วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1002 ตำนานที่ไม่มีวันตาย

บทที่ 1002 ตำนานที่ไม่มีวันตาย

ดังนั้นจึงไม่สามารถตำหนิหนานมู่หรงที่ตื่นตระหนกได้เพราะสมาชิกในครอบครัวที่มีพลังอำนาจเช่นนี้ บอกว่าเปลี่ยนก็เปลี่ยน

ไม่ว่าเขาจะมีความคิดอย่างไรก็รู้สึกว่ามันไม่ปกติ

แน่อนว่าหนานกงจิ่นรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

เขาพูดเสียงขรึม: “ถ้าอย่างนั้นนายยังจำได้ไหมว่าท่านหัวหน้าตระกูลหนานคนแรกมีชื่อว่าอะไร?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมาหนานมู่หรงก็อึ้งไป

ถ้าหากเขาจำไม่ผิดหัวหน้าตระกูลหนานคนแรกชะ ชื่อ… หนานจิ่น!

ใช่แล้ว ชื่อนี้แหละ

ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ถึงแม้จะรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ แต่ก็ยังเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ

หนานกงจิ่นยกมุมปากเล็กน้อยและไม่พูดอะไร

หนานมู่หรงกลับอ่านความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนจากสายตาของเขา และความทะเยอทะยานที่ถูกปลูกฝังมาตลอด

หัวใจของเขาสั่นอย่างรุนแรง

หนานกงยวู่พูดขึ้นในเวลาที่พอเหมาะ: “ยังไม่ทำความเคารพท่านหนานอีก!”

ตอนนี้ใบหน้าของหนานมู่หรงเปลี่ยนเป็นซีดขาว หน้าผากของเขามีเหงื่อเย็นผุดออกมาไม่หยุด

เขาส่ายหน้าอย่างไม่น่าเชื่อและเอาแต่พึมพำ: “ไม่ เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นไปได้…”

ใช่แล้ว ในฐานะผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าที่เติบโตขึ้นมาในศตวรรษใหม่ เขาไม่เคยเชื่อเลยว่าจะมีใครในโลกนี้มีชีวิตอยู่ถึงพันปี!

หนึ่งพันปี กระดูกควรจะต้องกลายเป็นผุยผง ไม่อย่างนั้นก็ต้องกลายเป็นหิน มันจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร!

ความตื่นตระหนกของหนานมู่หรงตกลงไปในดวงตาของหนานกงจิ่น

เขากลับไม่ใส่ใจ สุดท้ายแล้วการศึกษาในปัจจุบันที่หนานมู่หรงได้รับมาและโลกทัศน์ที่เขาอยู่ คงจะแปลก ถ้าเขาเชื่อเป็นครั้งแรกจริงๆ ว่าหนานกงจิ่นเป็นคนจากเมื่อพันปีก่อนจริง ๆ

หนานกงจิ่นยิ้มบาง ๆ และไม่รีบร้อน เขายกถ้วยชาขึ้นจิบ

หลังจากวางถ้วยชาลงจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย: “ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้เรื่องนี้มันจะเหลือเชื่อจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ โลกนี้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอ ใช่ไหมล่ะ”

หนานกงยวู่ที่อยู่ข้าง ๆ ส่งเสียงรับคำ “ใช่ ๆ ๆ นายท่านพูดถูก”

เขาได้รับเลือกจากหนานกงจิ่นและเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ตั้งแต่วันที่เขารับช่วงต่อ เขาได้เจอกับหนานกงจิ่น

ในช่วงแรกเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ยังไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ยังมีคนที่อยู่เหนือตนเองซึ่งเป็นถึงหัวหน้าตระกูลขึ้นไปอีก

แต่หลายปีมานี้ก็ทำให้เขาค่อย ๆ เข้าใจมากขึ้นว่าด้วยผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ด้วยวิถีทางและกำลังของเขายิ่งทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

หากตนเองไม่เชื่อฟังเขาแล้ว เกรงว่าอย่าว่าแต่ตำแหน่งหัวหน้าตระกูล แม้แต่ชีวิตก็คงรักษาไว้ไม่ได้

ไม่เพียงเท่านั้น ความลึกลับและพลังของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเขาสามารถต่อต้านเขาได้

ดังนั้นหนานกงยวู่จึงค่อยๆ ปล่อยความไม่พอใจออกไป

และยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าหนานกงจิ่นจะแบ็งแกร่งแต่เขาก็ไม่ได้สนใจผลประโยชน์ภายในของตระกูลเท่าใดนัก อีกทั้งยังไม่ใส่ใจด้วย

ในสายตาของเขา เงินทองเหล่านี้เปรียบเสมือนสิ่งของนอกกาย

การใช้ชีวิตประจำวันของเขาไม่มีอะไรที่ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ

แม้แต่เวลาที่หนานกงยวู่พยายามจะเอาใจเขาด้วยการนำของมีค่าซึ่งเป็นของหายากแม้ในปัจจุบันมาให้ เขาก็ได้แต่มีสีหน้าเฉยเมยและมองผ่านไป

ต่อมาเขาจึงได้ให้เขาเอามันออกไปด้วยความรำคาญและบอกว่าไม่ต้องเอามาให้อีก

หนานกงยวู่จึงได้รู้ตัวว่าผู้ชายคนตรงหน้าเขาคนนี้ไม่สนใจเรื่องเงินทอง

และใช่ ตระกูลหนานทั้งหมดเป็นของเขาและพูดได้ว่าเขาสร้างมันมาด้วยมือของเขาเอง

แล้วเขายังจะสนใจเงินทองเล็กน้อยพวกนั้นอีกอย่างนั้นหรือ?

มีอะไรที่เขาต้องการแล้วจะไม่ได้บ้าง?

แม้ว่าหากเขาจะอยากได้ตำแหน่งเป็นหัวหน้าตระกูล เพียงประโยคเดียว การกระทำเดียว และแม้แต่ยืนขึ้นเพื่อยืนยันตัวตนของเขา จะมีคนจำนวนมากที่เกาะติดเขาและติดตามเขา เขาไม่ต้องการจะยืมมือคนอื่น ต้องการอะไรจากใคร

แน่นอนว่าย่อมจะมีคนที่ไม่เชื่อเขา

แต่ในเมื่อหนานกงยวู่เชื่อ ผู้ชายตรงหน้าเขาคนนี้ย่อมมีวิธีและความสามารถทำให้คนที่ไม่เชื่อ เชื่อเขาได้

เหมือนกับหนานมู่หรงที่อยุ่ตรงหน้าเขา

เมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวของหนานมู่หรง เหงื่อเย็นไหลไม่หยุด เขาพูดอย่างเรียบเฉย: “ในเวลาเพียงฉับพลัน คุณจะรับไม่ทันก็เป็นเรื่องปกติ ผมจะให้เวลาคุณ คุณก็

ค่อย ๆ ทำใจยอมรับไป”

น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยเหมือนกำลังพูดเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันแบบนั้น

และไม่รู้เลยว่าในใจของหนานมู่หรงนั้นกำลังเหมือนคลื่นที่ถาโถมอย่างบ้าคลั่ง

หนานมู่หรงมองดูเขา และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พยายามฮึดขึ้น

เขาถาม: “ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณ เพียงแต่เรื่องนี้มันยากเกินไปที่จะเชื่อ พูดตามจริง หากไม่ใช่ว่าหัวหน้าตระกูลก็อยู่ด้วย ผมคงเข้าใจผิดว่า คงคิดว่า…”

เขาก้มหน้าลง

หนานกงจิ่นยิ้ม

รอยยิ้มนั้นเหมือนสายลมและพระจันทร์ที่สดใสอ่อนโยนมาก

“เข้าใจว่าอะไร? เข้าใจว่าผมเป็นสิบแปดมงกุฎงั้นเหรอ?”

หนานมู่หรงพยักหน้าด้วยความอึดอัด

“เรื่องปกติ”

เขายิ้มอย่างแผ่วเบา หยิบกาน้ำชาขึ้นมา และรินน้ำชาในถ้วยเปล่าบนโต๊ะ

“หากคุณไม่เชื่อ ก็ยังมีอีกวิธีที่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก”

เขาพูดพลางวางกาน้ำชาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ยกข้อมือขึ้น

และเห็นเพียงสิ่งที่น่าแปลกใจ

ถ้วยอยู่ตรงหน้าหนานมู่หรงยกขึ้นตามมือของเขาที่ยกขึ้นราวกับเป็นมายากล “ฟึ่บ” มันลอยเข้าไปอยู่ในมือเขา

หนานมู่หรงไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น วินาทีถัดมา ถ้วยอยู่ในมือของเขาแล้ว

เขาเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ

หนานกงจิ่นรินน้ำชาใส่แก้วในมือแล้ววางลงตรงหน้าเขา ยิ้มและพูด: “แบบนี้เชื่อได้รึยัง?”

หนานมู่หรงถึงกับพูดไม่ออกด้วยความสยดสยอง

นะ นี่…มันคืออะไร?

พลังโทรจิต?

เขากำลังเล่นมายากลงั้นเหรอ?

เมื่อเห็นว่าเขายังดูไม่เชื่ออยู่ หนานกงจิ่นก็ถอนหายใจและส่ายหัวราวกับว่าค่อนข้างกังวล

“ช่างเถอะ ดูแล้วคุณคงจะยังไม่เชื่อ งั้นผมจะแสดงให้คุณดูอีกครั้ง”

ขณะที่พูด ทันใดนั้นก็เงยหน้า ครั้งนี้ไม่ได้เล็งไปที่ถ้วยที่อยู่ข้างหน้าเขา แต่ไปที่กระถางดอกไม้บนดอกไม้ที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา ห่างออกไปประมาณสามเมตร

เห็นเพียงใบหน้าของหานกงจิ่นกระชับ และข้อมือของเธอตึงเล็กน้อย ดอกไม้นั้นดูเหมือนจริง ๆ แล้วถูกปกคลุมไปด้วยเวทมนตร์เกิดเสียง “ฟุ่บ”

วินาทีถัดมามันก็ปรากฏตัวอยู่ในมือของหนานกงจิ่น

เขามองไปที่หนานมู่หรงอีกครั้ง

“ครั้งนี้ คุณจะเชื่อได้รึยัง?”

ใบหน้าของหนานมู่หรงซีดเสียจนไม่สามารถจะซีดไปมากกว่านี้ได้แล้ว

เรียกได้ว่ามันซีดจนถึงขีดสุด สายตาที่มองไปที่หนานกงจิ่นนั้นเหมือนกับกำลังจ้องมองสัตว์ประหลาดตนหนึ่ง

ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดขึ้น: “คุณ…ไปเรียนวิชาแบบนี้มาจากไหน?”

หนานกงยวู่พูดเสียงขรึม: “สามหาว ทำไมถึงพูดกับนายท่านแบบนี้?”

หัวใจของหนานมู่หรงสั่นเทา

หนานกงจิ่นยกมือขึ้นหยุดการดุของหนานกงยวู่แล้วพูดเบา ๆ: “เมื่อนานมาแล้วบนแผ่นดินนี้ มีวิชากังฟูมากมายที่ยังไม่หายไป ตอนนี้พวกคุณอยากจะฝึกก็ไม่ได้แล้ว ฉันก็แค่ฝึกมาเมื่อนานมาแล้ว ไม่มีอะไรหรอก และไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณคิดว่าเป็นมายากลอะไร พูดแบบพวกคุณมันก็เพียงการใช้กระแสลมและกำลังภายในนิดหน่อยเท่านั้น”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน