ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน – บทที่ 1872

บทที่ 1872

เมื่อสักครู่คุณท่านซ่งพึ่งจะมอบเรือยอชต์ไป หลี่ไท่หลายก็มามอบเฮลิคอปเตอร์หนึ่งลำอีก…

เซียวชูหรันเองก็ตะลึงจนพูดไม่ออก รับของขวัญรับมาจนถึงตอนนี้ ตัวเธอเองก็ได้กลัวขึ้นมาแล้ว

ที่กลัว ก็เพราะของขวัญพวกนี้มันล้ำค่ามากเกินไป

ล้ำค่าจนถึงขั้นที่ ต่อให้เป็นพวกคนชั้นสูงพวกนั้น ก็ไม่มีทางที่จะมอบของขวัญที่ล้ำค่าเช่นนี้

จนถึงตอนนี้ ของขวัญทุกชิ้นที่กล่าวมา ล้วนมีมูลค่าหลายสิบล้าน หรือมากกว่านั้น แค่เลือกหยิบออกไปสักชิ้น ล้วนเป็นของล้ำค่าที่มีมูลค่ามหาศาล แต่ทว่าคนพวกนั้นกลับนำมันมามอบให้กับเย่เฉิน มันทำให้เซียวชูหรันรู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก

ในตอนนี้เองหลี่ไท่หลายก็ได้เอ่ยขึ้น: “อาจารย์เย่ ได้ยินมาว่าปกติแล้วท่านไม่ค่อยจะออกไปนอกเมืองจินหลิง จริง ๆ แล้วเมืองไห่ก็ไม่นับว่าอยู่ไกลจากเมืองจินหลิงมากนัก ถ้าขับรถอาจจะต้องใช้เวลาสี่ห้าชั่วโมง แต่ถ้านั่งเฮลิคอปเตอร์ แค่สองชั่วโมงก็ถึงแล้ว ดังนั้นจึงอยากจะมอบเฮลิคอปเตอร์ให้ท่านหนึ่งลำ หากท่านมีความต้องการให้ระยะเวลาในการเดินทางสั้นลง สามารถนั่งเฮลิคอปเตอร์ได้ แบบนี้ก็จะเร็วกว่านั่งรถอีกเยอะ”

เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย: “ขอบคุณประธานหลินมาก”

ความจริงแล้ว สำหรับเย่เฉินในตอนนี้ คฤหาสน์น้ำพุร้อน เรือยอชต์ส่วนตัวก็ช่าง ยังมีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว สิ่งของเหล่านี้ไม่มีแรงดึงดูดใด ๆ สำหรับเขาเลยสักนิด

ในตอนที่เขายังเล็กมาก ตระกูลเย่ก็มียานพาหนะสำหรับพลเรือนแทบทุกชนิดแล้ว

รถราคาหบักล้าน หลักสิบล้านไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงเลยสักนิด หรือแม้กระทั่งเครื่องบินส่วนตัวราคาพันกว่าล้านก็มีอยู่หลายลำ

คฤหาสน์ หรือจะเป็นคฤหาสน์พร้อมสวนที่มีมูลค่าเกินร้อยล้าน กระจัดกระจายไปทั่วโลกนับไม่หวาดไม่ไหว

เรือยอชต์สุดหรูยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ในความเป็นจริง สมัยที่คุณพ่อของเย่เฉินยังเป็นหนุ่ม ก็เคยซื้อเรือสำราญสุดหรูลำหนึ่ง เป็นเรือสำราญแบบที่สามารถบรรทุกคนได้นับร้อยคน สามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์เดินทางท่องเที่ยวไปรอบโลกได้

ปีนั้นที่เย่ฉางอิงซื้อเรือสำราญ ก็เพื่อที่จะเอาใจภรรยา

ถึงแม้คุณแม่ของเย่เฉินเองก็เป็นลูกหลานของพระเจ้าหวงและพระเจ้าเหยียน แต่หล่อนเป็นชาวจีนโพ้นทะเล คนทั้งตระกูลล้วนอาศัยอยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร และเธอได้เติบโตมาในทิศตะวันตกมาตั้งแต่ยังเด็ก ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวกลางแจ้งเป็นอย่างมาก

เย่ฉางอิงเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการในการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัว รวมทั้งความต้องการเดินทางท่องเที่ยวกลางแจ้งของภรรยา จึงใช้เงินจำนวนมหาศาลซื้อเรือสำราญสุดหรูนั่นมา อีกทั้งสัญญากับหล่อนว่าในหนึ่งปีจะหาเวลาว่างออกมาสองเดือน เพื่อพาหล่อนนั่งเรือสำราญไปเยี่ยมครอบครัวที่อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร ระหว่างทางที่ข้ามผ่านซีกโลก ยังสามารถท่องเที่ยวไปในตัว

เริ่มตั้งแต่เย่เฉินอายุสามขวบ ก็ได้นั่งเรือสำราญสุดหรูกลับไปที่บ้านคุณยายกับคุณพ่อคุณแม่ในทุก ๆ ปี จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่ในตอนที่เขาอายุแปดขวบ

คนอื่น ๆ ต่างคาดหวังว่าจะสามารถได้ไปเที่ยวรอบโลกก่อนที่จะหมดลมหายใจ แต่เย่เฉินเริ่มตั้งแต่อายุสามขวบ เขาล้วนได้เที่ยวไปรอบโลกหนึ่งครั้งในทุก ๆ ปี

ในระยะเวลาสี่ห้าปีนั้น การใช้ชีวิตของเย่เฉิน เป็นชีวิตแสนหรูหราที่หลายคนไม่อาจสัมผัสได้ตลอดชั่วชีวิต และนั่นได้ทำให้ตัวเขาเอง ไม่มีความแสวงหาต่อสิ่งของใด ๆ

ทุกคนได้เห็นมีของขวัญถูกส่งมอบออกมาอย่างมากมายเช่นนี้ สีหน้าท่าทางของเย่เฉินก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม ภายในใจของแต่ละคนก็อดไม่ได้ที่จะประหม่าขึ้นมา พวกเขารู้ว่า ของขวัญพวกนี้ เหมือนกับว่าต่างไม่ได้ถูกส่งเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจของเย่เฉิน

จากนั้น เว่ยเลี่ยงได้มอบยกแกะสลักรูปกวนยวิ๋นฉางให้กับเย่เฉิง ตามคำพูดของ กวนยวิ๋นฉางนั้นเป็นบู๊ฉ่ายสิ๋น สามารถปกปักรักษาความปลอดภัยและโชคลาภของเย่เฉิน

เย่เฉินกล่าวของคุณด้วยรอยยิ้มพลางรับเอาไว้ ภายในใจนั้นยังคงสงบนิ่งไม่หวั่นไหว

สุดท้ายก็มาถึงทีของตัวหงห้าเอง เขาหยิบกล่องของขวัญที่ห่ออย่างสวยงามออกมา และมอบให้กับเย่เฉิน พลางกล่าวอย่างเอาจริงเอาจัง: “อาจารย์เย่ครับ ของที่อยู่ข้างในเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากผม”

เย่เฉินยิ้มกล่าว: “หงห้า นายอ่านรายการของขวัญของคนอื่นมามากมาย ทำไมถึงไม่บอกล่ะว่าของขวัญของตัวเองคืออะไร?”

หงห้ากล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย: “คือ…หงห้ากลัวว่าของที่มอบให้นั้นจะทำให้อาจารย์เย่ไม่พอใจ และทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้”

เย่เฉินส่ายหน้า: “ไม่ว่านายจะให้อะไร ฉันก็ล้วนขอบคุณทั้งนั้น จะไม่พอใจได้ยังไงกัน”

หงห้าพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างจริงจัง: “อาจารย์เย่ครับ สิ่งที่ผมมอบให้คุณนั้น คือคฤหาสน์ที่อยู่ที่ใกล้กลับพระราชวังหลวงโตเกียวในญี่ปุ่น…”

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

Status: Ongoing

เย่เฉินเป็นเขยแต่งเข้าบ้านหญิงที่ใครๆก็ดูถูกเหยียดหยาม แต่ไม่มีใครรู้ว่าฐานะแท้จริงของเขาเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลอันดับต้นๆ พวกที่เคยดูถูกเขาสุดท้ายก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าเขาและเรียกเขาด้วยความเกรงกลัวว่าท่านชาย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท