วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 981 ไปเที่ยวด้วยกัน

บทที่ 981 ไปเที่ยวด้วยกัน

ใกล้ ๆ กันนั้น อานอานได้ยินเสียงเธอคุยโทรศัพท์พอดี เด็กสาวจึงรีบวิ่งเข้ามาถามว่า “หม่ามี๊ ต้องออกไปทำงานข้างนอกเหรอคะ?”

จิ่งหนิงก้มหน้ามอง ก่อนจะตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ใช่ค่ะ”

จิ่งหนิงเอื้อมมือออกไปลูบหัวอานอานเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อีกห้าวันหม่ามี๊กับแด๊ดดี้ต้องไปต่างประเทศสักพัก พอถึงตอนนั้นหนูต้องอยู่บ้านดูแลน้องชายดี ๆ นะ ถ้าน้องพูดไม่ฟัง หนูตีน้องได้เลย แต่ถ้ามีคนจากข้างนอกมารังแกน้องล่ะก็ หนูต้องปกป้องน้องนะคะ เข้าใจไหม?”

อานอานพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

“หม่ามี๊ วางใจได้เลยค่ะ หนูจะดูแลน้องเป็นอย่างดี”

จิ่งหนิงพยักหน้าอย่างโล่งใจ ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากมนเบา ๆ “เอาล่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ”

ทั้งครอบครัวทานข้าวกันอย่างมีความสุขจนเสร็จ ตกเย็น หลังจากจิ่งหนิงกลับมาถึงห้อง หญิงสาวก็หาดูสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบ ๆ เมืองหลวง จากนั้นก็โทรไปที่บริษัท เพื่อมอบหมายงานให้เสี่ยวเหอช่วยดูแลในช่วงที่เธอไม่อยู่ ก่อนจะวางสายไป

ระหว่างที่จิ่งหนิงกำลังหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต อีกด้าน ลู่จิ่งเซินก็เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จพอดี ชายหนุ่มเห็นเธอนั่งหันหลังอยู่ เขาจึงค่อย ๆ เดินอ้อมมาดู

“ดูอะไรอยู่เหรอ?”

จิ่งหนิงหันกลับไป พร้อมกับยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ฉันกำลังหาที่เที่ยวรอบ ๆ อยู่น่ะ”

ลู่จิ่งเซินนิ่งไปชั่วครู่

ก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อย ๆ โอบเอวบางของจิ่งหนิงจากทางด้านหลัง พร้อมกับเอาคางเกยไว้บนหัวไหล่เธอ

“ช่วงสองสามวันนี้ผมไม่ได้ไปกับคุณ คุณตัวคนเดียวต้องใส่ใจสุขภาพด้วยนะ ระวังเรื่องท้องของตัวเองด้วยล่ะ”

จิ่งหนิงพยักหน้ารับ “ฉันรู้”

เธอชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหันหน้ากลับไปทางชายหนุ่ม พร้อมกับยกมือรูปผมที่ยังชุ่มน้ำอยู่เบา ๆ

“งั้นช่วงสองสามวันนี้คุณก็ต้องจัดการเรื่องในบริษัทให้เรียบร้อยนะ อีกห้าวันต้องไปประเทศ T แล้ว คุณไม่อยู่เดี๋ยวจะไม่ดีเอา”

ลู่จิ่งเซินหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะในจุดนี้เขาเองก็รู้ดี

เรื่องในครั้งนี้ไว้ค่อยพูดดีกว่า เพราะยังมีเรื่องของลู่หลันจือ ที่จิ่งหนิงต้องไปกับเธอแค่สองต่อสองอีก เขากลัวว่าลู่หลันจืออาจจะก่อเรื่องวุ่น ๆ ขึ้นมาได้

ยิ่งตอนนี้จิ่งหนิงเองก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ แค่วิ่งไปวิ่งมารอบ ๆ เมืองหลวงก็เกินพอแล้ว ไหนจะต้องไปต่างประเทศ รวมถึงที่ไกล ๆ คนเดียวอีก เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่วางใจ

เพราะงั้น ทั้งคู่ก็เลยรู้ใจกันในทันทีว่า พอถึงตอนนั้นทั้งสองจะต้องไปด้วยกัน

ลู่จิ่งเซินโน้มตัวเข้ามาหอมแก้มเธอเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปเป่าผม

พอจิ่งหนิงหาข้อมูลเสร็จ เธอก็ส่งข้อความไปหาโม่ไฉ่เวยอีกครั้ง เพื่อให้หล่อนเลือกสถานที่ที่จะไปในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเรียบร้อย หญิงสาวถึงจะไปอาบน้ำและเข้านอน

วันรุ่งขึ้น

จิ่งหนิงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะมาถึงด้านนอกคฤหาสน์ของเจ้านายหยู ในเวลาต่อมา

ส่วนคนขับรถในวันนี้คือโม่หนาน ซึ่งโม่หนานก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโม่ไฉ่เวยแล้ว แถมยังยินดีกับเธออีกด้วย

ทั้งสองคนรออยู่ไม่นาน สักพักโม่ไฉ่เวยกับ เชวซู่ก็เดินออกมา

วันนี้ชุดที่พวกเขาสวมใส่ต่างเป็นชุดที่ค่อนข้างสบาย ๆ โม่ไฉ่เวยสวมชุดลำลองสีเทาอ่อน พร้อมกับสวมหมวกไว้บนหัว ส่วน เชวซู่ก็สวมชุดสีเดียวกันกับเธอ ทั้งคู่ต่างดูแลกันเป็นอย่างดี มองไกล ๆ ไม่เหมือนคู่รักวัยกลางคนเลยสักนิด กลับเหมือนคู่รักวัยหนุ่มสาวมากกว่า

จิ่งหนิงนั่งอยู่บนรถ พลางมองภาพคนทั้งคู่ที่กำลังเดินมาแต่ไกล จากนั้นมุมปากของหญิงสาวก็ยกขึ้นเบา ๆ

ในใจอดคิดไม่ได้ว่า จริง ๆ แล้วเป็นแบบนี้ก็ดี

การที่คุณแม่สามารถเดินออกมาจากช่วงเวลาที่มืดมนนั้น แล้วยังได้เจอรักแท้อีกครั้ง นี่ไม่ถือว่าเป็นตอนจบที่ดีที่สุดหรอกเหรอ?

ขอแค่คุณแม่ของเธอยอมเปิดใจ ไม่ต้องอ่อนไหวและไม่ต้องร้อนรนเหมือนที่ผ่านมา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ขณะที่ในใจกำลังคิด หญิงสาวก็เปิดประตูรถพร้อมกับก้าวลงไป กวักมือเรียกคนทั้งคู่

โม่ไฉ่เวยกับ เชวซู่รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น พอทั้งสองเข้ามาใกล้ หญิงสาวจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าในมือ เชวซู่เหมือนกับกำลังถือของชิ้นหนึ่งที่อยู่

สิ่งนั้นคือกล่องสีขาวกล่องหนึ่ง เชวซู่ยื่นกล่องใบนั้นมาตรงหน้าเธอ สีหน้าดูไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย

“ของนี่ ให้เธอ”

จิ่งหนิงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันมาสบตาโม่ไฉ่เวยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงรับของมา จากนั้นจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “นี่คืออะไรเหรอคะ?”

โม่ไฉ่เวยตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ลูกบอกว่ากำลังตั้งท้องเหรอ? นี่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศที่ คุณอาเชวของลูกหาเจอตอนอยู่ที่ทะเลทราย เป็นยาบำรุงที่ดีมาก ๆ สำหรับสตรีมีครรภ์ ลูกเอากลับไปเคี่ยวแล้วก็ดื่มนะ จำไว้ล่ะว่าอย่าดื่มมากเกิน บำรุงมากไปเดี๋ยวมันจะไม่ดี”

จิ่งหนิงที่เพิ่งจะรู้ตัว ในใจอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้

หญิงสาวรับกล่องมาพร้อมกับส่งให้โม่หนานเอาไปเก็บ จากนั้นจึงตอบรับพร้อมรอยยิ้มว่า “ขอบคุณ คุณอาเชวมากเลยนะคะ”

ด้านเชวซู่เอง อาจเป็นเพราะเขายังไม่ค่อยชินกับคำว่า คุณอาเชวสีหน้าของ เชวซู่เลยยิ่งประหม่ามากกว่าเดิม

เขาทำได้เพียงพยักหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน โดยไม่แม้แต่จะหันมามองจิ่งหนิง ก่อนจะดึงประตูรถเปิดออกแล้วก้าวขึ้นไปอย่างรีบร้อน

หลังจากขึ้นรถแล้ว จิ่งหนิงก็ให้โม่หนานขับรถตรงไปยังจุดชมวิวแรกทันที

เนื่องจากก่อนหน้านี้โม่ไฉ่เวยได้บอกเธอเป็นพิเศษว่า หล่อนอยากไปแถวชานเมือง ดังนั้นสถานที่ที่จิ่งหนิงเลือกในครั้งนี้จึงเป็นแถบชานเมืองทั้งหมด ที่นั่นทั้งอากาศดี ทิวทัศน์ก็สวยงาม สำหรับเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างเมืองหลวง ที่แบบนี้ก็ถือว่าหาได้ยากมาก

และเพราะว่าไม่สามารถขับรถยนต์เข้าไปยังจุดชมวิวได้ ดังนั้น พวกเขาจึงจำเป็นต้องจอดอยู่ที่ไกล ๆ

จิ่งหนิงพาโม่ไฉ่เวยกับ เชวซู่เดินเข้าไปทางด้านในก่อน จากนั้นก็ให้โม่หนานเอารถไปจอดให้เรียบร้อย แล้วจึงตามพวกเธอเข้าไป

โม่หนานเองก็คุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้ อีกทั้งเธอยังมีฝีเท้าที่ว่องไว เนื่องจากเป็นคนฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วย เลยไม่ต้องกลัวว่าจะตามไม่ทัน

ด้านจิ่งหนิงจริง ๆ แล้วเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับเมืองหลวงสักเท่าไร แต่หลังจากที่เธอแต่งงานกับลู่จิ่งเซิน แล้วย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง ผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเธอก็เริ่มคุ้นกับที่ต่าง ๆ มากขึ้น

บวกกับเมื่อคืนที่เธอยังทำการบ้านมาเพิ่มอีก ดังนั้น เรื่องทิวทัศน์หรือต้นกำเนิดทางประวัติศาสตร์ในละแวกนี้ บอกเลยว่าเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเธอ

โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่ ทั้งฟังทั้งพยักหน้ารับรัว ๆ

ผ่านไปไม่นาน โม่หนานก็ตามมาทัน

ในมือเธอถือขวดน้ำมาด้วยสองขวด ก่อนจะส่งให้โม่ไฉ่เวยกับ เชวซู่คนละขวด แล้วจึงส่งแก้วเก็บอุณหภูมิอีกแก้วให้จิ่งหนิง

จิ่งหนิงชะงักไปชั่วครู่ “นี่อะไรเหรอ?”

โม่หนานตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “นี่เป็นของที่คุณผู้ชายให้ฉันมาเมื่อเช้าค่ะ เห็นบอกว่าเป็นรังนก เอาไว้ดับกระหายระหว่างทาง”

จิ่งหนิงอดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะเหลือบมองโม่ไฉ่เวยกับ เชวซู่เล็กน้อย แล้วบ่นอุบอิบว่า “ดับกระหายอะไร? รังนกนี่ทั้งลื่น ๆ เหนียว ๆ จะดับกระหายได้ยังไง รีบเอาน้ำออกมาให้ฉันเลยนะ”

โม่หนานจึงยื่นน้ำอีกขวดให้จิ่งหนิงพร้อมรอยยิ้ม

โม่ไฉ่เวยเห็นดังนั้น จึงยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “หนิงหนิง ตอนนี้กำลังท้องกำลังไส้อยู่ ดื่มน้ำเย็นบ่อย ๆ ไม่ดีนะ ไหน ๆ ลู่จิ่งเซินก็เอารังนกมาให้ดื่มแล้ว ลูกก็ดื่มเถอะ ยังไงสุขภาพก็สำคัญที่สุด”

ใบหน้าของจิ่งหนิงยิ่งแดงขึ้นไปอีก ในใจก็ได้แต่คิดว่าลู่จิ่งเซินกลายเป็นคนอ้อมค้อมแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร พร้อมกับตอบโม่ไฉ่เวยไปว่า “แม่คะ ไม่เป็นไร หนูไม่ดื่มแล้ว”

ขณะที่พูด ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางต่อ

และเนื่องจากต้องคำนึงถึงสภาพร่างกายของจิ่งหนิงด้วย ดังนั้น พอเดินมาได้สักระยะ ทุกคนจึงพากันหยุดพักก่อน เพราะยังไงก็ไม่ได้คิดว่าวันนี้จะต้องรีบเดินดูรอบ ๆ ให้หมดอยู่แล้ว

เชวซู่นั้นมีอาชีพเป็นหมอ แถมยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ดีมากอีกด้วย เพราะงั้นลู่จิ่งเซินถึงได้วางใจ ให้จิ่งหนิงพาพวกเขาออกมาเที่ยว

ไม่อย่างนั้น การออกมาใช้กำลังปีนเขาตากแดดตากลมแบบนี้ เขาคงไม่มีทางยอมให้จิ่งหนิงออกมาทำแน่ ๆ

ทั้งหมดเดินเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน จนฟ้ามืด ถึงจะพากันกลับเข้าเมือง

ทุกคนต่างเหนื่อยล้าเพราะพากันวิ่งวนอยู่ข้างนอกมาหนึ่งวันเต็ม

ตกเย็น พอลู่จิ่งเซินเลิกงาน จิ่งหนิงเลยจัดการจองร้านหม้อไฟ แล้วก็พาทุกคนไปทานหม้อไฟด้วยกัน

คาดไม่ถึงว่าพอทานไปได้เพียงครึ่งเดียว จิ่งหนิงจะได้รับสายโทรศัพท์จากท่านย่าเชิ๋น

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท