วันนี้นางยังต้องไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ายามเช้าที่เรือนฉือหย่าง จำเป็นต้องนอนพักเอาแรงกลับมาเล็กน้อยค่อยว่ากัน
หนิงเซ่าชิงกระซิบสั่งชูอีกับสืออู่ให้ตักน้ำมา ตนเองจะปรนนิบัติเอง เช็ดมือเช็ดหน้าให้มั่วเชียนเสวี่ยเรียบร้อยแล้ว ก็ห่มผ้าให้นาง แต่ตนเองกลับไม่ได้นอน
เขาเหน็บชายผ้าห่ม แล้วจุมพิตลงบนหน้าผากมั่วเชียนเสวี่ยแผ่วเบา ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
เรื่องแรกที่หนิงเซ่าชิงทำหลังจากออกไปก็คือ สั่งไม่ให้ทุกคนไปรบกวนการพักผ่อนของมั่วเชียนเสวี่ย
เรื่องที่สองก็คือ ให้คนรีบไปแจ้งหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนมาปรึกษาหารือที่เรือนหลัก และเชิญต้าจงเหล่าที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งในการจัดการดูแลเรื่องต่างๆ ของตระกูลสองสามคนมาประชุมกันที่เรือนหลักในคืนนั้น
เรื่องนี้ควรจัดการโดยเร็วที่สุด ไม่ควรล่าช้าจนกลายเป็นผู้ถูกกระทำ
สมุดเล่มเล็กๆ เล่มนี้สามารถแลกเปลี่ยนหรือสร้างความสงบให้กับตระกูลหนิงหลายสิบปี จำเป็นต้องจัดการให้เหมาะสม
อีกอย่าง เขาก็จำเป็นต้องให้พวกเขาได้รู้คุณค่าของมั่วเชียนเสวี่ย!
ฟ้าสว่างอย่างรวดเร็ว!
กำหนดระยะเวลาสามวันถึงแล้ว คนที่เคี่ยวน้ำแกงไก่ก็ตายแล้วเช่นกัน เบาะแสขาดหาย ฮูหยินผู้เฒ่าจึงตรวจสอบอันใดไม่เจอ แต่นางเคยบอกว่าจะมีคำอธิบายให้มั่วเชียนเสวี่ย ย่อมต้องมีคนโชคร้ายเป็นธรรมดา
เพียงแต่ นางเฝ้ารอมั่วเชียนเสวี่ยแต่เช้าตรู่ ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยก็ยังไม่มา จึงสั่งให้สาวใช้ไปถ่ายทอดวาจา แต่ก็ถูกขวางเอาไว้นอกเรือน
ฮูหยินผู้เฒ่ากินอาหารเช้าเสร็จ จัดการงานที่อยู่ในมือของเรือนหลังเรียบร้อยแล้ว ก็สั่งฉือหมัวมัว “เจ้าไปถ่ายทอดวาจาอีกรอบ หากนางไม่กล้าออกมา ก็เปลี่ยนให้ข้าที่เป็นฮูหยินผู้เฒ่าไปคารวะนางผู้เป็นหลานสะใภ้ยามเช้าแทน”
ฉือหมัวมัวรับคำสั่งแล้วเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังเรือนจื่อจู๋หว่าน แต่กลับถูกผัวจื่อที่เฝ้าอยู่ข้างนอกขวางเอาไว้นอกเรือนอย่างไม่ยอมให้เข้าไป บอกว่าฮูหยินกำลังพักผ่อน หัวหน้าตระกูลไม่ให้ใครไปรบกวน
ฉือหมัวมัวปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่ามาหลายสิบปี มีสถานการณ์ใดบ้างที่ไม่เคยพบ ไม่เคยมีใครกล้าขวางทางนาง และยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องไม่ให้นางเข้าเรือนไปถ่ายทอดวาจาเลย
จึงผลักผัวจื่อผู้นั้นไปอีกด้านแล้วเข้าไปทันที
ความจริงแล้ว ผัวจื่อเห็นว่าคนที่มาไม่ใช่สาวใช้ที่มาถ่ายทอดวาจาก่อนหน้านี้ ทั้งยังเห็นฉือหมัวมัวมีสีหน้าไม่พอใจ จึงแค่ทำพอเป็นพิธีเท่านั้น
นางเข้าประตูเรือนไป ก็เดินเข้าไปข้างใน โดยไม่รอให้จื่อจิงกับสาวใช้อีกคนที่ยืนเฝ้าอยู่ในห้องโถงได้สติคืนมา
เรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งนาง นางไม่เคยทำไม่สำเร็จ นางจะให้ฮูหยินผู้เฒ่าลดฐานะมาถึงเรือนของหลานสะใภ้ด้วยตนเองได้อย่างไร
ดังนั้น มั่วเชียนเสวี่ยจึงโชคร้ายยิ่ง ความขัดแย้งของฮูหยินผู้เฒ่ากับมั่วเชียนเสวี่ยปรากฏขึ้นซึ่งๆ หน้า
และมีความเป็นไปได้อีกทางหนึ่งคือ ฮูหยินผู้เฒ่าจะถูกคนบอกว่าเป็นถึงผู้อาวุโสแต่ไม่รู้จักเคารพตนเอง ตั้งใจทำให้ผู้เยาว์ลำบากใจ…
ภายในเรือนมีซุนหลินหลิน เยวี่ยเซี่ยและเหล่าคนที่มีความคิดฉลาดเฉียบแหลม
“ฉือหมัวมัวโปรดรอก่อน”
“ข้ามาถ่ายทอดวาจาของฮูหยินผู้เฒ่า เจ้าไปแจ้งฮูหยินหน่อย”
ฉือหมัวมัวผลักซุนหมัวมัวออกไป แต่กลับถูกเยวี่ยเซี่ยขวางเอาไว้ “ฉือหมัวมัว โปรดตอบกลับฮูหยินผู้เฒ่าว่า วันนี้ฮูหยินของพวกข้าสุขภาพไม่ค่อยดี…”
ฮูหยินไม่ได้นอนมาสามวัน จึงเหนื่อยมากเกินไปแล้วจริงๆ
ข้างกายเยวี่ยเซี่ยมีชูอียืนอยู่ นางถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ โชคดีที่นางให้สืออู่ไปพักผ่อนก่อน รอพักเสร็จ ตอนบ่ายค่อยมารับช่วงต่อจากนาง ข้างกายคุณหนูต้องมีหนึ่งในพวกนางอยู่ด้วย นางถึงจะวางใจ
หากสืออู่อยู่ที่นี่ เห็นมีคนบุกเข้ามาโดยไม่ถามสาเหตุเรื่องราว หมัดคงพุ่งไปทักทาย โดยไม่สนใจว่านางเป็นใครแต่แรกแล้ว
ฉือหมัวมัวไม่รอให้เยวี่ยเซี่ยเอ่ยจบ ก็ตวาดเสียงดังว่า “เจ้าจะนับเป็นตัวอะไรได้ ตอนนี้กระทั่งวาจาของฮูหยินผู้เฒ่าก็กล้าที่จะไม่ฟังแล้ว หรือว่ามีฮูหยินสนับสนุนอยู่ จึงไม่เห็นวาจาของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ในสายตา”
นางไม่เชื่อหรอกว่า เสียงนางดังขนาดนี้แล้ว คนในห้องจะไม่ได้ยิน
สตรีผู้นี้เพิ่งจะแต่งเข้าตระกูลมาได้ไม่กี่วัน ก็มีความกล้ายิ่ง กระทั่งวาจาของฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังสามารถทำหูทวนลมได้ หากใจกว้างปล่อยปะละเลยต่อไป นางก็จะยิ่งกำเริบเสิบสานมากยิ่งขึ้น
เยวี่ยเซี่ยอาศัยอยู่ในจวนหนิงนานแล้ว จึงถูกอำนาจของฉือหมัวมัวทำให้ตื่นตกใจ สำลักจนเงียบปาก
ชูอีกลับทนไม่ได้บ้างแล้ว
ปกติแม้นางจะสุขุม แต่ว่าสงสารคุณหนูมากจริงๆ ดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า “แล้วท่านนับเป็นตัวอันใด ถึงกับกล้าไม่เห็นฮูหยินอยู่ในสายตา…”
ฉือหมัวมัวไม่เคยขายหน้าต่อหน้าดรุณีน้อยเช่นนี้มาก่อน จึงง้างฝ่ามือสะบัดลงไป
ชูอีเคยฝึกวรยุทธ์ ฉือหมัวมัวก็ติดตามอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าตั้งแต่เยาว์วัย จึงเคยฝึกวรยุทธ์มาเช่นกัน
เพียงแต่ว่า ฉือหมัวมัวอายุมากแล้ว ทั้งยังอาศัยอยู่ในเรือนหลังเป็นเวลานาน ชูอีลงมือรวดเร็ว ดังนั้นมือของฉือหมัวมัวจึงถูกชูอีจับเอาไว้แน่น
ข้อมือฉือหมัวมัวถูกชูอีจับเอาไว้จนเจ็บ จึงคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้งทันที
นางง้างมืออีกครั้งแล้วสะบัดลงไป!
แต่กลับถูกมืออีกข้างของชูอีคว้าหมับเข้าให้
ชูอีอดทนแล้วอดทนอีก ถึงไม่ได้สะบัดฝ่ามือตบลงบนใบหน้าของฉือหมัวมัว
นางกลัวว่าตนเองจะสร้างปัญหาให้นายหญิงเพิ่ม!
ซุนหมัวมัวอาศัยอยูในจวนหนิงมานานแล้ว ย่อมรู้ความโหดเหี้ยมของฉือหมัวมัว จึงขวางชูอีเอาไว้ “เจ้าน่ะหุนหันพลันแล่น เจ้ารู้ไหมว่าคนตรงหน้าคือใคร อย่าคิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้ที่เป็นสินสอดแต่งงานของฮูหยินแล้ว เจ้าจะทำตัวไร้กฎเกณฑ์ได้ และอย่านำคำสั่งของนายหญิงมาทำตามอำเภอใจ…”
แต่ละประโยคในวาจานี้ตำหนิชูอี แต่ทุกๆ ประโยคกลับตำหนิฉือหมัวมัวเช่นกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่อย่างไรเสียเบื้องหลังฮูหยินก็ยังเป็นหัวหน้าตระกูล เรือนแห่งนี้ไม่ได้เป็นของฮูหยินเท่านั้น แต่ยังเป็นของหัวหน้าตระกูลด้วย หากนางยังทำตัวกำเริบเสิบสานที่นี่จนเรื่องวุ่นวายใหญ่โต ก็ต้องแบกรับผลที่ตามมาเช่นเดียวกัน
ชูอีเข้าใจความหมายโดยนัยของวาจานี้ จึงไม่เอ่ยอันใดอีก
ซุนหมัวมัวหันหน้าไปทำสีหน้าขอโทษต่อฉือหมัวมัวอย่างระมัดระวัง พลางเอ่ย “พวกเราไม่กล้ามีความคิดเช่นนั้น เพียงแต่ฮูหยินไม่ได้นอนมาหลายวัน เพิ่งจะนอนหลับไปเมื่อเช้าวันนี้ และก็เป็นคำสั่งของหัวหน้าตระกูล สาวใช้ผัวจื่อกลัวว่าจะทำให้ฮูหยินตกใจจนต้องรับผิดชอบ รอฮูหยินตื่นแล้ว ก็จะไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ายามเช้าและกล่าวขอโทษนางด้วยตนเอง”
คนเราไม่อาจลงไม้ลงมือกับผู้ที่ทำดีด้วยได้ ฉือหมัวมัวจึงไม่สะดวกที่จะทำเกินไปเช่นกัน
ซุนหมัวมัวเห็นฉือหมัวมัวไม่ยอมไป ก็เอ่ยว่า “ฉือหมัวมัว ข้าจะตามท่านไปตอบกลับวาจาของฮูหยินผู้เฒ่ากับท่าน”
นางรับคำสั่งจากหัวหน้าตระกูล บอกว่าไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนการพักผ่อนของฮูหยินในเรือนจื่อจู๋หว่าน
ฉือหมัวมัวมีฮูหยินผู้เฒ่าสนับสนุน แต่ฮูหยินผู้เฒ่าจะยังมีหน้ามีตาได้อีกกี่ปี ถึงตอนนั้นจวนแห่งนี้ จะไม่ใช่ฮูหยินที่มีอำนาจตัดสินใจหรอกหรือ ตอนนี้นางไม่ออกหน้าปกป้องฮูหยิน แล้วจะรอถึงตอนไหน
สนทนากันไปมาเช่นนี้ เสียงจึงดังเล็กน้อย บวกกับมั่วเชียนเสวี่ยก็นอนไปหลายชั่วยามแล้ว ความหิวท้องทำให้นางหิวจนตื่นพอดี
“ข้างนอกเป็นใครกัน”
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้พักผ่อนให้ดีมาหลายวัน ตอนนี้เพิ่งจะตื่น จึงคัดจมูกเป็นธรรมดา เสียงก็อู้อี้เล็กน้อย ทำให้ฉือหมัวมัวฟังออกถึงอาการป่วย จึงเกิดความลังเลขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
ซุนหมัวมัวรีบตอบ “เรียนฮูหยิน ฉือหมัวมัวมาถ่ายทอดวาจาเจ้าค่ะ บอกว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีเรื่องสำคัญ เชิญฮูหยินไปที่เรือนสักรอบ”
มั่วเชียนเสวี่ยมองแสงบนท้องฟ้า ก็รู้ว่าตนเองเข้าใจเวลาผิด
เห็นอยู่ชัดๆ ว่า ก่อนนางนอน ได้บอกกับเยวี่ยเซี่ยให้ปลุกตนเองตื่นยามเฉิน[1] สาวใช้นางนั้นไม่กล้าตัดสินใจเองโดยพลการ เกรงว่าคงเป็นหนิงเซ่าชิงที่ไม่ให้ปลุก
มั่วเชียนเสวี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พอจะคาดเดาความเป็นมาของเรื่องราวได้แปดเก้าส่วนแล้ว
[1] ยามเฉิน คือเวลา 07.00 – 08.59 น.