เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 68 อีกสถานภาพหนึ่งของคุณนายนภา
กรินทร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ……ประสบการณ์ตั้งเจ็ดปี แค่คำพูดสั้นๆมันจะเล่าจนหมดได้ยังไง?
“คุณภีม ผมหวังว่าคุณจะปฏิบัติตัวต่อเธอดีๆนะครับ”กรินทร์ดื่มไวน์ไปอีกคำ ในตาที่อบอุ่นแฝงไปด้วยความจริงจัง“เธอเป็นผู้หญิงที่ผมชอบ ผมเคารพชื่นชมเธอมาตลอด ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็เอาเธอมาให้กับผมซะ”
เขาอาศัยความกล้าจากความเมามายถึงพูดออกมาได้ ใช้ท่าทีกึ่งล้อเล่นกึ่งจริงจัง
ภีมพลรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หันจ้องมองไปที่เขา
ผู้ชายทั้งสองคนมองสบตากัน ดูเหมือนว่าเวลาจะหยุดนิ่งไปสองสามวินาที
กรินทร์กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด จึงยิ้มออกมาอีกครั้ง“ถึงยังไงเธอก็ยอดเยี่ยมมากๆ คนที่ชอบเธอคงจะไม่ใช่ผมแค่คนเดียวหรอก”
สำหรับเรื่องที่ชอบเธอเรื่องนี้ ภีมพลไม่โต้แย้ง
ถ้าเกิดไม่ชอบ คืนนี้เขาคงจะไม่โผล่มาที่นี่ คงจะไม่มาฟังเจ็ดปีที่ผ่านมาของเธออย่างแน่นอน
แต่……เริ่มชอบเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน?
บางทีแม้แต่ตัวของภีมพลเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
ผ่านไปสักพัก กรินทร์ก็ดื่มไวน์ไปอีกหนึ่งคำ หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วก็เปิดปากพูดขึ้น“คุณรู้ไหมว่ารมิตาคือใคร?”
เขาครุ่นคิด“รมิตา เภสัชกรชื่อดัง?”
“ใช่”กรินทร์มุมปากยิ้มแย้ม แววตาเคารพชื่นชม“เธอก็คือภรรยาของคุณยังไงล่ะครับ”
“……”ภีมพลแววตาช็อกตกใจ
แต่ไหนแต่ไรเขาสงบนิ่งมาโดยตลอด แทบจะไม่มีเรื่องไหนเลยที่ทำให้เขาช็อกตกใจได้
คำพูดของกรินทร์ เขาไม่จำเป็นต้องสงสัยอีกต่อไป
ภีมพลนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดถามขึ้นมา“คุณรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเอ็มม่าไหม?”
เขาส่ายหัว“ไม่รู้”
“เธอคือรมิตา ทำไมถึงต้องไปช่วยเหลือปัญหาความยากจนในหมู่บ้านด้วย?”นี่มันทำให้ภีมพลคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ
น้ำเสียงของกรินทร์อบอุ่น“คุณไปถามเธอ ไปทำความเข้าใจกับเธอได้นะครับ”
“……”
ณ ทีเอ็ม กรุ๊ป ญาณีเดินออกมาจากตัวอาคาร ลมยามค่ำคืนพัดโชยมา ปลุกความรู้สึกเหงาเดียวดายภายในใจของเธอ
เปิดประตูรถออกเข้าไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ เธอเงยขึ้นมองไปยังห้องทำงานของภีมพล ไฟยังคงสว่างอยู่
นึกถึงความพยายามและความเจ็บปวดใจในช่วงปลายปีมานี้ของตัวเอง เกิดความเจ็บปวดที่อ่อนโยนอยู่ภายในใจ ทุ่มเททั้งใจให้กับเขา แต่กลับไม่สามารถทำให้เขาชายตามองมาตรงๆได้เลยแม้แต่น้อย
ต้องสว่างเรืองรองขนาดไหนกันนะ ถึงจะทำให้สายตาของเขามาหยุดอยู่ที่ตัวของเธอแค่เพียงเสี้ยววินาทีก็ได้?
โทรศัพท์ดังขึ้น เธอดึงความคิดกลับมา
หลังจากที่รับสายแล้วคนในสายก็พูดขึ้น“คุณญาณี ชุดสูทที่คุณออกแบบให้กับคุณภีมเสร็จแล้วนะคะ จะให้ส่งไปที่บริษัทเมื่อไรหรือว่าคุณจะมารับเองคะ?”
“พรุ่งนี้เช้าคุณส่งมาก็แล้วกัน เวลาเจ็ดโมง”
“ได้ค่ะ”
บทสนทนาสิ้นสุดลง ญาณีสตาร์ทรถ ขับตรงไปยังบ้านกรินทร์……
เขาบอกว่าหลังจากที่เขาเลิกงานแล้วจะไปที่กรินทร์
ถ้าได้เจอกันสักหน่อย อยู่ด้วยกันสามคนก็จะได้ไม่รู้สึกอึดอัด ไม่แน่ว่าอาจจะได้พูดคุยกันสักสองสามประโยคก็ได้ ถึงยังไงก็เพื่อเรื่องของศิษฎ์
ตลอดทั้งทางนึกถึงช่วงเวลาที่ภีมพลกับนภาลัยอยู่ด้วยกัน นึกถึงเขาเล่นรถไฟเหาะเป็นเพื่อนกับเธอ เล่นจนอ้วกจนอาเจียน
นึกถึงเรื่องที่เขาพาเธอไปเจอกับศิษฎ์ที่สถานีตำรวจ นึกถึงเรื่องที่เธอทิ้งสายไหมที่เขาให้
นึกถึงเรื่องที่เธออาศัยอยู่ในเอเมอรัลด์ เบย์ วิลล่าของเขา นึกถึงเรื่องที่พวกเขา……อาจจะได้นอนด้วยกันในทุกๆคืน
ใจของญาณีก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด
รถมาจอดลงด้านหน้าวิลล่าของกรินทร์ จอดอยู่ข้างหลังรถลัมโบร์กินี่
ในเวลานี้เอง ภีมพลเดินออกมาจากห้องรับแขก พอมองดูก็เห็นรถของเธอ แล้วก็เห็นเธอที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ
คนขับรถเปิดประตูรถลัมโบร์กินี่ออก
ภีมพลก้าวเดินตรงไปข้างหน้า ญาณีกลั้นหายใจจ้องมองเขา แต่ละก้าวที่เดินตรงมาข้างหน้าของเขา เหมือนกับกำลังเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจของเธอ
ภีมพลยืนอยู่ข้างๆลัมโบร์กินี่ หันสายตากลับ ก่อนจะขึ้นไปบนรถของตัวเอง
“……”หัวใจของญาณีรู้สึกสิ้นหวัง มองดูรถขับจากออกไปตรงหน้า
กรินทร์ที่อยู่ในห้องรับแขกพอมองเห็นรถของเธอผ่านกระจกหน้าต่าง ก็เลยเดินออกมา
สองนาทีผ่านไป ภายในห้องรับแขก
ญาณีกับกรินทร์นั่งตรงข้ามกัน กรินทร์รินไวน์ให้กับเธอ รู้สึกได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้ของเธอ
“เขามาทำอะไรเหรอ?”เธอพูดถามขึ้นมาเบาๆ“มาเพื่อเรื่องของศิษฎ์เหรอ?”
“ไม่ใช่”กรินทร์น้ำเสียงอบอุ่น ตอบกลับมาตรงๆ“มาเพื่อเรื่องภรรยาของเขา”