วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 943 ไม่อยู่ตรงนี้

บทที่ 943 ไม่อยู่ตรงนี้

เขายิ้มแห้งเสียงหนึ่ง ใบหน้าแสดงความเยาะเย้ยออกมา “ฉันไม่เชื่อตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันสนแค่ตัวเองใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ไม่คิดอะไรอย่างอื่นเลย แม้ว่าหลังจากตายแล้วจะตกลงไปนรกสิบแปดชั้นแล้วยังไง กูไม่สนหรอก!”

เมื่อเขาพูดคำพูดนี้ออกมา กู้ซือเฉียนเปลี่ยนสีหน้าทันที

จิ่งหนิงก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน ถามว่า: “ท่านปู่ ท่านพูดแบบนี้ แสดงว่าไม่ยอมช่วยใช่ไหม”

ท่านปู่ชิวมองเธอแวบหนึ่งและยิ้มพูดว่า: “ของที่พวกแกอยากได้ ฉันไม่มีจริงๆ ถ้าอยากได้ชีวิต นี่ฉันมีชีวิตแก่ๆ หนึ่งชีวิต แน่จริงพวกอกก็เอาไปเลย ฉันไม่แคร์”

“แม่งมึงนึกว่ากูไม่กล้าฆ่ามึงจริงเหรอ!”

เพิ่งพูดจบก็ถูกกู้ซือเฉียนพุ่งเข้าไปดึงเสื้อคอไว้

ทุกคนล้วนตกใจมาก เฉียวฉีรีบขึ้นไปดึงแขนของเขาไว้: “ซือเฉียน อย่าใจร้อน!”

แต่กู้ซือเฉียนทนท่านปู่คนนี้นานเกินไปแล้ว เวลานี้ยังจะยอมทนได้ที่ไหน

ควักปืนออกมากระบอกหนึ่งจ่อหัวของเขา กัดฟันไว้ด้วยความแค้น “เชื่อไหมว่ากูยิงมึงให้ตายในนัดเดียวเลย”

ท่านปู่ชิวหรี่ตามองเขา

แม้ว่าถึงเวลานี้แล้ว สีหน้าของเขายังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ยังคงเป็นหน้าตาแบบหมูตายไม่กลัวน้ำเดือดลวกอย่างนั้น ยิ่งกว่านั้นบนใบหน้ายังมีรอยยิ้มแบบเยาะเย้ยด้วยซ้ำ

“อยากฆ่าฉันตายงั้นเหรอ ยิงสิ ยิงมาตรงนี้เลย ถ้าฉันตายแล้ว พวกแกก็อย่าหวังจะได้แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ก้อนนั้นตลอดชีวิตเลย แกกับเด็กผู้หญิงที่แกชอบคนนี้เนี่ยก็รอตายไปเหอะ! ไม่มีใครช่วยเธอได้ ฮ่าๆๆๆๆ…”

เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง หลอดเลือดดำตรงหน้าผากของกู้ซือเฉียนโป่งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดมาก นัยน์ตาสีดำคู่หนึ่งจ้องเขาด้วยความโกรธแค้น แทบอยากจะลั่นไกทันทีเลย

จิ่งหนิงเห็นแล้วเปลี่ยนสีหน้าทันที กลัวเขาจะโกรธจนฆ่าท่านปู่ชิวให้ตายเลยจริงๆ

รีบเข้าไปห้ามเขาไว้และพูดว่า: “กู้ซือเฉียน อย่าทำซี้ซั้วเลยนะ!”

เฉียวฉีก็ดึงแขนเสื้อของกู้ซือเฉียนด้วยและพูดเบาๆ ว่า: “ท่านไม่กลัวตาย คุณทำแบบนี้ขู่ท่านไม่ได้หรอกนะ ใจเย็นหน่อย”

ยังไงกู้ซือเฉียนก็ยังมีสติอยู่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยชีวิตของเฉียวฉี เขาก็ไม่กล้าเอามันมาล้อเล่นเหมือนกัน

ในที่สุดก็วางปืนลงอย่างโกรธเคือง

จิ่งหนิงส่งสายตาให้ลู่จิ่งเซิน ให้สัญญาณเขาพากู้ซือเฉียนออกไปทำจิตใจให้สงบก่อน

ลู่จิ่งเซินกับเธอหัวใจตรงกัน รู้ความหมายของเธอแน่นอนอยู่แล้ว รีบพากู้ซือเฉียนออกไปทันที

หลังจากรอพวกเขาออกไปกันหมดแล้ว จิ่งหนิงจึงหันหน้ากลับไปมองท่านปู่ชิวอย่างจริงๆ จังๆ

เมื่อกี้คอเสื้อของท่านปู่ชิวถูกกู้ซือเฉียนทำจนหลุดลุ่ยแล้ว ขณะนี้กำลังจัดการให้ตัวเองอย่างละเอียด จริงๆ แล้วเป็นชายชราที่แก่หง่อมคนหนึ่ง แต่กลับเหมือนจะพิถีพิถันในการแต่งตัวของตัวเองมากเลย

หลังจากจัดการเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อย เขาจึงส่งเสียงไม่พอใจออกมาแรงๆ คำหนึ่ง จากนั้นเก็บยาเส้นที่ถูกโยนไปเรี่ยราดกลับเข้าไปในถุงยาเส้นต่อ

จิ่งหนิงกับเฉียวฉีคุยซุบซิบสองประโยค ให้สัญญาณเธอว่าก็ออกไปก่อนเช่นกัน

หลังจากรอเธอก็ออกไปแล้ว ทีนี้จึงยกมือขึ้นมา เอาไฟแช็กจุดบุหรี่ให้ท่านปู่ชิว

ท่าทางของท่านปู่ชิวชะงักทีหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมามองเธอ

สีหน้าของจิ่งหนิงเยือกเย็น ไม่มีความรู้สึกเอาใจหรืออยากประจบสักนิดเลย ยิ่งไม่มีความโกรธแม้แต่สักนิดเดียวเลย

เขาจึงยิ้มแห้งๆ เสียงหนึ่ง ก้มหน้าเอาบุหรี่จุดไฟในมือของเธอ

หลังจากจุดบุหรี่เรียบร้อย เขาสูบลึกๆ คำหนึ่ง จากนั้นพิงลงไปที่เก้าอี้อย่างสบาย มองจิ่งหนิงพูดว่า: “อย่าคิดว่าเธออยู่ต่อเอาใจฉันก็สามารถพูดให้ฉันยอมแล้ว ฉันบอกแล้ว ของมันไม่มีก็คือไม่มี ถึงแม้เธอพูดจนปากแตก ฉันก็ไม่ให้พวกเธอโดยเด็ดขาด”

เขาแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าฟังไม่เข้าสักอย่าง จะแข็งกับพวกเขาจนถึงที่สุด

จิ่งหนิงก้มหน้าลงเล็กน้อย เงียบแล้วสักพัก

จากนั้นพูดเบาๆ ว่า: “ถ้าท่านไม่ยอมเอาออกมาจริงๆ พวกหนูก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงของก็เป็นของท่าน ท่านไม่ยอมเอาออกมาแล้วจะให้พวกหนูไปแย่งอย่างนั้นเหรอ”

พอพูดถึงตรงนี้ เธออดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ไหว

“หนูแค่รู้สึกว่า ท่านปู่ใช้ชีวิตจนถึงอายุนี้แล้ว แต่ยังคงเหมือนชายหนุ่มที่มีอายุน้อย ทำอะไรชอบใจร้อน เพื่อความสุขช่วงสั้นๆ ไม่สนใจผลที่จะตามมา แปดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ สงสัยใช้ชีวิตไปเสียเปล่าซะแล้ว”

พอเธอพูดแบบนี้ ท่านปู่จ้องตาโตขึ้นมา หันหน้ามองเธออย่างโมโหทันที

“เธอพูดอะไรนะ”

จิ่งหนิงยิ้มอ่อนๆ เดินช้าๆ ไปที่เก้าอี้ข้างๆ นั่งลง“หรือว่าไม่ใช่เหรอ”

เธอยิ้มเบาๆ พูดว่า: “ถ้าหนูเดาไม่ผิด ที่ท่านไม่ยอมเอาของออกมา ไม่ใช่ว่าท่านจงใจอยากหาเรื่องพวกหนู แต่ความจริงคือของนั้นไม่อยู่ในมือของท่านตั้งนานแล้วใช่หรือไม่”

สีหน้าของท่านปู่เปลี่ยนแปลงทันที

จิ่งหนิงก้มหน้าลงเล็กน้อยและยิ้มออกมา

“หนูได้ข่าวว่าเหลนสาวของท่าน ช่วงก่อนหน้านี้อยู่ๆ ก็หายตัวไปแล้ว?”

ทีนี้ท่านปู่ชิวเหมือนก็รู้สึกได้ว่าเธอมาโดยมีการเตรียมตัวมาก่อนแล้ว แม้แต่บุหรี่ก็ไม่สูบแล้ว วางถุงยาเส้นลง มองเธออย่างแหลมคม

“เธออยากพูดอะไร”

“หนูอยากพูดว่า ความจริงของไม่อยู่ที่ท่านตั้งนานแล้ว แต่อยู่ที่เหลนสาวของท่าน ใช่ไหม”

สีหน้าของท่านปู่กลายเป็นดูไม่ดีมากในชั่วขณะเลย

“พูดมั่วล่ะ! ตอนที่เธอไปไม่ได้เอาอะไรติดตัวเลย ส่วนของนี่ก็ยิ่งไม่มีทางเอาให้เธอ!”

“อ๋อ? แต่ได้ข่าวว่าเธออยู่ๆ ก็หายตัวไปกะทันหันไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นหายตัวไปกะทันหัน แล้วท่านรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้เอาอะไรติดตัวเลย”

“ฉัน…”

ท่านปู่ไม่ทันสังเกต กลับถูกเธอทำจนพูดไม่ออก หลังจากกลับมารู้ตัวแล้วจึงรู้ว่าเธอกำลังหลอกคำพูดอยู่ ทันใดนั้นโมโหจนหน้าแดงขึ้นมา

“โฮ่ เด็กผู้หญิงคนนี้นี่เล่ห์เหลี่ยมคดโกงจริงๆ มีลักษณะท่าทางเหมือนยายแก่หชินในตอนนั้นเลยจริงๆ แต่ถ้าเธออยากหลอกคำพูดจากปากของฉันก็ยังอ่อนอยู่ ฉันจะบอกเธอ ตอนนั้นที่พวกเราทำมาหากินในวงการอยู่เธอยังไม่เกิดเลย เพราะฉะนั้นรีบเก็บหัวใสของเธอนั้นกลับไปดีกว่า ฉันไม่โดนหลอกแน่นอนหรอก”

จิ่งหนิงส่ายหัว

“หนูไม่ได้อยากให้ท่านโดนหลอก และก็ไม่ได้อยากหลอกคำพูดของท่านด้วย ความจริงพอพูดถึงตอนนี้แล้ว ท่านไม่ยอมเอาของให้พวกหนู หนูก็ไม่จำเป็นต้องพูดกับท่านอะไรเยอะแล้ว แต่หนูคิดว่าบนโลกนี้มีบางสิ่งบางอย่างไม่ได้เป็นสองขั้วหรืออยู่ตรงกันข้ามอย่างเด็ดขาด

ท่านอยากปกป้องเหลนสาวของท่าน พวกหนูอยากหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ให้เจอ เอามันไปช่วยชีวิตของเฉียวฉี ระหว่างสองเรื่องนี้ไม่มีความขัดแย้งกันใดๆ เลย ท่านคิดว่ายังไง”

สีหน้าของท่านปู่ชิวดูแย่มาก

จิ่งหนิงพูดต่อว่า: “หนูไม่รู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับท่าน จนทำให้เหลนสาวของท่านอยู่ดีๆ ก็หายตัวไป แต่หนูรู้ว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แน่นอน ถ้าหนูเดาไม่ผิด เธอน่าจะไม่ใช่หายตัวไป แต่คือตั้งใจซ่อนตัวไว้ใช่หรือไม่ มีคนแอบแจ้งเบาะแสให้กับท่านว่าช่วงนี้จะมีคนมาหาสมบัติก้อนนี้ หรืออาจจะบอกท่านอะไรอย่างอื่นด้วย ทำให้ท่านตัดสินใจ ไม่ยอมให้ของตกอยู่ในมือของพวกหนูใช่หรือเปล่า”

คำพูดทั้งหมดของเธอพูดจบ สีหน้าของท่านปู่ซับซ้อนมาก

เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ความคิดที่ตัวเองปกปิดไว้ลึกขนาดนี้ กลับถูกเด็กผู้หญิงอย่างเธอเดาถูกแล้วจริงด้วย

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท