วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 978 เหมือนยกภูเขาออกจากอก

บทที่ 978 เหมือนยกภูเขาออกจากอก

“แล้วคุณไม่เคยสงสัยเขาบ้างเลยเหรอ”

โม่ไฉ่เวยมีความอึ้งเล็กน้อย สามยตาเต็มไปด้วยความมึนงงและความสงสัย

“ทำไมฉันต้องสงสัยเขา อะซู่ดีกับฉันมากเลยนะ เขาคือคนที่ดีกับฉันมากที่สุดบนโลกใบนี้ ฉันไม่มีทางสงสัยเขา”

หน้าตาไร้เดียงสาซื่อ ๆของเธอนี้ทำให้จิ่งหนิงรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย

เธอถอนหายใจออกคำหนึ่งเบาๆ “ก็ได้ ถึงจะเป็นแบบนี้ แล้วทำไมคุณถึงต้องหลบฉัน อย่าบอกฉันนะ ว่าที่คุณรีบจากไปครั้งนี้ไม่ใช่เพราะฉัน”

เมื่อโม่ไฉ่เวยได้ยิน ก็เหมือนกับคำโกหกที่ซ่อนไว้อย่างลำบากถูกคนเปิดเผยแล้ว เกลียวนิ้วมืออย่างตื่นเต้น

“ฉัน…ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจอยากหลบคุณ…ฉันก็แค่กลัว”

“กลัว?” จิ่งหนิงยกคิ้ว “คุณกำลังกลัวอะไรอยู่”

“ฉัน…” จู่ๆ เธอก็ตะขิดตะขวงใจสุดๆ สายตาหมุนไปหมุนมา เหมือนกำลังค้นหาอะไรอยู่

จิ่งหนิงรู้ว่าเธอกำลังมองหาเชวซู่อยู่

ผู้ชายคนนั้น ตอนนี้ก็เหมือนพลังหลักของเธออย่างนั้น ไม่สามารถห่างออกจากภายในขอบเขตสายตาของเธอ ไม่อย่างนั้น เธอก็จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

ถึงแม้จิ่งหนิงไม่ใช่คุณหมอ แต่สำหรับด้านจิตวิทยาแล้วก็มีความรู้อยู่บ้าง

เธอสังเกตเห็นสภาพของโม่ไฉ่เวยในตอนนี้ เหมือนเป็นโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างหนึ่ง

เธอเคยถูกทำร้ายอย่างรุนแรงหนักมาก ในการถูกทำร้ายครั้งนั้น คนที่เธอเชื่อใจที่สุดหักหลังเธอ และยังอยากได้ชีวิตของเธออีกด้วย

เพราะฉะนั้น เธอตื่นตลึง เธอกระสับกระส่าย แม้ว่าหลังจากที่เธอตื่นมาแล้วจะเสียความทรงจำทุกอย่างไป แต่ความหวาดกลัวภายใต้จิตใต้สำนึกนั้นยังคงหลงเหลือไว้อย่างลึกซึ้ง

คนที่ช่วยเธอไว้คือเชวซู่

เหมือนกับคนที่จมน้ำคนหนึ่ง อยู่ๆ ก็จับฟางเส้นที่ช่วยชีวิตไว้ได้ ก็คิดว่าเขาเป็นแสงแดดหนึ่งเดียวในชีวิตแล้ว ดึงไว้แรงๆ ไม่ยอมปล่อยมือ

สำหรับเธอแล้ว ทุกอย่างในรอบตัวนั้นไม่คุ้นเคยเลยและทำให้คนรู้สึกกระสับกระส่าย มีแต่เชวซู่ ผู้ชายที่เคยช่วยเธอไว้คนนี้ ทำให้เธอเชื่อใจ ทำให้เธอเพิ่งพา

ทันใดนั้นจิ่งหนิงก็ปล่อยวางได้แล้ว

เพราะฉะนั้น ตัวเองกำลังคิดหยุมหยิมอะไรอยู่เหรอ

เหมือนอย่างที่ลู่จิ่งเซินกล่าวไว้ เธอสามารถมีชีวิตอยู่รอดมาจากอุบัติเหตุรุนแรงอย่างนั้นมาได้ ถือว่าเป็นความเมตตาที่พระเจ้ามอบให้พวกเธอแล้ว

สิ่งที่เธอต้องทำไม่ใช่กล่าวโทษกับตำหนิ แต่คือควรรักและทะนุถนอมเธอ ชดเชยเวลาที่สองคนไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันในสิบปีนี้กลับมาทั้งหมด

พอคิดถึงตรงนี้ มุมปากของจิ่งหนิงก็ยิ้มออกมา

“พอแล้ว ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกแล้ว”

เธอชะงักและถามหยั่งเชิง: “ฉันขอ…อยู่ใกล้คุณหน่อยจะได้ไหม”

โม่ไฉ่เวยตะลึง เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างงงงัน

จิ่งหนิงก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง “คุณไม่ต้องกลัว ฉันเป็นลูกสาวของคุณ คือคนในครอบครัวของคุณ ฉันไม่ทำร้ายคุณหรอก ก็เหมือนอะซู่ของคุณ พวกเรารักคุณมาก เพราะฉะนั้นคุณไว้ใจได้เลย ฉันก็แค่คิดถึงคุณมาก อยากอยู่ใกล้ๆ คุณ คุณอย่าหลบฉันได้ไหม”

โม่ไฉ่เวยมองเธออย่างตะลึง อาจเป็นเพราะเข้าใจสิ่งที่เธอพูดแล้ว ดังนั้นถึงแม้ตัวจะตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงพยายามยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน

ในที่สุดจิ่งหนิงก็เดินมาถึงข้างหน้าของเธอ

เธอยื่นสองมือออกไป โอบไหล่ของโม่ไฉ่เวย กอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน

“แม่”

ตะโกนออกมาคำหนึ่ง น้ำตาเต็มไปด้วยทั้งขอบตาแล้ว

โม่ไฉ่เวยยืนอยู่ตรงนั้นอย่างงงงัน สงสัยจะสัมผัสอารมณ์ของจิ่งหนิงได้แล้ว เธอก็ยื่นมือออกไปโอบกอดตัวของเธอเบาๆ

“แม่ ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว หลายปีนี้ฉันเคยฝันเป็นหลายรอบแล้ว ฝันถึงภาพที่ท่านอยู่กับฉันตอนเด็ก ฉันยังนึกว่าชาตินี้จะไม่เจอท่านอีกแล้ว แต่ตอนนี้เราสามารถมาพบกันอีกครั้ง ฉันดีใจและรู้สึกขอบคุณมาก ฉันไม่อยากบีบบังคับท่านให้นึกถึงเรื่องเจ็บปวดเหล่านั้น ท่านไม่อยากจำฉันได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถือว่าฉันขอร้อง แม่ อย่าหลบฉันอีกต่อไปแล้ว ได้ไหม”

โม่ไฉ่เวยตกตะลึง ไม่รู้ว่าทำไม จริงๆ แล้วเธอจำอะไรไม่ได้เลย แต่พอได้ยินเสียงของจิ่งหนิง ขอตาของเธอก็อดเสียใจไม่ได้

“ได้ ฉันไม่หลบคุณอีกแล้ว”

เธอพูดเสียงเบา

จิ่งหนิงอึ้ง ปล่อยเธอออกมาอย่างคาดไม่ถึง กุมมือของเธอไว้

“จริงเหรอ แม่ ท่านสัญญากับฉันแล้วเหรอ”

พอมาถึงจุดนี้ โม่ไฉ่เวยไม่ป้องกันเธออีกแล้ว ถึงแม้ยังไม่สามารถสนิทสนมกันมากขนาดนั้นเหมือนที่จิ่งหนิงทำ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอย่างตอนแรกแบบนั้นแล้ว

เธอยิ้มอย่างเคอะเขินและพยักหน้า

จิ่งหนิงตื่นเต้นไม่หยุด

“แม่ ฉันสัญญากับท่าน เมื่อไหร่ที่ท่านรู้สึกไม่ชอบ ฉันก็จะไม่มารบกวนท่านเด็ดขาด แต่ถ้าท่านรู้สึกไม่พอใจหรือมีใครทำร้ายท่าน ท่านก็ต้องบอกให้ฉัน ได้ไหม”

โม่ไฉ่เวยยิ้มอีกครั้ง ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นมาว่า: “ฉันสบายดีมาก ไม่มีใครทำร้ายฉัน”

หน้าตาใจดีและไร้เดียงสาของเธอนี้ยังคงเหมือนอย่างสิบปีที่แล้วอย่างนั้น

จิ่งหนิงถอนหายใจออกอย่างจำใจ

“ก็ได้!”

เธอนิ่งงันครู่หนึ่งและถามต่อว่า: “แล้วต่อไปพวกท่านอยากไปไหนต่อ ตกลงหรือยัง”

โม่ไฉ่เวยส่ายหัว “ฉันไม่ได้โกหก เรายังไม่ได้ตัดสินใจจะไปที่ไหนต่อจริงๆ ถึงแม้…ที่จากไปอย่างกะทันหัน เป็นเพราะการปรากฏตัวของพวกคุณ ทำให้ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อย ขอโทษนะ จิ่งหนิง ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ความหมายของฉันคือฉันไม่ได้กลัวคุณ…”

โม่ไฉ่เวยเหมือนจะเข้าใจได้อะไรบางอย่าง อยู่ๆ ตื่นเต้นขึ้นมา อธิบายด้วยเสียงรีบร้อน

จิ่งหนิงรีบพูดแทรกเธอและปลอบใจว่า: “ฉันรู้ คุณไม่ต้องตื่นเต้น ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้กลัวฉัน คุณก็แค่กลัวฉันจะพูดถึงเรื่องในอดีตให้คุณฟัง ทำให้คุณก็นึกถึงอดีตที่เจ็บปวดทรมานนั้นด้วยใช่ไหม”

โม่ไฉ่เวยชะงักหลายวินาทีและพยักหน้า

จิ่งหนิงโล่งอกโล่งใจแล้ว ปลอบใจด้วยเสียงเบา “คุณไม่ต้องกลัวและไม่ต้องห่วง ถ้าคุณไม่อยากจำเรื่องเหล่านั้นขึ้นมาได้ งั้นพวกเราก็คิดซะว่าเรื่องเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย อย่าพูดถึงเลยไม่ว่าใคร ดีไหม”

ทีนี้โม่ไฉ่เวยถึงเหมือนยกภูเขาออกจากอกและพยักหน้า

จิ่งหนิงยิ้ม “ถ้ายังคิดไม่ได้ว่าจะไปไหน ก็อยู่ในเมืองหลวงอีกสักสองวันไหม ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าพวกคุณเคยไปเดินเล่น เคยไปเที่ยวมาแล้วทุกที่ ฉันไม่เชื่อ ฉันรู้มีกี่สถานที่ยอดเยี่ยม คุณไม่เคยไปแน่นอน อยู่ที่นี่อีกสักสองวัน ฉันพาพวกคุณไปเดินเล่นดีไหม”

โม่ไฉ่เวยตะลึง เหมือนลังเลอยู่เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เธอเป็นคนใจอ่อน จิ่งหนิงเพิ่งแสดงสีหน้าขอร้องและไม่อยากให้จากไปออกมา เธอก็ยอมแพ้ทันทีแล้ว

“ก็ได้ ฉันสัญญากับคุณ”

ทีนี้จิ่งหนิงจึงเผยรอยยิ้มออกมากว้างๆ

ขณะนี้ ข้างนอกห้องรับแขก

ผู้ชายสามคนยืนอยู่ตรงนั้นเงียบกริบทั้งแถว

เจ้านายหยูรู้สึกพะอืดพะอมอยู่แล้ว ถึงแม้ฝ่ายหนึ่งจะเป็นเพื่อนของเขา อีกฝ่ายหนึ่งก็อาจจะเป็นผู้ร่วมมือด้านธุรกิจในอนาคตของเขา พอพูดถึงแล้วก็รู้จักกันหมด

แต่ถึงอย่างไร นี่คือเรื่องครอบครัวของคนอื่น เขาเป็นคนนอก ยืนอยู่ตรงนี้มักจะมีความรู้สึกแปลกๆ และเป็นส่วนเกินอย่างหนึ่ง

แต่ขณะนี้ข้างในมีอยู่แค่โม่ไฉ่เวยกับจิ่งหนิงสองคน เชวซู่พวกเขาเป็นคนต่างจังหวัด มาเมืองหลวงครั้งแรก ถ้าตัวเองทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่และจากไปก็ดูเหมือนไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแม่ลูกแท้ๆ แต่ปัจจุบันโม่ไฉ่เวยจำอะไรไม่ได้แล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท