เวินเที๋ยนเที๋ยนกอดเครื่องเคลือบลายครามในมือเอาไว้แน่น รีบเปิดประตูออก แล้วเตรียมจะวิ่งออกไปทางด้านนอก
แต่พอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียวนั้น กลับเห็นชายร่างสูงใหญ่สองสามคนกำลังเดินตามเจ้าของบ้านมา
ทางฝ่ายนั้นเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแค่เพียงแวบเดียวก็จำเธอได้ จึงตะโกนออกมา
“นั่นเธอ! รีบไปจับตัวเธอมา!”
ทุกคนร้องออกมา แล้วรีบพุ่งตัวเข้าไป
เจ้าของบ้านที่งุนงงอยู่นั้นถูกผลักออกไป ไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักเท้าลง แล้วหันกลับวิ่งออกไปอีกทางด้านหนึ่ง
สองสามคนที่รีบตามมานั้นเห็นกล่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกอดเอาไว้ นึกถึงถ้วยเครื่องเคลือบลายครามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ ร้องตะโกนขึ้น : “เร็วเข้า! นั่นไงของที่อยู่ในมือเธอ!”
สองสามคนนั้นบีบเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้หยู๋ชิงมาในมุมหนึ่ง
พวกเขาตามหาตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนมานานขนาดนี้ แต่ของสิ่งนั้นอยู่ในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนจริงหรือเปล่า ไม่มีใครกล้ามั่นใจได้เหมือนกัน
ถึงแม้ว่าจางเชียงหนิงจะถูกจับตัวไปแล้ว แต่จะอย่างไรก็ไม่ยอมพูดออกมาเลย
ตอนนี้เห็นเครื่องเคลือบลายครามอยู่ในมือของเธอ ต้องการจะแย่งมาด้วยความลนลาน ดวงตานั้นจดจ้องอยู่ที่สิ่งที่อยู่ในมือเธอ
“ครั้งนี้เธออย่าคิดหนีเลย!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงติดอยู่ในมุมนั้น ก้มลงมองไปทางด้านนอก ด้วยอาการที่หนักแน่นและจริงจังมากขึ้น
ระเบียงทางด้านหนึ่งก็คือหน้าต่าง เดิมทีทั้งสองคนวางแผนเอาไว้ว่าจะหนีออกไปทางหน้าต่าง แต่คิดไม่ถึงว่าดูเหมือนกับทางฝ่ายนั้นจะคาดเดาเอาไว้ได้หมดแล้วกับความคิดในใจของพวกเธอ ทางด้านนอกเองก็มีคนยืนรออยู่สองสามคนด้วยเช่นกัน
เพียงแค่พวกเธอลงไป ก็จะถูกจับตัวได้เลย
“ทำยังไงดีครับ?”
จี้หยู๋ชิงมองดูด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้จะข้างหน้าหรือข้างหลังก็มีแต่อันตราย จะหนีออกไปได้อย่างไรกัน?
สองสามคนที่อยู่ทางด้านหลังนั้นก็เข้ามาใกล้ทางพวกเขามากขึ้น
“เอาของที่อยู่ในมือมาให้พวกฉัน ยอมซะเถอะ เป็นศัตรูกับพวกฉันนั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนักหรอกนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพลิกฝ่ามือเปิดกล่องออก แล้วหยิบเอาถ้วยเครื่องเคลือบลายครามด้านในออกมา และวางลงตรงหน้าต่างด้วยมือข้างเดียว น้ำเสียงนิ่งๆ ชี้ขาดออกมาอย่างหมดทางถอย
“อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาของนี่โยนออกไปเดี๋ยวนี้เลย ถึงตอนนั้นแล้วใครก็ไม่สามารถหาสมบัติอันล้ำค่าได้แล้วเหมือนกัน!”
เห็นการกระทำของเธอแล้ว ทุกคนก็ล้วนแต่พากันหยุดลง แล้วมองเธออย่างตื่นเต้น
“เดี๋ยวก่อน! เธออย่าวู่วามนะ ตอนนี้เธอเองก็ไม่ใช่ว่ายังไขรหัสสมบัติล้ำค่านี่ไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมาสบตากับจี้หยู๋ชิง
“ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไขไม่ได้ แต่ขอเพียงแค่พวกแกเอาไปไม่ได้ก็พอแล้ว”
คนที่อยู่ตรงข้ามได้ยินคำพูดของจี้หยู๋ชิงแล้ว ในใจก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
ยังดีที่รหัสของสมบัตินี้ยังไม่ได้ถูกไขออก ถ้าหากถูกพวกเขาพบเข้าล่ะก็ ทั้งองค์กรก็คงจะจบสิ้นกันแล้ว
อาการที่แสดงออกบนใบหน้าของสองสามคนนั้นผ่อนคลายลง พลางเกลี้ยกล่อม : “เธอใจเย็นๆหน่อยนะ ถ้าหากเธอเองก็อยากจะได้สมบัติเหมือนกัน พวกเรากลับไปสามารถปรึกษากับลูกพี่ได้ ให้แบ่งให้เธอส่วนนึง”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคัดลอกลวดลายบนเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวเอาไว้แล้ว ข้อมูลต่างๆก็ทำเอาไว้อย่างละเอียด แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าความลับสมบัติล้ำค่านี้คืออะไร ดังนั้นเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวนี้พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะละทิ้งไป
การเคลื่อนไหวของเวินเที๋ยนเที๋ยนปราบพวกเขาได้ จี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างๆเอ่ยพูดต่อ : “ทุกคนก็พูดว่าข้างบนนี้ซ่อนความลับของสมบัติเอาไว้ แล้วรู้กันได้ยังไงครับ?”
สองสามคนนั้นมองสบตากัน ตอนแรกเริ่มนั้นไม่อยากจะพูดออกมา แต่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนจะเอาเครื่องเคลือบลายครามโยนออกไปนั้น จึงรีบเอ่ยขึ้น : “ความจริงแล้วพวกเราก็ได้ยินมาจากสถาบันวิจัยเหมือนกัน”
ตอนที่เพิ่งจะหาเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวเจอนั้น ทุกคนที่สถาบันวิจัยนั้นดีใจกันเป็นอย่างมาก วันนั้นที่ขึ้นฝั่งถูกคนอื่นๆเห็น จึงต้องเปิดเผยถึงประวัติของเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาว ประกอบกับการคาดการณ์ของพวกเขา
และไม่นาน ก็มีคนคิดได้ว่าเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวชิ้นนี้จะเกี่ยวข้องกับเรือสมัยราชวงศ์หมิงหรือเปล่า?
เรือที่จมอยู่ใต้ทะเล เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว สิ่งที่นึงถึงก็คือสมบัติล้ำค่าจำนวนมาก!
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเครื่องเคลือบลายครามสมัยราชวงศ์หมิง ไม้จันทร์แดงและเงิน ทอง เครื่องประดับ เพียงแค่หาออกมาได้ ตอนนี้มูลค่าก็เป็นสิบๆล้านแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่มีทางทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลแบบนี้ คนที่มีความคิดนี้ จะรีบควบคุมทีมและสถาบันวิจัยทั้งสถาบันขึ้นมา เพื่อจะขุดหาเอาข่าวคราวที่เกี่ยวกับสมบัติอันล้ำค่านี้
การพัฒนานี้แทบจะไม่ต่างจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้เลย
เธอหันมาสบตากับจี้หยู๋ชิง
สองสามคนนั้นหัวเราะพลางเอ่ย : “ตอนนี้เธอสามารถส่งของมาให้พวกเราได้แล้วใช่ไหม? ถึงแม้ว่าพวกเธอจะโยนของชิ้นนั้นออกไป วันนี้ก็ไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี พวกเธอคิดให้ดีนะ”
ว่าแล้ว พวกเขาก็เดินมาข้างหน้า ราวกับว่าหมดความอดทนแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“อย่าเข้ามานะ! ถึงแม้ว่าฉันจะเอาของให้พวกแกจริงๆ แกก็จะปล่อยฉันไปรึไง? อย่ามาหลอกพวกฉันเลย”
คนๆนั้นสีหน้าเปลี่ยนขึ้นมาทันที เห็นว่าจุดประสงค์ของตัวเองนั้นถูกเปิดโปงออกมาแล้ว ก็ก้าวเข้ามา อาการที่แสดงออกมาทางใบหน้านั้นดูดุร้ายเป็นอย่างมาก
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาโทษว่าฉันลงมือก็แล้วกัน! ไปแย่งมา!”
ว่าแล้ว สองสามคนที่อยู่ทางด้านหลังนั้นก็พุ่งเข้ามาทางเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่จับเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวเอาไว้ในมือนั้น ได้เตรียมพร้อมที่จะโยนออกไปข้างนอกได้ทุกเวลาอยู่แล้ว
สองสามคนจากทางด้านหลังนั้นเข้ามาใกล้เธอแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น ทางฝ่ายนั้นจับแขนอีกข้างหนึ่งของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้
ใช้แรงดึง เพื่อต้องการจะลากตัวเธอมา!
และในเวลานี้เอง เสียงดัง ปึง ก็ดังขึ้น!
หน้าต่างที่อยู่ข้างๆเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นแตกระเบิดขึ้นมาทันใด
ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงข้างๆหน้าต่างนั้นพากันตกใจทั้งหมด!
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบหันกลับไปมอง จากนั้น ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากทางหน้าต่าง!
เป็นร่างที่คุ้นเคย ถึงแม้จะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่เพียงแค่แวบเดียวเวินเที๋ยนเที๋ยนก็จำได้แล้ว
จากนั้นวินาทีต่อมา คนที่ดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้จู่ๆก็ลอยออกไป แล้วกลิ้งไปที่พื้นอยู่หลายตลบจนชนเข้ากับกำแพงถึงได้นิ่งลงในที่สุด
และวินาทีต่อมา มือหนึ่งก็ประคองอยู่บนเอวของเธอ โอบเอาไว้เบาๆ แล้วกอดเธอเอาไว้
กลิ่นที่คุ้นเคย และยังมีการเคลื่อนไหวที่คุ้นเคยนั่นอีก จู่ๆก็พรั่งพรูออกมาในหัวใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมา แววตาของเธอตกอยู่ในดวงตาของจี้จิ่งเชิน
เห็นคนตรงหน้าแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็บ่นออกมาอย่างไม่พอใจ
“ทำไมพี่ถึงเพิ่งจะมาเอาตอนนี้?”
จี้จิ่งเชินยกยิ้มเล็กน้อย “ไม่ได้ช้าไป ไม่ใช่หรือครับ?”
ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดพอดีจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกสงสัยว่าเขาจะคอยแอบมองดูพวกเธออยู่ตลอดหรือเปล่ากัน เพราะถึงอย่างไรความสามารถอย่างจี้จิ่งเชินเป็นไปไม่ได้เลยที่เพิ่งจะมาหาพวกเธอเจอเอาในตอนนี้
“พี่หาพวกเราเจอตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เห็นว่าเธอมองทะลุการกระทำของตัวเองแล้ว มุมปากของจี้จิ่งเชินนั้นจึงเป็นรอยหยักที่ลึกมากยิ่งขึ้น
“คุณว่ายังไงล่ะครับ?”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น คนที่เพิ่งจะถูกถีบลอยออกไปเมื่อครู่นี้กำลังจะลุกขึ้นมา เห็นจี้จิ่งเชินที่จู่ๆปรากฏตัวขึ้นมานั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้น
“แกเป็นใคร? รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”
แววตาของจี้จิ่งเชินเยือกเย็น มองไปอย่างเย็นชา ราวกับมีดที่ชุบเลือดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
“คนที่จะต้องไสหัวออกไปควรจะเป็นแกมากกว่า”
ภาษาต่างประเทศที่ไหลรื่น ทำให้คนๆนั้นถึงกับอึ้งไป จากนั้นอาการที่แสดงออกมาบนใบหน้านั้นก็เปลี่ยนไปอย่างดูดุร้าย ตะโกนเรียกคนอื่นๆให้พุ่งเข้าไป
แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ข้างๆก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก หน้าต่างบริเวณรอบๆนั้นจู่ๆก็ถูกพังออก
คนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา แล้วล้อมรอบพวกเขาเอาไว้
แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะไปอยู่ฝั่งองค์กรอันธพาลมืดนั่น อีกทั้งยังจะเอาสมบัติล้ำค่านั่นมาเป็นของตัวเองอีกด้วย
รู้แบบนี้ตั้งแต่แรก ตอนนั้นเขาก็จะไม่เอาเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวมอบให้กับเธอ
จางเชียงหนิงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมองคนผิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้ามาพลางเอ่ย : “ฉันมีเพียงสองสามคำถามที่อยากจะถามพวกคุณค่ะ”
จางเชียงหนิงส่งเสียงฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจออกมา และไม่ได้ตอบคำถามนั้น คนที่เหลือก็กลับไปยังตำแหน่งของตัวเอง รู้สึงดูถูกกับการกระทำของเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินเป็นอย่างมาก
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนกวาดมองไปภายในห้อง
“ศาสตราจารย์อยู่ที่นี่กันทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ?”
คนของอันธพาลมืดนั้นรีบเอ่ยขึ้น : “ใช่ ปกติแล้วก็จะถูกขังกันอยู่ที่นี่ตลอด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าพวกศาสตราจารย์ไม่ได้รับบาดเจ็บก็แอบโล่งใจ ถึงแม้ว่าจะถูกขัง แต่ดูแล้วก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาลำบาก
จี้จิ่งเชินจึงหันไปพูดกับทางคนขององค์กรเหล่านั้น : “พวกแกออกไปกันก่อน อยู่ที่นี่พวกเขาอาจจะไม่ให้ความร่วมมือ”
สองสามคนนั้นสบตามองกัน อย่างลังเล แต่สุดท้ายแล้วก็พยักหน้าลงแล้วกลับออกไป
รอจนหลังจากที่ทุกคนออกไปจากห้องปฏิบัติการแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เดินมาตรงหน้าของจางเชียงหนิง พลางเอ่ย : “ศาสตราจารย์…….”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ คนทรยศ!” เขาตอบกลับไปอย่างไม่พอใจ โดยไม่หันมามองเลยเสียด้วยซ้ำ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เมื่อกี้นี้ฉันเพียงแค่แสดงละครกับอีกฝ่ายเท่านั้นเองค่ะ ตอนนี้ข้างนอกห้องปฏิบัติการนี้ พวกเราได้เตรียมคนจำนวนไม่น้อยล้อมเอาไว้หมดแล้ว แต่กังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกคุณ ก็เลยตัดสินใจให้ฉันกับจี้จิ่งเชินเข้ามาก่อน เพื่อโจมตีทั้งทางด้านนอกและด้านในประสานกันเลย ภายใต้สถานการณ์ที่รับประกันความปลอดภัยของทุกคนได้ แล้วก็จะได้สามารถจับตัวคนทั้งหมดนี่เอาไว้”
ทุกคนได้ยินแล้ว ก็มองมาด้วยความประหลาดใจ
“จริงหรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง
“จี้จิ่งเชินแจ้งกับบอร์ดี้การ์ดทางด้านนอกเอาไว้แล้วค่ะ ว่าสามารถจะพุ่งเข้ามาได้ตลอดเวลา แต่สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือพาทุกคนหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน ทุกคนอยู่ที่นี่กันหมดแล้วใช่ไหมคะ?”
พวกเขาล้อมกันเข้ามา พลางเอ่ยขึ้นอย่างกังวล : “แต่ว่ามีคนเฝ้าอยู่ข้างนอกตลอดแบบนี้ จะออกไปได้อย่างไร?”
“ผมจะเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาไป เที๋ยนเที๋ยนจะพาพวกคุณไปอีกทางนึงเพื่อไปถึงสถานทูตก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยออกไป” เวลานี้จี้จิ่งเชินถึงได้ออกปากขึ้นมา
พวกเขาพยักหน้าลง แล้วรีบถอดชุดคลุมตัวใหญ่สีขาวออกมา แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสีดำธรรมดา แบบนี้ถึงจะดูไม่ชัดเจนขนาดนั้น
รอหลังจากที่ทุกคนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วนั้น จี้จิ่งเชินถึงได้เปิดประตูแล้วเดินออกไปก่อน
สองสามคนที่ยืนอยู่ทางด้านนอกประตูเห็นเขาแล้ว จึงมองมาด้วยความสงสัย เขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบๆ : “พาฉันไปหาคนรับผิดชอบของพวกแก ฉันมีเรื่องจะปรึกษาเขา”
คนหนึ่งเดินมาตรงหน้าเขา จะพาจี้จิ่งเชินไป
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “พวกแกสามคนมาด้วยกัน ยังมีงานอื่นที่จะต้องสั่งอีก”
สองสามคนนั้นลังเลขึ้นมา
“แต่ ลูกพี่ให้ฉันเฝ้าอยู่ที่นี่ ไม่ให้ไปไหน”
สายตาของจี้จิ่งเชินกวาดมองไปยังร่างของพวกเขา พลางเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา : “คนเห็นกันเยอะขนาดนี้ ยังจะกลัวพวกเขาหนีไปอีกอย่างนั้นหรือ? คนที่อยู่ข้างนอกก็เยอะขนาดนี้ ต่อให้ไม่มีพวกแก คนอื่นๆก็มองเห็นเหมือนกัน รีบๆมา เรื่องครั้งนี้เกี่ยวกับสมบัติล้ำค่า ถ้าหากเสียเวลาล่ะก็ ฉันจะไม่ขอร้องแทนพวกแกแล้วนะ”
สองสามคนนั้นได้ยินแล้ว จึงทำได้เพียงเดินตามเขาออกไป
คนเพิ่งจะเดินออกไปนั้น ประตูห้องปฏิบัติการก็เปิดออกขึ้นอีกครั้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพากลุ่มคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมา เวลานี้ตรงทางเดินทางนี้ว่างเปล่าไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว
“เพียงแค่เดินทะลุตรงระเบียงไปก็จะสามารถเดินไปถึงสถานทูตที่อยู่ข้างๆได้แล้วค่ะ หลังจากที่ถึงที่นั่นแล้ว ก็สามารถรีบออกไปได้แล้วค่ะ”
“ระวังหน่อยนะคะ อย่าให้พวกเขาจับได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนว่าพลางเดินไปทางด้านหน้าด้วย
พวกเขาหลีกเลี่ยงคนที่ตรวจตราอยู่บริเวณรอบๆอย่างระมัดระวัง และใกล้จะมาถึงสถานที่ตรงสถานทูตแล้ว
“ระวังตัวหน่อยนะคะ”
เธอเอ่ยเตือน แล้วรีบเดินไปทางด้านหน้า ด้วยความรู้สึกกังวลกับสถานการณ์ทางจี้จิ่งเชินทางนั้นอยู่จริงๆ
คนที่อยู่ตลอดทางนั้นถูกเขาพาตัวไปด้วย ตอนนี้พวกเขาถึงได้หนีออกมากันได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ แต่จี้จิ่งเชินทางนั้นจะปลีกตัวออกมาได้อย่างไร?
แต่ความสามารถอย่างจี้จิ่งเชิน คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกหรือเปล่า?
หลังจากที่ออกไปแล้ว ก็จะมีคนมาช่วยเขาออกไป
ปึง!
และเวลานี้เอง จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง
ศาสตราจารย์ที่ตามติดอยู่ทางด้านหลังนั้นจู่ๆก็เตะถังขยะข้างๆเข้า เกิดเสียงดังขึ้นมาแสบหูเป็นอย่างมากท่ามกลางระเบียงที่เงียบสงบนั้น!
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจขึ้นมาทันที
และไม่นาน อีกทางด้านหนึ่งคนที่ตรวจตราอยู่รอบๆนั้นก็วิ่งเข้ามา พบว่าคนที่ควรจะอยู่ในห้องปฏิบัติการเวลานี้เตรียมตัวจะหนีไปแล้ว จึงรีบตะโกนร้องขึ้นมาเสียงดัง
“พวกแกจะทำอะไรกัน? มาทางนี้เร็วเข้า มีคนจะหนี!”
เสียงนี้ดังขึ้นแล้ว ก็มีคนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนผลักสองสามคนนั้นมาทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“พวกคุณไปกันก่อนนะคะ!”
ศาสตราจารย์สองสามคนรีบวิ่งไปทางนั้น แล้วพุ่งเข้าไปในสถานทูตข้างๆทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ข้างหลัง เสียงปิดประตูตรงทางที่จะทะลุไปถึงสถานทูตดังขึ้น แล้วขวางอยู่ตรงหน้าประตู
ทุกคนมองยังเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความถมึงทึง แววตาดุร้าย แล้วค่อยๆเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่กล้าออกไปจากตรงนั้น ขวางอยู่ตรงหน้าประตูอย่างแน่นหนา จำเป็นที่จะต้องให้พวกศาสตราจารย์มีเวลาหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างเต็มที่
“จับเธอเอาไว้!”
คนกลุ่มหนึ่งตะโกนแล้วพุ่งเข้ามา
ถึงแม้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะพยายามดิ้นอย่างสุดชีวิต แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสูงของคนทั้งกลุ่มแบบนั้น ไม่นานก็ถูกจับตัวเอาไว้ได้
สองสามคนนั้นเห็นพวกศาสตราจารย์หนีไปแล้ว จึงบิดแขนของเธอเข้ามาแล้วเดินไปอีกทางหนึ่ง
“ปล่อยฉัน!”
เธอดิ้นไม่หยุด แต่พวกคนตรงหน้านั้นใช้ภาษาต่างประเทศ เธอฟังไม่เข้าใจเลย
แต่ดูจากสีหน้าของพวกเขาแล้ว ไม่ใช่จะเป็นเรื่องดีอะไรเลย
ถึงแม้ว่าถูกจับแล้วนั้น แต่อย่างน้อยๆก็สามารถทำให้คนกลุ่มนั้นหนีออกไปได้สำเร็จ ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถูกพวกเขาพาตัวกลับไป
ตามแผนการก่อนหน้านี้ จี้จิ่งเชินจะต้องถ่วงทั้งคนทั้งองค์กรนี้เอาไว้
เขากำลังปรึกษาเกี่ยวกับสัญญาเรื่องนี้กับคนที่รับผิดชอบขององค์กรนี้อยู่นั้น เวลานี้เองที่คนกลุ่มหนึ่งเดินมาเอะอะกันเสียงดัง
จี้จิ่งเชินมองไป เห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกพวกเขาจับตัวเอาไว้แล้ว สองมือนั้นถูกไขว้เอาไว้ทางด้านหลัง สีหน้าจึงเปลี่ยนไปในทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย
สมาชิกของพวกอันธพาลมือนี้รีบเดินมาข้างหน้า พลางเอ่ยขึ้น : “ผู้หญิงคนนี้หักหลังพวกเรา ปล่อยตัวพวกศาสตราจารย์ไปทั้งหมดแล้ว!”
คนที่รับผิดชอบได้ยินแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” เขามองมายังจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้า เค้นถามออกมา
แววตาจี้จิ่งเชินเป็นประกาย ตั้งแต่ที่เวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฎตัว สายตาของเขาก็จ้องมองอยู่ที่เธอตลอด
ดวงตาดำสนิทมีความโมโหค่อยๆรุกล้ำเข้ามา
น้ำเสียงเปลี่ยนไปอย่างเยือกเย็นจนดูผิดปกติ
“ปล่อยเธอซะ”
คำสั้นๆเพียงสามคำ ทำให้คนที่ดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมานั้น ร่างกายก็เคลื่อนไหวไปก่อน ปล่อยแขนเวินเที๋ยนเที๋ยนลงแล้ว
ตลอดจนเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาอยู่ข้างๆจี้จิ่งเชิน พวกเขาถึงได้ตั้งสติขึ้นมาได้ในที่สุด เมื่อครู่ไม่คิดว่าจะทำตามที่เขาพูดไปอย่างไม่รู้สึกตัวแบบนี้
สีหน้าของคนองค์กรอันธพาลมืดนี้ดูแย่เป็นอย่างมาก
“คุณจี้ อธิบายให้ผมฟังหน่อยสิ”
จี้จิ่งเชินดึงมือเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ ปกป้องเธอให้อยู่ทางด้านหลัง แววตาที่เย็นชามองไปยังร่างกายของพวกเขา ไม่สะทกสะท้าน ราวกับถูกคนที่ถูกบีบให้ถึงทางตันนั้นไม่ใช่เขา
“ก็เหมือนกับที่พวกแกเห็น ความร่วมมือล้มเหลว”
“แน่ใจว่าจะทำแบบนี้หรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินยืนอยู่ตรงหน้าประตูสถาบันวิจัย มองไปยังด้านในอย่างกังวล
เวลานี้ ข้างๆกายพวกเขานั้นไม่มีบอร์ดี้การ์ดเลยแม้แต่คนเดียว
“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าคุณบอกว่าต้องการดูสถานการณ์ของศาสตราจารย์สองสามคนนั้นก่อนนี่ครับ? ถ้าหากผลีผลามบุกเข้าไป พวกนั้นจะต้องเอาตัวพวกศาสตราจารย์เป็นตัวประกันอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นอาจจะเป็นอันตราย พวกเราเข้าไปกันก่อน หลังจากนั้นก็โจมตีขนาบด้านนอกและด้านในประสานกัน ถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาพูดโน้มน้าว จนต้องพยักหน้าลง
“นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วจริงๆค่ะ”
ถ้าหากมีจี้จิ่งเชินแอบเข้าไปกับเธอด้วยแล้ว คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก
“จี้หยู๋ชิงให้ลูกอยู่ข้างนอกก็แล้วกันนะครับ มันอันตรายเกินไป” จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดต่อ
“ค่ะ”
จี้หยู๋ชิงยืนอยู่ข้างๆ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากออกมาเลยนั้น ก็ถูกขวางเอาไว้ให้อยู่ทางด้านนอก ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้ ว่าจี้จิ่งเชินเสนอความคิดนี้ขึ้นมานั้น ใช่ว่าตั้งใจที่จะทิ้งเขาให้อยู่ทางด้านนอก แล้วเข้าไปในสถาบันวิจัยไปกับเวินเที๋ยนเที๋ยนหรือเปล่า
แต่ถ้าหากต้องการจะโจมตีขนาบด้านนอกและด้านในจริงๆ จำเป็นที่จะต้องมีคนคอยกำกับอยู่ข้างนอกด้วย เขาจึงต้องอยู่ข้างนอกตามแผน
หลังจากที่ตัดสินใจแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินถึงได้เดินเข้าไปด้านในด้วยกัน
เพิ่งจะเข้าประตูมานั้น ก็ถูกคนขององค์กรอันธพาลมืดพบเข้าแล้ว
ภายในห้องโถงใหญ่นั้น คนจำนวน7-8คนพุ่งเข้ามาแล้วรอบล้อมพวกเขาเอาไว้
เรื่องที่พักก่อนหน้านี้นั้นได้ถูกส่งมาถึงพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินเป็นใคร แต่ก็จะประมาทไม่ได้เช่นกัน
เห็นท่าทางของพวกเขาทุกคนที่มีอาวุธและมีท่าทีที่ระมัดระวังแล้ว จี้จิ่งเชินก็ยกยิ้มขึ้นมา อย่างไม่ได้รู้สึกกังวล
ท่าทางแบบนั้นดูแล้วไม่เหมือนกับมาอยู่ในอาณาเขตของคนอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับดูเหมือนกำลังอยู่ในสวนดอกไม้ที่บ้านตัวเองเสียอีก ราวกับเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่มีใครอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เขามองไปรอบๆ และไม่นานก็เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างเตี้ย ศีรษะล้าน สวมใส่ชุดสูทคนหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะใส่ชุดสูท แต่เนื่องจากอ้วนลงพุง กระดุมของชุดสูทนั้นจึงไม่สามารถติดได้เลย ใบหน้ามันเยิ้ม ใบหน้าแดงเล็กน้อย แววตาขุ่นมัว มองมายังเวินเที๋ยนเที๋ยน
“พวกแกคิดจะทำอะไรกันแน่?”
จี้จิ่งเชินดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา ถึงแม้เขาจะมั่นใจในการกระทำครั้งนี้เป็นอย่างมาก แต่กลับไม่ยอมให้เกิดอันตรายใดๆกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเด็ดขาด
ปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ทางด้านหลัง และพลางเอ่ยขึ้น : “ฉันคิดอย่างจริงจังแล้วว่าเรื่องสมบัติครั้งนี้ ก็สามารถจะร่วมมือกันกับพวกแกได้จริงๆ”
สองสามคนของพวกอันธพาลมืดนั้นมองสบตากัน แววตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยพูดถึงการขอให้มาร่วมมือกันกับพวกเขาแล้ว แต่ก็ถูกฝ่ายนั้นปฏิเสธอย่างยื่นคำขาด ทำไมเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง จู่ๆก็มาเปลี่ยนความคิดแล้วกัน?
จี้จิ่งเชินยิ้มออกมาเล็กน้อย : “ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้ถึงตำแหน่งที่เป็นรูปธรรมแล้ว คลี่คลายเบาะแสด้านบนได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นต่างประเทศ หากตามกฎของประเทศฉันแล้ว ก็นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาเจอที่ทะเลหลวง ใช้ในประเทศก็จะต้องชำระภาษีที่แพงมาก ถึงตอนนั้นก็คงจะเหลือเพียงของมีค่าเพียงแค่ครึ่งเดียว สู้ร่วมมือกับพวกแก ขายได้ราคาที่สูงขึ้นดีกว่า”
ทางฝ่ายนั้นได้ยินแล้ว ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วรีบเดินเข้ามา
พลางเอ่ยด้วยความเซอร์ไพรส์ : “พวกแกพบตำแหน่งโดยรูปธรรมของสมบัติแล้วหรือ?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า
“จุดนี้คงต้องชมภรรยาของฉัน หลังจากที่เธอได้ถ้วยเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวใบนั้นไปแล้ว ก็หาเบาะแสด้านบนเจอ สามารถมั่นใจในตำแหน่งที่เป็นรูปธรรมของสมบัติล้ำค่านั่นได้แล้ว แต่เกี่ยวกับการขุดและงานขายหลังจากนี้ สำหรับพวกฉันแล้วมีความยากลำบากอยู่บ้างจริงๆ เพราะฉะนั้นจึงคิดอยากจะมาร่วมมือกับพวกแก”
ใบหน้าของคนๆนั้นดีใจขึ้นมาในทันที ก่อนหน้านี้เขาเปลืองคนและเปลืองแรงโดยสูญเปล่ามาตั้งมากมายขนาดนี้ ก็ไม่ได้มีความแน่ใจเลยว่าสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นอยู่ที่ไหนกันแน่ ตอนนี้ทางฝ่ายนั้นก็มาบอกว่าต้องการร่วมมือด้วยถึงที่แล้ว จะมีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธเสียที่ไหนกัน?
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!” คนๆนั้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ : “เข้ามาสิ ถ้าหากพูดแบบนี้มาตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ก็ไม่ต้องมาปะทะตาต่อตาฟันต่อฟันแบบนี้แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเดินเข้ามาด้านในภายใต้การนำของพวกเขา
จี้จิ่งเชินเดินเข้าไปทางด้านในพลางมองบริเวณรอบๆไปด้วย แต่ก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่วิจัยด้านวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยใดๆเลย แต่กลับมีแต่สมาชิกขององค์กรอันธพาลมืดนี้เป็นจำนวนไม่น้อยเลยเสียอย่างนั้น
เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างตามใจ : “เอาสำนักงานใหญ่ของสถาบันวิจัยมาตั้งตรงนี้ไม่กลัวถูกตำรวจในพื้นที่จับได้หรอกหรือ?”
ทางฝ่ายนั้นหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“แกวางใจได้ ฉันคุ้นเคยกับทางตำรวจทางนั้นดี ถ้าหากมีคนมาตรวจสอบ พวกเขาก็จะแจ้งฉันก่อนล่วงหน้า”
จี้จิ่งเชินหลุบตาลง แสงสลัวๆส่องผ่านรูม่านตาที่มืดมิด มิน่าล่ะถึงได้กำเริบเสิบสานขนาดนี้ ที่แท้ก็มีการสมรู้ร่วมคิดกันนี่เอง
เรื่องสมบัติล่ำค่าแบบนี้ พวกเขาคงจะเอาขาเข้าร่วมไปข้างหนึ่งแล้วล่ะมั้ง?
ดูแล้วการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของเขานั้นถูกต้องแล้ว ที่ข้ามสถานีตำรวจไปแล้วเจรจากับคนที่อยู่สูงอีกขั้นหนึ่ง ให้พวกเขาส่งคนมาจัดการ
เพียงแต่รอให้ทางฝ่ายนั้นมา ยังจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาอยู่บ้าง เขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะต้องถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน
ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้านใน ทางฝ่ายนั้นแทบรอไม่ไหวที่จะเอ่ยถามขึ้น : “สมบัติล้ำค่าที่พวกแกหาเจอนั้นอยู่ที่ไหน?”
มือของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นกอดกล่องที่ใส่เครื่องเคลือบลายครามเอาไว้ตลอด สายตาของฝ่ายนั้นจึงมองอยู่ที่ร่างของเธอตลอดเช่นกัน
เวลานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เอ่ยขึ้น : “เกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การคาดเดาของฉันเท่านั้น ยังจำเป็นที่จะต้องปรึกษากับศาสตราจารย์ที่นี่ด้วย ต้องได้รับข้อมูลจากปากของพวกเขาด้วยถึงจะใช้ได้”
ได้ยินแล้ว คนๆนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น
“ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ให้พวกแกเจอนะ แต่คนพวกนั้นเป็นพวกหัวแข็ง พูดอะไรไปก็ไม่ยอมที่จะให้ความร่วมมือหรอก ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีเพียงแค่พวกนั้นที่จะสามารถวิจัยความลับนี้ออกมาได้ ฉันก็คงฆ่าพวกนั้นไปตั้งแต่แรกแล้ว”
น้ำเสียงของเขานั้นแสดงความโหดร้ายออกมา เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจ จึงรีบเอ่ยขึ้น : “ฉันเพียงแค่อยากจะถามพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องราวบนเครื่องเคลือบลายครามสีฟ้าขาวนั่นสองสามอย่าง อยากจะได้คำตอบมาตลอด การคาดเดาของฉันก่อนหน้านี้ก็จะถูกต้องแล้ว”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา”
คนๆนั้นยิ้ม แล้วรีบรับปาก “ขอเพียงแค่หาสมบัติล้ำค่าเจอ ทุกอย่างก็สามารถปรึกษาพูดคุยกันได้หมด”
เขาพาทั้งสองคนกลับมายังสถานที่ที่กักขังศาสตราจารย์เหล่านั้นไว้
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง จางเชียงหนิงและศาสตราจารย์อีกสองสามคนนั้นก็มองมาด้วยความประหลาดใจ
พวกเขายังคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะต้องกลับประเทศไปแล้วอย่างแน่นอน แล้วแจ้งกับคนอื่นๆให้มาช่วย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนทั้งสองฝั่งนี้จะกลับมายืนอยู่ฝั่งเดียวกัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
เวินเที่ยนเที๋ยนรู้ความคิดในใจของพวกเขาเวลานี้ พลางเอ่ยขึ้น : “คือแบบนี้ค่ะ ฉันมีคำถามที่อยากจะถามท่านศาสตราจารย์ ถ้าหากสามารถได้รับคำตอบ ก็จะสามารถเข้าใกล้ตำแหน่งของสมบัติได้แล้ว”
ศาสตราจารย์สองสามคนนั้นมองสบตากัน ในใจรู้สึกงงงวยเป็นอย่างมาก
จางเชียงหนิงเอ่ยขึ้น : “ทำไมเธอถึงได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพวกเขา?”
ชายวัยกลางคนๆนั้นหัวเราะขึ้นอย่างพอใจ : “พวกเขามาขอความร่วมมือจากฉันเอง เพียงแค่หาตำแหน่งของสมบัติเจอ พวกเราก็จะสามารถร่วมมือกันแล้วขุดสมบัติล้ำค่านั่นขึ้นมาแบ่งกันได้แล้ว”
“อะไรนะ?” สีหน้าของจางเชียงหนิงเปลี่ยนไปมาก แล้วมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ก็เคยดูการแข่งขันบูรพาวัตถุโบราณที่เป็นที่ฮือฮากันทั่วโลกครั้งนั้น พอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่บ้าง
ดังนั้นในตอนที่เจอกับเวินเที๋ยนเที๋ยนโดยไม่เจตนาระหว่างทางนั้น จางเชียงหนิงถึงได้พุ่งเข้าไปหาอย่างไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น เพื่อเอาของที่ตัวเองขโมยมามอบให้กับเธอ
