วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 980 หัวใจมีระยะห่าง

บทที่ 980 หัวใจมีระยะห่าง

เมื่อก่อนเธอไม่รู้โม่ไฉ่เวยอยู่ในเมืองหลวงยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ตอนนี้รู้แล้ว เป็นไปได้ยังไงที่จะให้คุณแม่ของตัวเองเป็นแขกอาศัยอยู่ที่พื้นที่ของคนอื่น

ดังนั้น เธอดึงโม่ไฉ่เวยไว้และพูดเบาๆ ว่า: “แม่ ถ้าท่านไม่รังเกียจ สอง สามวันนี้ไปอยู่ที่บ้านเราดีกว่าไหม”

โม่ไฉ่เวยตะลึง รู้สึกงงเล็กน้อย “ฉันไปอยู่บ้านเธอทำไมเหรอ”

จิ่งหนิงยิ้มว่า: “ท่านลองดูสิ นี่ท่านสับสนแล้วเหรอ หนูเป็นลูกสาวท่านนะ แม่มาถึงเมืองที่ลูกสาวอยู่ ไม่มาอยู่บ้านลูกสาวแล้วจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ”

โม่ไฉ่เวยรู้สึกมึนงงเล็กน้อย เหมือนจะเข้าใจคำพูดของเธอแล้ว แต่ก็รู้สึกลังเลอยู่

เชวซู่ขมวดคิ้ว

เขาพูดเสียงต่ำว่า: “ไม่ต้องแล้ว ผมรู้ว่าคุณสองคนคิดดี แต่ตอนนี้จิตใจของไฉ่เวยยังไม่ได้หายดีทั้งหมด เธออาศัยอยู่ที่นี่จนชินแล้ว จะให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมปล่อยๆ ก็ไม่ค่อยดี อย่างนั้นจะมีผลกระทบต่ออารมณ์ของเธอง่ายกว่าเดิม”

จิ่งหนิงอึ้งเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเชวซู่

“แต่ว่าที่นี่น่าจะเป็นคฤหาสน์ของเจ้านายหยูหรือเปล่า หรือว่าอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของเจ้านายหยูก็จะไม่มีผลกระทบต่ออารมณ์ของเธอเหรอ”

เชวซู่ขมวดคิ้วเข้มกว่าเดิม แต่อาจจะเป็นเพราะนึกถึงความสัมพันธ์ของเธอกับโม่ไฉ่เวย อธิบายอย่างมีความอดทนว่า: “ถึงแม้ที่นี่จะเป็นคฤหาสน์ของเจ้านายหยู แต่เขาได้แบ่งลานเล็กๆ ให้เราเป็นส่วนตัว ปกติเราจะอยู่ตรงนั้น เขาจะไม่มารบกวน แต่ฐานะร่ำรวย จิตใจคนสับสนอย่างพวกคุณตระกูลลู่ ผมกลัวไฉ่เวยไปแล้วจะไม่ชิน เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรแล้ว”

สีหน้าของจิ่งหนิงดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

“คุณเชว ฉันว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ถึงแม้ตระกูลลู่จะฐานะร่ำรวย แต่ก็ไม่มีอะไรที่ว่าจิตใจคนสับสน และ…”

เธอชะงัก ดูโม่ไฉ่เวยและพูดต่อ: “แม่ ความจริงฉันมีลูกสองคนแล้ว ตอนนี้ในท้องก็ทีคนที่สามแล้วด้วย ท่านไม่อยากเจอหลานของท่านบ้างเลยเหรอ”

โม่ไฉ่เวยตะลึง ครั้งนี้กลับรู้สึกตัวได้ว่านี่เป็นเรื่องที่ดีแล้ว

เธอเผยรอยยิ้มออกมา สายตาตกอยู่ที่ท้องของจิ่งหนิง

“เธอมีลูกแล้วเหรอ ยินดีด้วยจริงๆ เลย นี่เป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าฉัน…”

เธอยิ้มอย่างจำใจ ในที่สุดก็ปฏิเสธอยู่ดี “ฉันไม่อยากไป หนิงหนิง หรือว่า…ช่างเหอะ สำหรับหลานๆ ฉันค่อยไปเจอพวกเขาวันหลังจะได้ไหม”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วอย่างมิอาจสังเกตเห็นได้

เธอรู้สึกได้ถึงการปฏิเสธของโม่ไฉ่เวย แต่ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเธอถึงปฏิเสธ

เธอเม้มปากและถอนหายใจว่า: “ก็ได้ ถ้าท่านยืนหยัด หนูก็ไม่บังคับแล้ว”

เธอพูดจบก็ยื่นกระเป๋าถือคืนให้โม่ไฉ่เวย

“งั้นพวกหนูก็ส่งท่านถึงที่นี่แล้ว พรุ่งนี้เช้าหนูค่อยมารับท่านนะ”

โม่ไฉ่เวยพยักหน้า และได้เตือนเธอว่าให้ขับรถช้าๆ หน่อย จากนั้นจึงหันหลังและเข้าไปข้างในกับเชวซู่ด้วยกัน

จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินยืนอยู่ตรงนั้น รอส่งพวกเขาจนถึงหายไปในคฤหาสน์แล้วจึงหันหลังจากไป

ระหว่างกลับบ้าน จิ่งหนิงนั่งอยู่บนรถ เงียบตลอด ไม่พูดไม่จาอะไรเลย

ลู่จิ่งเซินยื่นมือมาจับมือเธอไว้ ถามว่า: “คิดอะไรอยู่”

จิ่งหนิงพูดเสียงเรียบว่า: “ฉันกำลังคิดว่า อาการของแม่ฉันในตอนนี้ ต้องทำยังไงถึงจะหายดีขึ้นมา”

ลู่จิ่งเซินยกคิ้ว

“หมายถึงอะไร ไหนคุณบอกว่าไม่ไปกดดันให้เธอจำเรื่องอดีตขึ้นมาอีกแล้วไม่ใช่เหรอ”

จิ่งหนิงถอนหายใจคำหนึ่ง

“ฉันไม่ได้หมายถึงอยากให้เธอจำได้เรื่องของอดีต ฉันเห็นแล้วว่าตอนนี้เธอมีความสุขมาก แต่คุณไม่รู้สึกเลยเหรอ ความสุขของเธอเป็นแค่ภายนอก ความเป็นจริงสภาพจิตใจเธอแย่มาก”

เธอพูดจบ ลองย้อนกลับไปคิดดูรายละเอียดต่างๆ ที่ได้อยู่กับโม่ไฉ่เวยวันนี้ทั้งวัน พูดอย่างใคร่ครวญ: “ตอนที่เธอคุยกับพวกเรามักจะหลบสายตาตลอด แสดงว่าเธอกังวลและกลัวมาก และเธอไม่ชอบอยู่กับคนแปลกหน้า เมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้ทีไร เธอก็จะถอยหลังโดยสัญชาตญาณ และตัวจะสั่นเพราะหวาดกลัว”

“ฉันรู้ เหล่านี้อาจจะเป็นผลข้างเคียงที่มาจากอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อสิบปีก่อน แต่คุณคิดว่าใช้ชีวิตด้วยจิตใจหวาดกลัวกังวลใจแบบนี้ต่อไปมันมีความสุขจริงๆ เหรอ”

ลู่จิ่งเซินเงียบแล้ว

จิ่งหนิงส่ายหัวและถอนหายใจว่า: “ฉันรู้ตลอดเลยว่า ความสุขของเธอตอนนี้ก็เหมือนกับสกายลอฟท์ที่เห็นได้แต่ไม่สามารถจับต้องได้ อ่อนแอจนสามารถทรุดได้ทุกเมื่อ ส่วนวันนั้นที่มาถึงจริงๆ ก็จะเป็นวันที่ทำลายล้างเธออย่างสมบูรณ์”

เธอพูดจบ ทันใดนั้น หลังมือรู้สึกอบอุ่น

เห็นแต่ลู่จิ่งเซินยื่นมือมาจับมือเธอไว้

ลู่จิ่งเซินพูดด้วยเสียงต่ำว่า: “ผมอยู่ข้างคุณ เรามาช่วยท่านเดินออกมาจากความหวาดกลัวนี้”

จิ่งหนิงอึ้ง เอียงหัวมองเขา จากนั้นอยู่ๆ ก็ยิ้มออกมา

“ได้ เราทำด้วย”

สองคนมองตากันและยิ้มให้กัน ต่อไปรถก็ขับไปทางลู่ซื่อกรุ๊ปอย่างรวดเร็ว

สองคนต่างกลับมาถึงบริษัท หลังจากยุ่งงานทั้งบ่ายแล้ว กลับไปถึงวิลล่าเฟิงเฉียวก็ตอนค่ำแล้ว

เพราะเรื่องของโม่ไฉ่เวย วันนี้จิ่งหนิงอารมณ์ดีตลอดทั้งวัน

หลังจากกลับถึงบ้าน เล่นกับลูกสองคนสักพักก่อน จากนั้นก็ได้รับสายของลู่หลันจือ

ในสายนั้น เสียงของลู่หลันจือตื่นเต้นมาก

“จิ่งหนิง ฉันได้ข่าวมาว่าเธอตกลงกับเจ้านายหยู จัดสินใจจะร่มวมือกับเขาแล้วเหรอ”

จิ่งหนิงยิ้มอ่อนๆ “ฉันเคยบอกเรื่องนี้ให้ท่านก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมท่าทางท่านยังตกใจอยู่เลย”

เสียงของลู่หลันจือดีใจมาก “ตกลงปากเปล่าก็คือตกลงปากล่า ใครจะรู้ว่าเธอจะเปลี่ยนใจหรือไม่ ในเมื่อตอนนี้เธอพูดกับเจ้านายหยูแบบนี้แล้ว งั้นก็แสดงว่าเป็นความจริงที่ตอกตะปูไว้บนกระดานแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าถูกเล่าลือออกไปจะว่าเธอซึ่งเป็นประธานอานหนิงกั๋วจี้ไม่รักษาคำพูด อย่างนั้นก็ให้คนอื่นขำจนฟันร่วงไม่ใช่หรือ”

จิ่งหนิงฟังน้ำเสียงอันเบิกบานของเธอ ยิ้มอย่างอิดออด

ลู่หลันจือจู่ๆ ก็เปลี่ยนอีกเรื่องหนึ่ง พูดถึงว่า: “ใช่แล้ว หนิงหนิง คือ…เธอกับคุณโม่คนนั้น ก็คือแม่เลี้ยงของเธอ เป็นยังไงบ้างแล้ว”

จิ่งหนิงชะงัก ถามอย่างระมัดระวัง: “ท่านถามเรื่องนี้ทำไม”

ลู่หลันจือยิ้มแห้งๆ “ก็ฉันเป็นห่วงเธอไง อย่างน้อยเธอก็เป็นหลานสะใภ้ของฉัน เป็นคนของตระกูลลู่เรานิ เรื่องยืนยันความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวอีกครั้งแบบนี้ ฉันก็ต้องถามเธอดูสิ”

จิ่งหนิงเม้มปาก พูดอย่างเฉยชาว่า: “ตอนนี้เธอไม่ต่อต้านฉันแล้ว แต่ยังจำฉันไม่ได้อยู่ดี คุณป้า ช่วยปิดบังเรื่องนี้ให้หนูหน่อยนะ อย่าเปิดเผยเล่าลือออกไป และอย่าให้คนอื่นรู้เด็ดขาด”

ลู่หลันจือฝั่งนั้นเงียบไปแล้วสองวินาที

ต่อมา ก็ได้ยินเสียงพะอืดพะอมของเธอ “ได้ ฉันรู้แล้ว เธอไว้ใจได้เลย ฉันก็ไม่ใช่คนปากมากอย่างนั้นอยู่แล้ว”

จิ่งหนิงกระตุกมุมปากอย่างไร้เสียง ความคิดในใจกลับคือ ถ้าเธอไม่ปากมาก อย่างนั้นก็ไม่มีใครปากมากอีกแล้ว

แต่ลู่หลันจือก็รู้เรื่องนี้แล้ว เธออยากปิดบังก็ปิดบังไม่ได้แล้ว

ดังนั้นได้แต่พยายามกำชับ จะทำได้หรือไม่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอสามารถควบคุมได้แล้วจริงๆ

จิ่งหนิงพูดจบ ก็บอกเวลาคร่าวๆ ที่จะออกเดินทางไปเมืองTให้เธอ และสิ่งที่ลู่หลันจือต้องเตรียมในช่วงนี้ จากนั้นก็วางสายลงแล้ว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน