ตอนที่ 268 บังคับให้นางคุกเข่า
ในเวลานี้ แสงจันทร์นวลผ่องที่ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างสะท้อนลงบนใบดาบแวววาว ขับให้แสงที่สะท้อนออกมาดูเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม
ชายชุดดำหลายสิบคนกระโดดเข้ามาทางหน้าต่างพร้อมรังสีอำมหิต
สีหน้าของพวกเขาแต่ละคน เลือดเย็นราวกับอมนุษย์ที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก รังสีอำมหิตแผ่ซ่านไปทั่วห้องจนแทบหายใจไม่ออก
เป่ยถางหลงถิงกระโดดด้วยวิชาตัวเบาลงมาจากด้านบนหลังคา
“เฟิงอู๋โยว จงเอาชีวิตของเจ้ามาชดใช้!”
ร่างกายของเขาสูงใหญ่ หน้าตาของเขาเคร่งขรึม คำพูดอัดแน่นไปด้วยอำนาจน่าเกรงขามแห่งจักรพรรดิ
ทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงห้าคืบ ซึ่งเป็นระยะความยาวของกระบี่พอดี
ตอนนี้ เป่ยถางหลีอินยกกระบี่เรียวยาวจ่อที่หัวใจของเฟิงอู๋โยว ส่วนเฟิงอู๋โยวก็ได้แต่จ้องมองเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
มุมปากของนางรั้งขึ้นเผยแววยิ้ม ทว่าดวงตากลับอัดแน่นไปด้วยความผิดหวัง
พ่อโดยสายเลือดที่พลัดพรากจากกันกระนั้นหรือ
ไม่ใช่ เขาไม่คู่ควร!
เป่ยถางหลงถิงหยุดนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะมาที่นี่ เขาตัดสินแล้วว่าจะแก้แค้นให้เป่ยถางหลีอินโดยการฆ่าเฟิงอู๋โยวทิ้ง
แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาทรงกลีบดอกท้อที่ฉายแววเย็นชาของนางคู่นั้น ก็รู้สึกปวดหัวใจขึ้นมาแปลบๆ
เฟิงอู๋โยวอาศัยช่วงที่เขาเหม่อลอยเอี่ยวตัวหลบใบดาบ
ไม่รอให้เขาโต้ตอบกลับมา เฟิงอู๋โยวก็ใช้วิชาก้าวพริบตาไปโผล่อยู่ด้านหลังเขา จากนั้นก็จ่อเข้มเข้าไปที่เส้นเลือดใหญ่ที่คอของเป่ยถางหลงถิงอย่างแม่นยำ
เป่ยถางหลงถิงเกิดหวั่นใจขึ้นมาทันที เพราะทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของเฟิงอู๋โยวเหนือชั้นกว่าเขามาก แค่การเคลื่อนไหวเดียวก็สามารถจี้จุดตายของเขาได้แล้ว
อันที่จริง เฟิงอู๋โยวสามารถปาเข็มปลิดชีพเขาได้ตั้งแต่ตอนที่เขาเหม่อลอยเมื่อครู่แล้ว
แม้การทำแบบนั้นจะทำให้นางมีชีวิตปลอดภัยอย่างไม่ต้องเปลืองแรง
เพียงแต่ เฟิงอู๋โยวไม่อยากสร้างบาปกรรมจากการฆ่าพ่อตัวเอง
ไม่ช้าก็เร็ว คนเลวย่อมถูกลงโทษ
เมื่อวันเวลาผ่านไป วันที่เป่ยถางหลงถิงต้องชอกช้ำใจจะต้องมาถึงแน่นอน!
ตอนนี้ ใบหน้าของเป่ยถางหลงถิงฉายแววหลากอารมณ์ เขานึกไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวจะลงมือกับเขาอย่างไร้ความปราณีเช่นนี้ หลังจากเงียบไปสักพักหนึ่ง แต่แล้วในที่สุดก็ผ่อนลมหายใจและเอ่ยเสียงขรึม “เฟิงอู๋โยว เจ้าพลาดแล้ว ตอนนี้เจ้าอย่าคิดพยศเลยจะดีกว่า”
เมื่อสัมผัสได้ว่าเฟิงอู๋โยวไม่มีกำลังภายในคอยปกป้องร่างกาย เขาก็กระทุ้งศอกเข้าไปที่หน้าท้องของนางอย่างไม่หนักไม่เบา
เฟิงอู๋โยวถอยหลังหลบการโจมตีนั้นได้อย่างหวุดหวิด แต่ไม่ทันระวังพลาดท่าล้มลงบนพื้น
กระบี่ที่มีชื่อว่า กระบี่ลั่นนภาของเป่ยถางหลงถิง ตวัดวาดขึ้นในอากาศเกิดเป็นภาพซ้อนคล้ายกระบี่สามเล่ม จากนั้นก็รวบลงมาชี้ที่ระหว่างคิ้วของนาง
อ๋าวอู๋ววว
ทันใดนั้น อาหวงสังเกตเห็นความผิดปกติขึ้นในห้องของเฟิงอู๋โยว มันจึงรีบวิ่งทะลวงเข้ามาในห้องทันที
เป่ยถางหลงถิงหันขวับกลับไปมองอาหวง เจ้าหมาขนสีเหลืองอ๋อยด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนตวาดเสียงดังลั่น “ไอ้สารเลว” กระบี่ลั่นนภาเปลี่ยนวิถีหันมาฟันใส่อาหวงทันที
“รีบไปที่บ่อนพนันเสีบ”
เมื่อเห็นเช่นนั้น เฟิงอู๋โยวก็เตะกวาดขาของเป่ยถางหลงถิงจนล้มลง
เมื่อได้รับคำสั่ง อาหวงก็รีบวิ่งแจ้นออกจากเรือนการแพทย์พยากรณ์และมุ่งหน้าไปที่บ่อนพนันด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี
เป่ยถางหลงถิงไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะถูกเฟิงอู๋โยวเตะกวาดขาจนลงมากองอยู่บนพื้นแบบนี้
“เฟิงอู๋โยว เจ้าบังอาจนัก!”
เป่ยถางหลงถิงลุกขึ้นพรวด เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เป่ยถางหลงถิง เจ้าต่างหากที่บังอาจ! ข้าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพผู้บัญชาการสูงสุดโดยฮ่องเต้แห่งแคว้นตงหลินแล้ว ไฉนเจ้าถึงกล้าดีบุกมาที่เรือนข้า แล้วยังหันกระบี่ใส่ข้าอีก!”
เฟิงอู๋โยวไม่ยอมลดละ ดวงตาทรงกลีบดอกท้อฉายแววเย็นเฉียบยิ่งกว่าเดิม
“เลี้ยงไม่เชื่อง!”
เป่ยถางหลงถิงแค่นเสียงในลำคอ ก่อนหันไปออกคำสั่งให้คนชุดดำ “จัดการมัน”
เมื่อเฟิงอู๋โยวตั้งหลักได้ก็รีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว
นางหลบการโจมตีอันรุนแรงของเหล่าคนชุดดำหลายสิบคนได้อย่างว่องไว ซ้ำยังมีเวลาหยิบกาน้ำชาขึ้นมาและราดรดหัวเป่ยถางหลงถิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
ทำเอาผมเผ้าของเป่ยถางหลงถิงเปียกชุ่ม สีหน้าฉายแววอำมหิตออกมายิ่งกว่าเดิม
เขาปาดน้ำชาบนใบหน้าออก ภายในใจพลันบ่นอุบ เพราะตัวเองเป็นถึงวีรบุรุษชื่อเสียงโด่งดัง หากวันนี้ถูกเจ้าหนูอย่างเฟิงอู๋โยวเล่นหัวคงเสียหน้าไม่น้อย
แต่ว่านิสัยแบบนี้ของเฟิงอู๋โยวกลับทำให้เขานึกถึงตัวเองสมัยหนุ่มๆ
ความสามารถโดดเด่นแพรวพราวและเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา
“น่าเสียดาย!”
เป่ยถางหลงถิงถอนหายใจอย่างหนักหน่วง หากเฟิงอู๋โยวยอมเป็นลูกเขยของเขาแต่โดยดี เขาก็จะยินดีไม่น้อย
ที่น่าเสียดายก็คือเฟิงอู๋โยวกลับเล่นแรงเกินเหตุจนทำให้เป่ยถางหลีอินบาดเจ็บหนักปางตาย เรื่องนี้ให้อภัยไม่ได้
“น่าเสียดายที่เจ้าเป็นพวกสมองกลวง!”
เฟิงอู๋โยวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ตอนนี้ในมือของนางเปลี่ยนเป็นถือไหสุรา พูดจบก็สาดสุราออกไปในอากาศจนเป็นเส้นโค้ง ทำให้หัวของเป่ยถางหลงถิงเปียกและเหม็นสุราหึ่ง แต่ไม่วายไหสุราก็ลอยตามมาติดๆ
ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘เพล้ง’ ไหสุราแตกละเอียด หน้าผากของเป่ยถางหลงถิงปูดบวมขึ้นมาเท่าไข่ไก่
“ไอ้ตัวแสบ!”
เป่ยถางหลงถิงโกรธจัด เขาพุ่งเข้าไปจับแขนเล็กเรียวของนางได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ จากนั้นก็รับเชือกป่านจากคนชุดดำมามัดเฟิงอู๋โยวเหมือนขนมบ๊ะจ่าง
“จงคุกเข่า” คนชุดดำตวาดดุดัน
“ข้าไม่คุกเข่าให้ฟ้าให้ดินและไม่มีทางคุกเข่าให้เจ้า”
เฟิงอู๋โยวยังคงไม่ยอม แม้รู้ดีว่าไม่ใช่เวลามาทำตัวดื้อด้านแบบนี้ แต่นางก็ไม่ยอมอยู่ดี
เมื่อคนชุดดำได้ยินเช่นนั้นก็ตวาดขึ้นเสียงดังกว่าเดิม “บังอาจ! เจ้ายังเป็นนักโทษของแคว้นเป่ยหลีอยู่ ยังกล้าไม่คุกเข่าอีกกระนั้นหรือ”
เฟิงอู๋โยวแสยะยิ้มพูดขึ้น “เรียนฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี ขอเจ้าจงตาสว่าง เจ้าเป็นใหญ่ในแคว้นเป่ยหลีแต่ตอนนี้ข้าหาใช่นักโทษของเจ้าไม่ หากคิดจะสั่งให้ข้าคุกเข่า ได้โปรดกลับไปสำเหนียกตัวเองก่อนดีหรือไม่ว่าเจ้าเป็นใหญ่ที่ใดและที่นี่คือที่ใด”
“เฟิงอู๋โยว ต่อให้เจ้าไม่ใช่คนจากแคว้นเป่ยหลีแล้ว แต่เจ้าก็เคยเป็นวีรบุรุษที่สร้างชื่อเสียงให้แคว้นมากมาย ไฉนตอนนี้ตกอับถึงขั้นนี้ อย่าว่าแต่วีรบุรุษเลย ตอนนี้เจ้าไม่ใช่แม้แต่สุภาพบุรุษด้วยซ้ำ” เป่ยถางหลงถิงพูดขึ้นเจือน้ำเสียงปวดใจรำไร
ไม่นานก่อนหน้านี้ เขายังพอมีหวังกับเฟิงอู๋โยวอยู่บ้าง
แม่ทัพอายุน้อย นิสัยเด็ดเดี่ยวดุดัน ซื่อตรงจริงใจ คุณธรรมสูงส่ง
แต่ตอนนี้เฟิงอู๋โยวกลับเป็นเหมือนพวกไม่เอาไหนและกวนประสาทเขาเป็นที่สุด
เฟิงอู๋โยวสะบัดหน้าหนีก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ เช่นนั้นข้าขอเป็นยาจกแบบนี้ไปตลอดกาล เพราะข้าไม่ยากเป็นสุภาพบุรุษเยี่ยงเจ้า”
“…”
เป่ยถางหลงถิงถึงกับพูดไม่ออก ไปต่อไม่ถูก
เขาไม่คิดว่าเฟิงอู๋โยวที่เขาเคยรู้จักจะหน้าด้านและต่อล้อต่อเถียงขนาดนี้
ตอนนี้ ลำพังแค่เห็นนิสัยแบบนี้ของนาง อย่าว่าแต่เป็นพ่อเลย ลำพังแค่เข้าใกล้ เป่ยถางหลงถิงก็ยังไม่อยากเข้าใกล้
แต่โชคชะตากลับเล่นตลกร้ายกับเป่ยถางหลงถิง เพราะในอนาคตอีกไม่นาน ทุกครั้งที่เป่ยถางหลงถิงนึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองหันปลายกระบี่ใส่เฟิงอู๋โยว ทุกครั้งที่เป่ยถางหลงถิงนึกถึงใบหน้าเกลียดชังของเฟิงอู๋โยว เขาจะไม่มีวันได้เฟิงอู๋โยวคนเดิมกลับมาอีกต่อไป
เมื่อคนชุดดำเห็นเฟิงอู๋โยวที่เถียงฉอดๆ และไม่ยอมคุกเข่าสักที จึงถีงเฟิงอู๋โยวเพื่อหวังให้ล้มคุกเข่าลงบนพื้น
เฟิงอู๋โยวเจ็บจนส่งเสียงในลำคอ แต่ก็ไม่ยอมงอเข่า
แต่หลังจากถูกถีบเข้าอีกครั้งจนดูเหมือนว่าเข่าจะกระแทกลงพื้น นางจึงรีบฉีกขานั่งลงบนพื้นในท่วงท่าที่งามสง่าแทน
