วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 984 สำรวจเหมือง

บทที่ 984 สำรวจเหมือง

ทุกคนเดินเล่นกันจนถึงตอนเย็น ก่อนจะไปแวะทานข้าวที่ภัตตาคารชั้นสูงอีกแห่งหนึ่ง

หลังจากทานเสร็จเจ้านายหยู ก็ถามทุกคนว่ายังอยากจะไปเดินถนนคนเดินในตอนกลางคืนต่อไหม หรืออยากจะไปเที่ยวเล่นในสถานบันเทิง

แต่เพราะจิ่งหนิงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เธอจึงบอกปฏิเสธไป

เจ้านายหยูเห็นดังนั้น ก็ไม่ได้บังคับอะไร เพียงแค่พาพวกเขามาส่งที่โรงแรมเท่านั้น

ส่วนตัวเขาไม่ได้พักอยู่ที่นี่ เพราะว่าต้องออกไปข้างนอกบ่อย ๆ และเขาเองก็มีบ้านอยู่ที่ประเทศ T ด้วย ตอนเย็นเลยต้องกลับไปพักที่นั่น

ก่อนจากไป จิ่งหนิงจึงเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัยว่า “พวกเราจะได้ไปสำรวจเหมืองทางนั้นเมื่อไรเหรอ?”

เจ้านายหยูตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “พรุ่งนี้ก็ไปได้แล้วครับ เพราะว่าเหมืองอยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างมาก ถ้าวันนี้ไปอาจจะกลับมาไม่ทัน อีกอย่างที่นั่นก็ค่อนข้างลึกลับ แถมความสงบเรียบร้อยก็ไม่ค่อยดี ถ้าตอนเย็นไปพักที่นั่นเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยสักเท่าไร เพราะงั้นไว้พรุ่งนี้รีบไปแต่เช้าตอนเย็นก็กลับมาน่าจะพอดีครับ”

จิ่งหนิงได้ฟังดังนั้น ก็พยักหน้ารับ

รอจนเจ้านายหยู เดินจากไป เธอถึงได้กลับขึ้นห้องพัก พร้อมกับทำความสะอาดตัวเอง จากนั้นก็เอนตัวลงบนเตียงเพื่อพักผ่อน

เช้าตรู่ของวันต่อมา เจ้านายหยูก็ขับรถมารับพวกเขา

ครั้งนี้ เขาขับรถลินคอร์น รุ่นเอกซ์เทนด์มาคันหนึ่ง

รถคันนี้ทุกคนสามารถนั่งกันได้พอดี ด้านในยังมีตู้เย็นขนาดเล็กพร้อมกับไวน์แดงอีกด้วย และเพราะต้องใช้เวลาเดินทางกว่าสามชั่วโมง จึงสามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้นิดหน่อย เพื่อเป็นการฆ่าเวลาแก้เบื่อ

ด้านจิ่งหนิงนั้นกำลังตั้งครรภ์ แน่นอนว่าดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้

ส่วนลู่จิ่งเซินเองก็ไม่ดื่มอยู่แล้ว โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่ ก็ยิ่งไม่แตะเลย

ดังนั้น สุดท้ายแล้วก็เหลือเพียง เจ้านายหยูกับลู่หลันจือเพียงสองคนที่นั่งชนแก้วกันอยู่

ทุกคนพูดคุยกันสนุกสนานตลอดทาง เจ้านายหยูนั้นเป็นนคนช่างพูด แถมยังแสดงสีหน้าเก่ง ขณะที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมให้ทุกคนฟัง ก็หันไปคุยเล่นกับลู่หลันจือด้วย ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น

พอถึงช่วงเที่ยง ในที่สุดรถก็ขับมาถึงที่หมาย

พอทุกคนลงรถ ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือพื้นที่ทุรกันดารแห่งหนึ่ง โดยรอบไร้ซึ่งผู้อยู่อาศัย แสงอาทิตย์สาดส่องลงมากลางหัวพอดี ราวกับว่าพวกเขาเข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

ลู่หลันจือเพิ่งจะเคยมาสถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรก ในใจก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้

เธอหดตัวเข้าไปอยู่ข้างลู่จิ่งเซิน ก่อนจะถามขึ้นว่า “เจ้านายหยูเหมืองที่คุณบอกอยู่ไหนล่ะ? คุณคงไม่ได้หลอกพวกเราหรอกใช่ไหม?”

เจ้านายหยูตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ดูคุณลู่พูดเข้าสิครับ ผมจะไปหลอกพวกคุณได้ยังไง? ปกติแล้วสถานที่ที่เป็นเหมือง ก็ต้องอยู่ห่างไกลอยู่แล้ว ถ้าตั้งอยู่รอบ ๆ เมือง คงถูกเจอว่ามีการขุดเจาะไปตั้งแต่แรก ตั้งอยู่ที่นี่ก็ไกลหน่อย แต่จากตรงนี้เข้าไปก็ถือว่าใกล้แล้วครับ แค่ข้ามเนินเขาเล็ก ๆ ตรงหน้าไปก็ถึงแล้ว”

ขณะพูด เขาก็ชี้ไปทางเนินเขาเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างหน้า

และเนื่องจากเนินเขานี้ยังไม่มีการทำถนน ดังนั้น เลยมีแค่ทางเท้าเล็ก ๆ ที่เอาไว้ให้คนเดินเข้าเท่านั้น รถยนต์ไม่สามารถขับเข้าไปได้ จึงต้องจอดไว้อีกฟาก

ลู่หลันจือเห็นดังนั้น ก็เงยหน้าเหลือบตามองลู่จิ่งเซินแวบหนึ่ง

ด้านลู่จิ่งเซินก็หันหน้าไปถามจิ่งหนิงว่า “จะเหนื่อยไหม?”

จิ่งหนิงส่ายหน้าเบา ๆ

“งั้นพวกเราก็ลองเข้าไปดู”

หญิงสาวพยักหน้ารับ

ดังนั้น คนทั้งหมดจึงเริ่มเดินข้ามเนินเขาเล็ก ๆ เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

หลังจากที่ข้ามเนินเขามาได้แล้ว เบื้องหน้าก็เป็นเหมืองจริง ๆ ด้านล่างถูกระเบิดให้เป็นช่องไว้ โดยมีคนงานประมาณสิบกว่าคนกำลังทำงานกันอยู่พอดี

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งสังเกตเห็นเจ้านายหยู จากหางตา เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างร้อนรนทันที

“เถ้าแก่ กลับมาแล้วเหรอครับ”

เจ้านายหยูยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ฉันขอแนะนำหน่อย ท่านนี้คือเจ้านายลู่ส่วนอีกท่านคือภรรยาของเจ้านายลู่ ประธานจิ่งส่วนท่านนี้คือคุณเชว คุณนายเชวแล้วก็คุณลู่”

เจ้านายหยูเองก็ฉลาดมาก เขารู้ดีว่าตำแหน่งของลู่จิ่งเซินนั้นไม่ธรรมดา บางทีชายหนุ่มอาจจะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขามาที่นี่

เพราะงั้น ในตอนที่แนะนำตัว เขาจึงไม่ได้เปิดเผยสถานะของลู่จิ่งเซินออกไป เพียงแค่เรียกว่าเถ้าแก่เท่านั้น

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะกล่าวทักทายทีละคน

จากนั้น เจ้านายหยูก็โบกมือเบา ๆ “เอาล่ะ คุณไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวผมพาพวกเขาไปเดินดูรอบ ๆ เอง”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินจากไป ส่วน เจ้านายหยูก็ผายมือออกไปด้านหน้า “ท่านประธานลู่ เชิญครับ”

ลู่จิ่งเซินค่อย ๆ พาจิ่งหนิงเดินตรงไปข้างหน้า

จริง ๆ แล้วเหมืองนี้ก็ไม่ได้มีอะไรน่าดูสักเท่าไร นอกจากจะได้เก็บข้อมูลบางส่วน ดูสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์รอบ ๆ และสิ่งที่ถูกขุดขึ้นมา ที่เหลือก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักสำรวจธรณีวิทยาเท่านั้น

ก่อนที่ลู่จิ่งเซินจะมาที่นี่ เขาได้ติดต่อนักธรณีวิทยาของทางนี้ไว้แล้ว แต่เพราะวันนี้อีกฝ่ายไม่ว่างพอดี เลยต้องมาพรุ่งนี้แทน

หลังจากที่ลู่จิ่งเซินบอกเรื่องนี้กับเจ้านายหยู อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับด้วยความสบายใจ

“ไม่มีปัญหาครับ เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นเงินก้อนใหญ่ ท่านประธานลู่จะหาคนมาสำรวจให้ชัดเจนก่อนก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ ถ้าวันพรุ่งนี้เขามากันแล้ว คุณติดต่อผมโดยตรงได้เลย หรือพรุ่งนี้เช้าให้พวกเขาติดต่อผม เดี๋ยวผมพาพวกเขามาเองก็ได้เหมือนกันครับ เพราะยังไงผมก็ต้องขับรถมาที่นี่ทุกเช้าอยู่แล้ว”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้ารับ

หลังจากเดินวนดูรอบ ๆ เสร็จแล้ว ลู่จิ่งเซินก็เข้าไปในเหมืองเพื่อดูหินหยกที่วันนี้เพิ่งจะถูกขุดออกมา

มีหลายชิ้นที่ยังไม่ถูกเปิดออกเลยยังไม่เห็นสีด้านใน แต่จากการคาดคะเนด้วยสายตา ก็พอจะรู้แล้วว่าสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นต้องมีมูลค่าไม่น้อยแน่ ๆ

หลังจากที่สำรวจเสร็จ ในใจเขาก็พอจะมีแผนไว้แล้ว

เขาจึงบอกกับเจ้านายหยู ว่า “พรุ่งนี้รอให้คนของผมเข้ามาตรวจสอบก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร คุณก็มาหาผมเพื่อเซ็นสัญญาได้เลย”

เจ้านายหยูได้ฟังดังนั้น ก็ชะงักไปด้วยความยินดี ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างแรง “ตกลง ผมเข้าใจแล้วครับ”

ที่เขายินดีนั้น ไม่ใช่แค่การได้หุ้นส่วนมาทำธุรกิจด้วยกัน แต่ยังเป็นการขึ้นรถด่วนร่วมกับตระกูลลู่อีกด้วย

คนฉลาด ๆ ต่างก็รู้ดี ว่าการได้ทำธุรกิจกับคนที่มีความสามารถอย่างลู่จิ่งเซิน ไม่ได้หมายถึงประโยชน์ทางธุรกิจอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการทำงานในระยะยาวอีกด้วย

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่คนอื่นรู้ว่าเขาได้ทำธุรกิจร่วมกับลู่จิ่งเซิน ฐานะและความน่าเชื่อถือของเขาคงจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย

ลู่จิ่งเซินเองก็ใช่ว่าจะไม่รับรู้ถึงความคิดนี้

แต่จากตำแหน่งของเขาที่ค่อนข้างสูง ชายหนุ่มจึงคุ้นชินกับการที่มีคนมาคอยจับจ้องและพึ่งพาอาศัยแบบนี้ตั้งนานแล้ว

แม้แต่การที่มีคนอยากจะหาผลประโยชน์จากตัวเขา นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติเช่นกัน

เพียงแค่ว่าหากอีกฝ่ายสามารถให้ผลประโยชน์ที่เหมือนกับเขาได้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำความร่วมมือด้วย

ดังนั้น หลังจากที่ เจ้านายหยูพาพวกเขากลับมาส่งที่โรงแรมเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

กลับเป็นลู่หลันจือ ที่วันนี้ไปเดินวนกับพวกเขาอยู่ยกใหญ่ อะไร ๆ ก็ดูไม่รู้เรื่องสักอย่าง หัวของเธอเลยมึนงงไปหมดจนถึงตอนนี้

เธอเห็นลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงเดินอยู่ข้างหน้า หญิงสาวจึงรีบเร่งฝีเท้าเพื่อตามให้ทัน ก่อนจะถามขึ้นว่า “จิ่งหนิง เหมืองนั่นเธอดูแล้วใช่ไหม? มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”

ลู่จิ่งเซินจึงตอบกลับเสียงเรียบว่า “น่าจะไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้รอให้คนของนักสำรวจธรณีวิทยาเข้าไปตรวจสอบก่อน ถ้ายืนยันแล้วว่าหินในเหมืองนั้นเป็นของจริง ก็เซ็นสัญญาได้เลย”

ลู่หลันจือค่อย ๆ วางใจลง หญิงสาวถอนหายใจออกมายาว ๆ หนึ่งที “เหรอ งั้นก็ดี”

ขณะที่พูด อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

“จิ่งเซิน ดูสิ งั้นก็ถือว่าป้าช่วยให้ได้เงินก้อนโตจากธุรกิจครั้งนี้ใช่ไหม? คงต้องขอบคุณป้าสักหน่อยรึเปล่า?”

ลู่จิ่งเซินเหลือบมองเธอเล็กน้อย

จิ่งหนิงยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณป้าอยากได้อะไรคะ?”

ลู่หลันจือหรี่ตาลง “ได้ยินว่าที่ประเทศ T มีสถานที่หนึ่งเรียกว่าเนเวอร์สลีฟ ดูน่าสนุกดี คืนนี้ฉันอยากจะไปเที่ยวเล่นสักหน่อย”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน