ตอนที่ 216 อู๋ฉิงถูกล่อลวง / ตอนที่ 217 หึงหวงยกใหญ่
ตอนที่ 216 อู๋ฉิงถูกล่อลวง
ตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง เรือนมั่วหรัน
จวินมั่วหรันกำลังเอนกายอยู่บนเตียง ดวงตาสีดำสนิทแวววาวของเขาแฝงความเป็นใหญ่
ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย ทุกท่วงท่าทางของเขาแฝงไปด้วยรังสีราชาเรืองอำนาจชนิดที่ใครเห็นต่างต้องก้มหัว
อู๋ฉิงชำเลืองมองจวินมั่วหรันที่ดูเหมือนจะเงียบสงบ สุดท้ายก็กลั้นใจถามเบาๆ “ไฉนวันนี้ท่านใต้เท้าเรียกอู๋ฉิงมาที่นี่อย่างเร่งด่วนหรือเจ้าคะ”
“กี่ชั่วยามแล้ว”
ความตึงเครียดเจืออยู่ในน้ำเสียงทุ้มต่ำของเขา มันได้กลบความเกียจคร้านในน้ำเสียงของเขาลงอย่างสมบูรณ์
แม้ว่าสิ่งจุยเฟิงเสนอขึ้นมาก่อนหน้านี้จะค่อนข้างสมเหตุสมผล
แต่เขายังคงกังวลว่ามันจะทำให้เรื่องบานปลายไปกว่าเดิม และจะยิ่งผลักเฟิงอู๋โยวให้ไกลออกไปกว่าเดิม
“ห้าชั่วยามแล้วเจ้าค่ะ”
อู๋ฉิงยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าจวินมั่วหรันเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว จนนางรู้สึกเมื่อยและชาไปทั้งขา
นางไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ จวินมั่วหรันถึงเรียกนางมาอยู่ในเรือนมั่วหรันนานขนาดนั้น
ก่อนหน้านี้ นอกจากเหล่าคนรับใช้ในเรือนแล้ว มีผู้หญิงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องนอนของจวินมั่วหรัน
“ได้ถึงเวลาที่เจ้าหมอนั่นจะมาแล้ว”
มุมปากของจวินมั่วหรันรั้งขึ้นเป็นมุมโค้งจางๆ เสียงของเขามีเสน่ห์และเปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูด
“ท่านใต้เท้า หม่อมฉันขอตัวไปได้หรือยังเจ้าคะ”
“จงถือคบเพลิงอยู่แบบนั้น”
จวินมั่วหรันลุกขึ้นพรวดและปลดเข็มขัดปักดิ้นสีทองรอบเอวของเขาอย่างลวกๆ และจงใจทำให้เสื้อคลุมสีดำเข้มของตัวเองหละหลวม
เปิดสาบเสื้อที่หน้าอกออก เผยให้เห็นรอยแผลจากลูกธนูก่อนหน้านี้
อยู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเฟิงอู๋โยวมักเรียกเขาว่า ‘เจ้าเส้นเลือดน้อย’ และเท่าที่เขาสังเกตเห็นเฟิงอู๋โยวจากที่ผ่านๆ มา สายตาของนางมักจะบ้าคลั่งกับเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมาบริเวณกล้ามหน้าท้อง ดังนั้นเขาจึงจงใจถลกเสื้อขึ้นมาเพื่อเปิดให้เห็นเส้นเลือดบริเวณนั้น
อู๋ฉิงที่ถือตะเกียงน้ำมันในมือข้างหนึ่ง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นจวินมั่วหรันนอนอยู่ในสภาพดังที่กล่าวไป ทำเอานางตกใจมากจนแทบจะวิ่งหนี
นี่จวินมั่วหรันกำลังยั่วยวนนางอยู่หรือ
ไม่ ไม่มีทาง!
แม้ว่านางจะเต็มใจทำงานให้กับจวินมั่วหรันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะเป็นผู้หญิงของเขา
นางชอบผู้ชายอ่อนโยน ซึ่งคนเอาแต่ใจไร้เหตุผลอย่างจวินมั่วหรันไม่ใช่รสนิยมของนางแน่นอน
“ท่านใต้เท้า โปรดปล่อยหม่อมฉันไปเถิด!”
อู๋ฉิงตกใจกลัวจนหน้าซีดและขาสั่นระริก
จวินมั่วหรันเหลือบมองอู๋ฉิงที่ตื่นตระหนกอย่างเย็นชา ริมฝีปากบางๆ ของเขาปริเอ่ย “วางตะเกียงลง อ่านออกเสียงตามเนื้อหาที่ข้าเขียน”
“อ่อ”
อู๋ฉิงรีบวางตะเกียงน้ำมันลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบหนังสือที่จวินมั่วหรันต้องการให้นางอ่านออกเสียงขึ้นมาด้วยมือสั่นระริก
นี่มัน…!
อู๋ฉิงจ้องมองหนังสือภาพในมืออยู่ครู่หนึ่ง สักพักแก้มของนางก็แดงก่ำ
นางมองจวินมั่วหรันด้วยความลำบากใจ “ท่านใต้เท้าต้องการให้หม่อมฉันหาผู้หญิงมาให้ดีกว่าหรือไม่”
“อ่าน”
จวินมั่วหรันขี้เกียจอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้อู๋ฉิงฟัง ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างหมดความอดทน
อู๋ฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตาม
นางกระแอมปรับเสียงในลำคอและอ่านออกเสียง “ท่านนิสัยไม่ดี กระหม่อมกลัวเหลือเกิน…”
ไม่นาน เฟิงอู๋โยวก็ถูกจุยเฟิงกับเถี่ยโส่วพามาถึงที่เรือนมั่วหรัน
หลังจากเรื่องวุ่นวายเมื่อคืน นางได้นอนเพียงแค่หนึ่งชั่วยามกว่าๆ และต้องแหกตามาสอนกลอนจุยเฟิงอีก
“เฮ้อ ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน เงินก็หายากจริงๆ!”
เฟิงอู๋โยวอุทานขึ้น แต่ในจังหวะนั้นก็เหลือบเห็นเงาร่างของคนสองคนวิบไหวอยู่ในห้องนอนของเรือนมั่วหรัน
นางขยี้ตาและถามจุยเฟิงอยากไม่อยากเชื่อ “เกิดอะไรขึ้นในห้องนอนกันแน่”
“มันเป็นเรื่องของท่านใต้เท้า ข้าไม่กล้าถาม รู้แค่ว่าอู๋ฉิงถูกท่านใต้เท้าเรียกมา นี่ก็ผ่านมาหนึ่งชั่วยามกว่าๆ แล้ว”
ในเวลาเดียวกัน เสียงของอู๋ฉิงก็แว่วผ่านมาตามลมเข้ากระโสตประสาท
ตอนที่ 217 หึงหวงยกใหญ่
“โอ้ยๆๆ…กระหม่อมจะทนไม่ไหวแล้ว”
“ฮือๆๆ…ปล่อยนะเจ้าคะ”
“อ่า…”
อู๋ฉิงอ่านออกเสียงชัดเจน ขณะอ่านไปก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกสูบกระชากวิญญาณออกจากร่าง
จวินมั่วหรันไม่คิดจะฟังเนื้อหาที่อู๋ฉิงอ่านแม้แต่น้อย เขาอยากรู้แค่ว่าเฟิงอู๋โยวจะหึงหวงเขาหรือไม่
ด้านนอกเรือนมั่วหรัน รูม่านตาของเฟิงอู๋โยวหดเกร็ง ดวงตาของนางจ้องมองเงาร่างสองร่างที่ซ้อนทับกันอย่างไม่ละสายตา ภายในใจพลันรู้สึกหลากอารมณ์ขึ้นมาทันที
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ตอนที่จวินมั่วหรันถูกฤทธิ์ยากำหนัดเล่นงาน เขาเป็นคนให้คำมั่นสัญญาเองว่านับตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่แตะต้องใครอื่น
แต่นึกไม่ถึงว่าจวินมั่วหรันก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไปที่เอาแต่ให้สัญญาลมๆ แล้งๆ
“แม่ทัพเฟิงเป็นอะไรไปกระนั้นหรือ”
จุยเฟิงรับแกงตุ๋นไก่จากสาวรับใช้มา ก่อนยื่นมาให้เฟิงอู๋โยว “แม่ทัพเฟิง นี่เป็นแกงตุ๋นไก่ที่ท่านใต้เท้าสั่งให้ในโรงครัวตุ๋นให้อู๋ฉิง บอกว่าเอาไว้ให้นางบำรุงร่างกายหลังศึกหนัก แต่นี่ก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว อู๋ฉิงยังไม่ออกมาอีก มิเช่นนั้นแม่ทัพเฟิงลองกินให้ชุ่มคอสักนิดสักหน่อยก่อนดีหรือไม่”
บำรุงร่างกายหลังศึกหนัก?
หรือว่าจวินมั่วหรันต้องการมีทายาทให้ตระกูลจวินแล้วกระนั้นหรือ
เฟิงอู๋โยวกัดริมฝีปากแน่น กลิ่นหอมเครื่องตุ๋นยาจีนจากหม้อแกงตุ๋นไก่พลันจืดสนิทลงทันที
“แม่ทัพเฟิง กินตอนร้อนๆ ดีที่สุด”
จุยเฟิงยิ้มร่า เพราะเขาพึงพอใจกับสีหน้าของเฟิงอู๋โยวเป็นอย่างมาก
แต่เถี่ยโส่วกลับมองไม่เห็นความแตกต่างนั้น
“ไม่ ข้าไม่หิว”
ดวงตาของนางอึมครึมลง แต่กระนั้นก็ยื่นมือออกไปรับหม้อแกงตุ๋นไก่ที่จุยเฟิงยื่นมาให้ จากนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องนอนในเรือนมั่วหรันทันที
ปึ่ง!
เฟิงอู๋โยวถีบประตูเข้าไป เดิมทีคิดว่าตัวเองต้องเจอภาพฉากเสียดแทงใจ
แต่นึกไม่ถึงว่าจวินมั่วหรันกับอู๋ฉิงกลับไม่ได้บรรเลงเพลงรักอยู่บนเตียงเดียวกัน
คนหนึ่งนอนเอนกายอยู่บนเตียง อีกคนนั่งอ่านบทด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
แค่เห็นหน้าอู๋ฉิง เฟิงอู๋โยวก็พอจะมองออกแล้วว่านางไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้
เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวบุกเข้ามา อู๋ฉิงก็ตกใจเป็นยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินมาจากจุยเฟิงว่าท่านใต้เท้าโปรดปราดแม่ทัพจากแคว้นเป่ยหลีคนนี้มาก
แต่นึกไม่ถึงว่าจะชื่นชอบโปรดปรานถึงขั้นนั้น
เชื่อได้เลยว่าทั่วใต้หล้านี้ไม่มีใครกล้าใช้เท้าถีบประตูห้องนอนของจวินมั่วหรันนอกจากเฟิงอู๋โยว
อู๋ฉิงมองเฟิงอู๋โยวอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับไปมองจวินมั่วหรัน และแล้วก็เข้าใจสักทีว่าจวินมั่วหรันเรียกนางมาทำอะไร
“แม่ทัพเฟิงมาพอดีเลย กล่องเสียงข้าเริ่มไม่ไหวแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้าพอจะช่วยอ่านบทละครแทนข้าได้หรือไม่”
น้ำเสียงเยือกเย็นของอู๋ฉิงเจือแววขอร้องขึ้นมาทันที
“ได้”
เฟิงอู๋โยวรับหนังสือบทละคนมา แค่กวาดสายตามองคร่าวๆ ภายในใจก็เกิดรุ่มร้อนขึ้นมาทันที
นึกไม่ถึงว่าจวินมั่วหรันจะลามกขนาดนั้น ไม่นึกว่าจะให้ผู้หญิงอ่านบทละครพรรค์ให้ฟังหน้าตาเฉย
พึ่บ!
นางก้าวเข้ามาฉับๆ จากนั้นก็ขว้างหนังสือบทละครใส่หน้าเขาทันที
อู๋ฉิงเหลือบมองสายตาเจือความใคร่อยากและเปี่ยมด้วยความรู้สึกของจวินมั่วหรันที่จ้องมองเฟิงอู๋โยว จากนั้นก็เลื่อนลงมองเสื้อผ้าที่เผยแผงอกที่สวมใส่อย่างหลวมๆ อยู่ๆ ก็ขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว
ท่าทางของจวินมั่วหรันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากพวกนายบำเรอไม่มีผิด
อู๋ฉิงรีบละสายตาออกทันที ก่อนรีบลุกออกจากห้องนอนไป แต่ก็ไม่ลืมปิดประตูให้พวกเขา
“เฟิงอู๋โยว นี่ข้าตามใจเจ้ามาเกินไปใช่หรือไม่” จวินมั่วหรันลุกขึ้นพรวด ใบหน้าฝั่งหนึ่งแดงเป็นเทือกเพราะถูกสันหนังสือปาใส่
“พูดบ้าๆ ท่านตามใจกระหม่อมตรงไหน”
จวินมั่วหรันรู้สึกครึ้มใจขึ้นมาทันที ที่แท้เฟิงอู๋โยวก็หึงหวงเป็นเหมือนกัน ซ้ำยังหึงหวงยกใหญ่เสียด้วย
หึงขึ้นมาแต่ละที ดูเหมือนว่านางจะไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งนั้น
เขาลุกขึ้นพรวด หยิบหนังสือบทละครยยัดใส่มือของนาง ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลยากจะปฏิเสธ
“จงอ่านสองย่อหน้านี้ให้ข้าฟัง”
“เนื้อหาแบบนี้กระหม่อมอ่านไม่ได้หรอก”
เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง อยู่ๆ ก็นึกอยากแกล้งนางขึ้นมาอีก
แต่จุยเฟิงกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าทำให้เรื่องมันบานปลาย…
แต่ช่างเถิด ขอแกล้งนางเป็นครั้งสุดท้ายหน่อยแล้วกัน
จวินมั่วหรันตัดสินใจเด็ดขาด ใบหน้าแน่นิ่ง น้ำเสียงเย็นเฉียบดุดัน “เฟิงอู๋โยว อย่าทำตัวลำพองใจไป! จงอ่านให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้”
