วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 926 ถูกกักบริเวณตบตา

บทที่ 926 ถูกกักบริเวณตบตา

ศิษยาภิบาลพูดเสียงดังอีกครั้ง “เจ้าบ่าว คุณสามารถจุมพิตเจ้าสาวได้”

แต่สุดท้ายบรรยากาศก็ถูกทำลายไปแล้ว ทั้งสองคนที่จ้องหน้ากันในตอนนี้ต่างรู้สึกหนักใจและจะมีแก่ใจทำเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน?

กู้ซือเฉียนเองก็ดูออกว่าเธอไม่มีแก่ใจแล้ว ดังนั้นในท้ายที่สุด เขาก็แค่บรรจงจูบเธอที่หน้าผากเท่านั้น ซึ่งถือเป็นพิธีการ

หลังจากพิธีเสร็จก็ถีงเวลาของงานเลี้ยง

เฉียวฉีจะต้องเปลี่ยนชุด ดังนั้นกู้ซือเฉียนจึงกลับไปที่โรงแรมเป็นเพื่อนเธอ

แน่นอนว่าเธอจะต้องเอาของขวัญที่บรรดาแขกให้มากลับไปด้วย

ต่อให้ไม่ชอบหนานมู่หรง แต่ต่อหน้าแขกเหรื่อมากมายแบบนี้ จะให้หักหน้าคนอื่นโดยตรงแบบนี้

เพียงแต่ในตอนที่เฉียวฉียื่นมือไปหยิบกล่องของขวัญนั้นกลับรู้สึกวูบและสั่น

กู้ซือเฉียนหูตาไว้และพยุงเธอไว้ “เป็นอะไร?”

ผ่านไปไม่กี่วินาทีจึงได้สติและส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ”

กู้ซือเฉียนขมวดคิ้ว

เมื่อเห็นเธอมีสีหน้าซีดขาวจึงพูดด้วยความเป็นห่วง “เธอไม่สบายรึเปล่า? ทำไมสีหน้าถึงดูแย่จัง?”

เฉียวฉีโบกมือไปมา “ไม่เป็นไรจริงๆ ฉันคงจะตื่นเช้าไป เหนื่อยเกินไป”

เธอเป็นเจ้าสาวแล้ว นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของพวกเขา วันนี้พวกเขาตื่นนอนตีสี่และถูกดูแลโดยช่างแต่งหน้าและสไตลิสต์ ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้พวกเขานอนไม่หลับ

กู้ซือเฉียนเห็นแบบนั้นจึงรู้สึกไม่วางใจ

ทั้งสองกลับไปที่โรงแรมเพราะงานเลี้ยงตอนเที่ยงจัดที่โรงแรม ดังนั้นคนอื่นๆ จึงได้กลับไปด้วยอยู่แล้ว

เกาะแห่งนี้ตั้งแต่ถูกกู้ซือเฉียนซื้อมา ก็ไม่ได้มีการเปิดมากนักแม้แต่โรงแรมก็ว่างเช่นกัน

ครั้งนี้พวกเขามาจัดงานแต่งงานที่นี่ จึงได้จัดคนมาดูแลห้องพัก ห้องจัดเลี้ยง ห้องครัว และเรื่องอื่นๆ ของโรงแรมเป็นการชั่วคราว

เพราะมีลุงโออยู่ด้วย จึงดำเนินการไปอย่างมีระเบียบและไม่เลอะเทอะอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อกลับถึงห้องพัก เฉียวฉีก็หย่อนก้นลงนั่งบนโซฟา

กู้ซือเฉียนเห็นสีหน้าของเธอผิดปกติชัดเจนจึงยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

“อะเฉียวๆ”

เขาตบไหล่และเรียกเธอสองครั้ง

เฉียวฉีหันหน้ากลับมามองเขาแต่สายตากลับฝ้าฟาง

“อะเฉียว เธอไม่เป็นไรนะ? ทำไมเธอหน้าซีดแบบนี้ล่ะ?”

อย่างไรก็ตาม คราวนี้เฉียวฉีไม่ตอบ

ดวงตาของเธอมืดลงและล้มพับไป

ไม่มีใครคาดคิดว่างานแต่งงานดีๆ สุดท้ายแล้วจะเกิดเรื่องผิดพลาดในที่สุด

หลังเฉียวฉีเป็นลมไป กู้ซือเฉียนก็รีบเรียกหมอเข้ามาเพื่อทำการตรวจ หมอกลับพบว่าสถานการณ์ของเธอนั้นแปลกประหลาดมาก อย่าว่าแต่รักษา แม้แต่สาเหตุที่เป็นลมก็ยังไม่สามารถจะบอกได้

คนอื่นๆ เมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ต่างรีบมา และออกันอยู่ที่หน้าห้อง

ภายในห้องนอนกู้ซือเฉียนดูแลเฉียวฉีที่อยู่บนเตียง และมองดูหมอที่กำลังทำการตรวจรักษาเธอแล้วพูดขึ้นอย่างกังวล: “เธอเป็นอะไรกันแน่? คุณพูดอะไรหน่อยสิ!”

หมอเป็นหมอที่อยู่ประจำในปราสาท เดิมทีในวันดีๆ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องกับใครขึ้น

แต่ยังดีที่ลุงโอทำอะไรด้วยความรอบคอบ ถึงแม้จะไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเฉียวฉีและกู้ซือเฉียน แต่ที่สุดแล้วในเกาะส่วนตัวที่เป็นเกาะปิด จึงกลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาดกับแขกในงาน ดังนั้นจึงได้ป้องกันไว้ก่อน โดยการเตรียมหมอมาด้วยหนึ่งคน

คิดไม่ถึงว่าจะมีประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง

ตอนนี้หมอทำการตรวจแล้วแต่ก็ยังไม่พบสาเหตุ

ครู่หนึ่งเขาก็พูดตะกุกตะกักขึ้นมา: “คุณชายกู้ ระ…เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน บนเกาะไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ ถ้าดูจากสถานการณ์ตรงหน้าในตอนนี้ ผมไม่สามารถวินิจฉัยหาสาเหตุว่าทำไมภรรยาของคุณถึงเป็นลมได้เลย”

กู้ซือเฉียนสีหน้าเคร่งขรึม

ลุงโอที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น: “ถ้าอย่างนั้นเรากลับปราสาทกันไหมครับ?”

ขณะที่กู้ซือเฉียนกำลังจะตกลง น้ำเสียงนิ่งๆ ของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังเข้ามา

“ไม่จำเป็นต้องกลับหรอก ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”

เขาพูดและก้าวเท้าเข้ามา

ทุกคนตกใจอย่างรุนแรง และเห็นว่าคนคนนั้น หากไม่ใช่หนานมู่หรงแล้วจะเป็นใคร?

ดวงตาของกู้ซือเฉียนมืดมิด ถึงแม้ว่าจะยังไม่มั่นใจว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของเฉียวฉีจะเกี่ยวข้องกับเขาไหม แต่เมื่อเห็นเขาในตอนนี้ก็เกิดความไม่สบายใจ

แน่นอนว่าหนานมู่หรงรู้ทันว่าเขากำลังคิดอะไร

แต่กลับไม่สนใจ

เขาเดินไปที่ข้างเตียง หยิบกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเขา และหยิบยาเม็ดสีเหลืองทองออกจากกล่อง พร้อมที่จะใส่เข้าไปในปากของเฉียวฉี

อย่างไรก็ตามระหว่างที่เขากำลังยื่นมือออกมานั้นก็ถูกกู้ซือเฉียนห้ามไว้

“หนานมู่หรง นายหมายความว่ายังไง?”

หนานมู่หรงมองไปที่เขาแล้วยิ้ม

“ทำไม? กลัวฉันจะวางยาเธอ? ฉันบอกนายแล้วกัน หากไม่มียาเม็ดนี้ของฉัน ไม่ต้องให้ฉันวางยาเธอ ภายในครึ่งชั่วโมงเธอก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกไป ทุกคนต่างตกใจ

ลุงโอเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน “คุณหนาน ชีวิตของคนเป็นเรื่องสำคัญ จะเอามาล้อเล่นไม่ได้! สิ่งที่คุณพูดเมื่อครู่หมายความว่ายังไงครับ?”

เมื่อเห็นสายตาที่สงสัยของทุกคน หนานมู่หรงก็รู้ตัวว่าหากวันนี้เขาไม่อธิบายให้กระจ่าง เขาคงไม่ได้ออกไปจากที่นี่แน่

เขาไม่กังวลเลยและอธิบายอย่างละเอียด

“อาการของเธอตอนนี้ เป็นโรคทางพันธุกรรมที่หาได้ยาก ปกติแล้วก็ไม่มีอะไร แต่จะมีอาการเมื่อถึงอายุที่กำหนด หลังจากเกิดอาการ ร่างกายจะอยู่ในอาการโคม่า อวัยวะภายในและหลอดเลือดจะย่ำแย่อย่างรวดเร็ว หากปราศจากยาแก้พิษเธอคงตายภายในเวลาอันสั้นอย่างไม่ต้องสงสัย”

สีหน้าของกู้ซือเฉียนเปลี่ยนไป

และสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป

มีคนถามขึ้น: “พวกเราจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าคุณพูดจริง?”

หนานมู่หรงเลิกคิ้ว

“ได้ พวกคุณจะไม่เชื่อผมก็ได้ เธอไม่ต้องกินยานี้ก็ได้ แต่ผมคงจะต้องพูดอะไรที่ไม่น่าฟังไว้ก่อนว่าเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง หลังจากครึ่งชั่วโมงนั้นไป ต่อให้ผมมียา เธอก็คงไม่สามารถจะฟื้นตัวได้ พวกคุณก็ชั่งน้ำหนักกันเองก็แล้วกัน”

พูดเสร็จก็หันหลังเดินออกไป

ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงประตู เสียงเย็นเยียบก็ดังลอยมา

“เดี๋ยวก่อน!”

กู้ซือเฉียนจ้องที่เขาอย่างเย็นชา “เอายามา”

หนานมู่หรงยิ้มเล็กน้อย หันกลับมาแล้ว่ส่งยาให้เขา

อย่างไรก็ตาม หลังจากกู้ซือเฉียนได้ยาไป กลับไม่ได้รีบร้อนป้อนยาและกลับสั่งฉินเยว่ “เชิญคุณหนานกับคุณนายหนานไปพักดื่มชาที่วิลล่าข้างๆ ห้ามใครรบกวนถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน”

คำพูดแบบนี้ ทุกคนต่างเข้าใจได้

มันคือการกักบริเวณแบบตบตา

ถ้าหากเฉียวฉีฟื้นขึ้นมาก็ดีไป แต่ถ้าหากไม่ฟื้น ทั้งหนานมู่หรงกับหลินเยว่เอ๋อร์คงจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้แน่

หนานมู่หรงหรี่ตาเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะทำเช่นนี้

กู้ซือเฉียนเป็นคนยังไงกัน?

ตั้งแต่เด็กเขาเป็นคนที่ไร้ความปรานีและโตมากับธุรกิจสีดำ มีหรือที่เขาจะเชื่อคำพูดของเขาโดยง่ายและป้อนยาให้เฉียวฉี

ดังนั้น หนานมู่หรงจึงไม่โกรธจึงให้ความร่วมมือและพาหลินเยว่เอ๋อร์ไปที่วิลล่าข้างๆ

กู้ซือเฉียนให้ลุงโอเทน้ำมาหนึ่งแก้วแล้วให้เฉียวฉีกินยาเม็ดนั้น

หลังจากกินยาก็เฝ้าเธอไม่ห่างและมองเธออย่างกระวนกระวาย

ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที เฉียวฉีจึงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา

หลังจากฟื้นแล้วเห็นเขาสิ่งแรกที่เธอถาม “ฉันเป็นอะไรไปคะ?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท