วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 942 เจอกันในสุสาน

บทที่ 942 เจอกันในสุสาน

“อย่าเพิ่งโมโหนะ คุณอย่าเพิ่งใจร้อน เวลานี้แล้วเขายังไม่กลับมามันไม่ปกติจริงๆ แต่ก็ไม่แน่ที่จะหนีไปแน่นอน อย่างนี้ละกัน พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่มออกไปหาดู มีข่าวอะไรก็โทรบอกกันหน่อย”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “ผมเห็นด้วย”

เฉียวฉีก็ยกมือเห็นด้วยเช่นกัน

กู้ซือเฉียนเห็นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

จิ่งหนิงก็ได้กำชับอีกว่า: “ถ้าคุณหาท่านเจอแล้วอย่าเพิ่งโมโหใส่นะ พาคนกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”

เขามองจิ่งหนิงแวบหนึ่งและส่งเสียงไม่พอใจ ในที่สุดก็ไม่ได้คัดค้านอะไรอยู่ดี

คนกลุ่มหนึ่งออกไปหาโดยแบ่งเป็นสองทาง ก็ต้องเป็นเฉียวฉีกับกู้ซือเฉียนไปทางหนึ่ง จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินไปทางหนึ่งอยู่แล้ว

ตอนกลางวันกี่คนนี้ได้ทำงานแล้วไม่น้อย ความเป็นจริงเวลานี้คือเหนื่อยล้ามากแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ ของอยู่ในมือท่านปู่ชิว ถ้าไม่หาคนให้เจอภายในคืนนี้ สงสัยกี่คนนี้ถึงนอนแล้วก็สบายใจไม่ได้อยู่ดี

เวลานี้บ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านปิดไฟกันหมดแล้ว

สี่คนหาได้นานมากแล้ว แทบจะหาได้ทั่วหมู่บ้านแล้ว สุดท้ายกลับเป็นลู่จิ่งเซินที่หาเขาเจอในสุสานแห่งหนึ่ง

พอเจอท่านปู่ เขาก็รีบโทรหากู้ซือเฉียนทันที

ยังดีที่กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีไม่ได้อยู่ไกลพวกเขามากเท่าไหร่ รีบมารวมตัวกันทันที

รอบข้างมีลมหนาวพัดมาไม่หยุด ไม่ว่าทางไหนก็เต็มไปด้วยหลุมฝังศพ คนในชนบทไม่เหมือนในเมืองนิยมฌาปนกิจ ปัจจุบันยังใช้วิธีการฝังศพอย่างโบราณอยู่

หลุมฝังศพของหมู่บ้านแทบจะอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมดแล้ว สี่คนดูไปที่ศูนย์กลางของสุสานนั้น ชายชราหลังค่อมท่านหนึ่งพิงอยู่บนศิลาจารึกหลุมฝังศพแผ่นหนึ่ง กำลังพูดพึมพำอะไรสักอย่างด้วยเสียงต่ำอยู่ สายลมพัดในค่ำคืนไม่หยุด เสียงร้องต่ำทุ้มของนกฮูกดังมาในท่ามกลางความมืด ดูยังไงก็รู้สึกภาพฉากนี้ประหลาดเกินไป อดขนลุกทั้งตัวไม่ไหว

เฉียวฉีพูดเสียงเบาว่า: “ท่านกำลังทำอะไรอยู่อ่า”

ลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงต่างส่ายหัวกัน

สีหน้าของกู้ซือเฉียนดูไม่ค่อยดี กำลังจะก้าวเท้าออกไปก็ถูกจิ่งหนิงดึงไว้แล้ว

“คุณจะทำอะไร”

กู้ซือเฉียนพูดเสียงเย็นชาว่า: “เขากล้าหลอกพวกเรา ผมก็จะจับเขากลับไป”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว ดึงเขาไว้แรงๆ พูดด้วยเสียงเบาว่า: “คุณอย่าทำซี้ซั้วเลยนะ ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ไม่ว่ายังไง พวกเรากลับไปก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่า”

เฉียวฉีก็พูดคล้อยตามด้วย “ใช่สิ บรรยากาศที่นี่ประหลาดมาก พวกเราอย่ามีเรื่องกันที่นี่เลย ทุกอย่างรอกลับไปแล้วค่อยว่ากันเถอะ”

กู้ซือเฉียนมองเธอแวบหนึ่ง ทีนี้จึงไม่ได้พูดอะไรอีก เดินไปตามพวกเขาด้วยกัน

คงเป็นเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าตั้งนานแล้ว ท่านปู่ชิวไม่ได้หันหน้ากลับก็รู้ว่าคือพวกเขามาแล้ว

ท่ามกลางดึกดื่นค่อนคืน เขาที่เป็นชายชราอายุแปดสิบกว่าปีกำลังนั่งอยู่ข้างๆ ศิลาจารึกหลุมฝังศพ เสื่อวงกลมสีเทารองไว้ด้านล่าง ข้างๆ ยังมีเหล้าวางไว้หนึ่งเหยือก ลมแห่งค่ำคืนโชยผมสีเงินของเขาขึ้นมา มีความเคยผ่านอนิจจังหลายๆ อย่างที่ทำให้คนรู้สึกเศร้าใจอย่างหนึ่ง

“พวกแกคนตั้งเยอะมาหาฉันแบบนี้ ทำไม กลัวฉันหนีหรือไง”

เขาดื่มเหล้าไปด้วยพูดไปด้วย

จิ่งหนิงเม้มปากและเดินขึ้นไป

“ท่านปู่ คือพวกหนูกลับไปแล้วเห็นท่านไม่อยู่ กังวลว่าท่านจะเจอเรื่องอันตรายจึงมาหาท่าน”

“กังวลว่าฉันจะเจอเรื่องอันตรายงั้นเหรอ”

ท่านปู่หัวเราะเยาะเสียงหนึ่งเหมือนกับได้ยินเรื่องตลกใหญ่หลวงเพียงใดอย่างนั้น “เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่จริงใจเลยจริงๆ กังวลของที่พวกแกอยากได้อันนั้นก็พูดตรงๆ เลยดีกว่า เล่นละครที่เสแสร้งขนาดนี้ให้ใครดูเนี่ย”

พูดจบก็ดื่มเหล้าเข้าไปอีกคำ

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว

แม้เธอจะห่างกับท่านปู่ชิวได้ครึ่งเมตรกว่า ก็ได้กลิ่นเหล้าอันฉุนนั้นอยู่ดี ดึกขนาดนี้แล้ว อากาศหนาวอย่างนี้ เขาซึ่งเป็นชายชราที่มีชีวิตอยู่ต่ออีกไม่นานแล้วดื่มเหล้าเย็นและถูกลมกลางคืนพัดอยู่ตรงนี่ อีกไม่นานคงจะป่วยแน่เลย

จึงขี้เกียจพูดกับเขาอะไรมาก ถามตรงๆ เลยว่า: “ท่านปู่ เวลาดึกแล้ว พวกเรากลับไปกันเถอะ?”

แต่ท่านปู่ชิวกลับส่ายหัว

“พวกแกจะกลับก็กลับไปเองเลย ฉันไม่กลับ!”

หน้าตาดื้อร้านแบบนี้ของเขา ทำให้กู้ซือเฉียนโมโหจนพุ่งเข้ามาอยากต่อยคน

ถูกเฉียวฉีดึงไว้แล้วทันที

เธอเดินขึ้นไป ดูศิลาจารึกหลุมฝังศพแผ่นนั้นและถามเสียงเบาว่า: “ท่านปู่ คนที่ถูกฝังอยู่ในนี้เป็นใครเหรอ”

ท่านปู้มองศิลาจารึกหลุมฝังศพสีเทาอันหนาวเย็นนั้น เหม่อลอยได้เนิ่นนาน จากนั้นจึงถอนหายใจ

“คนที่ฝังอยู่ในนี้คือภรรยาของฉัน ตายสีสิบกว่าปีแล้วละ”

เขาพูดไปด้วยหันข้างไปด้วย เช็ดฝุ่นที่อยู่บนศิลาจารึกหลุมฝังศพนั้นอย่างรักใคร่ สายตาที่มองมันอยู่ก็เหมือนกับมองสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในบนโลกนี้อย่างนั้น

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว สายตาหยุดอยู่ตรงศิลาจารึกหลุมฝังศพนั้นได้สักพัก

อาจเป็นเพราะกาลเวลาเนิ่นนานเกินไป ชื่อที่แกะสลักอยู่บนศิลาจารึกหลุมฝังศพเริ่มลอยหายไปกับสายลมแล้ว บวกกับฟ้ามืดเกินไปด้วย เห็นไม่ชัดเลยว่าข้างบนนั้นแกะสลักว่าอะไร

แต่ยังไงท่านปู่ชิวก็บอกแล้วว่าคนที่ฝังอยู่ข้างในเป็นภรรยาของเขา ในใจจิ่งหนิงก็รู้สึกเคารพขึ้นมา

ยืนตัวตรง สองมือพนมไว้ คำนับอย่างมีมารยาทหนึ่งครั้ง

เฉียวฉีก็ลากกู้ซือเฉียนมาทำความเคารพให้กับท่านยายที่ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว

พอทำทุกอย่างนี้เสร็จเรียบร้อย พวกเขาจึงมองไปที่ท่านปู่ชิว

เห็นแต่ท่านปู่ชิวลูบไล้ศิลาจารึกหลุมฝังศพนั้นเนิ่นนาน จากนั้นจึงถอนหายใจและพูดว่า: “ยายแก่ ฉันจะกลับไปแล้วนะ เธออยู่ที่นี่คนเดียวดีๆ นะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะลงมาหาเธอไม่ช้าก็นาน ถึงตอนนั้นเธอก็จะไม่โดดเดี่ยวเหงาหงอยอีกแล้ว”

คำพูดของคนแก่ทำให้จิ่งหนิงและเฉียวฉีต่างอยากร้องไห้กัน

พวกเธอเป็นผู้หญิงด้วยกัน แม้ว่าปกติจะเข้มแข็งเคร่งขรึมแค่ไหน แต่ในลึกๆ แล้วสุดท้ายก็นุ่มนวลอยู่ดี

พวกเธอไม่ชอบท่านปู่ชิว เพราะว่าดื้อร้านและความชอบหาเรื่องของเขา แต่ก็ไม่ได้หมายถึงพวกเธอไม่ยอมรับความรักของเขา

โดยเฉพาะตอนที่เธอเห็นคนแก่เหมือนกับเทียนที่ใกล้ดับท่ามกลางสายลมแล้วด้วยตาของตัวเอง บอกคำพูดเหล่านี้ให้กับคนแก่อีกคนที่ถูกฝังไว้ใต้ดินนานสีสิบกว่าปีแล้ว ในใจก็จะมีความรู้สึกอีกอย่างพุ่งขึ้นมา

จิ่งหนิงถอนหายใจคำหนึ่ง เดินขึ้นไปพยุงท่านปู่ชิวลุกขึ้นมา

“ท่านปู่ พวกหนูส่งท่านกลับไปนะ”

ท่านปู่ชิวมองเธอ ในที่สุดก็ไม่ได้ปฏิเสธและพยักหน้า

คนหนึ่งกลุ่มกลับไปถึงวิลล่า ท่านปู่ชิวนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องรับแขกสูบยาเส้นเงียบๆ

ลู่จิ่งเซินและคนอื่นๆ มองเขาอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่ขยับตัวเลย

จิ่งหนิงพูดว่า: “ท่านปู่ ที่พวกหนูมาในครั้งนี้คืออยากจะขอให้ท่านช่วยเหลือด้วยความจริงใจของพวกหนู หนูรู้ ความจริงท่านไม่ใช่คนที่ไม่เห็นใจคนอื่นแบบนั้น ส่วนพวกหนูก็ไม่ใช่อยาก​ละโมบ​สมบัติของท่าน แผ่นหยกนั้นเมื่ออยู่ในมือของท่านก็เป็นแค่วัตถุโบราณธรรมดาๆ อย่างหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ในมือของพวกหนูก็จะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้

ดังคำกล่าวที่ว่า ช่วยชีวิตคนคนเดียว ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ภรรยาของท่านเสียชีวิตหลายปีแล้ว ท่านก็หวังว่าสามารถทำบุญให้เธอได้ ชาติหน้าจะได้เป็นคู่สร้างคู่สมอีกไม่ใช่เหรอ ขอให้ท่านเมตตากรุณา เอาของออกมา พวกหนูจะยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของท่าน”

ท่านปู่ชิวหรี่ตามองเธอด้วยหางตา พูดเยาะเย้ยอย่างเย็นชา

“ทำบุญ? เธอคิดว่าฉันท่านปู่จะเชื่อเรื่องเหล่านี้เหรอ”

เขาพูดไปด้วย เคาะถุงยาเส้นที่สูบหมดตั้งนานแล้วไปด้วย จากนั้นก็ใส่ยาเส้นใหม่เข้าไปอีก

แกล้งทำเป็นพูดว่า: “ฉันอยู่มาแปดสิบกว่าปีแล้ว บนโลกนี้คนแบบไหนก็เคยเจอมาหมด เรื่องแบบไหนก็เคยผ่านมาหมดแล้ว ที่พวกแกบอกช่วยชีวิตคนคนเดียว ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นนั้นเหรอ ฮ่า!”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท