วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 975 ไม่เคยปล่อยวาง

บทที่ 975 ไม่เคยปล่อยวาง

ความเสียใจแบบนั้นราวกับมีคนเอาสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดต่อในใจของเธอไปแล้วอย่างนั้น เจ็บปวดและไม่สบายอย่างบอกไม่ถูก

เชวซู่สังเกตเห็นสีหน้าของเธอแปลกๆ เป็นห่วงว่า: “ไฉ่เวย คุณเป็นอะไรไหม”

โม่ไฉ่เวยส่ายหัว เสียอย่างอ่อนโยน “อะซู่ ฉันเหนื่อยแล้วเหมือนกัน คุณก็ช่วยพยุงฉันกลับไปพักผ่อนเถอะ”

เชวซู่พยักหน้า

พอเจ้านายหยูเห็นเหตุการณ์แล้วก็รีบหยิบหยกแขวนตัวนั้นขึ้นมาเอาให้เธอและยิ้มว่า: “อย่างนั้นพวกคุณก็กลับไปคฤหาสน์พักผ่อนเถอะ ส่วนเรื่องอื่นค่อยคุยกันทีหลัง”

เชวซู่พยักหน้า จากนั้นจึงพยุงโม่ไฉ่เวยจากไป

วันนี้ลู่จิ่งเซินทําโอทีที่บริษัท ประชุมแล้วทั้งวัน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็สามทุ่มแล้ว

พรุ่งนี้ลูกๆ ต้องไปโรงเรียน เวลานี้หลับแล้วแน่นอน

เขาเข้าไปบ้าน หลังจากเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ กลับไม่เห็นจิ่งหนิงอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างคิดไม่ถึง มีแค่ป้าหลิวที่เก็บกวาดอะไรสักอย่างอยู่ตรงนั้นคนเดียว

อดรู้สึกคาดคิดไม่ถึงนิดหน่อย

เมื่อก่อนถ้าเขาทำโอทีทีไร จิ่งหนิงถึงอย่างไรก็จะอยู่ในห้องนั่งเล่นรอจนถึงเขากลับมา แล้วค่อยกลับห้องนอนพักผ่อนด้วยกัน

วันนี้คือไปไหนแล้วเหรอ

เขาเดินเข้าไปด้วยความสงสัย ดึงเนกไทตรงคอไปด้วย ถามป้าหลิวไปด้วย “คุณนายอยู่ไหนเหรอ”

ป้าหลิวยืนตัวตรงและตอบว่า: “อยู่บนห้องนะ”

พูดจบก็นิ่งงันสักพัก พูดอย่างลังเลว่า: “วันนี้คุณผู้หญิงเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตั้งแต่กลับมาตอนบ่ายก็ขังตัวเองอยู่ในห้องตลอด ไม่เคยออกมาแม้แต่หน้าประตูเลย ข้าวเย็นก็ไม่ได้ทาน คุณผู้ชาย คุณรีบขึ้นไปดูหน่อยเถอะ”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว “ข้าวเย็นก็ไม่ได้ทานเหรอ”

“ใช่สิ พวกเราไม่กล้าไปรบกวน แม้แต่คุณหนูอานอานกับคุณชายเล็กเธอยังไม่เจอเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “ผมรู้แล้ว”

เขาก้าวเท้าเดินไปชั้นบน เดินไปหน้าประตูห้องนอน ก็เห็นประตูปิดไว้จริงๆ

เขาผลักประตูดู เห็นว่าประตูถูกไว้ล็อกจากข้างใน จำใจได้แต่เคาะประตู

“หนิงหนิง เปิดประตู คือผมเอง”

แต่ข้างในกลับไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียวเลย

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วเข้มกว่าเดิม เคาะอีกสองครั้ง ยังคงไม่มีวี่แวว สีหน้าเข้มลงอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ หันหลังเรียกป้าหลิวเอากุญแจของประตูห้องนอนมาตรงทางเดิน

ไม่นานป้าหลิวก็หากุญแจเจอแล้ว เดินมาเอาให้เขา

ลู่จิ่งเซินโบกมือให้เธอไปได้แล้ว จากนั้นใช้กุญแจเปิดประตูออกมา

ภายในห้องนอนมืดไปหมด

ในห้องเงียบอย่างกับแม้แต่เข็มเล่มเดียวตกลงไปบนพื้นก็ยังได้ยินเสียง ไม่เปิดไฟและไม่เห็นคนด้วย

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว ยกมือเปิดโคมไฟระย้าดวงหนึ่ง แสงไฟเหลืองนวลดัง “เปาะ” เสียงหนึ่งและสว่างขึ้นมา ทีนี้เขาจึงเห็นคนที่นั่งอยู่บนโซฟาได้ชัดเจนขึ้นมา

“นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่”

ลู่จิ่งเซินหันหลังปิดประตู เดินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

จิ่งหนิงนั่งยองอยู่ตรงบนโซฟา สองมือกอดเข่าไว้ เอาหัวซุกอยู่ในอ้อมแขน

เมื่อได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหัวขึ้นมาตรงๆ ลู่จิ่งเซินถึงสังเกตเห็นหน้าของเธอซีดขาวอย่างมาก บนหน้ายังมีรอยน้ำตาที่ยังไม่แห้งหลงเหลืออยู่ ตาก็แดงด้วย ดูก็รู้ว่าร้องไห้แล้วนานมาก

หัวใจของเขาบีบแรงขึ้นมา รีบนั่งลงทันที กอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน

“เกิดอะไรขึ้นแล้ว ทำไมร้องไห้เป็นสภาพนี้ ไฟก็ไม่เปิด เมื่อกี้ผมยังนึกว่าคุณเกิดเรื่องอะไรแล้ว”

จิ่งหนิงรู้สึกได้แค่ตัวไม่มีแรงสักนิดเลย เธอร้องไห้มาหลายชั่วโมงแล้ว และร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว ขณะนี้พิงอยู่ในอ้อมแขนอันกว้างใหญ่แข็งแรงของเขา ดมกลิ่นที่ทำให้คนรู้สึกสบายใจอันคุ้นเคยนั้น ทีนี้จิตใจอันเหน็บหนาวและกระสับกระส่ายตั้งแต่ตอนบ่ายวันนี้ถึงรู้สึกค่อยๆ สงบลงมา

เธอเอาหัวมุดไปมา หาท่าที่รู้สึกสบายพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา พูดเบาๆ ว่า: “ฉันไม่เป็นไร ฉันก็แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว ยกมือจับหน้าผากของเธอ เห็นว่าไม่ร้อน ไม่เหมือนเป็นหวัด

“คุณเป็นอะไร” เขาถามเสียงเบา

จิ่งหนิงไม่ได้ตอบ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า: “วันนี้ฉันเจอคนหนึ่ง”

“คนอะไรเหรอ” ลู่จิ่งเซินมีความอดทนมาก

“คนที่ควรตายแล้วตอนแรก แต่กลับอยู่ๆ ก็โผล่ออกมาหน้าฉัน”

ลู่จิ่งเซินตะลึง

จิ่งหนิงเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตามัวหมองเล็กน้อย “จิ่งเซิน คุณว่าฉันเลวมากเลยใช่ไหม ความเป็นจริงเธอไม่ได้ติดอะไรฉันเลย แต่ฉันกลับอยากจะได้อะไรสักอย่างจากตัวเธออย่างดื้อรั้น ไปโทษเธอว่าไม่บอกข่าวที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ให้ฉันได้รู้ คุณว่าฉันแบบนี้เห็นแก่ตัวมากเลยใช่ไหม”

ลู่จิ่งเซินมองเธอด้วยคิ้วตาอันลึกซึ้ง “คุณเจอใครเหรอ”

ริมฝีปากของจิ่งหนิงดิ้นเล็กน้อย ผ่านไปแล้วหลายวินาทีจึงพูดว่า “โม่ไฉ่เวย”

ลู่จิ่งเซินสะดุ้งอย่างแรง

จิ่งหนิงยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง “ฉันนึกมาตลอดว่าเธอตายแล้ว เมื่อฉันอายุสิบเจ็ด เธอเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพราะเรื่องนี้ ในใจฉันเต็มไปด้วยความแค้นและความเกลียดมาตลอด ฉันเเทบอยากจะฆ่าทุกคนที่ทำให้เธอตาย แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งมารู้ว่าเธอยังไม่ตาย”

“หลายปีที่ผ่านมานี้เธอใช้ชีวิตอยู่อย่างดี อาศัยอยู่ในทะเลทรายกับผู้ชายอีกคน จริงๆ แล้วเธอบอกฉันได้ แต่เธอเลือกที่จะไม่จำ ไม่บอก เธอฝังทุกสิ่งทุกอย่างของเมื่อก่อนลงไปอย่างกับฝุ่นฟุ้ง ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย แล้วฉันล่ะ”

“ฉันกลับคิดถึงวันเวลาที่อยู่กับเธอมาตลอด วันเช็งเม้งของทุกปีฉันมักจะกลับไปเมืองจิ้นจุดธูป ไว้ดอกไม้ให้กับสุสานของเธอ อธิษฐานด้วยความจริงใจ ขอให้เธอสามารถไปเกิดในครอบครัวดีๆ ไม่ต้องทนทุกข์และถูกหลอกอีกแล้ว สามารถราบรื่นปลอดภัย ยินดีมีสุขไปทั้งชีวิต จิ่งเซิน ฉันโง่มากเลยใช่ไหม คนอื่นเขาไม่อยากคิดถึงฉันเลย แต่ฉันกลับไม่เคยปล่อยวางได้เลย”

ลู่จิ่งเซินฟังเธอบรรยายอย่างจู้จี้ เงียบอยู่ตลอด

จนกระทั่งเธอพูดจบ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงปลอบโยนว่า: “ผมเข้าใจแล้ว เธอไม่ได้เสียชีวิต คุณไปเจอเธอโดยบังเอิญ คุณรู้สึกว่าเธอโกหกคุณ และยิ่งกว่านั้นคือทรยศคุณใช่ไหม”

จิ่งหนิงส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็แค่รู้สึกเสียใจมาก แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเสียใจ”

ลู่จิ่งเซินถอนหายใจเบาๆ คำหนึ่ง

เขาก้มหน้าจูบรอยน้ำตาบนหน้าของเธอเบาๆ พูดเสียงต่ำว่า: “ยัยบ๊อง เพราะในใจของคุณ เธอเป็นคนที่สำคัญที่สุดมาตลอด เมื่อก่อนคุณก็เคยนึกว่าในใจเธอนั้น คุณก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดของเธอเหมือนกัน แต่ครั้งนี้เธอรอดออกมาจากความตาย กลับเลือกที่จะปกปิดตัวตนไว้ไม่ติดต่อกับคุณ เลือกที่จะเด็ดบัวไม่ไว้ใยกับอดีต”

“การตัดสินใจนี้ทำให้คุณเข้าใจแล้ว ความเป็นจริงเธอไม่จำเป็นต้องมีคุณอยู่ในชีวิตของเธอ เพราะฉะนั้นคุณจึงมีความรู้สึกเสียใจและถูกคนหักหลังแบบนี้”

จิ่งหนิงเงยหัวขึ้นมามองเขาอย่างงงงัน “เป็นอย่างนี้เนี่ยเหรอ”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “น่าจะเป็นแบบนี้”

จิ่งหนิงคิดดู “ออ” คำหนึ่ง “แบบนี้นี่เอง แต่ฉันทำแบบนี้มันผิดหรือเปล่า พอฉันทำแบบนี้แล้วรู้สึกว่าฉันเห็นแก่ตัวและไร้เหตุผลมากเลยนะเนี่ย”

ลู่จิ่งเซินยิ้มพูดว่า: “เรื่องความรู้สึกนี้ไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว เอาตามหัวใจล้วนๆ”

เขาหยุดสักพัก จากนั้นถอนหายใจคำหนึ่ง

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน