เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 473 ก้อนทองคำ

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 473 ก้อนทองคำ

บทที่ 473 ก้อนทองคำ

ก้อนทองคำนั้นถูกทับเอาไว้ด้านล่างสุด และในตอนนั้นหนานกงฉีโม่ก็ดูเพียงแวบเดียวและส่งคืนให้พวกกู๋เหมิงโดยมิได้สนใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่พบทองคำก้อนนั้น

เสี่ยวเป่าหยิบก้อนทองคำออกมาและถามด้วยใบหน้าตื่นตกใจ “พวกเจ้าได้สิ่งนี้มาจากไหนหรือ”

ปริมาณทองในก้อนทองคำนั้นสูงมากทีเดียว แร่ทองคำพวกนั้นเทียบไม่ติดเลยสักนิด

พวกเจ้ามีทองคำก้อนโตถึงเพียงนี้ แล้วยังจะต้องการเงินไปทำไมอีก!

อะแฮ่ม ในเวลาแบบนี้แน่นอนว่าเงินยังมีประโยชน์อยู่มาก

แต่เรื่องที่เสี่ยวเป่ารู้สึกประหลาดใจก็คือเผ่าเทียนกู่น่าไม่รู้มูลค่าของทองคำเลยแม้แต่น้อย

เนื่องจากถิ่นที่อยู่อาศัยตั้งอยู่บนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าวิถีชีวิตของพวกเขายังคงเป็นแบบดั้งเดิม และทำการค้าขายโดยใช้วิธีแลกเปลี่ยนสิ่งของมาอย่างช้านาน

ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนที่ทำการแลกเปลี่ยนล้วนแต่เป็นชนเผ่าเล็ก ๆ ด้วยเพราะเผ่าเทียนกู่น่าตื่นตัวต่อภยันตราย ทำให้คู่ค้าล้วนเป็นชนเผ่าและกองคาราวานร่อนเร่ตามทุ่งหญ้าที่มีขนาดเล็กและมีสมาชิกไม่มาก

พวกเขามิเพียงใช้วิธีแลกเปลี่ยนสิ่งของ แต่ยังออกมาค้าขายแค่ปีละครั้งเท่านั้น ดังนั้นอย่าว่าแต่ทองคำเลย แม้แต่เงินพวกเขาก็ไม่เคยเห็นมากมายนัก

ที่พวกเขากลับมาคราวนี้ทั้งที่ยังเหลือเกลืออยู่อีกมากก็เพื่อนมผงและสุราโดยเฉพาะ กับนมผงแล้วยิ่งสำคัญเข้าไปใหญ่ เพราะว่ามันคือความหวังที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเผ่าเทียนกู่น่า!

ครั้งก่อนที่มายังต้าเซี่ย ข้าวของส่วนใหญ่ของพวกเขาถูกใช้ในการแลกเปลี่ยน ของที่เหลืออยู่ก็แลกได้เงินมาเพียงนิดหน่อยซึ่งเป็นคำแนะนำของหนานกงฉีโม่

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เคยเห็นของเช่นเงินหยวนเป่า*[1]มาก่อน

และในตอนนี้ พวกเขามอบก้อนทองคำที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่ากำปั้นสองข้างของเสี่ยวเป่าด้วยเพราะมิรู้ถึงมูลค่าของมัน

เสี่ยวเป่า “…”

ช่างบริสุทธิ์และไร้เดียงสาอะไรเช่นนี้

กู๋เหมิงเกาหัวแกรก “ท่านชอบอันนี้หรือ น้องสาวข้าเก็บได้จากแม่น้ำผอซัว”

เสี่ยวเป่ายื่นก้อนทองคำให้เขา “เจ้าสิ่งนี้มีค่ามากกว่าเงินทั้งหมดที่เจ้ามีในตอนนี้เสียอีก สามารถแลกเป็นเงินได้มหาศาลเลย!”

ของที่พวกเขาเก็บได้จากแม่น้ำโดยไม่ได้ตั้งใจที่แท้ก็มีค่าถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ทว่าเขาส่งก้อนทองคำคืนให้เสี่ยวเป่า

“ข้าให้ท่าน เช่นนั้นมันก็เป็นของท่าน”

“เลิกเรียกว่าท่านได้แล้ว ฟังแล้วขัดหูนัก เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูหนานกงก็พอ”

เสี่ยวเป่า “ของมีค่าขนาดนี้เจ้าจะให้ข้าจริง ๆ น่ะหรือ ไม่เสียดายหรือ”

กู๋เหมิงตบหน้าอกพร้อมกับเอ่ยเสียงดัง “นักรบแห่งเทียนกู่น่า ให้แล้วไม่มีวันเอาคืน!”

ยึดถือในคุณธรรมเช่นนี้ ไม่เลวเลย

เสี่ยวเป่า “ในเมื่อพวกเจ้าเก็บก้อนทองคำได้จากแม่น้ำ เช่นนั้นก็น่าจะมีอีกสินะ”

เท่าที่นางรู้ ก้อนทองคำที่มีความบริสุทธิ์ค่อนข้างสูงสามารถพบได้ในแม่น้ำหลายแห่ง

นางเคยเก็บได้ในชาติก่อน ถึงขั้นมีคนไปร่อนหาทองที่แม่น้ำโดยเฉพาะเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเป่าไม่คิดจะรับของมาเปล่า ๆ จึงตั้งใจว่าจะให้นมผงกับสุราพวกเขาเพิ่ม รวมถึงพวกเครื่องลายครามกับเครื่องปั้นดินเผาที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

ทว่าสำหรับพวกกู๋เหมิงแล้ว ลำพังแค่วิธีทำอาหารประเภทแป้งชนิดต่าง ๆ และวิธีทำเต้าหู้นั้นก็ประเมินค่ามิได้แล้ว

ดังนั้นหลังจากได้ยินว่าเสี่ยวเป่าจะมอบข้าวของมากมายให้ ชายร่างใหญ่หลายสิบคนก็ซาบซึ้งจนน้ำตาพรั่งพรู

เพราะเหตุนี้เอง เมื่อได้ยินว่าต้าเซี่ยเตรียมที่จะไปเก็บกวาดพวกซยงหนูอีกครั้ง ชายชาวเทียนกู่น่าเหล่านี้ก็แบกอาวุธขึ้นหลัง และขึ้นนั่งพาหนะของพวกเขาติดตามไปโดยไร้ซึ่งความลังเล

การเคลื่อนพลครั้งนี้เป็นเพราะว่าหนานกงสือเยวียนได้รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของพวกซยงหนูแล้ว

เหนือสิ่งอื่นใด นักรบเทียนกู่น่าล้วนแต่เป็นผู้กล้าโดยแท้ พวกเขาบุกโจมตีในแนวหน้าเมื่อได้เผชิญหน้ากับพวกซยงหนูอย่างไม่รักตัวกลัวตายแม้แต่นิดเดียว

หลังจากสู้รบอยู่เจ็ดเดือน กองทัพต้าเซี่ยก็ยึดอาณาเขตพร้อมกับเดินทัพไปยังที่ตั้งของซยงหนู และเข้าประชิดที่ตั้งได้ในที่สุด

สองเดือนถัดมา สถานการณ์สู้รบที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อก็ถูกต้อนจนมุมได้อย่างสมบูรณ์ ทัพของพวกซยงหนูแตกพ่าย ชนเผ่าซยงหนูซึ่งเคยรุกรานต้าเซี่ยจึงเป็นอันล่มสลาย

เมื่อข่าวเดินทางมาถึงต้าเซี่ย บรรดาชาวเมืองต้าเซี่ยทั่วทั้งชายแดนต่างโลดเต้นดีใจ ทุกหนแห่งในเมืองหน้าด่านปรากฏภาพผู้คนกอดคอและร้องไห้ด้วยความยินดี พวกพลทหารรักษาเมืองในค่ายทหารยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ทางด้านเสี่ยวเป่าก็ได้ทราบข่าวเช่นเดียวกัน ชุนสี่รวมถึงบรรดาเด็กรับใช้ในเรือนต่างก็ปลาบปลื้มยินดีราวกับฉลองวันขึ้นปีใหม่

แน่นอนว่าเสี่ยวเป่าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

“วันนี้ข้ามีความสุข จะให้รางวัลกับทุกคนเลย!” เสี่ยวเป่าผู้แสนมีความสุขโบกมือน้อย ๆ ราวกับเป็นซ่านไฉถงจื่อ*[2]

แต่ว่า…

ผ่านไปอีกหนึ่งปีและตอนนี้นางก็อายุสิบขวบแล้ว

วันเกิดผ่านพ้นไปอีกครั้ง แต่นางไม่ได้เจอท่านพ่อเกือบจะหนึ่งปีแล้ว

แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของท่านพ่อเป็นเช่นไรบ้าง

เสี่ยวเป่ามองออกไปในที่แสนไกล การสู้รบจบลงแล้ว เช่นนั้นท่านพ่อก็ใกล้จะกลับมาแล้วน่ะสิ?

ผู้คนในเมืองหน้าด่านได้รู้ข่าวเป็นที่แรก จากนั้นก็แพร่สะพัดไปถึงเมืองหลวงของต้าเซี่ยราวกับติดปีก

ราษฎรในต้าเซี่ยต่างตื่นเต้นดีใจ ทว่าผู้คนอีกสองอาณาจักรกลับต้องเป็นกังวล

โดยเฉพาะเป่ยเยว่ซึ่งเคยรบกับต้าเซี่ยมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนนี้ยังเอาชนะไม่ได้ มาตอนนี้ได้ยินความห้าวหาญของต้าเซี่ยในการกวาดล้างพวกซยงหนู กษัตริย์แห่งเป่ยเยว่ก็ยิ่งหวาดหวั่น

ขุนนางในราชสำนักผู้หนึ่งเสนอให้เขาใช้โอกาสในตอนที่ต้าเซี่ยไร้การป้องกันยึดเมืองที่เสียไปคืนกลับมาและเสริมยุทโธปกรณ์ให้แข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นแล้วเป็นไปได้มากว่าเป้าหมายต่อไปของต้าเซี่ยก็คือพวกเขา

จากนั้นขุนนางผู้นั้นก็ถูกกษัตริย์เป่ยเยว่ด่าเข้าให้

หลังจากนั้นก็ได้แต่หดหัวอยู่ในกระดองต่อไป กับอีแค่เสียเมืองไม่กี่เมือง ถึงอย่างไรกษัตริย์อย่างเขาก็ยังอยู่ดี ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ให้ตายอย่างไรก็ไม่มีวันยั่วโมโหต้าเซี่ยอย่างเด็ดขาด!

[1] เงินหยวนเป่า คือเงินตำลึงจีน มีลักษณะเป็นแท่งเงินปลายโค้งสูงทั้งสองข้าง มีรูปร่างคล้ายเรือ

[2] ซ่านไฉถงจื่อ หรือสุธนกุมาร เป็นบุตรของเศรษฐีผู้หนึ่ง เมื่อเกิดมามีแก้วแหวนเงินทองผุดขึ้นมากมายทั้งในบ้านและนอกบ้าน

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว! หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้ เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน! เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท