วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 990 มีเจตนาชั่วร้าย

บทที่ 990 มีเจตนาชั่วร้าย

เพราะไม่ใช่แค่คนของ โจวจื่อหมิงที่จับตาดูพวกเขาอยู่ ยังมีการ์ดที่ลู่จิ่งเซินพามาอีกด้วย ตอนนี้แต่ละคนพากันจ้องพวกเขาตาไม่กะพริบ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนี

การ์ดที่ลู่จิ่งเซินพามานั้น ต่างจากการ์ดที่ลู่หลันจือพามาโดยสิ้นเชิง

การ์ดที่ลู่หลันจือพามาล้วนเป็นแค่การ์ดธรรมดาทั่วไป แต่การ์ดที่อยู่ข้างกายลู่จิ่งเซิน ล้วนเป็นการ์ดมืออาชีพและถูกถอดออกมาจากสนามจริงกันทั้งนั้น

รังสีที่แผ่ออกมานั้น ต่างกับมวยใต้ดินของพวกเขาลิบลับ

เป็นรังสีที่มีเลือดเนื้อและสนามรบค่อย ๆ หลอมรวมเข้าด้วยกันทีละน้อย เป็นความเย็นยะเยือกที่พร้อมจะฆ่าล้างใครต่อใครได้อย่างง่ายดาย

เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น พวกเขาก็อดหวาดกลัวไม่ได้

ในสถานการณ์แบบนี้ อย่าว่าแต่หนีเลย แค่ความคิดที่จะขัดขืนก็ยังไม่กล้าคิด

ผ่านไปไม่นาน โจวจื่อหมิงก็หาวิธีจัดการกับพวกเขาได้

ถึงยังไงก็เป็นคนของเขา ชายหนุ่มเองก็แข็งใจฆ่าไม่ลง ก็เลยทำได้แค่ให้พวกเขาเข้ามาขอโทษลู่หลันจือ จากนั้นก็ตัดมือพวกเขาคนละข้าง เพื่อให้พวกเขาชกมวยไม่ได้อีก ก่อนจะปล่อยไป

ลู่หลันจือก็เป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง พอได้ยินว่าตัดมือ ใบหน้าก็ซีดเผือดทันที

แม้เธอจะชอบก่อเรื่องวุ่นวาย นิสัยก็ไม่ใค่อยจะดี แต่พอเจอเข้ากับสถานการณ์แบบนี้

รวมถึงได้ยินเสียงร้องโหยหวนออกมาด้วย เธอจึงเอ่ยถามจิ่งหนิงเสียงอ่อนว่า “หนิงหนิง แบบนี้….มันเกินไปรึเปล่า?”

จะว่าไปแล้ว ตอนนี้เรื่องทั้งหมดก็กระจ่าง เธอเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร

จิ่งหนิงตอบกลับเสียงเรียบว่า “คุณป้าคะ พวกเขาเป็นนักมวยใต้ดิน เดิมทีในการใช้ชีวิตก็มีกำลังมากพอที่จะรังแกคนอื่นอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีเจตนาชั่วร้าย ไม่ใช่แค่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใคร แต่พวกเขายังใช้การตายของเพื่อนมาแบล็กเมล์คนอื่นด้วย วันนี้พวกเรามาถึงที่นี่ ได้ตรวจสอบความเป็นจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งฐานะของคุณป้าก็ดีกว่าคนธรรมดาทั่วไปมากอยู่แล้ว เพราะงั้นก็เลยไม่ต้องเป็นกังวลอะไร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะคะ? ถ้าคนที่ถูกแบล็กเมล์ในวันนี้เป็นแค่คนธรรมดา คุณป้าคิดว่าคนพวกนั้นจะโชคดีแบบคุณป้ารึเปล่า ไม่ใช่แค่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ยังค้นพบความจริงและทำให้ตัวเองพ้นมลทินได้ด้วย?”

ลู่หลันจือชะงักไปชั่วขณะ

พูดมาถึงตรงนี้ จิ่งหนิงก็หันไปพูดกับ โจวจื่อหมิงเสียงเรียบ

“ผู้ที่มีอาวุธอยู่กับตัว จะต้องไม่รังแกผู้ที่อ่อนแอมือเปล่า ไม่เช่นนั้นหากไม่มีใครจัดการเขา สวรรค์ก็จะจัดการเขาเองเจ้านายโจว คุณว่าจริงไหมคะ?”

โจวจื่อหมิงมีเหรอที่จะฟังไม่ออก คำพูดที่หญิงสาวกำลังเหน็บแนมเขาอยู่

ชายหนุ่มจึงทำได้แค่ยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา

จากนั้นจิ่งหนิงก็หันไปพูดกับลู่หลันจือเสียงต่ำว่า “ถ้าครั้งนี้พวกเขาไม่ได้รับโทษ ครั้งหน้าก็คงจะก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ถ้ายังต้องมีใครรับกรรมเป็นคนที่สอง คุณรับไม่ได้กับโทษที่พวกเขาต้องเจอ แล้วใครจะรับได้กับผู้ที่ถูกกระทำในครั้งต่อไป?”

ลู่หลันจือเพิ่งจะเข้าใจ หญิงสาวพยักหน้ารับ

“คุณพูดถูก คนหน้าไม่อายแบบนี้ จะปล่อยไปง่าย ๆ ไม่ได้”

จิ่งหนิงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

ก่อนจะเสริมอีกว่า “ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเสียมือไปแค่ข้างเดียว ไม่ได้เสียชีวิต หากว่าในอนาคตกลับมาเดินทางที่ถูกต้องได้ ต่อไปพวกเขาก็ยังมีงานอื่น ๆ ที่ทำได้อยู่ ส่วนมือแค่ไปให้โรงพยาบาลต่อให้ก็เรียบร้อยแล้ว อาจจะแค่ยกของหนักกับต่อยมวยไม่ได้อีกเท่านั้น ฉันเชื่อว่า เจ้านายโจวที่ให้ความสำคัญกับความชอบธรรมของทุกคนขนาดนี้ ไม่มีทางทิ้งพวกเขาไปแบบไม่ไยดีหรอก เขาจะต้องจัดการให้ทุกคนสามารถทำงานในแต่ละวันต่อไปได้อย่างสบาย ๆ แน่ ๆ จริงไหมคะ?”

โจวจื่อหมิงยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก

เดิมทีเขานึกว่า จิ่งหนิงอาจจะแค่เดาการกระทำของคนกลุ่มนั้นถูก

แต่คิดไม่ถึงว่า เธอจะวิเคราะห์ได้แม้กระทั่งสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ

ก็จริงอย่างที่จิ่งหนิงว่า คนพวกนั้นอยู่กับเขามาตั้งหลายปี เขาเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น ถ้าจะให้ปล่อยไปแบบไม่ไยดี ตามมีตามเกิด เขาทำไม่ลงจริง ๆ

เพราะถึงยังไง ก็ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเขา คนกลุ่มนั้นถูกฝึกให้ต่อสู้ด้วยมวย T ตั้งแต่เด็ก จะเป็นจะตายก็อยู่แค่ในสนามมวย จะร่ำรวยขึ้นได้ก็เพราะการต่อยมวย ทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งปากท้องล้วนฝากไว้ที่สองหมัดของพวกเขาเท่านั้น

พวกเขาเคยชินกับชีวิตแบบนั้น แต่อยู่ ๆ ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถต่อยมวยได้ หากปล่อยออกไปพวกเขาจะทำอะไรกิน

ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างเก้อ ๆ “คุณนายลู่ไม่ใช่แค่ฉลาดเป็นกรด แต่ยังเข้าอกเข้าใจผู้อื่นอีกด้วย ขนาดว่าผมคิดอะไรอยู่ คุณนายลู่ก็เดาได้หมดเลย ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะไม่ปิดบังนะครับ ใช่ ผมคิดไว้แบบนั้นจริง ๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดเผื่อแค่พวกเขาเท่านั้น”

ขณะที่พูด เขาก็หยุดไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้ามองจิ่งหนิง

“สิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันผิดแต่โทษก็ไม่ถึงตาย จุดนี้คุณก็คงจะคิดเหมือนกันใช่ไหมครับ? ไม่อยากนั้นคุณคงจะไม่ยอมรับการตัดสินใจของผม แต่พวกคุณคงจะไม่เคยคิดว่าชีวิตของพวกเขานอกจากต่อยมวยแล้ว พวกเขาจะทำอะไรได้อีก ถ้าจะไล่พวกเขาออกไปทั้งอย่างนั้น ต่อไปพวกเขาจะอยู่กันยังไง?”

“อย่าพูดเลยว่าแค่พยายามให้มากพอก็ทำได้ ข้างนอกก็มีงานอีกตั้งมากมายให้พวกเขาทำ หากว่าพวกเขาสามารถกล้ำกลืนความลำบากตั้งใจทำงานเช้าเย็นเหมือนอย่างคนธรรมดาทั่วไปได้ ก็คงไม่ต้องหนีมาต่อยมวยอยู่ที่นี่หรอกครับ ดังนั้น หากปล่อยพวกเขาออกไป ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดก็คือพวกเขาจะเลือกเดินทางผิด กลายเป็นอาชญากร จนสุดท้ายแล้ว คนที่รับกรรมจะเป็นใครล่ะ?”

“การที่พวกเขาเลือกเดินเข้ามาในวงการนี้ ยังไงแต่ละคนก็มีชีวิตที่เน่าเฟะอยู่แล้ว แต่เพราะปัจจัยด้านความมั่นคงต่าง ๆ พวกเขาจึงมักจะก่อความไม่สงบต่อสังคมขึ้นมาได้ง่าย ๆ ถึงตอนนั้นคุณนายลู่อาจจะมีเจตนาดี ไม่อยากให้คนเลว ๆ พวกนี้มีตอนจบดี ๆ กัน แต่ความเจตนาดีนี้อาจกลายเป็นผลเสีย สุดท้ายแล้วก็ต้องมีคนได้รับกรรม หากเป็นแบบนั้นมันไม่แย่ยิ่งกว่าเหรอครับ?”

จิ่งหนิงจ้องไปที่โจวจื่อหมิง

ชายหนุ่มที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า รูปร่างผอมบาง ทั้งยังสวมแว่นตากรอบสีทอง พอมองดี ๆ กลับเหมือนพนักงานราชการชั้นสูงที่ทำงานในสำนักงาน มากกว่าราชาองค์น้อย ๆ ของโลกใต้ดินนี้เสียอีก

ก่อนหน้านี้ เธอยังนึกว่าตัวเองมองพลาดไป แต่พอได้ยินคำพูดที่ออกมาจากปากเขาเมื่อครู่ เธอถึงได้รู้ ว่าเธอมองคนไม่ผิด

ไม่อย่างนั้นจะบอกว่า เขาเป็นนักเรียนอัจฉริยะ แถมยังเพื่อนเก่าของลู่จิ่งเซินได้ยังไงกันล่ะ?

สายตาแบบนี้ ความคิดแบบนี้ ความเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะมีได้

เธอยกมุมปาก ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

“คำพูดของ เจ้านายโจวฉันเข้าใจแล้ว และยังเห็นด้วยกับความคิดนี้มาก ๆ ดังนั้นฉันจึงไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ในการกระทำของคุณ”

เธอหยุดไปสักพัก ก่อนจะเสริมอีกว่า “แต่ฉันก็อยากให้คุณช่วยรับประกันสักหน่อย หากพวกเขาอยู่ในการดูแลของคุณ จากนี้ไปจะไม่มีการทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมแบบนี้อีกแล้ว”

สีหน้าของ โจวจื่อหมิงดูจริงจังขึ้นมาทันที “ผมรับประกัน ถ้าผมยังอยู่ พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้ทำเรื่องชั่ว ๆ อีกแน่ แต่หากวันไหนเกิดเรื่องขึ้นมาล่ะก็ ผมก็จะไม่ปรานีใครทั้งนั้น ผมจะส่งหัวพวกเขาไปขอขมาคุณนายลู่ทันทีครับ”

ท่าทางของเขาแบบนี้ ทำให้จิ่งหนิงหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย

“จะมาขอขมาฉันทำไม จะว่าไป พวกเราก็ยุ่งไม่เข้าเรื่องเอง จริง ๆ เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเราเลยด้วยซ้ำ”

ขณะที่พูด เธอก็หันไปถามลู่จิ่งเซิน “คุณว่าจริงไหม? จิ่งเซิน”

ลู่จิ่งเซินฝืนยิ้ม พร้อมกับพยักหน้ารับ

เขากุมมือจิ่งหนิงไว้ ก่อนจะหันไปมองทางโจวจื่อหมิง

“เรื่องของนายฉันจะไม่ยุ่ง ยังไงเรื่องของวันนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณป้า งั้นฉันก็จะพาคนของฉันกลับแล้ว”

โจวจื่อหมิงรีบพยักหน้ารับอย่างร้อนรน ก่อนจะยืดตัวขึ้น

“ยังไงก็ตาม เรื่องในวันนี้ผมต้องขอโทษพวกคุณทุกคนด้วย เป็นลูกน้องของผมเองที่ไม่รู้ความถึงได้กล้าไปหาเรื่องคุณลู่”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท