วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 976 เธออยากเจอเธอ

บทที่ 976 เธออยากเจอเธอ

“คุณโกรธได้ แต่นอกจากโกรธแล้ว ก็ดีใจกับเธอด้วยใช่ไหม ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ถือว่าได้ใช้ชีวิตที่คุณอธิษฐานให้โดยอีกแบบหนึ่งแล้ว สงบสุข ธรรมดา ปลอดภัย ราบรื่น ใช่หรือไม่”

จิ่งหนิงมองเขาอย่างนิ่งงัน

สักพัก อยู่ๆ ก็ทำลายน้ำตาให้กลายเป็นเสียงหัวเราะ “เหมือนก็ใช่อยู่เนาะ”

ลู่จิ่งเซินลูกหัวของเธออย่างรักใคร่ “เพราะฉะนั้นตอนนี้บอกผมมาได้หรือยัง ตกลงทุกอย่างนี้คืออะไร”

จิ่งหนิงคิดดู จากนั้นก็เล่าเรื่องของวันนี้ให้เขาฟัง

ลู่จิ่งเซินฟังจบแล้วก็รู้สึกไม่น่าเชื่อเหมือนกัน

เขาเงียบสักพัก “แล้วตอนนี้คุณคิดจะเอายังไง”

จิ่งหนิงส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้เธอจำอะไรไม่ได้แล้ว และไม่รู้จักฉันด้วย ฉันไม่รู้เลยว่าควรบอกกับเธอยังไง”

“อย่าใจร้อน” ลู่จิ่งเซินปลอบใจเธอ “เรื่องของตอนนั้นมีผลกระทบต่อเธอมากเกินไป เธอไม่ยอมกลับไปคิดก็ปกติมาก ดีที่ตอนนี้คนยังไม่ตาย และยังถูกคุณหาเจอแล้วด้วย ท่ามกลางความมืดมนนั้นก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิตอย่างหนึ่ง ไม่ว่าสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร ที่เธอยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าเป็นความเมตตาของพระเจ้าอย่างหนึ่งแล้ว เราอย่าดึงดันขอมากเกินไปแล้ว หึม?”

จิ่งหนิงพยักหน้า

ความจริงเธอเองก็รู้ดี ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว โม่ไฉ่เวยยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ ถือเป็นว่าเสียอะไรไปก็ได้อย่างนั้นกลับมาสำหรับเธออย่างหนึ่งแล้ว

เธอไม่ควรโลภขออะไรมากกว่านี้แล้ว การแสดงกิริยาที่ไม่ดีก่อนหน้านี้ ความจริงก็เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวเล็กน้อยของตัวเอง ที่ไม่อยากให้เธอลืมก็เท่านั้น

ขณะนี้มีการปลอบโยนและคำแนะนำของลู่จิ่งเซิน เธอคิดได้แล้ว

จิ่งหนิงถอนหายใจออกคำหนึ่ง

“จริงๆ แล้วเหมือนตอนนี้ก็ดี เธอจำเรื่องในอดีตไม่ได้ ก็จะคิดไม่ถึงความเจ็บปวดที่จิ่งเซี่ยวเต๋อนำมาให้เธอเหล่านั้นแล้ว ก็อย่างที่เธอพูดเอง นี่คือโอกาสที่พระเจ้าให้เธอมีชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในเมื่อเธอสามารถจับไว้แน่นๆ นั่นก็ดีกว่าสิ่งไหนๆ อีกแล้ว”

ลู่จิ่งเซินกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เก็บแขนไว้แน่นๆ

“ใช่แล้ว แค่คิดแบบนี้ ในใจของคุณก็จะรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว”

จิ่งหนิงคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของเขา เสียงแหบเล็กน้อย “แต่ฉันยังอยากเจอเธออยู่ อยากอยู่กับเธอมากกว่านี้ อยากจะถามเธอว่าหลายปีนี้ใช้ชีวิตได้ดีไหม จิ่งเซิน ฉันไม่ได้อยากจะโทษเธอจากใจจริง ฉันแค่ไม่รู้ว่าควรแสดงความรู้สึกประเดประดังที่เข้ามาในใจพร้อมกันหมดยังไง”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “ผมเข้าใจ”

นิ่งงันสักพัก ก้มหน้าดูเธอแวบหนึ่ง “ไม่ต้องห่วง รอคุณปรับได้เมื่อไหร่แล้ว ผมจะไปเจอเธอกับคุณอีกครั้ง เธออยู่ในเมืองหลวงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ คุณยังมีเวลาและโอกาสอีกเยอะมาก สามารถบอกความในใจที่อยากพูดจริงๆ ให้กับเธอฟัง”

จิ่งหนิงพยักหน้า หลับตาลง

ลู่จิ่งเซินกอดเธอแล้วสักพัก รู้สึกได้ว่าลมหายใจของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดค่อยๆ มั่นคงขึ้นมา สุดท้ายกลับนอนหลับแล้วด้วย ทีนี้จึงยิ้มอย่างจำใจ

อุ้มเธอขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง เดินไปที่เตียงใหญ่

การหลับครั้งนี้จิ่งหนิงหลับลึกมาก

เธอมีความฝันอันยาวนานและลึกซึ้งมากอยู่ในระหว่างนี้

ในฝันนั้น เธอเหมือนกลับไปตอนเด็กอีกครั้ง อาศัยอยู่ในวิลล่าของตระกูลโม่ เธอเปียผมสองข้างโล้ชิงช้าอยู่ในลานบ้าน คุณตานั่งอยู่ในเก้าอี้โยกใกล้ๆ ยิ้มให้เธอ โม่ไฉ่เวยยกผลไม้กับขนมจานหนึ่งออกมา ยิ้มเรียกเธอว่า “หนิงหนิง มากินผลไม้ได้แล้ว”

เธอกระโดดลงมาจากชิงช้า พุ่งเข้าอย่างมีความสุข เนื่องจากดีใจเกินไปแล้ว ชนโดนผลไม้กับขนมที่อยู่บนมือของโม่ไฉ่เวยจนหก

ของหล่นลงมาเต็มพื้น เธอตกใจแย่แล้ว “โฮ” เสียงหนึ่งร้องไห้ออกมา

โม่ไฉ่เวยปลอบใจอย่างตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เช็ดน้ำตาให้เธอไปด้วยและบอกกับเธอว่า: “ไม่เป็นไรนะ หนิงหนิงคนดี หนิงหนิงของเราไม่ได้ตั้งใจ ไม่ร้องแล้วนะ”

น้ำตาของจิ่งหนิงไหลลงมาอย่างไร้เสียง

อาจเป็นเพราะรู้ดีว่าผู้หญิงที่อยู่ในฝันคนนั้น ไม่มีวันปลอบใจเธออย่างอ่อนโยนใส่ใจแบบนี้อีกแล้ว

ไม่มีวันให้อ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดกับเธอ รักเธอและปกป้องเธอไม่ว่าเมื่อไหร่อีกแล้ว

ดังนั้น จิ่งหนิงจึงรู้สึกเสียใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่

โม่ไฉ่เวยยังมีชีวิตอยู่ก็ใช่ แต่คุณแม่ของเธอกลับเสียชีวิตแล้ว

เธอเติบโตในตระกูลโม่ตั้งแต่เด็ก ความทรงจำที่มีต่อแม่ผู้ให้กำเนิดเท่ากับศูนย์ ความรู้สึกทั้งหมดตั้งแต่เล็กจนโตเพิ่งพาแต่แม่บุญธรรมของตัวเองเพียงผู้เดียวเท่านั้น

แต่ตอนนี้ แม้แต่ที่พึ่งของความรู้สึกหนึ่งเดียวก็ไม่มีแล้ว

จิ่งหนิงร้องไห้ไปร้องไห้มาก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

ลู่จิ่งเซินที่อยู่ข้างกายสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอได้ ยื่นมือมากอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน ปลอบเธอด้วยเสียงอ่อนโยน

“เมียคนดี อย่าร้องไห้แล้ว คุณร้องไห้จนใจผมก็แทบจะขาดแล้ว”

จิ่งหนิงกอดเอวของเขาไว้แน่นๆ เอาหน้าซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขา

เสียงแบบอึดอัด “ลู่จิ่งเซิน ฉันฝันถึงแม่ของฉันแล้ว”

หัวใจขอวลู่จิ่งเซินเจ็บปวด

จิ่งหนิงพูดอย่างอึดอัดว่า: “ฉันอยากเจอเธอ”

“ได้ รอฟ้าสว่างแล้ว เวลาสายๆ หน่อย ผมก็ไปเจอเธอกับคุณ”

ลู่จิ่งเซินก้มหน้า จูบน้ำตาบนหน้าของเธอออก พูดเสียงต่ำทุ้มว่า: “นอนต่ออีกหน่อย นอนอิ่มแล้วถึงจะมีแรงไปเจอเธอ ใช่ไหม”

จิ่งหนิงพยักหน้า

จากนั้นเอาหน้าซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง ทีนี้จึงหลับลงไปได้ลึกๆ

วันถัดมา

จิ่งหนิงมาถึงงานพนันหยกอีกครั้ง โดยที่มีลู่จิ่งเซินมาเป็นคู่ด้วย

หลังจากผ่านเรื่องเมื่อวานมาแล้ว เจ้านายหยูรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโม่ไฉ่เวยแล้ว ถึงแม้ในใจตกใจไม่หยุด แต่ก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่งใหญ่

ถึงอย่างไร ยังไม่พูดถึงสุดท้ายจิ่งหนิงกับโม่ไฉ่เวยจะยืนยันความสัมพันธ์หรือไม่

เขารู้สถานการณ์หลายปีที่ผ่านมานี้ของโม่ไฉ่เวยอย่างดี รู้ว่าสภาพของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่มาตลอด ถ้าสามารถหาญาติเจอได้จริงๆ ไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งก็ได้

อีกอย่าง เขาเป็นนักธุรกิจ นักธุรกิจเห็นแก่ประโยชน์ รู้ดีที่สุดแล้วว่าเมื่อไหร่เป็นโอกาส สิ่งของแบบไหนจะส่งผลอันยิ่งใหญ่ต่ออนาคตของตัวเอง

ถึงแม้เจ้านายหยูไม่ได้ตั้งใจอยากใช้ประโยชน์โม่ไฉ่เวยเพื่อได้อะไร แต่ถ้ามีตาข่ายความสัมพันธ์สำเร็จรูป ไม่ใช้ก็เสียดายนิ

พอคิดแบบนี้แล้ว ในใจของเขามีความรู้สึกดีใจอันเร้นลับอย่างหนึ่งลอยขึ้นมา

แม้แต่ฝีเท้าที่ต้อนรับจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินก็ยิ่งเคารพและพินอบพิเทาขึ้นมา

“คุณลู่ คุณหญิงลู่ เชิญนั่งข้างในเลย”

เขายิ้มนำพวกเขาเข้าไปห้องรับแขก หลังจากนั่งก็ให้คนไปชงชามาอีก

ลู่จิ่งเซินยกมือห้ามเขาไว้

“น้ำชาก็ไม่จำเป็นแล้ว วัตถุประสงค์ที่เรามาในวันนี้ เชื่อว่าคุณน่าจะรู้ดีมากแล้วใช่ไหม”

เจ้านายหยูชะงัก สีหน้ามีความพะอืดพะอมลอยผ่าน

เขาโบกมือให้เลขานุการออกไป จากนั้นผิดประตูไว้ ทีนี้จึงหันหลังมองพวกเขาอย่างลำบากใจ

“ผมรู้ว่าคุณสองคนมาเพื่ออะไร แต่เรื่องนี้ผมเป็นคนนอก พูดอะไรมากไม่ได้ แต่ถ้าคือคุณอยากเจอคุณโม่ ผมสามารถติดต่อให้กับคุณได้ แต่ส่วนเธออยากเจอคุณหรือไม่ ผมก็ตัดสินใจไม่ได้แล้ว”

ลู่จิ่งเซินหน้านิ่ง จิ่งหนิงพูดเสียงต่ำว่า: “ฉันยังไม่เจอเธอ แต่มีเรื่องอยากจะถามคุณ หวังว่าเจ้านายหยูสามารถบอกฉันมาอย่างซื่อสัตย์”

เจ้านายหยูอึ้ง รีบพยักหน้าไม่หยุด

“ได้ คุณถามเลย เพียงแต่ที่ผมรู้ ก็จะบอกทุกอย่างเท่าที่รู้”

จิ่งหนิงพยักหน้าถามว่า: “คุณรู้จักคุณแม่ของฉันได้ยังไง”

เจ้านายหยูจึงเล่ากระบวนการที่ตอนนั้นตัวเองไปท่องเที่ยวที่ทะเลทรายยังไง และพลัดพรากกับคณะทัวร์ยังไง หลงทางยังไงและถูกพวกเขาช่วยขึ้นมาโดยบังเอิญยังไงบอกให้กับจิ่งหนิง

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน