ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน – ตอนที่ 49

ตอนที่ 49

บทที่ 49 จัดการฝังพ่อตา

หลังจากกินข้าวตอนเที่ยง เซียวฉางควนก็ไปเปลี่ยนชุดเรียบร้อย พร้อมทั้งพูดเร่งเย่เฉิน : “เย่เฉิน รีบเตรียมตัว แล้วขับรถใหม่พาพ่อไปที่ถนนโบราณหน่อย มีร้านแจกันเปิดใหม่เป็นยุคสมัยถาง พ่ออยากไปดูสักหน่อย”

เย่เฉินอดไม่ได้จึงพูดขึ้น : “คุณพ่อ ตอนนี้ท่านกลับมาเล่นของโบราณอีกแล้วเหรอ? ครอบครัวเราก็ไม่ได้มีเงินเยอะ พอจะซื้อของเก่า มันจะฟุ่มเฟือยไปหรือเปล่า?”

เซียวฉางควน ไม่ได้หาเงินเก่งอะไร แต่ใฝ่ฝันอยากมีเงินมาก ไม่มีอะไรก็ชอบไปซื้อของที่ ถนนโบราณ แล้วก็ชอบฝันลมๆ แล้งๆ แต่ว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็จะถูกคนอื่นเล่นหนักมาก

ก่อนหน้านี้ถึงได้หยุดเล่น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ยอมหยุด แต่กลับยิ่งเป็นหนักกว่าเดิม

เซียวฉางควน เห็นว่าเย่เฉินกล้าพูดขนาดนี้ เขาจึงพูดขึ้นเสียงแข็ง : “แกอย่าพูดมาก รีบไปส่งฉันเดี๋ยวนี้”

เย่เฉินหมดความอดทน แต่ก็ไม่สามารถขัดได้ จึงทำได้แค่ขับรถไปส่งเขาที่ ถนนโบราณ

จินหลิงเป็นเมืองเก่าแก่ อยู่ข้างนอกถนนโบราณ และพอมีชื่อเสียงในประเทศอยู่บ้าง เป็นแหล่งรวมของเก่าแกของแต่ละพื้นที่ รวมถึงพวกลูกค้าที่ชอบซื้อของพวกนี้

นักท่องเที่ยวในพื้นที่เองก็พอมีบ้าง ใช้เงินก้อนใหญ่ทำให้ถนนโบราณฟื้นฟูขึ้นมา และก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกที่หนึ่งเลย

พอมาถึงถนนโบราณ เซียวฉางควน ก็เดินเข้าไปในร้านอย่างคุ้นชิน แล้วหันไปบอกพนักงานต้อนรับว่ามีนัด เขาก็พลันพาเดินเข้าไปในห้องรับแขกเพื่อดูสินค้าทันที

เย่เฉินที่กำลังจะเดินตามเข้าไป เซียวฉางควน พลันหันมาบอกว่า : “แกไม่ต้องตามเข้าไป เข้าไปแกก็ดูไม่เป็น รอด้านนอกห้องนี่แหละ!”

เย่เฉินพยักหน้ารับ : “เข้าใจแล้ว!”

เซียวฉางควน กุมมือตัวเอง แล้วตามพนักงานเข้าไปด้านในห้องรับแขก เย่เฉินก็นั่งรออยู่ข้างนอก

……

ผ่านไปสิบกว่านาที เย่เฉินก็พลันได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้องรับแขก “เพล้ง”

หลังจากนั้น เย่เฉินก็เห็น เซียวฉางควน ออกมา ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

แล้วเอาแต่พูดว่า : “ตายแน่ ตายแน่! แบบนี้ตายแน่ๆ!”

เย่เฉินจึงรีบเดินเข้าไปหา แล้วหันไปมองด้านหลังของเขา ก็เห็นเพียงเศษที่แตกออกเป็นสองส่วน และที่พื้นยังมีเศษเล็กตกอยู่ไม่น้อย

ดูจากเศษพวกนี้แล้ว ก็พอจะดูออกว่า ถูกทำให้แตก และน่าจะเป็นขวดพอร์ชเลนอวี้หูของสมัยถาง

สมัยก่อนตอนที่เขาเป็นเด็ก อยู่ที่ตระกูลเย่ เขาก็เคยเห็นผ่านตามาหลายครั้ง มองแวบเดียวก็รู้ ขวดนี้เป็นของโบราณ มีขายในตลาดราคาราวๆ สองสามแสนหยวน ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก

ดูแล้ว พ่อตาก็คงซวยแล้ว

แขกภายในห้อง มีคนหนึ่งเป็นวัยกลางคน มีสี่หน้าไม่ค่อยดี พลางพูดขึ้น : “คุณท่านเซียว ขวดใบนี้ของพวกเรา ต้องใช้เงินห้าแสนกว่าหยวนซื้อมาเลยนะ ตอนนี้ท่านทำมันแตกแล้ว ต้องชดใช้ค่าเสียหายมา!”

คนๆ นี่ คือ โจวเหลียงเวิ่น ผู้จัดการร้านจี๋ชิ่งถัง

เซียวฉางควน มาลากเย่เฉิน แล้วพยายามพูดเสียงกลบเกลื่อน : “คนนี้เป็นลูกเขยที่น่ารักของฉัน แกรู้ว่าเขามีเงินมากมายแค่ไหนมั้ย? อย่าว่าแต่ห้าแสนหยวนเลย ขนาดห้าล้านหยวนเขายังจ่ายได้เลย! เรื่องชดใช้ค่าเสียหายให้พวกแกคุยกันเอาเอง! ฉันมีธุระ ต้องขอตัวก่อน!”

พูดเสร็จ เขาก็ผลักเย่เฉินเข้าไปทันที แต่ตัวเองกลับหนีเอาตัวรอด

เย่เฉินทำหน้างง พ่อตาคนนี้ก็หน้าไม่อายจริงๆ นี่เป็นการบอกชัดเจนเลยว่าเป็นการลากเขามาซวยด้วย!

โจวเหลียงเวิ่นหันมามองเย่เฉิน พร้อมกับพูดเสียงแข็ง : “คุณชายท่านนี้ ทั้งหมด ห้าแสนสามหมื่นหยวน คุณต้องการรูดบัตรหรือโอน?”

เย่เฉินเอามือประสานกัน : “ผมไม่มีเงิน”

ไม่ใช่ว่าเขาจ่ายไม่ได้ เพียงแค่อยากให้พ่อตาได้รับบทเรียนบ้าง ต่อไปจะได้ไม่ต้องบอกตัวเองพามาที่นี่บ่อยๆ

“ไม่มีเงินเหรอ?” โจวเหลียงเวิ่นกัดฟันพูด : “พังของในร้านของฉันแล้ว แกคิดว่าแค่บอกว่าไม่มีเงินแล้วจะรอดไปได้เหรอ?”

เย่เฉินทนไม่ไหวจึงพูดขึ้น : “ฉันไม่ได้จะหนี แต่ฉันก็ไม่มีเงินจริงๆ อีกอย่าง ขวดนี้ฉันก็ไม่ได้เป็นคนทำแตก ทำไมฉันต้องเป็นคนชดใช้ด้วย?”

โจวเหลียงเวิ่นโมโหอย่างมาก แล้วพูดขึ้น : “แล้วเขาไม่ใช่พ่อตาแกเหรอ?”

เย่เฉินพยักหน้า : “คุณพูดเองนิ ว่าเป็นพ่อตาผม ไม่ใช่ผม ใครทำแตกก็ให้คนนั้นรับผิดชอบสิ นี่เป็นการใส่ร้ายแล้วโยนความผิดนะ คนอื่นไม่ผิดนะ คุณไม่เคยได้ยินเหรอ?”

โจวเหลียงเวิ่นโมโหหนักมาก แต่พอฟังเขาพูดแล้วก็มีเหตุผล

ถ้าหากว่าเขาไม่ส่งเรื่องให้เขามาจ่ายค่าชดใช้ละก็ ถ้าคนอื่นรู้เข้า ร้านเขาต้องโดนถล่มแน่ๆ

ดังนั้นเขาเลยรีบหันไปซุบซิบคนที่อยู่ข้างๆ : “พวกแกอ่ะ รีบไปจับตาแก่นั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

เย่เฉินมองพวกเขาที่รีบวิ่งออกไป ก็ขำอยู่คนเดียว

ที่จริงเขาสามารถจะใช้บัตรจ่ายให้ได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นต่อไป มันก็ไม่ใช่ยิ่งทำให้พ่อตาผู้ตะกละคนนี้ได้ใจแล้วเอาเปรียบเขาแบบนี้ต่อไปเหรอ?

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ให้เขาได้ลิ้มรสความทรมานก่อน

ไม่อย่างนั้น ต่อไปถ้าเจอเรื่องราวแบบนี้อีก เขายังจะกล้าเอาเปรียบตัวเองอีก

คนของร้านจี๋ชิ่งถังออกไป เพื่อไปจับตัวพ่อตาของเขา เย่เฉินที่ไม่มีอะไรทำ จึงหันไปมองเศษขวดที่แตกออกเป็นสองส่วนที่พื้น

ขวดใบนี้สูงประมาณครึ่งเมตร ตอนนี้แตกออกเป็นสองส่วน รวมถึงเศษเล็กอีกกอง มองดูแล้วน่าเสียดายมาก

แต่ว่า อยู่ดีๆ เขากลับสังเกตเห็น ครึ่งล่างที่แต่นั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

เขารีบยื่นมือออกไปหยิบมาทันที แถมยังเป็นกล่องไม้เล็ก!

ไม่นึกว่า ขวดใบนี้จะมีของลึกลับซ่อนอยู่!

ลักษณะของขวดใบนี้ปากขวดแคบ แต่ก้นขวดกว้าง และกล่องไม้นี้เห็นได้ชัดว่าใหญ่กว่าปากขวดถึงสองสามเท่า ดูแล้ว นี่คงไม่ใช่พึ่งเอาใส่หรอก แต่น่าจะใส่ตอนที่ทำขวดนี้ขึ้นมา แล้วถึงได้ยัดกล่องนี้เข้าไป!

พอคิดได้ กล่องไม้ใบนี้ก็น่าจะเป็นของที่ยังเหลือมาจากยุคสมัยถางเหมือนกัน!

เขาหยิบกล่องขึ้นมา แล้วดูอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ออกแรงนิดหน่อย ก็มีเสียงเปิดดังขึ้นทีหนึ่ง แล้วมันก็เปิดออก

และพอเปิดออกได้แล้ว ก็พลันได้กลิ่นหอมอ่อนฟุ้งกระจายออกมา เย่เฉินดมดู รู้สึกหอมสบายมาก

พอมองดูให้ชัดๆ ด้านในนั้นมีหนังสือเล็กๆ เก่าๆ เล่มไม่ใหญ่ถึงฝ่ามือซ่อนอยู่ด้านใน!

เขาหยิบหนังสือเล่มเล็กๆ ขึ้นมา และเห็นข้างบนเขียนว่า ตำราเก้าเสวียนเทียน เป็นตัวอักษรจีนโบราณสี่ตัว

“ชื่อฟังดูน่าสนใจมาก ไม่รู้ว่าใช้จดบันทึกอะไร” เย่เฉินเปิดหน้าหนังสือแล้วอ่านดูทันที

บทแรก คือ การแพทย์ ด้านในบันทึกวิธีรักษาอยู่หลายวิธี รวมถึงขั้นตอนการรักษา

เย่เฉินยิ้มมุมปากทันที เขาเองก็เคยอยู่ในวงการการแพทย์มาบ้าง และก็พอจะรู้การรักษาเบื้องต้น แต่สิ่งที่หนังสือเล่มนี้บันทึกไว้นั้น กลับดูละเอียดและดีกว่าการแพทย์สมัยนี้มาก

พวกการรักษาฝังเข็ม ที่ยิ่งดูน่าสนใจ แถมในหน้าสุดท้ายนั้น เย่เฉินเห็นวิธีการทำยา และประโยชน์ของมัน บอกได้เลยว่ามันเป็นอะไรที่ไม่มีแล้วในสมัยนี้

เขารู้สึกสนใจมาก พลางนั่งลงไปที่พื้น แล้วก็อ่านไปเรื่อยๆ

คิดไม่ถึงว่า ในตำราเล่มนี้จะยังมีสิ่งที่ในโลกนี้ไม่มี แถมยังเป็นของล้ำค่า และเป็นสิ่งอัศจรรย์มาก นอกจากนั้นยังมีสิ่งประหลาดอีกมากมายเลย

เย่เฉินอ่านนานมาก และก็รู้สึกได้เพียงว่าตัวอักษรในหนังสือนั้น เหมือนเข้าไปอยู่ในสมองของตัวเอง ในใจก็รู้สึกว่าค่อยๆ ซึมซับได้เรื่อยๆ

เก็บได้แล้ว!

นี่เป็นสุดยอดของล้ำค่า!

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

Status: Ongoing

เย่เฉินเป็นเขยแต่งเข้าบ้านหญิงที่ใครๆก็ดูถูกเหยียดหยาม แต่ไม่มีใครรู้ว่าฐานะแท้จริงของเขาเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลอันดับต้นๆ พวกที่เคยดูถูกเขาสุดท้ายก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าเขาและเรียกเขาด้วยความเกรงกลัวว่าท่านชาย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท