท้องแล้ว!”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่กำลังกินข้าวอึ้งไปตามๆ กัน!
เหล่าเฮ่อก็คือเพื่อนในวงเหล้าของเฉินต้าไห่ ปกติไม่ว่าจะว่างหรือมีธุระก็จะมาดื่มเหล้าและคุยเล่นกันกันเสมอ ลูกชายกับลูกสาวทำงานอยู่ที่ปั่กกิ่ง
ส่วนเฉินชางกับฉินเยว่พอได้ยินขาวนี้ก็รีบลุกขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความเคยชินด้านอาชีพ พวกเขารีบถามว่า “ตอนนี้ลุงเฮ่ออยู่ที่ไหนครับ”
ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าลนลาน “ยังติดอยู่บนเนินอยู่เลย มีคนไปดูเป็นโขยงแต่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง โทรเรียกรถฉุกเฉินแล้ว เสี่ยวเฉิน เธอกับฉินเยว่ไปดูหน่อยเถอะ พวกเรากลัวว่าถ้าไปแตะต้องแล้วจะเป็นอะไรขึ้นมา”
เฉินชางพยักหน้า เขากับฉินเยว่ก็วางตะเกียบแล้วตามชายคนนั้นออกจากบ้านไป
เฉินต้าไห่เองก็ร้อนใจเหมือนถูกไฟเผาเช่นกัน
หลังจากคนกลุ่มหนึ่งเดินไปถึงตีนเขา จู่ๆ ก็พบว่ามีคนอีกกลุ่มล้อมอยู่ไม่ไกลจากตีนไหล่เขา
พอเฉินชางมาถึง ผู้ชายคนนั้นก็ตะโกนทันที “รีบหลีกทาง หลีกไปเร็วๆ เสี่ยวเฉินมาแล้ว!”
พอได้ยินแบบนี้ กลุ่มคนก็รีบหลีกทางให้
เฉินชางจ้องไปทางนั้น เห็นชายคนหนึ่งมีรูอยู่บนท้องหนึ่งรู ทั้งยังมีเลือดซึมออกมาไม่หยุด บนบาดแผลมีเศษไม้แหลมหนึ่งแท่ง
เฉินชางอึ้งทันที!
ตำแหน่งของเศษไม้ก็คือท้องด้านบนขวา ค่อนข้างอยู่ใกล้ตับ สิ่งที่เฉินชางกังวลที่สุดก็คือจะบาดเจ็บไปถึงตับและหลอดเลือดแดงใหญ่อยู่ตรงท้องหรือไม่ แม้กิ่งไม้จะไม่ได้ใหญ่หยาบมาก แต่…ถ้าแทงเข้าไปมุมนี้ก็อันตรายมาก
พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็บอกทันทีว่า “ทุกคนอย่าแตะต้องมั่วซั่ว”
ไม่ต้องให้เฉินชางเตือนเลย ทุกคนเห็นฉากที่มีเลือดเยอะขนาดนี้ มีหรือที่จะกล้าแตะต้อง
เฉินชางรีบเข้าไปตรวจดูอาการ เขามองผู้ชายคนนั้นพร้อมถามว่า “ลุงเฮ่อ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ”
ชายคนนั้นกำลังใช้มือข้างหนึ่งปิดตา อยากจะใช้มืออีกข้างลูบท้องแต่กลับไม่กล้า “เจ็บ! เจ็บไปถึงหัวใจ! เจ็บตลอดเวลา…”
พอได้ยินชายคนนั้นตอบ เฉินชางกลับไม่ได้กังวลมากแล้ว ความเจ็บที่ต่อเนื่องแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นกับบาดแผลภายนอกส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรง
มีสัญญาณระคายเคืองเยื่อบุช่องท้องผิดปกติ เสียงลําไส้ดังน้อยกว่าปกติ!!
เฉินชางรีบบอกว่า “ไปหยิบหูฟังแพทย์กับเครื่องวัดความดันโลหิตมาหน่อยครับ”
ชายคนหนึ่งรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่คลินิกในหมู่บ้าน
เฉินชางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง วางมือไว้ที่หลอดเลือดแดงตรงข้อมือ หัวใจเต้นค่อนข้างเร็ว ลมหายใจยังปกติ
ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้มาก หนึ่งคือไม่กล้าดึงไม้ออก สองคือไม่กล้าเคลื่อนย้ายส่งเดช
ยังดีที่เลือดออกไม่มาก ไม่ต้องห้ามเลือดทันที พอเป็นแบบนี้ตัวเลขความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นแล้วไม่น้อย
คนที่เคยดูละครย้อนยุคมาต่างก็รู้ว่าหลังจากถูกธนูยิงแล้ว ตอนไม่ดึงออกก็ยังดีอยู่ แต่พอดึงออกแล้วจะอันตรายยิ่งกว่า!