ตอนที่ 316 ทำให้ลำบาก
“ไป๋หลี่เหอเจ๋อ เจ้าสนใจข้าตรงไหนกันแน่ ข้าจะเปลี่ยน”
เฟิงอู๋โยว รู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายแปดชั่วโคตรที่ต้องมาเจอกับคนไร้เหตุผลที่ชอบหลอกตัวเองอย่างไป๋หลี่เหอเจ๋อ
คิ้วงามของไป๋หลี่เหอเจ๋อขมวดเล็กน้อย เขาพูดขึ้นเสียงเย็น “คืนเมื่อวาน เจ้าเป็นคนยั่วข้าเอง”
“เจ้ามีหลักฐาน ?”
“หากข้าบังคับฝืนใจเจ้า แล้วไฉนร่างกายเจ้าถึงไม่มีบาดแผล”
เฟิงอู๋โยวพูดไม่ออก นางเกลียดไป๋หลี่เหอเจ๋อเข้าไส้
แต่นางในตอนนี้มีอาการปวดท้องและอาจเป็นลมได้ทุกที่ทุกเมื่อ ในตอนที่หมดสภาพเช่นนี้ นางทำได้เพียงข่มกลั้นความโกรธและปล่อยให้ไป๋หลี่เหอเจ๋อพยุงนางต่อไป
ตอนนี้ จี้มั่วอิ้นเหรินถูกเหล่าขันทีต้อนรับเข้าสู่ตำหนักพระที่นั่งสูงสุดอย่างประคบประหงม
แต่ที่แตกต่างจากปกติก็คือข้างๆ จี้มั่วอิ้นเหรินมีนางสนมรูปงามมาด้วย
ทุกคนในตำหนักพระที่นั่งสูงสุดล้วนหันไปมองนางสนมข้างๆ จี้มั่วอิ้นเหริน
ทุกคนต่างคิดว่านางสนมคนนี้น่าจะเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของจี้มั่วอิ้นเหริน ถ้านางโชคดีตั้งครรภ์ทายาทมังกรขึ้นมา นางจะสามารถบินขึ้นสู่กิ่งก้านแห่งพญาหงส์และกลายเป็นนางสนมคนโปรดแห่งวังหลัง ผู้ที่ได้รับพระกรุณาจากฮ่องเต้แต่เพียงผู้เดียว
ดังนั้น ทันทีที่นางสนมผู้นี้เข้าสู่ตำหนัก นางจึงกลายเป็นหนามยอกอกข้างสตรีหลายคนทันที
จี้มั่วอิ้นเหรินเดินเอามือไพล่หลัง เยื้องย่างเข้าสู่ท้องพระโรง เขาไม่สนใจจี้มั่วจื่อเฉินกับเย่เชี่ยวที่กำลังต่อสู้และกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งบนพื้นพระเบื้อง
เมื่อเดินมาด้านหน้าเฟิงอู๋โยว เขาจงใจหยุfฝีเท้าและมองใบหน้าอันซีดเซียวของเฟิงอู๋โยวความประหลาดใจ “แม่ทัพเฟิง ไฉนสีหน้าของเจ้าถึงแย่ขนาดนี้ หากเจ้ารู้สึกไม่สบาย สามารถไปที่พักผ่อนที่ตำหนักด้านข้างได้ แล้วอีกประเดี๋ยวข้าจะรีบตามแพทย์หลวงไปรักษาเจ้า”
ทันทีที่จี้มั่วอิ้นเหรินพูดขึ้น นอกจากจี้มั่วจื่อเฉินกับเย่เชี่ยวที่ยังฟัดเหวี่ยงกันอยู่ บรรยากาศพลันเงียบสงัดลง พวกเขาทั้งหมดพากันกลั้นหายใจและมองไปที่เฟิงอู๋โยวในสภาพอิดโรยเหมือนใบหลิวลู่ลม
เนื่องจากเฟิงอู๋โยวไม่ต้องการเปิดเผยเพศสภาพของตัวเอง จึงไม่ต้องการให้แพทย์หลวงรักษาให้
นางส่ายหน้าปฏิเสธ “หาใช่เรื่องใหญ่ไม่ รบกวนฝ่าบาทแล้วขอรับ”
เมื่อเห็นว่าอาการของเฟิงอู๋โยวผิดปกติ ฟู่เย่เฉินจึงรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างและลากไป๋หลี่เหอเจ๋อออกมา
เขาลดเสียงลง “อาเจ๋อ หากไม่ได้ใจนางมา ก็ไม่จำเป็นต้องลงมือกับนางอย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้”
ดวงตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อฉายแววเป็นปรปักษ์เข้มข้นขึ้น “หากข้าไม่ได้ จวินมั่วหรันก็อย่าหวังว่าจะได้”
“อาเจ๋อ ความรักคือความสมหวัง หาใช่การบังคับขู่เข็ญ”
“ถ้านางยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ข้าก็พร้อมจะรักนางอย่างสุดหัวใจ”
“อาเจ๋อ หันกลับยังเป็นฝั่ง เจ้าทรมานนางจนมีสภาพขนาดนี้ แล้วยังหวังให้นางรักเจ้าอย่างสุดหัวใจอีกหรือ”
ฟู่เย่เฉินมองเฟิงอู๋โยวที่นิ่งเงียบไร้คำเอ่ย ดวงตาเล็กเฉี่ยวของเขาเต็มไปความปวดใจ
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจวินมั่วหรัน ไฉนถึงนิ่งเฉยและทนมองเฟิงอู๋โยวถูกบีบบังคับ ถูกรังแกต่อหน้าต่อตาได้แบบนี้ได้
แต่หารู้ไม่ จากมุมมองของจวินมั่วหรัน จวินมั่วหรันเห็นว่าเฟิงอู๋โยวเป็นฝ่ายเต็มใจอยู่ในอ้อมกอดของไป๋หลี่เหอเจ๋อ เขามองสถานการณ์ไม่ออก เห็นเพียงพวกเข้าทั้งสองพึ่งพาซึ่งกันและกัน
จี้มั่วอิ้นเหรินชำเลืองมองเฟิงอู๋โยวอย่างเป็นกังวล ขณะกำลังจะออกคำสั่งตามแพทย์หลวง นางสนมที่อยู่ข้างหลังก็ดึงแขนเสื้อของเขาอย่างถูกเวลา นางเอ่ยเสียงแผ่ว “ฝ่าบาทเจ้าคะ ฤกษ์งามยามดีมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม”
จี้มั่วอิ้นเหรินแสดงความไม่พอใจ แต่ก็ตอบกลับไปเสียงทุ้ม
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบนางสนมนามว่าชูชูที่พระพันปีหลวงเห่อเหลียนหามาให้เขา
อย่างไรก็ตาม ชูชูเป็นถึงคนที่พระพันปีหลวงเห่อเหลียนส่งมา
จี้มั่วอิ้นเหรินไม่อยากทำให้นางเสียหน้าต่อหน้าทุกคน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสะกดความกังวลที่มีต่อเฟิงอู๋โยวลง
เขาเดินขึ้นบันไดด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ครั้นสะบัดชายแขนเสื้อกว้าง หัวหน้าขันทีเข้าใจขึ้นทันที จากนั้นก็กล่าวเปิดงานด้วยเสียงแหลมสูง
หลังจากได้ยินเสียงประกาศ ในที่สุดจี้มั่วจื่อเฉินกับเย่เชี่ยวก็หยุดสู้กัน
พวกเขานั่งทรุดลงกับพื้นและพากันหอบอย่างหนัก
หลังจากการต่อสู้ประชิดตัวครั้งนี้ อาจเป็นเพราะจี้มั่วจื่อเฉินไม่ได้ออกไปเที่ยวเสพสุขตั้งแต่ติดโรคมา จึงเป็นเหตุให้ความปรารถนาของเขาถูกกระตุ้นโดยเย่เชี่ยวผู้ที่ทั้งอารมณ์ร้ายและเจ้าเล่ห์
เมื่อเห็นเย่เชี่ยวร้องไห้ เขาก็ทำตัวอ่อนโยนขึ้นและเกลี้ยกล่อมนางด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ “เจ้าตบข้าไม่ต่ำกว่าสองร้อยครั้ง แต่ข้าไม่คิดจะสู้กลับ เจ้ายังรู้สึกไม่เป็นธรรมอีกหรือ”
“จี้มั่วจื่อเฉิน เจ้ามันไร้ยางอาย!”
เย่เชี่ยวมุ่ยปาก เมื่อนึกถึงสภาพตัวเองตอนถูกเขากดต่อหน้าผู้คนมากมายก็รู้สึกอายจนโกรธจัด
แม้ว่านางจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า
แต่ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยังเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน แล้วนางจะทนรับกับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้เยี่ยงไร
“ขืนร้องไห้ขึ้นอีก! เชื่อหรือไม่ว่าข้าผู้นี้สามารถจับเจ้าอภิเษกสมรสได้ทันที” จี้มั่วจื่อเฉินกัดฟันขู่นางอย่างหมดความอดทน
ในที่สุดเย่เชี่ยวก็สงบลง นางมองจี้มั่วจื่อเฉินอย่างหวาดกลัวอยู่ในใจ
ทางฝั่งของไป๋หลี่เหอเจ๋อ เมื่อรับรู้ว่าร่างกายของเฟิงอู๋โยวผิดปกติ ก็ไม่อยากสร้างความลำบากในให้นางในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับฟู่เย่เฉิน
หยุนเฟยไป๋มองเฟิงอู๋โยวอย่างแน่นิ่ง ดวงตาสีม่วงอันน่าหลงใหลเป็นประกาย
เขายืนขึ้นและถือจอกสุราในมือเดินมาหาเฟิงอู๋โยว
“แม่ทัพเฟิง ข้าขอโทษกับเรื่องที่ทำให้เจ้าขุ่นเคืองเมื่อวานนี้”
“ไม่เป็นไร”
เฟิงอู๋โยวตอบกลับเรียบง่าย
หยุนเฟยไป๋กระดกสุราดื่มหมดจอก แต่กลับเห็นเฟิงอู๋โยวนั่งนิ่งเฉยอยู่บนที่นั่ง ครั้นแล้ว จึงถามนางอย่างขุ่นเคือง “แม่ทัพเฟิงช่างหยิ่งผยอง! ทั้งที่ข้าดื่มสุราคาราวะ แต่เจ้ากลับนั่งแน่นิ่งไม่คิดดื่มกลับ”
เฟิงอู๋โยวไม่อยากให้เกิดปัญหาในงานเลี้ยงบัณฑิต แต่ชุดของของนางเต็มไปด้วยเลือด นางจึงไม่สามารถยืนขึ้นได้
พระพันปีหลวงเห่อเหลียนเหลือบมองเฟิงอู๋โยวด้วยความไม่พอใจ น้ำเสียงเจือแววอำนาจที่ไม่อาจมีใครเพิกเฉยดังขึ้น “แม่ทัพเฟิง ไฉนเจ้าถึงไม่รีบลุกขึ้นดื่มให้องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉิน”
ในเมื่อพระพันปีหลวงเห่อเหลียนทรงตรัสขึ้นเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าเฟิงอู๋โยวไม่อาจนิ่งเฉยได้
หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงอู๋โยวจึงเค้นพลังทั้งหมดขึ้นมา มือทั้งสองข้างค้ำโต๊ะเอาไว้และพยายามยืนขึ้นอย่างมั่นคง
นางหันไปด้านข้างเล็กน้อย ใบหน้าซีดเซียวของนางปรากฏขึ้นในสายตาของจวินมั่วหรันอย่างเด่นชัด
จากนั้น จวินมั่วหรันก็ตระหนักว่าอาการปวดท้องของเฟิงอู๋โยวนั้นร้ายแรงมาก เขารู้สึกปวดใจเป็นที่สุด
เขาลุกขึ้นเดินไปหาเฟิงอู๋โยวและพยุงร่างกายของนางที่เย็นสะท้านไปทั่วทั้งร่างทันที
รอยยิ้มมุมปากของหยุนเฟยไป๋ลุ่มลึกขึ้น “ให้เขาดื่มให้ข้าสักจอกเองไม่ใช่หรือ เซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินไม่จำเป็นต้องใจแคบขนาดนี้ก็ได้”
เขาจ้องมองหยุนเฟยไป๋ที่จงใจหาเรื่องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนพูดเน้นทีละคำ “คนของข้าไม่ดื่มให้ใครทั้งนั้น”
