ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 4 Side Story 3-3

ภาค 2 เล่ม 4 Side Story 3-3

ในขณะที่เดินผ่านประตูหน้าบ้านที่มืดสนิทเข้ามา อีอูยอนก็นึกถึงอินซอบในวันนั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

แก้มที่เปื้อนทรายกับเส้นผมที่ถูกลมทะเลทำให้ยุ่งเหยิง สันจมูกที่แดงระเรื่ออยู่ใต้ดวงอาทิตย์ของชายหาด

ทุกอย่างชัดเจนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน และเป็นเช่นนั้นทุกช่วงเวลา หากนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่กับอินซอบ เขาจะสามารถพรรณนาได้อย่างครบถ้วนราวกับมีใครกรอม้วนฟิล์มอยู่ในหัวของเขา

[วันนี้ผมไปเที่ยวที่น้ำตกกับถ้ำมาครับ คนเยอะจริงๆ]

อีอูยอนอ่านข้อความของอินซอบที่ได้รับเมื่อสักครู่นี้อีกครั้ง ด้านล่างข้อความนั้นมีรูปของอาหารและสถานที่ที่อินซอบไปวันนี้แนบไว้ยาวเป็นพืด

อินซอบมักจะส่งรูปที่ตัวเองถ่ายมาให้ทุกครั้งที่มีเวลา อีอูยอนคิดว่าจะขอให้ส่งรูปของเจ้าตัวมาให้ เพราะเขาไม่ได้มีความสนใจในรูปวิวเลยสักนิดเดียว แต่แล้วเขาก็ส่งกลับไปด้วยประโยคที่เขาไม่ได้อยากพูดด้วยซ้ำว่า “เยี่ยมไปเลยนะครับ”

แม้จะอยากติดต่อไปหาทั้งวัน แต่เขาก็ควบคุมจิตใจเอาไว้ให้ได้มากที่สุด อินซอบให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์ของครอบครัวมากที่สุด และเพราะเขารู้เรื่องนั้นดี เขาจึงพยายามที่จะไม่ติดต่อไปตอนที่อีกฝ่ายอยู่กับครอบครัว

ขณะที่เดินเข้าไปในห้องหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เขาก็พบกับแมวที่นอนไม่ขยับอยู่หน้าประตูห้องของอินซอบ พอสบตากับอีอูยอน แมวก็สะดุ้งและพยายามจะหนีพร้อมกับร้องด้วยเสียงเล็กๆ ว่า เหมียว อีอูยอนไม่สนใจและเดินเข้าห้องของตัวเองไป

แม้จะนอนและพยายามที่จะหลับ แต่กลับไม่ง่วง เขาตั้งใจว่าจะเดินไปเอาน้ำด้วยความคิดที่ว่าคงต้องกินยา แต่แล้วก็พบกับแมวที่ยังคงยืนเฝ้าอยู่ที่เดิม เมื่อวานแมวก็เฝ้าอยู่หน้าห้องของอินซอบทั้งคืน ดูเหมือนว่ามันจะคิดว่าเจ้าของถูกขังอยู่ในห้อง

อีอูยอนคิดว่าให้มันเข้าไปเช็กเองน่าจะดีกว่า และเปิดประตูห้องของอินซอบ แมวรีบวิ่งเข้าไปในห้องราวกับกำลังรออยู่

“เหมียว เหมียว เหมียว”

ในขณะที่ร้องด้วยเสียงที่เล็กและแผ่วเบาอยู่หลายครั้ง เจ้าแมวก็เดินกะเผลกๆ ไปรอบๆ ห้องในสภาพที่หูตกอย่างห่อเหี่ยว และในตอนที่เห็นอีอูยอนมันก็ถอยห่างออกไปจนชิดกับฝั่งตรงข้ามของประตู และรีบออกไปข้างนอก

อีอูยอนกำลังจะปิดประตู แต่แล้วเขาก็ชะงักและมองไปรอบห้องของอินซอบ บรรยากาศของห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อยและนุ่มนวลซึ่งได้ตกแต่งไว้ตามนิสัยของเจ้าตัวทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ดวงตาของเขา เขาเดินเข้าไปในห้องของอีกฝ่าย บนโต๊ะเขียนหนังสือมีรูปครอบครัววางเรียงกัน ใบหน้าของอินซอบที่ถ่ายรูปกับพ่อแม่และญาติ ถ่ายรูปกับพี่น้อง และถ่ายรูปกับสุนัขยังคงยิ้มอยู่เสมอ อีอูยอนหยิบกรอบรูปขึ้นมาทีละอัน และสำรวจรูปของอินซอบตอนเด็ก แล้วเขาก็เจอรูปของตัวเองที่ถูกวางไว้เป็นรูปสุดท้าย

เป็นรูปที่ถูกถ่ายในพิธีมอบรางวัล ด้านหลังของอินซอบโผล่ออกมาข้างๆ เขาที่อยู่ในชุดทักซิโด้ เป็นภาพที่ถ้าไม่มองอย่างละเอียดก็จะไม่มีทางรู้ว่าเป็นอินซอบ อีกฝ่ายยังตัดเอารูปที่ลงนิตยสารมาเก็บใส่กรอบไว้ด้วย เขารู้สึกว่าแม้แต่การกระทำที่เหมือนคนโง่ก็ยังน่ารัก

อีอูยอนกลั้นเสียงหัวเราะอย่างขมขื่นไว้พร้อมกับวางกรอบรูปลง ตอนนั้นเองโทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าก็เริ่มส่งเสียงร้อง

อินซอบนั่นเอง

“ฮัลโหล”

[นอนอยู่เหรอครับ]

“เปล่าครับ”

อีอูยอนเดินไปที่เตียงของอินซอบ และนั่งลงอย่างหมิ่นเหม่

[กำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ]

“อยู่เฉยๆ ครับ ไปเที่ยวสนุกไหมครับ”

เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะตอบกลับมาว่าสนุกทันที แต่อินซอบกลับอ้ำอึ้ง และพูดว่า ‘ก็งั้นๆ ครับ’

“ทำไมล่ะครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหนใช่ไหมครับ”

[เปล่าครับ ผมไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหนครับ ก็แค่…]

พออินซอบไม่ยอมพูด อีอูยอนจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“คิดถึงแมวเหรอครับ”

[ครับ ผมเป็นห่วงจอห์น เอ่อ ครับ! อยู่นี่ครับ!]

อินซอบรีบบอกตำแหน่งของตัว เพราะแอบออกมา

“เข้าไปเถอะครับ ท่านคงจะเป็นห่วง”

[พรุ่งนี้ผมจะติดต่อมาใหม่ครับ รีบนอนนะครับ]

“อือ”

อีอูยอนยิ้มอย่างนุ่มนวลก่อนจะวางสายไป เขาวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัว และนอนแผ่บนเตียงของอินซอบ ผ่านไปไม่นานก็มีข้อความจากอินซอบเข้ามา

[ผมเศร้านิดหน่อยเพราะคิดถึงคุณอีอูยอนมาก แต่ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้วครับ ฝันดีนะครับ]

นอกจากคำพูดที่ไม่กล้าพูดให้ฟังแล้ว ยังมีการบอกราตรีสวัสดิ์ด้วย

อีอูยอนยิ้มพร้อมกับนอนหนุนหมอนของอินซอบ และวันที่สามที่เขาไม่สามารถนอนหลับลงได้ก็กำลังจะผ่านไป

***

อีอูยอนเดินเข้ามาในห้องแมวเพื่อให้อาหารตามคำขอร้องของอินซอบและมองที่ชามข้าว จากนั้นเขาก็ทำขมวดคิ้ว วันนี้อาหารแทบจะไม่ลดลงไปเลยเช่นเดียวกับเมื่อวาน นอกจากนั้นน้ำในถ้วยน้ำก็ลดไปเล็กน้อยเช่นกัน

อีอูยอนเทน้ำและอาหารออกจากถ้วยน้ำและชามข้าวก่อนจะเติมอาหารและน้ำลงไปอีกครั้ง เขาหยิบถ้วยอีกใบอีกมา และเทอาหารชนิดอื่นลงไปเผื่อเอาไว้

เขาไม่ได้เป็นห่วงแมว แต่ไม่ชอบที่อินซอบต้องกังวลต่างหาก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะออกไปข้างนอกด้วยคิดว่าจะไปวิ่งที่ริมแม่น้ำ แต่แล้วเขาก็เห็นว่าแมวกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าประตูห้องของอินซอบ

แมวที่อินซอบเลี้ยงมักจะซ่อนอยู่ที่ไหนสักที่ และไม่ปรากฏตัวให้เห็นหากเจ้าของไม่อยู่บ้าน ทั้งยังรีบหนีทันทีเมื่อเจออีอูยอน มันเป็นแมวที่เหมาะสมกับอีอูยอนมาก เพราะเขาไม่รู้สึกเลยสักนิดว่ามันอยู่ด้วย

“เหมียววว”

แมวร้องเสียงยาวเมื่อเห็นอีอูยอน หากดูจากการที่มันไม่ตัวสั่นเทาและหนีไปเพราะความกลัวแล้ว มันคงคิดถึงเจ้าของพอสมควร

อีอูยอนเปิดประตูห้องของอินซอบให้ และออกไปออกกำลังกายทันที ตอนที่กลับมาถึงบ้านหลังจากที่วิ่งที่ริมน้ำได้สองสามชั่วโมง เขาก็ไม่เห็นเจ้าแมว

หลังจากอาบน้ำกินยาเสร็จ และกำลังจะเตรียมตัวเข้านอน เขาก็ได้ยินเสียงดัง โครม เสียงนั้นดังมาจากห้องของอินซอบ

ตอนที่อีอูยอนเดินเข้าไป กรอบรูปที่เคยวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือก็ตกลงมาบนพื้น และกระจัดกระจายไปทั่ว แมวที่ก่อเรื่องสะดุ้งตัวแข็งด้วยความตกใจ

อีอูยอนหยิบกรอบรูปขึ้นมา แล้วทำไมจะต้องเป็นกรอบรูปที่ใส่รูปของเขาไว้ด้วย กรอบรูปหักออกเป็นสองส่วน และไม่สามารถประกอบติดกันได้แล้ว เขาวางมันทิ้งไว้บนโต๊ะอย่างลวกๆ และกำลังจะออกไปจากห้อง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอ้วกจากทางด้านหลัง

แมวกำลังโก่งคออ้วกอยู่ มันอาเจียนอยู่หลายครั้งและตัวสั่นน้อยๆ อีอูยอนถอนหายใจ และไปหยิบกระเป๋าสำหรับใส่แมวที่อยู่ในห้องของแมวมา พอยื่นมือออกไป แมวก็ตกใจและถอยหนีไปข้างหลัง หลังจากจับแมวมาใส่กระเป๋าได้ก่อนที่มันจะหนีไปแล้ว เขาก็ค้นหาโรงพยาบาลรักษาสัตว์และขับรถไป

หลังจากยื่นแมวให้สัตวแพทย์ เขาก็นั่งรอผลอยู่ที่เก้าอี้ ผ่านไปไม่นานสัตวแพทย์ที่ตรวจอาการของแมวเสร็จแล้วก็ปรากฏตัว

“ไม่ต้องกังวลไปนะคะ พวกแมวมักจะเลียขนของตัวเองเข้าไปก็เลยอ้วกออกมาน่ะค่ะ เราเรียกว่า แฮร์บอล”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

พออีอูยอนเอ่ยตอบ สัตวแพทย์ก็พูดว่า “ว่าแต่” และมองหน้าของอีอูยอนอย่างถี่ถ้วน

“ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ แต่พอได้ยินเสียงแล้วก็รู้ทันทีเลยค่ะ คุณอีอูยอนใช่ไหมคะ”

อีอูยอนยิ้มส่งๆ ให้โดยไม่ตอบอะไร

“คุณอีอูยอนเลี้ยงแมวด้วยเหรอคะ”

“เจ้าของแมวไปเที่ยวก็เลยฝากผมไว้สักพักน่ะครับ”

“อย่างนั้นเหรอคะ แต่ดูเหมือนมันจะตกใจมากเลยนะคะ ตัวสั่นมากเลย”

แมวกลัวอีอูยอนตั้งแต่วันแรกที่มาถึงบ้าน มันเป็นแมวที่มีสัญชาตญาณในการเอาตัวร้อนที่ดีเยี่ยม

“หลังจากที่เอกซเรย์ดูแล้ว หมอเห็นว่ากระเพาะกับลำไส้สะอาดมากเลย ช่วงสองสามวันมานี้แมวไม่ยอมกินข้าวเหรอคะ”

ชามอาหารยังอยู่ในสภาพเดิมมาสองวันแล้ว

“ไม่ยอมกินอาหารมาประมาณสองวันแล้วครับ”

หมอพยักหน้าให้กับคำตอบของอีอูยอน

“บางครั้งพวกแมวที่เซนซิทีฟจะไม่ยอมกินข้าวเมื่อเจ้าของไม่อยู่บ้านหรือไม่เห็นเจ้าของน่ะค่ะ มันคงจะคิดว่าตัวเองถูกทิ้ง”

อีอูยอนยิ้มอย่างขมขื่น ช่างเป็นความกังวลที่ไร้ประโยชน์ กับคนอื่นเขาไม่รู้ แต่ชเวอินซอบไม่มีทางทิ้งแมวที่ตัวเองเลี้ยงเด็ดขาด

“ให้น้ำเกลือสักถุงไหมคะ แมวจะได้ไม่เป็นโรคขาดสารอาหาร”

“ครับ เชิญเลยครับ”

อีอูยอนรอจนกว่าเจ้าแมวจะถูกให้สารอาหารเสร็จและกลับบ้าน พอเขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋า แมวก็ร้องอย่างอ่อนแรงและคลานไปที่ใต้เตียงของอินซอบ

อีอูยอนจัดการทำความสะอาดอ้วกแมว และกลับเข้าห้องของตัวเองไป

อาการปวดเส้นประสาทจี๊ดๆ เหมือนเป็นใบมีดกำเริบ เขากลืนยาลงไปและหลับตาลง ตามกำหนดการชเวอินซอบจะกลับมาในวันมะรืน

***

[จอห์น]

พอได้ยินเสียงของอินซอบจากหน้าจอ แมวที่กำลังซ่อนตัวอยู่ตรงซอกก็ร้องออกมาเบาๆ อีอูยอนจึงช่วยขยับกล้องไปทางนั้นให้

[‘จอห์น ทำไมถึงไม่ยอมกินข้าวล่ะ ได้ยินมาว่าเมื่อวานไปโรงพยาบาลมานี่]

แมวส่งเสียงร้องเหมียวยาวๆ อินซอบทำหน้าเหยเก เป็นใบหน้าที่บอกหากปล่อยเอาไว้ก็จะร้องไห้ในไม่ช้า

อีอูยอนยื่นมือออกไปจับแมวที่ซ่อนอยู่ตรงซอกมาโชว์อินซอบ พอได้เห็นแมว ใบหน้าของอินซอบก็ผ่อนคลายลง

[พรุ่งนี้ฉันจะกลับแล้ว นะ? พรุ่งนี้ฉันจะกลับแน่ๆ นายต้องกินข้าวนะ]

อินซอบพูดเสียงเบาราวกับเอ่ยปลอบเด็กที่ร้องไห้

[พรุ่งนี้ฉันจะกลับแน่ๆ ไม่ต้องกังวล แล้วก็กินข้าวให้หมดนะ เข้าใจไหม]

แมวร้องเหมียวสั้นๆ ราวกับบอกว่าเข้าใจคำพูดของอินซอบแล้ว

[ฉันจะไม่ไปไหนแล้ว จะไม่ไปเด็ดขาดเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะไม่ทิ้งนายไปไหนเด็ดขาด]

แม้จะรู้ว่าเป็นคำที่พูดกับแมว แต่อีอูยอนก็รู้สึกว่าความกังวลใจของตัวเองที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาได้คลายลง แล้วเขาก็ได้รู้ว่าคำพูดนั้นเป็นคำพูดที่ตัวเองอยากได้ยิน

เขายิ้มอย่างขมขื่น

เราอยู่ในระดับเดียวกับแมวเหรอเนี่ย คงไม่มีอะไรน่าสมเพชไปมากกว่านี้แล้วล่ะ

[ขอบคุณนะครับคุณอูยอน ขอบคุณจริงๆ ที่ช่วยดูแลจอห์น]

อีอูยอนพูดว่า “ไม่หรอก” พร้อมกับปล่อยแมวลงบนพื้น พอเห็นว่าแมวไม่สามารถก้าวลงบนพื้นได้ในครั้งเดียวและเดินเซเพราะขาที่ไม่สมประกอบ เขาก็คิดว่าเมื่อวานคงจะเป็นแบบนั้นจึงเกิดอุบัติเหตุสินะ

[คุณอูยอน]

อินซอบเอ่ยเรียกอีอูยอน

“ครับ”

[…]

พออินซอบเรียกและไม่ยอมพูดอะไร อีอูยอนก็เอียงคอ

“ทำไมเรียกแล้วไม่ยอมพูดล่ะครับ”

[…เพราะชอบครับ]

อินซอบพึมพำออกมาพลางหลุบตามองด้านล่างด้วยความเขิน

[พอเห็นหน้าคุณอูยอนแล้ว ผมก็คิดถึงคุณมากขึ้นไปอีกอย่างน่าประหลาดเลยครับ]

“…ให้ผมไปที่เกาะเชจูตอนนี้เลยไหมครับ”

พอได้ยินคำพูดพึมพำอย่างใจลอยของอีอูยอน อินซอบก็ถามกลับว่า “ครับ?” ด้วยความตกใจ

“ล้อเล่นครับ”

อีอูยอนเผยยิ้ม

“เพราะฉะนั้นรีบกลับมานะครับ”

[เข้าใจแล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งพ่อกับแม่ และกลับไปทันทีเลย]

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ”

อีอูยอนวางสาย จากนั้นก็เช็กเรือกับเครื่องบินเที่ยวสุดท้ายที่จะไปเกาะเชจู และสบถออกมาว่า “เหี้ยเอ๊ย”

แมวที่ตื่นตกใจหยุดนิ่งอยู่กับที่ราวกับเครื่องช็อต และเงยหน้ามองอีอูยอน จากนั้นก็รีบไปซ่อนตัวตรงซอกทันที

***

พอประตูหน้าบ้านเปิดออก อินซอบก็ลากกระเป๋าเดินทางเข้ามา

“ยินดีต้อนรับครับ”

อีอูยอนรับกระเป๋ามาวางไว้บนพื้น

“กลับมาละ…”

ก่อนที่อินซอบจะทันได้เอ่ยทักทายเสร็จ อีอูยอนก็ปิดปากของอีกฝ่ายไว้ เอวที่ถูกกอดเอาไว้ถูกรั้งเข้ามาในอ้อมกอดที่แข็งแกร่งของชายหนุ่ม อีอูยอนดูดริมฝีปากของอีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อยทั้งๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงประตูหน้าบ้าน จนกระทั่งอินซอบหอบ และทุบหลังของเขาเพราะหายใจไม่ทัน อีอูยอนก็ยังไม่ยอมถอยกลับไป

ลมหายใจที่เหนื่อยหอบสัมผัสโดนริมฝีปากของกันและกัน แม้จะดูดดุนไปถึงขนาดนั้นแล้วก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ อีอูยอนจึงงับและโลมเลียริมฝีปากของอินซอบเบาๆ ต่ออีกหลายครั้ง

“เกาะเชจูเป็นยังไงครับ”

อินซอบถ่ายรูปวิวของเกาะเชจูส่งมาให้ทุกครั้งที่มีโอกาส แม้จะเป็นภาพที่ไม่ได้มีความน่าประทับใจอะไรในสายตาของเขา แต่อีอูยอนก็แสดงความคิดเห็นอย่างส่งๆ กลับไปทุกครั้ง เช่น

ดีจังเลยนะครับ สวยจังครับ เป็นที่ที่แค่เห็นก็รู้สึกสงบขึ้นมาเลยล่ะครับ และเป็นที่ที่คุณอินซอบน่าจะชอบแน่เลยครับ

“ดีครับ”

อินซอบเอ่ยตอบ อีอูยอนพึมพำว่า “โล่งอกไปทีนะครับ” และใช้ฝ่ามือลูบไล้ต้นคอของอินซอบ แม้สมาชิกของการท่องเที่ยวคราวนี้จะเป็นการรวมกลุ่มที่แปลกประหลาด แต่แค่อินซอบได้มีช่วงเวลาที่ดีก็พอแล้ว

“เฉพาะนั้นผมก็เลยคิดถึงคุณอูยอนอยู่ตลอดเวลาเลยครับ”

อินซอบโอบกอดอีอูยอนเอาไว้

“…ทุกครั้งที่ได้เห็นสถานที่ดีๆ ผมก็จะคิดว่าถ้าได้มากับคุณอูยอนก็คงจะดี ผมคิดแบบนั้นอยู่เรื่อยเลยครับ แล้วสักพัก…”

อินซอบเงยหน้ามองอีอูยอน ดวงตาสีดำที่มีรอยยิ้มแฝงอยู่แสดงความรู้สึกของเจ้าตัวออกมาโดยไม่ต้องมีคำอธิบายอะไร อินซอบพูดต่อด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “ผมก็อยากกลับบ้าน”

อีอูยอนกลั้นหายใจกับคำว่า ‘บ้าน’ ไปครู่หนึ่ง

คำพูดนั้นทำให้เขาที่เดินเตร็ดเตร่ไปมาทั้งชีวิตในฐานะของคนนอกรู้สึกเหมือนได้เจอที่ที่เป็นของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกว่าได้เกี่ยวข้องกับใครสักคน

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”

อีอูยอนพูดคำเดิมอีกครั้งพร้อมกับกอดอินซอบให้แน่นขึ้น

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท