วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 982 พบหน้าครอบครัวเดียวกัน

บทที่ 982 พบหน้าครอบครัวเดียวกัน

ณ ปลายสาย น้ำเสียงของท่านย่าเชิ๋นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“หนิงหนิง ตอนนี้อยู่บ้านรึเปล่า?”

จิ่งหนิงค่อย ๆ วางตะเกียบลง จากนั้นจึงเดินออกมาด้านนอก ก่อนจะกระซิบเสียงเบาว่า “เปล่าค่ะ ท่านย่า มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”

ท่านย่าเชิ๋นตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “ย่าไม่มีอะไร แค่อยากโทรมาถามนิดหน่อย ได้ยินว่า….อีกไม่กี่วันจะต้องไปประเทศ T แล้ว?”

“ใช่ค่ะ คุณป้าถูกใจเหมืองหยกที่หนึ่ง หลานเองก็รู้สึกว่าไม่เลว เลยกะว่าอีกสองสามวันจะไปดูพร้อมกับจิ่งเซินค่ะ”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง งั้นระหว่างทางก็ระวัง ๆ ด้วย หลานต้องใส่ใจสุขภาพตัวเองให้มากนะ มีงานอะไรก็ให้จิ่งเซินไปทำ อย่าเหนื่อยเกินไปล่ะ”

จิ่งหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “หลานรู้ค่ะท่านย่า ท่านย่าวางใจได้เลย”

“อืม”

แต่พอพูดจบ ท่านย่าเชิ๋นกลับยังไม่วางสาย พอท่านไม่วาง จิ่งหนิงเองก็ไม่กล้ากดวางเช่นกัน

อีกฟากยังไม่ยอมพูดอะไรต่อ ส่วนจิ่งหนิงก็ไม่แน่ใจว่าท่านย่าเชิ๋นต้องการจะสื่ออะไร

ผ่านไปเกือบนาที สุดท้ายจิ่งหนิงก็ทนต่อไปไม่ไหว หญิงสาวจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า “ท่านย่าคะ ท่านย่ามีอะไรอยากจะพูดกับหลานรึเปล่าคะ?”

ที่ปลายสาย น้ำเสียงของท่านย่าเชิ๋นแลดูกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย

“คืออย่างนี้นะ หนิงหนิง ย่าได้ยินมาว่า….หลานเจอแม่บุญธรรมของตัวเองแล้วเหรอ?”

จิ่งหนิงตกใจไปชั่วขณะ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที

เธอหันหน้ากลับไปมองทางโม่ไฉ่เวยที่นั่งอยู่ในห้องรับรอง ก่อนจะเดินออกมาหาที่ที่สงบกว่าเดิม จากนั้นก็กระซิบเสียงต่ำว่า “ท่านย่า ทราบได้ยังไงคะ?”

ท่านย่าเชิ๋นตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้น่ะ หลานอย่าไปโทษป้าของหลานนะ เธอเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ไม่ได้มีใจคิดร้ายอะไรหรอก พอดีตอนนั้นกำลังคุยกันอยู่ แล้วป้าก็หลุดปากพูดออกมาน่ะ พอย่าเค้นถามเพิ่มอีกหน่อย หล่อนก็เล่าออกมาจนหมดเลย”

จิ่งหนิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

ท่านย่าเชิ๋นยังพูดเสริมอีกว่า “แม่บุญธรรมของหลาน…สบายดีไหม? พวกหลานเจอกันรึยัง?”

จิ่งหนิงฝืนยิ้มพร้อมกับตอบว่า “ท่านสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีค่ะ แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อสิบปีที่แล้วส่งผลกระทบต่อจิตใจท่านเป็นอย่างมาก ท่านเลยสูญเสียความทรงจำ ตอนนี้ยังจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ”

“โอ้” ที่ปลายสาย ท่านย่าเชิ๋นอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจ

“เห้อ จำไม่ได้ก็ดี เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร บางทีถ้าจำได้ขึ้นมาอาจจะทำให้แย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ”

“ใช่ค่ะ” จิ่งหนิงตอบกลับเสียงเรียบ

ท่านย่าเชิ๋นถอนหายใจออกมาเบา ๆ อีกครั้ง

“หนิงหนิง หลานเองก็อย่าคิดมากนะ ที่ย่าโทรมาวันนี้ก็เพราะเป็นห่วง ถึงยังไงเธอก็เป็นแม่บุญธรรรมของหลาน นั่นก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา ถ้าเธอมีปัญหาอะไร หลานต้องรีบบอกนะ พวกเราตระกูลลู่จะเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของหลานตลอดไป”

จิ่งหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที

“ขอบคุณท่านย่ามากเลยนะคะ หลานเข้าใจแล้ว”

“อืม วันหลังถ้ามีเวลาว่างล่ะก็ พาแม่บุญธรรมของหลานมาเจอพวกเราหน่อยดีไหม?”

จิ่งหนิงรู้สึกลังเลเล็กน้อย

“ช่วงนี้…เกรงว่าอาจจะยังไม่สะดวกเท่าไรค่ะ”

“ทำไมเหรอ?”

จิ่งหนิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ท่านมีสภาวะป่วยทางจิตใจหลังจากเจอกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง เลยไม่ชอบสื่อสารกับคนแปลกหน้า หลานจึงอยากรอให้สถานการณ์ของท่านดีขึ้นกว่านี้สักหน่อย แล้วถึงจะพาท่านไปเจอท่านย่าค่ะ”

ท่านย่าเชิ๋นเข้าใจในทันที “อย่างนี้นี่เอง งั้นก็ไม่เป็นไร เพราะถึงยังไงตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เราควรดูสุขภาพร่างกายเธอเป็นหลักอยู่แล้ว หลานเองก็ดูแลเธอดี ๆ นะ”

จิ่งหนิงพยักหน้ารับ

ทั้งสองคุยกับอีกสองสามประโยค ก่อนจะกดวางสายไป

หลังจากวางสาย จิ่งหนิงก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ หนึ่งที ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องรับรอง

ภายในห้องรับรอง บรรยากาศเป็นไปอย่างสงบนิ่ง

พอเห็นจิ่งหนิงเดินเข้ามา ลู่จิ่งเซินก็กระซิบถามเสียงเบาว่า “มีอะไรเหรอ?”

จิ่งหนิงส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไร โทรศัพท์จากท่านย่าน่ะ”

นัยน์ตาของลู่จิ่งเซินลึกล้ำลงไปเล็กน้อย เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

หลังจากที่ทุกคนทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินก็ไปส่งคู่สามีภรรยาโม่ไฉ่เวยกลับคฤหาสน์ด้วยกัน จากนั้นจึงพากันขับรถกลับบ้าน

พอถึงตอนที่พวกเขาอยู่กันแค่สองต่อสอง ในที่สุดลู่จิ่งเซินก็เอ่ยปากถามถึงเรื่องที่ท่านย่าเชิ๋นโทรเข้ามา

จิ่งหนิงเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

ลู่จิ่งเซินเอื้อมมือมากุมมือเธอไว้ ก่อนจะพูดปลอบใจเธอเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ทางท่านย่าเดี๋ยวผมช่วยคุยให้ เชื่อสิว่าถ้าท่านรู้เรื่องของคุณแม่แล้ว ท่านจะไม่รังเกียจหรอก”

จิ่งหนิงพยักหน้ารับ

ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน จิ่งหนิงก็พาโม่ไฉ่เวยกับ เชวซู่เที่ยวเล่นรอบเมืองหลวงจนทั่ว

ในตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แม้ว่าโม่ไฉ่เวยจะยังจำอดีตไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าหล่อนไม่ปฏิเสธจิ่งหนิงอีกต่อไป แถมยังสนิทใจกับเธอมากขึ้นอีกด้วย

จิ่งหนิงเห็นท่าทางสดชื่นแจ่มใสของโม่ไฉ่เวยแล้ว มุมปากของหญิงสาวก็ยกขึ้นเบา ๆ อย่างโล่งใจ

ห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ด้าน เจ้านายหยูก็จัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย ก่อนจะส่งคนมารายงานจิ่งหนิงว่า สามารถออกเดินทางได้แล้ว

จิ่งหนิงจึงพาอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยไปฝากไว้ที่บ้านจากนั้นก็มาเก็บของ เพื่อไปประเทศ T พร้อมกับพวกเจ้านายหยู

และเพราะว่าพวกเขามีเชวซู่อยู่ด้วย เลยไม่จำเป็นต้องพาหมอไปด้วย

เพราะถึงยังไงบนโลกนี้ ก็มีหมอไม่มากที่มีทักษะทางการแพทย์ดีกว่า เชวซู่

ครั้งนี้ลู่หลันจือเองก็ได้ประโยชน์จากจิ่งหนิงพอสมควร หล่อนจึงคอยให้ความร่วมมือมาตลอดทาง โดยไม่มีการก่อเรื่องอะไรเลย

มีเพียงหนุ่มน้อย เห้อหยวนของหล่อนนั่นล่ะ ที่โทรศัพท์มาอยู่หลายครั้ง เหมือนกับว่าอยากให้ลู่หลันจือพาเขาไปด้วย แต่กลับโดนลู่หลันจือปฏิเสธ

ถึงแม้ลู่หลันจือจะชอบเล่นสนุก ทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ แต่หากเธอต้องทำอะไรที่เป็นงานเป็นการขึ้นมา เธอก็จะให้ความสำคัญกับมันมากเลยทีเดียว

อีกอย่าง ครั้งนี้มีลู่จิ่งเซินตามมาด้วย เธอก็เลยไม่กล้าทำตัวเหลวไหลแบบเมื่อก่อนอีก

ลู่จิ่งเซินเองก็ขี้เกียจจะสนใจเธอ เพราะงั้นระหว่างทาง ทั้งคู่เลยแทบจะไม่คุยกันเลย

เขาโมโหที่ลู่หลันจือแอบมาพบจิ่งหนิงเป็นการส่วนตัวอยู่หลายครั้ง แถมยังฟ้องเธออีกว่า ลู่จิ่งเซินนั้นเป็นพวกเนรคุณ ตอนเด็ก ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณป้าคนนี้ ทุกคนคงไม่รู้หรอกว่าลู่จิ่งเซินในตอนนั้นจะถูกคนข้างนอกรังแกไปมากเท่าไร

ส่วนจิ่งหนิงก็ได้แค่ยิ้มออกมาอย่างหมดหนทาง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มีเพียงแค่พูดปลอบใจเธอไม่กี่ประโยคเท่านั้น

ขณะเดียวกัน หญิงสาวก็แอบเตือนลู่จิ่งเซินกราย ๆ ว่าพออยู่ต่อหน้าคนนอกแล้ว ก็ไม่ควรทำให้ลู่หลันจือต้องรู้สึกเสียหน้ามากเกินไป

แม้ว่าในตระกูล ทุกคนค่อนข้างจะมีอคติกับหล่อน แถมยังไม่ค่อยมีคนเชื่อถือสักเท่าไร

แต่ถึงยังไง ตอนนี้ก็มีคนนอกอยู่ด้วย ทั้งยังเป็นการทำธุรกิจที่มีลู่หลันจือเป็นสะพานเชื่อมอีก

หากแสดงท่าทีเย็นชากับลู่หลันจือมากเกินไป อาจจะทำให้คนข้างนอกรู้สึกได้ว่าเธอไม่มีฐานะหรือตำแหน่งในตระกูลลู่

ซึ่งถ้าเรื่องแบบนี้ถูกเผยแพร่ ในอนาคตลู่หลันจือเองก็อาจจะใช้ชีวิตยากขึ้น

พอลู่จิ่งเซินได้ยินจิ่งหนิงพูดแบบนั้น ผ่านไปสักพัก ท่าทางของเขาที่มีต่อลู่หลันจือก็ดีขึ้นมากพอสมควร

ลู่หลันจือเองก็รู้ดี ว่าคงเป็นฝีมือของคนกลางอย่างจิ่งหนิงแน่ ๆ ส่วนหนึ่งก็แอบดีใจ แต่อีกส่วนก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ตัวเองเลี้ยงเด็กหนุ่มคนนี้มาจนโต กลับจัดการไม่ได้เท่าหญิงสาวที่เป็นคนนอกเลยเหรอนี่

คำว่าได้ผู้หญิงแล้วลืมแม่ มันเป็นแบบนี้เองสินะ

ทว่ามันก็เป็นความคิดเพียงแวบเดียวที่ทำให้รู้สึกแทงใจนิดหน่อยเท่านั้น ไม่นานความคิดเหล่านั้นก็ถูกโยนออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว

พอทุกคนเดินทางมาถึงประเทศ T ก็เป็นเวลากว่าบ่ายสามโมงแล้ว

เจ้านายหยูได้ทำการติดต่อคนให้มารอรับพวกเขาที่สนามบินไว้ตั้งแต่แรก

เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับหินหยกมานาน อีกทั้งในประเทศ T ก็มีเหมืองหยกอยู่ไม่น้อย ดังนั้น เจ้านายหยูจึงคุ้นเคยกับพื้นที่แถบนี้เป็นอย่างดี

ชายหนุ่มจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อย รวมถึงนัดคนมารับพวกเขาด้วย ลู่จิ่งเซินเลยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม มีแค่พาจิ่งหนิงตามพวกเขาไปที่โรงแรมเท่านั้น

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท