ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 1-7

Side Story < Love Historiette > 1-7

“มันคืออะไรเหรอครับ”

“เอ่อ นั่นน่ะ เป็นอุปกรณ์ตกปลาที่สำคัญมาก นายก็เคยพูดถึงไม่ใช่เหรอ”

“จะมาหาอุปกรณ์ตกปลาที่สำคัญตอนที่ขายบ้านพักตากอากาศไปแล้วหลายปีเหรอครับ ความจำคุณแย่ขนาดนั้นได้ยังไงครับ”

อีอูยอนมองกรรมการผู้จัดการคิมราวกับเป็นห่วงจากใจจริง

“ฉันความจำดีนะ! ใช่ไหม หัวหน้าทีมชา ฉันความจำดีใช่ไหม”

“ใช่ครับ กรรมการผู้จัดการความจำดีครับ ในวงการก็ต่างยอมรับว่าความจำของคุณดีมากนี่ครับ”

อีอูยอนพูดว่า ‘โธ่’ และเดาะลิ้น

“ความจำที่ดีนั้นคงถดถอยลงเพราะอายุมากขึ้นสินะ”

“…”

กรรมการผู้จัดการคิมไม่สามารถพ่นคำด่าออกมาต่อหน้าอินซอบได้ เขาจึงกัดริมฝีปากและอดกลั้นเอาไว้

“ผมเอากุญแจโรงเก็บของให้เฉยๆ ได้ไหมครับ”

อีอูยอนเอ่ยถาม นั่นหมายความว่าให้รับของนั้นแล้วไสหัวไป

“เอามา เพราะฉันกำลังจะไปตกปลาจริงๆ”

กรรมการผู้จัดการคิมตอบกลับอย่างกระโชกโฮกฮาก อีอูยอนหายไปด้านในเพื่อเอากุญแจ หัวหน้าทีมชาไม่ปล่อยโอกาสนั้นไป เขาเอนตัวเข้าหาอินซอบและยิงคำถามใส่

“ร่างกายดีขึ้นไหม ความทรงจำกลับมาหรือยัง ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”

“เอ่อ ครับ ผมไม่เป็นไรแล้วครับ…แต่ความทรงจำยังไม่กลับมาครับ”

อินซอบเอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก

“อีอูยอนรังแกนายหรือเปล่า”

ในขณะที่พูด หัวหน้าทีมชาก็ไล่มองร่างกายของอินซอบจนทั่ว

“ครับ? อูยอนเหรอครับ”

“…อูยอน?”

“…อูยอน?”

ทั้งสองคนถามซ้ำด้วยสีหน้าราวกับฟังผิด

“ครับ อูยอน…”

ถึงจะบอกว่าเป็นน้องชายแท้ๆ แต่การเรียกชื่อเฉยๆ เป็นเรื่องที่เสียมารยาทหรือเปล่านะ อินซอบวุ่นวายใจอยู่พักหนึ่งและสังเกตท่าทีของทั้งสองคน

“เป็นน้องแท้ๆ ก็ต้องเรียกชื่ออยู่แล้ว จะให้เรียกว่าอะไรล่ะ นี่กุญแจครับ”

อีอูยอนที่โผล่มาตอนไหนไม่รู้ยื่นกุญแจให้กรรมการผู้จัดการคิม

“ไปด้วยกัน”

“ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะครับ”

“ก็ในโรงเก็บของมีของวางกองอยู่เยอะนี่ นายไม่เคยเปิดโรงเก็บของเลยสักครั้งไม่ใช่เหรอ”

“เพราะไม่เคยเปิดเลยสักครั้ง การให้กรรมการผู้จัดการหาคนเดียวจะไม่ดีกว่าเหรอครับ”

“ผมช่วยเองครับ เพราะผมหาของเก่ง ผม…”

อินซอบก้าวออกมา อีอูยอนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถอนหายใจ

“อยู่ที่นี่แหละครับ เดี๋ยวผมกลับมา”

อีอูยอนพูดกับอินซอบ

“ฉัน…”

“มันหนาว จะออกไปไหนล่ะ เดี๋ยวผมกลับมาครับ รีบออกไปเถอะครับ”

อีอูยอนดันหลังของกรรมการผู้จัดการคิม พอทั้งสองคนออกไปและปิดประตูหน้าบ้านลง หัวหน้าทีมชาก็สำรวจไปทั่วตัวของอินซอบ

“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม”

“ครับ ไม่มีครับ”

แม้จะได้รับคำถามที่เหมือนกับเมื่อสักครู่นี้ แต่อย่าว่าแต่อินซอบจะรำคาญหรือหงุดหงิดเลย เขากลับรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงตัวเองจริงๆ

“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

หัวหน้าทีมชามองอินซอบที่เอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาทพลางรู้สึกแสบบริเวณดวงตา คนเราจะจิตใจดีได้ถึงขนาดนี้ทั้งๆ ที่ความจำเสื่อมได้ยังไง

“ลองไปโรงพยาบาลมาแล้วเหรอ”

“ครับ”

“หมอไม่ได้พูดอะไรเหรอ”

“ครับ เขาบอกว่าเหมือนกับก่อนหน้านี้ครับ”

“…แล้วอีอูยอนไม่ได้พูดอะไรเหรอ”

“ครับ? คือ…”

เขาไปโรงพยาบาลที่อยู่ในโซลเมื่อสองวันก่อน ผลตรวจยังคงเหมือนเดิม หมอแค่พูดซ้ำๆ ว่าให้เฝ้าดูอาการต่อไปเท่านั้น อินซอบขอโทษอีอูยอนในระหว่างที่กลับมาที่นี่

‘ขอโทษเรื่องอะไรเหรอครับ’

‘…เพราะฉัน นายถึงได้ยุ่งยาก…และเหนื่อยโดยไม่จำเป็นนี่’

อินซอบรู้ดีว่าอีอูยอนไม่อยากพูดอะไรต่อทุกครั้งที่กลับมาจากโรงพยาบาล ตอนแรกเขาอยากให้ความทรงจำกลับมาเพราะกลัว แต่ระยะนี้กลับมีอยู่บ่อยครั้งที่เขารู้สึกผิดต่อชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ และอยากจะหาความทรงจำให้เจอ

‘ผมไม่เหนื่อยเลยสักนิดครับ แล้วก็ไม่ได้ยุ่งยากด้วย’

อีอูยอนจับพวงมาลัยพร้อมกับเอ่ยตอบ

‘…แต่…’

อินซอบรอคำพูดถัดไปของอีอูยอน อีอูยอนนิ่วหน้าพร้อมกับปิดปากสนิทราวกับกล้ำกลืนคำพูดที่แสนปวดร้าวเอาไว้ ช่วงนี้อีกฝ่ายเป็นแบบนั้นอยู่บ่อยๆ ราวกับคนที่มีอะไรบางอย่างจะพูด แต่กลับกลั้นเอาไว้ ทุกครั้งที่อีกฝ่ายเป็นแบบนั้น อินซอบจะรู้สึกอึดอัดใจและเย็นที่ปลายนิ้ว

‘…คือว่า ฉัน…’

‘ถ้าจะพูดว่าจะกลับอเมริกา ก็หุบปากไปเถอะครับ’

‘…’

อินซอบทำหน้าหวาดกลัวและทำคอตก อีอูยอนจอดรถตรงข้างทาง เขาได้ยินเสียงสบถว่า ‘โธ่เว้ย’ เบาๆ เหนือหัว

‘ผมพูดแรงไป ขอโทษนะครับ เงยหน้าขึ้นหน่อยนะครับ นะ?’

อีอูยอนเชยคางของอินซอบให้มองตัวเอง

‘ผมเป็นแบบนั้นเพราะโมโหที่คุณบอกว่าจะทิ้งผมไปอเมริกาน่ะครับ ขอโทษนะครับ’

‘ฉันไม่ได้จะทิ้งไปนะ…’

อินซอบรีบอธิบายต่อ เพราะตื่นตระหนก

‘ฉัน เพราะฉันนายเลยทำงานไม่ได้…แล้ว…ก็เหมือนจะสร้างความลำบากให้นาย’

อย่าว่าแต่ออกไปทำงานเลย อีอูยอนไม่ออกนอกบ้านด้วยซ้ำ อินซอบเอ่ยถามอีอูยอนว่า ‘ไม่ต้องไปบริษัทเหรอ’ คำตอบที่ได้กลับมาคือเขาตัดสินใจพักสักพักหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดอย่างไร อีกฝ่ายก็เป็นน้องที่เด็กกว่าตน เขาไม่สบายใจกับการใช้ชีวิตโดยพึ่งพาอีกฝ่ายทุกอย่าง

และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ

‘ครอบครัวที่มีแค่คนเดียวจะสร้างความลำบากให้ไม่ได้เหรอครับ’

อีอูยอนจ้องอินซอบพลางเอ่ยขึ้น อินซอบรีบก้มหน้าลง ทุกครั้งที่สบตาน้องชายผู้หล่อเหลาของตน เขาจะใจเต้นและมือสั่นจนรู้สึกงง

เรากลัวเหรอ…แม้บางครั้งจะเป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นนี่ แล้วทำไมหัวใจถึงได้เต้นตึกตักขนาดนี้ล่ะ คงไม่ใช่ว่าเกิดรูเล็กๆ ที่หัวใจในระหว่างที่เราไม่รู้หรอกใช่ไหม

‘ไม่ชอบผมเลยเหรอครับ’

‘ครับ?’

อินซอบเงยหน้าพรวดด้วยความตกใจ ดวงตาที่สวยงามกำลังมองตนอยู่ ลำคอของเขาตีบตัน อินซอบมักจะรู้สึกถึงความต้องการจะสาธยายทุกครั้งที่สบตาอีกฝ่าย

‘ผม คุณ…’

อีอูยอนนิ่วหน้าราวกับเจ็บปวด นิ้วที่ใหญ่และหนากุมแก้มของเขาเอาไว้ หัวใจเริ่มเต้นตึกตัก กินยาตอนนี้ดีไหม ไม่สิ ต้องกลับไปที่โรงพยาบาลอีกรอบไหม

‘พี่มาหาผมนี่ครับ’

อินซอบเคยถามอีอูยอนว่ามีครอบครัวคนอื่นอยู่ที่เกาหลีไหม อีอูยอนส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร เขาไม่สามารถถามเรื่องอื่นนอกจากนั้นได้ ตอนนั้นเองอีอูยอนก็พูดอย่างเดียวกันนี้

‘ผมมีแค่พี่ครับ เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งผมไปเลยนะครับ ผมขอร้อง’

ชายหนุ่มอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและนุ่มนวล อินซอบพยักหน้า เขารู้สึกว่าตัวเองทิ้งชายหนุ่มไว้คนเดียวบนโลกนี้จริงๆ และไม่สามารถทำอะไรได้

‘…อย่าบอกว่าจะกลับอเมริกาเลยนะครับ’

‘อื้อ’

พอได้ยินคำตอบของอินซอบ อีกฝ่ายก็ปล่อยแก้มของเขาไป หลงเหลือไว้เพียงไออุ่นจางๆ อินซอบใช้แขนเสื้อถูหน้าอยู่สองสามครั้งโดยไม่จำเป็น

อีอูยอนออกรถอีกครั้ง และบทสนทนาในวันนั้นก็จบลงเท่านี้

“เป็นอะไรไป อีอูยอนทำอะไรบ้าๆ เหรอถึงเป็นแบบนั้น”

พอท้ายประโยคของอินซอบแผ่วลง หัวหน้าทีมชาที่เข้าใจเป็นความหมายอื่นก็ตกใจและถามกลับ

“เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้นครับ เขาไม่เคยเป็นแบบนั้นเลยครับ”

อินซอบส่ายหน้าและขยายความเพิ่ม

“เขาดีกับผมครับ เขาดีกับผมมากๆ เลยด้วย และเพราะเขาดีกับผมมาก…ผมเลยรู้สึกผิดน่ะครับ”

อินซอบคิดแบบนั้นบ่อยๆ ว่าเขาควรจะได้รับความใจดีแบบนั้นจากอีกฝ่ายที่ไม่เหลืออยู่ในความทรงจำเลยเหรอ

“รู้สึกผิดอะไรกัน ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกผิดเลย นายสั่งอีอูยอนได้เลย ถ้ามีของที่อยากสั่งก็สั่งให้หมด ถ้ามีของที่อยากกินก็ขอให้เขาซื้อมา เพราะหมอนั่นน่ะรวย”

อินซอบยิ้มเจื่อนๆ แม้การที่น้องชายแท้ๆ ของตนอยู่ดีกินดีจะเป็นข่าวดี แต่การที่ตนใช้โอกาสนั้นอย่างหน้าตาเฉยเป็นปัญหาที่ต่างออกไป

“นี่ คุณอินซอบ…”

หัวหน้าทีมชามองไปรอบๆ ก่อนจะรีบยื่นนามบัตรให้

“นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของฉัน ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรศัพท์มาได้ทุกเมื่อเลย เพราะเป็นเบอร์ส่วนตัว…”

มือที่ยื่นออกมาจากด้านหลังฉวยนามบัตรไป

“…”

“หัวหน้าทีมทำนามบัตรใหม่นี่ครับ”

“…”

“ขอบคุณนะครับ ผมจะใช้อย่างดีเลย”

อีอูยอนเก็บนามบัตรใส่กระเป๋าตัวเองอย่างหน้าตาเฉย หัวหน้าทีมชาก่นด่าในใจและจ้องมองอีอูยอน

“กลับได้แล้วล่ะครับ เพราะเขาหาของที่สำคัญมากๆ เจอแล้ว”

อีอูยอนชี้ไปที่กรรมการผู้จัดการคิมที่กำลังถือแหช้อนปลาอยู่พลางพูด

“หะ หาเจอแล้วเหรอครับ”

“…เออ พอเปิดประตูโรงเก็บของ มันก็วางอยู่ตรงหน้าพอดีเลยน่ะสิ”

หัวหน้าทีมชาถอนหายใจ เพราะเพิ่งพูดคุยกับอินซอบดีๆ ได้แค่ไม่กี่คำเท่านั้น เขาจิ้มสีข้างของกรรมการผู้จัดการคิมสองสามครั้ง

“นี่ อีอูยอน ถ้ามีห้องว่าง คืนนี้ฉันมานอนค้างที่นี่ได้ไหม”

กรรมการผู้จัดการคิมรีบถาม

“คุณถามสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วนะครับ”

อีอูยอนเหยียดยิ้มพลางโต้กลับ

“ก็ต้องไม่ได้อยู่แล้วสิ”

“ว่าไงนะ ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ!”

“เพราะไม่มีห้องว่างไงครับ”

“พูดบ้าอะไร ฉันรู้ดีที่สุดนะว่าบ้านหลังนี้มีห้องกี่ห้อง”

“ไม่มีห้องว่างเพราะอัดแน่นไปด้วยข้าวของหมดแล้วครับ”

…ที่ชั้นบนมีห้องว่างอยู่ตั้งเยอะ ไม่สิ แม้จะเป็นชั้นหนึ่งในตอนนี้ก็มีห้องว่างอยู่หนึ่งห้อง

อินซอบมองอีอูยอนสลับกับกรรมการผู้จัดการคิมด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ

“ที่พักแถวนี้ถูกจองเต็มหมดแล้ว ถ้ามีของเยอะ เก็บคร่าวๆ ก็น่าจะนอนได้แล้ว ขอห้องหนึ่งน่า”

“งั้นนอนที่ห้องผมเถอะครับ!”

อินซอบรีบแสดงตัว คิ้วของอีอูยอนกระตุก

“ผมนอนที่ห้องนั่งเล่นก็ได้ครับ ทั้งสองคนนอนที่ห้องผม…”

เขาสบตากับอีอูยอนที่ก้มลงมามอง อินซอบที่รู้สึกถึงอันตรายปิดปากสนิทโดยสัญชาตญาณ

“พูดเรื่องอะไรน่ะครับ ใครจะนอนที่ห้องนั่งเล่นกัน”

“…”

“ไม่อย่างนั้นพี่นอนกับผมที่ห้องของผมไหมครับ”

“พอแล้ว! ไปก็ไป! ไม่นอนแล้ว!”

“ไม่ได้! นอนแยกกันซะ! เพราะฉันจะไปแล้ว!”

ชายสองคนตะโกนออกมาราวกับยอมแพ้ อินซอบที่ไม่รู้เหตุผลสังเกตท่าทีของคนทั้งสามอย่างระมัดระวัง

“…งั้นเดี๋ยวจะขอยืมห้องน้ำหน่อยนะ ถ้าตกปลาเสร็จแล้ว ฉันจะอาบน้ำและกลับโซลทันที”

กรรมการผู้จัดการคิมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางพูดขึ้น อีอูยอนตอบรับว่า ‘ตามสบายเลยครับ’ ราวกับจะบอกว่าแค่นั้นตนไม่ว่าอะไร

“ไปตกปลายเหรอครับ”

อินซอบเอ่ยถาม

“อื้อ ฉันจะไปตกปลาที่ทะเลสาบด้านหน้าน่ะ ตอนแรกว่าจะไปตกปลาที่ทะเล แต่เพราะครั้งที่แล้วตาแก่นี่ดันเมาเรือ ตอนนี้ก็เลยนั่งเรือไม่ได้แล้ว”

“มีแค่ฉันหรือไง! นายเองก็เหมือนกันนี่!”

“นั่นเป็นเพราะกรรมการผู้จัดการคิมอ้วกอยู่ข้างๆ ผมที่ลูบหลังให้ก็เลยคลื่นไส้ไปด้วย”

“ยังไงก็เถอะ หัวหน้าทีมชา นายเองก็อ้วกเหมือนกันนี่! แล้วนายก็บอกว่าจะไม่นั่งเรืออีกแล้วเหมือนกัน!”

“ผมบอกว่าจะไม่นั่งกับกรรมการผู้จัดการแล้วต่างหาก ผมนั่งคนเดียวได้ทุกเมื่อครับ!”

“นี่! นายรู้เหรอว่าใช้เงินเท่าไหร่ในการออกเรือครั้งหนึ่ง เพราะฉันให้นายขึ้นฟรีอยู่ตลอด!”

“งั้นคุณก็นั่งเรือคนเดียวได้สิครับ”

อินซอบที่มองคนทั้งคู่เถียงกันไปมาหัวเราะ อีอูยอนมองอินซอบด้วยความรู้สึกแปลกๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกหลังจากมาที่นี่ที่เขาเห็นอีกฝ่ายหัวเราะเหมือนเด็กๆ แบบนั้น

“ลองมายุ่งกับคันเบ็ดของผมดูสิครับ แล้วตอนกลับโซลคุณจะได้รู้ถึงการนั่งรถบรรทุกกลับ”

“ฉันทำรถบรรทุกให้ว่างมาเพื่อบรรทุกนายต่างหาก อีกอย่างคันเบ็ดน่ะ ใครมายุ่งกันแน่”

“ถ้าใครมาได้ยินคงคิดว่าผมเป็นอันธพาลที่ไปเที่ยวยุ่งกับคันเบ็ดชาวบ้าน คุณอินซอบ คิดว่าใครทำ หืม? ระหว่างพวกเราสองคนน่ะ ดูแล้วคิดว่าใครจะใช้วิธีที่ต่ำช้าแบบนั้นเหรอ”

“ครับ? เอ่อ…”

“ได้ ดีเลย อินซอบลองพูดมาเลย ว่าใครเป็นแบบนั้น”

“เอ่อ คือผม…ผม…”

“อย่าทำแบบนั้นเลย อินซอบ นายไปตกปลาด้วยกันแล้วตัดสินได้นะ”

“ผมเหรอครับ”

อินซอบถามกลับด้วยความตกใจ

“เออ เพราะจะไปตกที่ทะเลสาบข้างหน้านี่เอง ไปแป๊บเดียว เฮือก”

กรรมการผู้จัดการคิมเห็นผู้ชายที่กำลังมองตนด้วยสายตาน่ากลัว และรีบหุบปาก

“…แหะๆ ฉันติดกล้องสำหรับคอยเฝ้าไว้ก็ได้”

กรรมการผู้จัดการคิมเบนความสนใจพลางพึมพำ

“ผมจะช่วยยังไงได้บ้างครับ”

อีอูยอนขมวดคิ้วให้กับคำถามของอินซอบ

“จะทำอะไรล่ะครับ อากาศหนาวนะ ถ้าคุณเป็นหวัด…”

อินซอบร้องอื้อก่อนจะก้มหน้า ท่าทางที่หงอยลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้อีอูยอนเสยผมที่ยุ่งเหยิงขึ้นไป

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท