บทที่ 555 การกลั่นแกล้งขำๆ (1)
เมื่อหวังเชียนได้ยินว่าเล่อเล่อเชื่อมั่นในตัวเขาขนาดนี้ ก็เผยสีหน้าปลาบปลื้มทันที พูดอย่างดีใจว่า “เล่อเล่อ ผมทำให้คุณวางใจได้ขนาดนี้เลยเหรอครับ สงสัยทักษะของผมจะน่าเชื่อถือมาก!”
เล่อเล่อพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้าอีก
หวังเชียนเห็นแล้วงง แบบนี้หมายความว่าอะไร
เล่อเล่ออดถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งไม่ได้ “ฉันได้ยินพยาบาลห้องผ่าตัดพูดกันค่ะ บอกว่าการผ่าตัดไส้ติ่งของหมอเฉินมีโอกาสพบอาการไส้ติ่งประหลาดสูงถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์! ส่วนของคุณหมอหวังเชียนมีโอกาสพบต่ำมาก!”
ทุกคนอึ้ง จากนั้นก็เริ่มหัวเราะลั่น
เฉินชางหน้าดำคร่ำเครียดทันที…
แม่งเอ๊ย…คิดว่าฉันอยากเจออาการประหลาดหรือไง
ฉันผิดเหรอที่ดวงซวย
ตอนนี้จู่ๆ หวังเชียนก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“เสี่ยวเฉินเอ๊ย ความโชคร้ายของคุณเป็นรองแค่หัวหน้าแผนกแล้ว” เฉินปิ่งเซิงพูดกลั้วหัวเราะ
ตอนนี้เอง หลี่เป่าซานเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้ามา ทุกคนเห็นแล้วงงไปชั่วขณะ แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะลั่นพร้อมกัน
มีเพียงเฉินปิ่งเซิงที่ถอนหายใจ
ทำไมฉันหน้าดำ[1]ขนาดนี้เนี่ย!
หลี่เป่าซานมองเฉินปิ่งเซิงแวบหนึ่ง “ปิ่งเซิง ตอนเช้าคุณไปหาผู้อำนวยการเสิ่นสักหน่อย ไปเซ็นชื่อรับอุปกรณ์ปีนี้ของพวกเรา”
พอพูดจบ หลี่เป่าซานก็เดินออกไป
เฉินปิ่งเซิงถอนหายใจอย่างจนใจ นี่ฉันไปทำให้ใครไม่พอใจไว้หรือเปล่า…
ไปหาผู้อำนวยการเสิ่นเพื่อเซ็นชื่อ เหนื่อยกว่าการผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออกบางส่วนอีก!
……
……
ตอนสิบเอ็ดโมงเช้า จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา
พยาบาลเสี่ยวหลินวิ่งเข้ามาในห้องทำงานอย่างรีบร้อน พูดเสียงดังว่า “คุณครูอายุห้าสิบเจ็ดคนหนึ่งของโรงเรียนประถมเซี่ยงหนานจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บตรงส่วนหน้าหัวใจ สงสัยว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันค่ะ!”
พอพยาบาลพูดประโยคนี้ ทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนทันที เฉินชางรีบวิ่งออกไปข้างนอกแล้ว
เขาบอกว่าคนขับรถเหล่าหยางว่า “เหล่าหยาง โรงเรียนประถมเซี่ยงหนาน ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน”
เวลาที่งานไม่ยุ่ง เหล่าหยางชอบดูดบุหรี่อยู่ที่ห้องเวร พอได้ยินเฉินชางพูด เขาก็รีบลุกขึ้นไปเตรียมรถ
ส่วนเฉินชางก็พาเสี่ยวหลินไปเตรียมของเพื่อออกเดินทาง แต่พอมาถึงข้างรถ จู่ๆ เขาก็หยุดเดินแล้วบอกเสี่ยวหลินว่า “ผมจะไปเรียกหวังเชียนมาด้วยกัน”
“ทำไมคะ…” เสี่ยวหลินงง
เฉินชางถอนหายใจ “คิดซะว่าเขาเป็นสัตว์นำโชคก็แล้วกัน พาไป…เผื่อจะมีประโยชน์!”
เสี่ยวหลินรู้สึกว่ามีเหตุผลนิดหน่อย จึงรีบเลี้ยวกลับไป พอมาถึงประตูห้องทำงานก็รีบบอกว่า “พี่รองเชียน หมอเฉินให้คุณไปด้วยกันค่ะ”
หวังเชียนรีบพยักหน้าแล้วเดินตามไป ตอนนี้รถมาจอดตรงประตูแผนกฉุกเฉินพอดี ทั้งสามคนก้าวขึ้นรถ เหล่าหยางสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
…
…
ในห้องพักครูตอนนี้ บรรดาคุณครูกำลังดูเหล่าหม่ากุมหัวใจอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก
“คุณครูหม่า…คุณมียาติดตัวหรือเปล่าคะ”
หม่าฮุ่ยหมินเอามือกุมหน้าอก ใบหน้าซีดขาว บนศีรษะมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลไม่หยุด ความหวาดกลัวความตายกำลังวนเวียนในหัวใจของเขา!
ทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง มือสั่นเทิ้ม!
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปลอบใจว่า “คุณครูหม่า คุณทนหน่อยนะครับ รถพยาบาลกำลังมาแล้ว!”
ตอนนี้ หัวหน้าชั้นปีรีบเชิญผู้อำนวยการโรงเรียนมาแล้ว!
หลังจากผู้อำนวยการโรงเรียนเข้ามาก็เห็นคุณครูหม่านอนขดอยู่บนพื้น สองมือกุมหน้าอก ใบหน้าซีดขาว!
เขาถามอย่างตกใจทันที “นี่มันอะไรกันครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
อาจารย์ที่อายุยังน้อยคนหนึ่งพลันตอบว่า “เมื่อกี้จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของคุณครูหม่าก็มีเสียงน่ากลัวดังขึ้นพักหนึ่ง แล้วคุณครูหม่าก็เซถอยหลังแล้วล้มลงค่ะ”
ผู้อำนวยการโรงเรียนรีบถาม “เป็นแบบนี้มานานเท่าไรแล้ว ติดต่อคนในครอบครัวหรือยัง”
ทุกคนส่ายหน้า “ยังไม่ได้ติดต่อคนในครอบครัวครับ เพิ่งผ่านไปสองนาทีเอง พวกเราเพิ่งโทรเรียกรถพยาบาล รถยังไม่ทันมาเลยครับ”
ทุกคนนับถือหม่าฮุ่ยหมินมาก ในฐานะครูที่อาวุโสที่สุด รักในอาชีพที่สุดและดีกับนักเรียนที่สุดของโรงเรียนประถมเซี่ยงหนาน คุณครูหม่ากล่าวได้ว่าเป็นบุคคลตัวอย่าง!
เขาอายุห้าสิบเจ็ดแล้วยังยืนหยัดสอนนักเรียนต่อ ไม่มาสายไม่กลับเร็ว ตรวจการบ้านด้วยความตั้งใจ เป็นครูที่คำนึงถึงนักเรียนจากใจจริง
ผู้อำนวยการโรงเรียนหยิบโทรศัพท์ในมือคุณครูหม่ามา เตรียมจะติดต่อคนในครอบครัวให้เขา
แต่กลับเห็นว่าในโทรศัพท์เปิดหน้าแชทของแอปวีแชทไว้ เขียนคำอธิบายประกอบว่า ‘หวังอี้เจ๋อประถมสี่ห้องสาม’
ในช่องแชทมีคลิปวิดีโอคลิปหนึ่ง
ผู้อำนวยการโรงเรียนสงสัย จึงเปิดคลิปนั้นดู พบว่าเป็นเรียงความตอนหนึ่ง
เพราะเรียงความเรื่องเดียวก็กลายเป็นแบบนี้ได้แล้วเหรอ
เขียนอะไรไว้กันแน่
ชื่อของเรื่องสั้นเรื่องนั้นก็คือ ‘วีรบุรุษในใจฉัน’
ผู้อำนวยการโรงเรียนเริ่มอ่านอย่างละเอียด เรียงความเขียนได้ดีมากจริงๆ อ่านครั้งเดียวก็เคลิ้มแล้ว
ตอนนี้เอง ภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไปกะทันหัน มีเสียงสูงที่แหลมและน่ากลัวดังขึ้น ภาพเปลี่ยนเป็นผีร้ายน่ากลัวตนหนึ่งในทันที!
ผู้อำนวยการโรงเรียนสีหน้าเปลี่ยนทันที ตกใจจนสะบัดโทรศัพท์โยนลงพื้น
เขาเข้าใจทันที ไม่แปลกใจที่อยู่ดีๆ คุณครูหม่าก็กลายเป็นแบบนี้
ก่อเรื่องวุ่นวายเกินไปแล้ว!
เขาตะโกนเสียงดัง “ใครคือครูประจำชั้นประถมสี่ห้องสาม!”
ตอนนี้เอง มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา “ผู้อำนวยการ ฉันเองค่ะ”
ผู้อำนวยการโรงเรียนพูดเสียงดังด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไปเรียกเขามาพบผมเดี๋ยวนี้ แจ้งผู้ปกครองให้มาโรงเรียนด้วย! บอกพวกเขาว่าลูกของพวกเขาฆ่าคนแล้ว ต้องมาให้ได้!”
หญิงสาวอึ้งไปก่อนจะรีบวิ่งออกไปข้างนอก!
ผู้อำนวยการโรงเรียนพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วรีบค้นหาข้อมูลติดต่อคนในครอบครัวของคุณครูหม่า
“พี่สะใภ้ ผมผู้อำนวยการหลี่นะครับ ใช่ครับ ผมมีเรื่องจะบอกครับ คุณอย่าเพิ่งตกใจนะครับ…
คุณครูหม่าโรคหัวใจกำเริบที่โรงเรียนครับ พวกเราโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว…ครับๆ ใช่ครับ!”
……
ขณะเดียวกัน รถพยาบาลก็แล่นเข้ามาในประตูโรงเรียนแล้ว
เฉินชางเริ่มสอบถามตำแหน่งของผู้ป่วยโดยละเอียด!
ตอนนี้ในโรงเรียนกำลังมีการเรียนการสอน พอเห็นรถพยาบาลขับเข้ามา บรรดานักเรียนก็มองด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
ตอนที่เฉินชางเตรียมจะโทรศัพท์ติดต่อ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “คุณหมอครับ ตามผมมาครับ อยู่ที่ชั้นสามตึกธุรการ”
เขาพูดพลางวิ่งนำทั้งสามไปข้างหน้า!
พวกเขาเข้ามาในห้องพักครูอย่างรีบร้อน เฉินชางเห็นคนอยู่เต็มห้อง จึงรีบบอกว่า “ทุกคนหลีกไปก่อนครับ!”
คนในห้องพักครูพยักหน้าและพากันกระจายตัวออกจากตรงนั้น
พอเข้ามาในห้องพักครู หวังเชียนวางเตียงลงบนพื้น แล้วทั้งสามก็ช่วยกันยกผู้ป่วยขึ้นไปข้างบน
เฉินชางยังไม่ทันพูดอะไร ผู้อำนวยการโรงเรียนก็รีบบอกว่า “ผมคือผู้อำนวยการโรงเรียนครับ ผมจะไปโรงพยาบาลกับพวกคุณ!”
เฉินชางพยักหน้า แล้วหามเตียงขึ้นไปบนรถพยาบาลอย่างระมัดระวัง
ตอนที่เคลื่อนย้ายผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายจะต้องทำอย่างระมัดระวัง ตอนย้ายเตียงก็ต้องทำอย่างเบา เร็ว และแม่นยำ!
ทั้งยังต้องให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาพพักผ่อนบนเตียง สงบอารมณ์ ลดการใช้ออกซิเจนของกล้ามเนื้อหัวใจ!
ด้วยความช่วยเหลือของทุกคน พวกเขาหามผู้ป่วยขึ้นรถอย่างระมัดระวัง หลังจากขึ้นมาแล้ว เฉินชางก็ไม่มีเวลาสนใจเสื้อผ้าแล้ว เขาเสี่ยวหลินทันทีว่า “ตัดเสื้อผ้าออก! ใส่เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจก่อน”
เสี่ยวหลินพยักหน้าแล้วรีบเตรียมตัว
เฉินชางเริ่มนำเครื่องเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจนที่ปรับเตรียมไว้แล้วครอบใส่ให้ผู้ป่วยพลางพูดปลอบไปด้วยว่า “ผ่อนคลายนะครับ ไม่ต้องเครียด ไม่เป็นอะไรครับ…”
[1] หน้าดำ หมายถึงโชคร้าย
บทที่ 549 คลั่งรักน้องชาย
คืนนี้หวังโส้วไม่ได้นอนหลับอย่างมีคุณภาพเลยจริงๆ!
เขาพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ อย่างไรเสีย ผ่าตัดซ่อมแซมเส้นเลือดบริเวณรอบตับที่เสียหายก็ดึงดูดความสนใจของเขาเกินไป
แต่ชีวิตคนเราก็เป็นอย่างนี้ ยิ่งคุณว้าวุ่นใจ ก็ยิ่งมีเรื่องให้คิดเยอะ
ตอนประมาณสี่ทุ่มกว่า จู่ๆ ภรรยาของเขาก็ตื่นขึ้นมาแล้วบอกว่า “เหล่าหวัง สองวันนี้น้องชายฉันยังไม่ได้คืนเงินค่าโครงการก่อสร้างเลยค่ะ ยังขาดอีกสองแสนนะคะ”
พอได้ยินภรรยาพูดแบบนี้ ในใจหวังโส้วก็รู้สึกรำคาญมาก!
น้องเขยคนนี้ไม่ได้เรื่อง วันๆ เอาแต่ขอเงินพี่เขย เดี๋ยววันนี้ก็ขอเงินค่าโครงการก่อสร้าง เดี๋ยวพรุ่งนี้อยากรู้จักคนใหญ่คนโต เดี๋ยววันมะรืนก็จะ…
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ผมมีธุระ” หวังโส้วบอกเธอตรงๆ
พอภรรยาได้ยินก็สีหน้าเปลี่ยนทันที “คุณหมายความว่ายังไงคะ จะไม่ให้เหรอ”
พอหวังโส้วเห็นภรรยามีท่าทางแบบนี้ ก็พูดอย่างจนปัญญาทันที “ตอนนี้ผมมีเรื่องต้องคิดจริงๆ มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกันไม่ได้เหรอ”
แทนที่ภรรยาจะผ่อนปรนให้เขา กลับบอกว่า “หวังโส้ว คุณลองคิดดูให้ดีนะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเพิ่งเข้าทำงาน เป็นใครกันที่ช่วยเหลือพวกเราสองคน! ทำไมคุณถึงลืมบุญคุณได้ล่ะ”
หวังโส้วเดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว พอได้ยินภรรยาพูดแบบนี้ เขาก็ตบโต๊ะทันที “ตอนที่พวกเราเพิ่งแต่งงานกัน ใช่แล้ว เป็นเขาที่ช่วยเหลือพวกเรา แต่ผมปฏิบัติต่อเขายังไง ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แก่ใจหรอกเหรอ…
…หลายปีมานี้เขายืมเงินผมไปเท่าไรแล้ว ถ้าไม่ใช่หนึ่งล้านก็เจ็ดแปดแสนแล้วมั้ง ทุกครั้งที่มายืมเงินผม มีครั้งไหนบ้างที่เขาใช้คืน!..
…เพื่อที่จะช่วยเขาทำเรื่องไร้สาระพวกนั้น หัวหน้าแผนกอย่างผมต้องทำตัวเหมือนหลานชายเพื่อไปขอร้องคนอื่น ผมคอยหาคนให้เขาตั้งเท่าไร ส่งของขวัญไปตั้งเท่าไร แล้วเขาพูดอะไรบ้าง…
…ผมจะบอกคุณให้นะ ผมไม่ได้ติดค้างอะไรเขา!”
ภรรยาของเขาคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคน ‘คลั่งรักน้องชาย’ ขนานแท้ เมื่อก่อนตอนที่เพิ่งแต่งงานกัน สวัสดิการของหมอยังไม่สูงมาก ภรรยาท้องจึงไม่ได้ทำงาน น้องชายของเธอจึงให้การสนับสนุนด้านการเงินอยู่ช่วงหนึ่ง
แต่ตอนหลังกลับแย่กว่าเดิม ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่บุหรี่หรือเหล้าดีๆ ในบ้านตัวเองก็พยายามยัดไปให้น้องชายหมด แต่น้องชายกลับไม่ให้อะไรพวกเขาเลย!
นี่ยังไม่เท่าไร เพราะหลายปีมานี้ น้องเขยคนนี้ยืมเงินไปตั้งเท่าไรแล้ว
สามหมื่นสองหมื่นไม่ถือว่าเป็นเงินแล้ว วันนี้เป็นค่าตกแต่งปรับปรุง พรุ่งนี้เป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ วันมะรืนเป็นค่าเงินเดือนคนงาน อีกสามวันข้างหน้าเป็นค่าโครงการก่อสร้าง…
เงินทั้งก้อนใหญ่ก้อนเล็กผ่านมือไปแล้วหลายแสนหยวน นี่ยังไม่รู้ว่าภรรยาแอบให้ส่วนตัวอีกเท่าไร!
คิดเหรอว่าน้องเคยทำงานเป็นวิศกรโยธาจริงๆ
เขาก็แค่อาศัยชื่อของตนเปิดบริษัทบังหน้า วันๆ คอยทำท่าทำทางบอกว่าตัวเองรับเหมาก่อสร้าง แต่ที่จริงแล้วไปเล่นการพนันต่างหาก
หยางหว่านซิ่วฟังออกว่าหวังโส้วโกรธแล้ว เธอจึงไม่พูดอีกยอดวิถีแห่งปีศาจ
แต่พ่อแม่ของเธอโทรศัพท์มาขอร้อง บอกว่าเจ้าหนี้มาถึงประตูบ้านแล้ว ถ้าไม่ให้เงินจะทำร้ายร่างกาย เธอเองก็ไม่มีทางเลือกแล้วเหมือนกัน
“ที่รักคะ…ช่วยเขาอีกสักครั้งเถอะนะคะ เจ้าหนี้มาถึงประตูบ้านแล้ว พ่อแม่ฉันร้องไห้แล้วค่ะ ช่วยเขาหน่อยนะคะ!”
หวังโส้วแสยะยิ้ม เธอใช้ลูกไม้นี้กี่รอบแล้วล่ะ
“ที่รักครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่ช่วยนะ แต่ช่วยไม่ไหว เขาติดเงินค่าโครงการก่อสร้างหรือเปล่า คุณเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ เขาติดเงินพนัน! ผมหวังโส้วต่อให้เก่งขนาดไหนก็ช่วยผีพนันไม่ได้หรอก…
…แล้วอีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว ต่อไปนี้น้องชายคุณห้ามเข้าบ้านพวกเรา ถ้าคุณให้เงินหรือของในบ้านเรากับเขาอีก พวกเราก็หย่ากันเถอะ!…
…แล้วก็ไม่ต้องโทรหาลูกชายนะ คุณลองถามสิว่ามีแม่ที่ไหนทำตัวแบบนี้บ้าง น้องชายคุณอายุตั้งเท่าไรแล้ว สี่สิบกว่าปีแล้ว ครอบครัวเรายังต้องใช้ชีวิตกันอยู่นะ คุณไม่เห็นเหรอว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้ผมหาเงินได้เท่าไร แล้วเอาไปใช้ที่ไหนหมดแล้ว คุณก็รู้อยู่แก่ใจไม่ได้เหรอ”
แค่ประโยคนี้ก็ทำให้หยางหว่านซิ่วนิ่งอึ้งไปแล้ว
พอหวังโส้วพูดจบก็ไม่มีอารมณ์ดูคลิปผ่าตัดต่อแล้ว เขาเข้าไปพักผ่อนในห้องลูกชายที่อยู่ข้างๆ คนเดียว
……
……
เขาไม่พูดอะไรเลยทั้งคืน เช้าตรู่วันต่อมา หวังโส้วตื่นนอนเแล้วไปทำงาน ไม่ได้รับประทานอาหารด้วย
ส่วนหยางหว่านซิ่วก็รับโทรศัพท์เป็นสิบๆ สายทั้งคืน เป็นพ่อแม่และน้องชายที่โทรมา ก็เหมือนกับที่หวังโส้วบอก หลายปีมานี้ พ่อแม่และน้องชายอาศัยว่าเมื่อก่อนเคยช่วยเหลือเธอ ตอนนี้สถานการณ์แย่ลงแล้วขอให้เธอช่วย แต่ครั้งนี้ต่อให้พ่อแม่ร้องไห้อย่างไร เธอก็ไม่มีหนทางแล้วเช่นกัน
ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าโทรหาหวังโส้ว ทำได้เพียงขอให้หยางหว่านซิ่วช่วย
ประมาณสิบโมงเช้า จู่ๆ หวังโส้วก็เห็นภรรยาโทรมา เขาอดถอนหายใจไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน โมโหก็ส่วนโมโห ใครจะไปหย่ากันจริงๆ
เขาเองก็หนักใจกับคนในครอบครัวเธอเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เก็บค่าค่าวิชาชีพเฉพาะทางแพงขนาดนั้น ใครๆ ก็ถูกชีวิตกดดันทั้งนั้น
ตอนที่เพิ่งรับโทรศัพท์ หวังโส้วก็ได้ยินภรรยาร้องห่มร้องไห้แล้ว
“ที่รักคะ เกิดเรื่องแล้ว หย่วนจงถูกเจ้าหนี้แทงหนึ่งแผลค่ะ! ตอนนี้ท้องมีเลือดออกไม่หยุด!”
หวังโส้วได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนทันที “ถ้าถูกแทงคุณก็โทรเรียก 120 กับ 110 สิ โทรหาผมทำไม!”
หยางหว่านซิ่วร้องไห้จนพูดไม่เป็นภาษา “ฉัน…ฉันโทรแล้วค่ะ ตอนนี้ 120 กำลังอยู่ระหว่างทางส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอันดับสอง…”
พอหวังโส้วฟังถึงตรงนี้ก็ตัดสายเธอเสียเลย แล้วรีบไปถามที่แผนกฉุกเฉิน
หัวหน้าแผนกฉุกเฉินได้รับโทรศัพท์จากศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินแล้ว ตอนนี้เริ่มเตรียมตัวแล้ว!
ผ่านไปประมาณห้านาที รถพยาบาลก็มาจอดแล้ว
ทีมแพทย์รีบรวมตัวกันกู้ชีพ ตอนนี้ผู้ป่วยมีเลือดออกจากท้องจำนวนมาก หน้าซีดขาว แม้ตรงท้องจะห้ามเลือดไว้แล้ว แต่สถานการณ์ก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี!
หมอที่มากับรถพยาบาลรายงานอย่างจริงจังว่า “มีเลือดออกมากที่ท้อง ความดันโลหิตแค่ 70/40 mmHg! หนึ่งนาทีก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยเกิดภาวะช็อคครับ!”
หวังโส้วรีบบอกว่า
“เตรียมเลือด!”
“ให้น้ำเกลือ!”
……
“แล้วก็เจาะเลือดไปตรวจ เตรียมผ่าตัด!”
ผู้ป่วยที่บาดเจ็บตรงช่องท้องพร้อมมีภาวะเลือดออกมากแบบนี้ บอกตามตรงว่าอันตรายมากจริงๆ อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ
หลังจากเตรียมตัวแล้ว หวังโส้วกับหัวหน้าแผนกฉุกเฉินก็เตรียมผ่าตัดด้วยตัวเอง
หลังจากเข้ามาในห้องผ่าตัด เขาก็ผ่าท้องดูอาการ ทำให้เห็นว่าตับของหยางหย่วนจงถูกมีดแทงหนึ่งแผล แม้แต่เส้นเลือดบริเวณรอบๆ ที่ได้รับความเสียหายก็ร้ายแรงมาก
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนนี้มีมีดยังคาอยู่ในท้อง แทงเข้าหลอดเลือดดำคาร์ดินัลหลังตับ!
แม่งเอ๊ย เป็นหลอดเลือดบริเวณรอบตับอีกแล้ว!
หลังจากเห็นสภาพข้างใน หวังโส้วก็แทบจะเป็นบ้า!
เขา…ไม่กล้ารับประกันโอกาสสำเร็จของการผ่าตัดเคสนี้เลย
ตอนนี้ สวี่เฉิง หัวหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองก็เผยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน “หัวหน้าแผนกหวัง…การผ่าตัดอันตราย ทำหนังสือแจ้งญาติผู้ป่วยเถอะครับ พวกเราก็ไม่กล้ารับประกันเหมือนกัน!”
บางครั้งหวังโส้วก็คิดว่า ปล่อยให้เจ้าเวรนี่ตายไปก็ดีเหมือนกัน!
แต่พอนึกถึงสถานการณ์ของภรรยา เขาก็กัดฟันแล้วยกหูโทรศัพท์โทรหาเหอทง
“หัวหน้าแผนกเหอ ขอร้องคุณเรื่องหนึ่งเถอะครับ สะดวกให้เบอร์โทรศัพท์เฉินชางกับผมไหม”
……
เฉินชางพักผ่อนหลายวัน หลังจากกลับมาทำงานแล้ว ในที่สุดพวกหวังข่ายอันก็โล่งใจสักที
“หัวหน้าทีมเฉิน ถ้าคุณไม่มาอีก พวกเราจะรายงานจริงๆ นะ”
“ใช่แล้ว รู้ไหมว่าช่วงหลายวันมานี้พวกเราเหนื่อยขนาดไหน!”
หวังข่ายอันยิ้ม “ยังดีที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ก็ใช่น่ะสิ พวกเราหวาดกลัวตัวสั่นกันทั้งวัน กลัวว่าจะมีผู้ป่วยวิกฤตโผล่มา”
เฉินชางยิ้มตอบ “ทุกคนลำบากแล้วครับ”
ตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น!
——————————————