ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 4-13

ภาค 2 เล่ม 2 ตอนที่ 4-13

“ช่วยไปที่บริษัทด้วยครับ”

“ไม่ไปที่บ้านเหรอครับ”

ทำให้คิมคังอูแก้จุดหมายในระบบนำทางตามคำขอของอีอูยอนพลางเอ่ยถาม

“ผมมีธุระกับกรรมการผู้จัดการน่ะครับ”

อีอูยอนพลิกหน้าหนังสือพลางเอ่ยตอบ

อินซอบจะเข้าไปรับและตรวจสอบตารางงานที่บริษัทสัปดาห์ละครั้ง แม้อีอูยอนจะตำหนิว่าจะลำบากทำเรื่องที่ขอรับทางอีเมลได้ทำไม แต่เขาก็ไม่เคยเว้น แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะตัวเขามีนิสัยชอบตระเตรียมเรื่องที่ไม่แน่ใจเอาไว้ก่อนก็ตาม แต่อีกส่วนคือเขาอยากเข้าไปทักทายคนที่บริษัทด้วยตัวเองด้วย

วันนี้เป็นวันที่เขาต้องไปที่บริษัท และอีอูยอนก็ไม่ได้มีนัดอะไรกับกรรมการผู้จัดการคิมด้วย

เขารู้ก็เลยขอให้ไปที่บริษัทอย่างนั้นเหรอ อินซอบเหลือบมองอีอูยอน เมื่อรู้สึกถึงสายตาของเขา อีอูยอนจึงหันมาพร้อมกับขยิบตาให้อย่างขี้เล่น อินซอบรีบหันหน้าหนีทันที

“อากาศวันนี้ดีจริงๆ เลยนะครับ”

คิมคังอูเปิดวิทยุพร้อมกับเปิดหน้าต่าง เสียงเพลงที่น่าหนวกหูดังออกมาจากวิทยุ

“วันนี้เลิกเร็ว ไม่ไปไหนเหรอครับ”

อีอูยอนตอบว่า ‘ไม่รู้สิครับ’ พลางพลิกหน้าหนังสือ

“ผมจะไปดื่มกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานล่ะครับ”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่ไปพูดเรื่องที่ผมเป็นโร้ดเมเนเจอร์ของคุณนักแสดงที่ไหนแน่นอนครับ”

“ผมไม่ได้กังวลเลยครับ”

อีอูยอนยิ้มร่า แต่มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงเจตนาสั่งให้หุบปากเอาไว้ อินซอบเอ่ยเรียกคิมคังอูอย่างระมัดระวัง คิ้วของอีอูยอนที่กำลังพลิกหน้าหนังสืออยู่กระตุก

“ใต้นั้นมีซีดีที่ฉันเก็บไว้อยู่ ช่วยปิดวิทยุแล้วเปิดซีดีนั้นแทนได้ไหม”

“ครับ ฮยองนิม”

คิมคังอูใส่ซีดีและเปิดเครื่องเล่นตามที่อินซอบสั่ง เสียงของผู้ชายที่ฟังดูเหมือนกำลังอ่านโคลงกลอนดังออกมาโดยมีเสียงบรรเลงเปียโนเงียบๆ เป็นเสียงเบื้องหลัง

“นี่เป็นเพลงประกอบโฆษณากาแฟที่คุณนักแสดงถ่ายเมื่อไม่นานมานี้ใช่ไหมครับ เพลงชื่ออะไรเหรอครับ”

“ ‘Love you more’ ”

เมื่อได้ยินคำตอบของอินซอบ อีอูยอนก็เอียงศีรษะเล็กน้อย

“ชื่อเพลงเป็นแบบนั้น แต่ทำไมเนื้อเพลงถึงเป็นแบบนี้ล่ะครับ”

เนื้อเพลงซึ่งมีเนื้อหาว่าไม่สามารถรักคุณได้อีกต่อไปแล้วต่างกับชื่อเพลงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

“แต่สุดท้ายจะมีคำพูดประมาณว่าทำได้แค่รักครับ…ชื่อเพลงก็เลยเป็นแบบนั้นหรือเปล่านะ”

อินซอบพูดความเห็นของตัวเองอย่างระมัดระวัง อีอูยอนที่ฟังเพลงเงียบๆ ร้องอืมก่อนจะเงียบไป

“เนื้อเพลงทำไมเหรอครับ เขาร้องว่ายังไงเหรอครับ แล้วปัญหาคืออะไรเหรอครับ”

คิมคังอูถามซ้ำหลายครั้งเหมือนลูกหมาที่รบเร้าขอให้เล่นกันตัวเอง

“ชื่อเพลงกับเนื้อเพลงมันขัดแย้งกันน่ะ”

คิมคังอูหยุดถามหลังจากได้ยินคำตอบของอินซอบ

“บางครั้งเรื่องแบบนี้ก็ยากเหมือนกันนะครับ”

อีอูยอนพลิกหนังสือไปอีกหนึ่งหน้าก่อนจะพูดต่อ

“ผมไม่ค่อยเข้าใจเลย”

อินซอบเองก็ไม่สามารถตอบได้ง่ายๆ เหมือนกัน เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

คิมคังอูผู้ซึ่งเข้าใจคำพูดของอีอูยอนไปในความหมายอื่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“นั่นสินะครับ”

อีอูยอนยิ้มให้ด้วยสายตาที่บอกว่าฉันไม่ได้สนใจอะไรนายสักนิดก่อนจะเบนสายตากลับไปที่หนังสืออีกครั้ง

อินซอบมองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้อากาศสดใสจนแสบตาอย่างที่คิมคังอูพูด แต่แม้จะเห็นวิวที่สวยงาม แต่หัวใจของเขากลับยังรู้สึกอ้างว้างอยู่ดี

ทำไมถึงโกหกว่าไม่เคยเจอกันนะ การโกหกเล็กน้อยแบบนั้นเป็นลางแบบที่คิมคังอูพูดหรือเปล่า …ถ้าเป็นแบบนั้น สุดท้ายพวกเขาจะเลิกกันเหรอ และการที่ตนเป็นฝ่ายบอกก่อนว่าเราเลิกกันเถอะจะถือว่าเป็นมารยาทหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็อยากจะเป็นอันธพาลไร้มารยาทไปทั้งชีวิต…

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

อีอูยอนเอ่ยถามพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“ปะ เปล่าครับ”

“เปล่าอะไรกัน ไม่ได้รู้สึกป่วยตรงไหนใช่ไหมครับ”

“…!”

อีอูยอนใช้มือข้างหนึ่งแตะหน้าผากของอินซอบ และเอามืออีกข้างหนึ่งแตะหน้าผากตัวเองเพื่อเทียบความร้อน

“เหมือนจะไม่ได้เป็นหวัดนะ ลองไปโรงพยาบาลไหมครับ”

“ที่เป็นแบบนี้เพราะเมื่อวานนอนไม่หลับน่ะครับ”

อินซอบหันใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงไปด้านข้างพลางเอ่ยตอบ

“งั้นก็นอนสักหน่อยนะครับ ถ้าถึงแล้วผมจะปลุก”

อีอูยอนปรับเอนเบาะนั่งของอินซอบไปด้านหลัง และถอดเสื้อตัวนอกมาคลุมให้

กลิ่นของชายหนุ่มถูกคลุมไปทั่วตัวเขา เขารู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายโอบกอด แม้อินซอบจะหลับตาลง แต่เขาก็ไม่สามารถนอนได้ เขารู้สึกกระสับกระส่ายมากกว่าเมื่อครู่นี้เป็นเท่าตัว แม้กระทั่งการหายใจของเขาก็แปลกไป

“ไม่ได้ป่วยตรงไหนใช่ไหมครับ”

อีอูยอนถามอีกครั้ง อินซอบส่ายหน้า

“ได้ยินมาว่าช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่กำลังระบาด ฮยองนิมเองก็ระวังตัวด้วยนะครับ คุณนักแสดงเองก็ระวังนะครับ เมื่อกี้ผมเหมือนจะเห็นคุณกินยาอะไรสักอย่างน่ะครับ”

คิมคังอูเหลือบมองทางด้านหลังผ่านกระจกมองหลังก่อนจะเอ่ย

“ไม่สบายตรงไหนเหรอครับ”

อินซอบถามอย่างตกใจ

“ผมกินป้องกันเอาไว้น่ะครับ ถ้าติดไข้ เราก็ไปฉีดยาด้วยกันนะครับ”

อีอูยอนพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะจัดเสื้อคลุมให้อีกฝ่าย

“…ขอบคุณครับ”

อีอูยอนใช้มือตบแปะๆ หนึ่งครั้งแทนการตอบรับคำขอบคุณของอินซอบ ท่าทางเล็กน้อยนั้นทำให้หัวใจของอินซอบอึดอัดเหมือนจะพังอีกครั้ง อินซอบถอนหายใจก่อนจะหลับตาลง

ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็มาถึงหน้าบริษัท

“พวกคุณขึ้นไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะย้ายของเอง”

คิมคังอูจอดรถตรงหน้าตึกพลางเอ่ย

“ไม่เป็นไร นายจะถือเข้าไปคนเดียวได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวฉันช่วยเอง”

อินซอบยื่นเสื้อคลุมตัวนอกให้อีอูยอนก่อนจะเอ่ย อีอูยอนไม่แม้แต่จะทำเป็นเห็น และลงจากรถไปก่อน จากนั้นเขาก็เปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับและยกกล่องขึ้นมา อินซอบบอกว่า ‘ผมถือเองครับ’ และยื่นมือออกมาข้างๆ แต่อีอูยอนก็ทำเป็นไม่ได้ยิน คิมคังอูเองก็ลงจากรถมายกกล่อง และเดินตามหลังอีกฝ่ายไป

“ผม…”

“ช่วยกดลิฟต์ให้หน่อยได้ไหมครับ”

ได้ยินอีอูยอนร้องขอดังนั้น อินซอบจึงรีบวิ่งไปกดปุ่ม จากนั้นก็รีบวิ่งออกมา และยื่นมือขอให้อีอูยอนส่งกล่องให้

“ขอนะครับ นี่เป็นเรื่องที่ผู้จัดการส่วนตัวต้องทำครับ”

“อย่างนั้นเหรอครับ ผมไม่รู้เลยนะเนี่ย”

อีอูยอนเดินผ่านอินซอบไปอย่างหน้าตาเฉย อินซอบทำตัวไม่ถูก และยืนกำเสื้อคลุมตัวนอกของอีอูยอนอยู่ข้างๆ

ลิฟต์ที่ขึ้นมาจากลานจอดรถชั้นใต้ดินมีคนเต็มอยู่ก่อนแล้ว

“ขึ้นทางนี้เลยค่ะ”

คนที่จำอีอูยอนได้หลบให้เขา พอคิมคังอูและอีอูยอนเข้าไปพร้อมกล่อง ภายในลิฟต์ก็ไม่เหลือพื้นที่ให้ก้าวเข้าไปอีกแล้ว

“ขึ้นไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมจะขึ้นตัวถัดไป และไปที่บริษัทเลยครับ”

อินซอบถอยไปข้างหลัง เพราะกลัวว่าคนอื่นจะรอ ประตูลิฟต์ปิดลงโดยที่อีอูยอนไม่ทันได้พูดอะไร

“ช่วยกดชั้นสิบสองด้วยครับ”

พนักงานที่ยืนอยู่หน้าแผงปุ่มกดลิฟต์ช่วยกดปุ่มให้

“ขอบคุณครับ”

“ดูเหมือนว่าเมื่อกี้กรรมการผู้จัดการจะออกไปที่ไหนสักที่นะคะ”

พนักงานที่จำคิมคังอูได้ยิ้มพลางเอ่ย

“โอ๊ย ทำไมผมต้องมาเพื่อเจอหน้ากรรมการผู้จัดการด้วยล่ะครับ ผมเอาของมาเก็บต่างหาก”

แม้จะเพิ่งทำงานได้ไม่นานเท่าไร แต่คิมคังอูก็พูดคุยกับคนอื่นได้อย่างไม่เขินอาย

“จะว่าไปพวกผู้จัดการส่วนตัวของคุณอีอูยอนนี่ดีจังเลยนะคะ เพราะคุณใจดีแบบนี้”

อีอูยอนตอบว่า ‘ไม่หรอกครับ’ และฉีกยิ้มสุภาพซึ่งเป็นรอยยิ้มที่น่าจะโดนผลักไปข้างหลังถ้าหัวหน้าทีมชาได้เห็น

“พวกเราลงก่อนนะคะ”

คนที่ขึ้นลิฟต์มาทั้งหมดลงที่ชั้นสาม ประตูปิดลงในระหว่างที่คิมคังอูก้มหัวร่ำลา อีอูยอนกดปุ่มปิดค้างไว้

“ขอบคุณที่ช่วยนะครับ นี่เป็นงานที่ผมต้องทำแท้ๆ”

“นั่นสิครับ”

ได้ยินอีอูยอนตอบดังนั้น คิมคังอูก็ร้องเอ๊ะและหันหน้าไปหาอีกฝ่าย อีอูยอนทำหน้าเรียบเฉยไม่ต่างจากยามปกติ

“ดูเหมือนคุณจะตั้งใจออกกำลังกายจริงๆ นะครับ กล่องหนักพอสมควรเลย แต่คุณกลับถือเหมือนเบา”

คิมคังอูพูดคุยด้วยอารมณ์ขันพลางเอ่ยชมอีอูยอน

“หนักเหรอครับ”

“ครับ?”

“เหมือนแขนจะสั่นนะครับ”

อีอูยอนตอบในขณะที่ถือกล่องซึ่งเต็มไปด้วยโบรชัวร์สามกล่องอย่างสบายๆ ใบหน้าของเขาแยกได้ยากมากกว่าพูดจริงหรือพูดเล่น

ทันทีที่สบตากัน อีอูยอนก็ยิ้มร่า แต่ไม่รู้ทำไมคิมคังอูถึงทำตัวไม่ถูกด้วยความประหม่า

เขานึกถึงคำเตือนที่เคร่งครัดของพี่เขยทั้งสองที่บอกว่าห้ามยุ่งเกี่ยว พูดคุย และคบค้าสมาคมกับอีอูยอน ตอนที่เขาได้ยินเรื่องพวกนั้นเป็นครั้งแรก เขานึกว่าอีอูยอนจะเป็นคนนิสัยไม่ดีต่างกับที่แสดงให้เห็น แต่อีอูยอนก็เป็นเหมือนที่เห็นในหน้าจอ ไม่สิ เขาเป็นมากกว่านั้นด้วยซ้ำ ถ้าดูจากการกระทำที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อผู้จัดการส่วนตัวแล้ว เขาก็เป็นคนดีมากๆ ถ้าตัวเขาไม่โดนพวกพี่เขยสั่งห้ามไม่ให้พูด เขาคงจะไปกระจายเรื่องที่น่าประทับใจเกี่ยวกับอีอูยอนทุกวัน

แต่บางครั้ง…

“ไม่ลงเหรอครับ”

อีอูยอนเอ่ยถามทันทีที่ประตูเปิดออก คิมคังอูถือกล่องและรีบออกจากลิฟต์อย่างร้อนรน

“ให้วางไว้ตรงไหนเหรอครับ”

“เขาบอกให้เก็บไว้ในห้องเก็บของก่อนน่ะครับ”

อีอูยอนไม่ตอบอะไร และเดินนำหน้าไป

เขาก็เป็นแบบนี้ บางครั้งพอได้อยู่กันตามลำพัง ท่าทีของอีอูยอนก็ดูเย็นชาอย่างน่าประหลาด

คิดไปเองหรือเปล่านะ

คิมคังอูเอียงคอไปมาก่อนจะเดินตามหลังอีอูยอนไป

“วางไว้ตรงนี้เหรอครับ”

“ครับ วางไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้ครับ คุณผู้ช่วยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะมาจัดการเองคะ…”

อีอูยอนโยนกล่องทิ้งและสะบัดชายเสื้อก่อนที่คิมคังอูจะพูดจบ ด้วยเหตุนั้นโบรชัวร์สองสามแผ่นจึงตกลงมาบนพื้น คิมคังอูรีบวางกล่องลง และเก็บกระดาษให้เรียบร้อย

ในระหว่างนั้นอีอูยอนก็เดินออกไปนอกห้องเก็บของเรียบร้อยแล้ว คิมคังอูเกาหัวด้วยสีหน้าอับอายพลางคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

ตอนนั้นเองประตูห้องเก็บของก็ถูกเปิดอีกครั้ง

“มีไฟแช็กไหมครับ”

อีอูยอนถือกล่องบุหรี่ไว้ในมือ

“ไม่มีครับ ผมไม่สูบบุหรี่ เพราะออกกำลังน่ะครับ”

อีอูยอนหันกายจากไปราวกับหมดความสนใจ

“ฮยองนิมบอกว่าห้ามสูบ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ…”

อีอูยอนหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนเกินบรรยาย รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากที่ได้รูปของเขา

“ผมดูสุขภาพไม่ดีเหรอครับ”

คิมคังอูผงะไปเพราะความน่าเกรงขามของอีกฝ่าย อีอูยอนไม่ได้โมโห หรือขึ้นเสียงด้วยซ้ำ แต่เขากลับใจเสียโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกเหมือนเป็นฟางข้าวบางๆ ที่ถูกวางไว้ข้างไฟร้อนๆ

“ปะ เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้นครับ”

คิมคังอูโบกมือทั้งสองข้างเพื่อปฏิเสธ อีอูยอนทอดสายตามองคิมคังอูนิ่งๆ

คิมคังอูถูมือที่ชื้นเหงื่อเข้ากับกางเกง นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่คณะกีฬาเขาได้เจอกับคนที่โหดเหี้ยมและมีนิสัยน่ากลัวมามากมาย แต่เขากลับไม่เคยได้รับความรู้สึกนี้เลยสักครั้ง

“แต่เหมือนคราวก่อนคุณจะกินยา…”

“อ้อ แต่เหมือนคราวก่อนคุณจะกินยา

อีอูยอนทำตาหยีและพูดตามคิมคังอู คิมคังอูขนลุกซู่ เขารู้สึกเหมือนมีงูตัวใหญ่เลื้อยจากเท้าของเขาขึ้นมาตามลำตัว

อะไรเนี่ย ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้

‘ระวังปากต่อหน้าอีอูยอนด้วยล่ะ ระวังปากโดยไม่มีข้อแม้ แค่ระวังปากไว้ก็พอ หมอนั่นเป็นคนที่กำลังยิ้ม แต่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรน่ากลัวหรือเปล่า…’

คิมคังอูนึกถึงคำชี้แนะที่เป็นเหมือนกฎที่ต้องรักษาอย่างเคร่งครัดที่พี่เขยคนที่สองพูดให้ฟัง เขาต้องการที่จะมีชีวิตรอดตามสัญชาตญาณ

“อ้อ จริงด้วยสิ ฮยองนิมบอกว่าวันนี้จะไปเดทน่ะครับ”

“คุณอินซอบเหรอครับ”

อีอูยอนถามกลับ

“ครับ อากาศก็ดี แถมยังได้เลิกงานเร็วอย่างที่ไม่ได้มีมานานด้วย ก็เลยบอกว่าจะไปเดทน่ะครับ จะไปที่ดีๆ หรือเปล่านะ”

‘พูดเรื่องอินซอบไปโดยไม่มีข้อแม้เลย แต่อย่าให้เขารู้สึกว่านายสนิทกับอินซอบนะ พูดถึงของที่อินซอบกิน สิ่งที่อินซอบเล่น หรืออย่างน้อยพูดมุกตลกไร้สาระที่อินซอบเล่นก็ได้ แล้วนายจะรอด’

แม้จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่คิมคังอูก็พูดเรื่องของอินซอบไปตามที่ถูกแนะนำ

“คุณอินซอบพูดแบบนั้นเหรอครับ”

บรรยากาศที่ห้อมล้อมอีอูยอนไว้อย่างแปลกประหลาดเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

“ครับ พูดเมื่อกี้เองครับ”

ไม่ต้องพูดเรื่องที่เขาบอกว่าช่วงนี้บรรยากาศกับคนรักไม่ดีก็ได้มั้ง คิมคังอูพึมพำต่อ

“ผมบอกให้เขาไปเที่ยวที่ริมแม่น้ำฮันน่ะครับ เห็นว่าอากาศดี”

อีอูยอนเหลือบมองนอกหน้าต่างเพื่อเช็กสภาพอากาศ

“ดีจริงๆ ด้วยครับ”

อีอูยอนโยนกล่องบุหรี่ลงถังขยะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็เดินออกไป คิมคังอูเอียงคอไปมา เมื่อเห็นภาพด้านหลังของอีกฝ่ายที่ดูอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาด และเดินตามหลังไป

“ให้ไปส่งที่บ้านไหมครับ”

“ไม่ต้องครับ เลิกงานก่อนได้เลยครับ”

“เอารถมาเหรอครับ”

วันนี้เป็นวันที่อีอูยอนเอารถมาทำงานอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ

“ผมจะกลับเองครับ ไม่ต้องห่วง”

เมื่อประตูลิฟต์เปิด อีอูยอนเข้าลิฟต์ไปก่อน และกดไปยังชั้นที่เป็นห้องทำงาน

“งั้นผมกับฮยองนิมขอเลิกงานก่อนนะครับ”

ขณะที่คิมคังอูพูดพลางทำท่าจะก้าวเข้ามาในลิฟต์

“คุณคังอู”

การออกเสียงนั้นชัดเจนมาก แม้กระทั่งผู้ประกาศก็ยังต้องยอมแพ้ให้กับความสามารถของอีอูยอน

“ครับ คุณนักแสดง”

คิมคังอูตอบกลับด้วยเสียงขึงขัง

“แย่แล้ว ดูเหมือนผมจะลืมมือถือไว้ในห้องเก็บของน่ะครับ”

อีอูยอนค้นกระเป๋าและทำสีหน้าเป็นทุกข์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขอร้องก่อน

“เดี๋ยวผมจะไปหาให้ครับ”

คิมคังอูออกจากลิฟต์ไปอย่างยินดี

“เดี๋ยวหาเจอแล้ว…”

เขากำลังจะพูดว่า ‘จะตามไป’ ถ้าอีอูยอนไม่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มกดโทรออกเสียก่อน

“อะ…”

สถานการณ์ที่งงงวยทำให้คิมคังอูพูดอะไรไม่ออก อีอูยอนอุทานสั้นๆ เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว

แล้วหลังจากนั้น

“หาเจอแล้วครับ”

รูปตายืดขยายออกอย่างง่ายดายก่อนจะวาดตัวเป็นเส้นโค้งสวยงามพลางส่งยิ้มให้ แล้วประตูก็ปิดลงทั้งอย่างนั้น

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท