วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1007 เจรจาอีกครั้ง

บทที่ 1007 เจรจาอีกครั้ง

ตอนนี้เกิดความเงียบชั่วขณะ

ไม่มีใครพูดอะไร ทั้งหมดจ้องไปที่กล่องล้ำค่านั้นจนแทบจะลืมหายใจ

ผ่านไปครู่หนึ่งก็เป็นกู้ซือเฉียนที่ได้สติกลับมา

เขาหันไปมองหนานมู่หรงแล้วพูดเสียงขรึม: “มีแค่กิ่งนี้เหรอ?”

หนานมู่หรงโกรธจนจมูกแทบจะหลุด

“ได้กิ่งนี้มาก็ดีมากแล้วเข้าใจไหม? หากไม่ใช่เพราะฉันที่ช่วยเป็นธุระให้พวกนายครั้งนี้ แม้แต่สักกิ่งก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก!”

กู้ซือเฉียนรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก

ดังนั้น เขาจึงส่งเสียงเย็นเยียบแล้วไม่พูดอะไรอีกแล้วจึงยื่นมือไปรับมา

ในเมื่อหนานมู่หรงเอาของมาให้แล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไล่เขากลับในทันที

ดังนั้น เขาหันหลังแล้วพาขาเข้าไปในบ้าน แล้วนำสิ่งของนั้นส่งให้พ่อบ้านลุงโอนำไปดูแลก่อนชั่วคราว แล้วจึงหันมามองหนานมู่หรงแล้วถามขึ้นเสียงขรึม: “แล้ววิธีเลี้ยงล่ะ? เอาออกมาสิ”

ของล้ำค่าแบบนี้ เขาไม่เชื่ออยู่แล้วว่ามันจะเหมือนต้นไม้อื่น ๆ ที่ปักลงไปในดินก็เติบโตได้แล้ว

คิดไม่ถึงว่าหนานมู่หรงจะตกใจและเบิกตาโพลง

“วิธีเลี้ยง? ฉันไม่รู้อะ”

กู้ซือเฉียนขมวดคิ้วและมีสีหน้าขรึมในทันที

“หนานกงจิ่นไม่ได้บอกนาย?”

“ไม่ได้บอก”

หนานมู่หรงนิ่งไป ทันใดนั้นก็นึกถึงอะไรบางอย่าง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแวบเข้ามาในดวงตาของเขา

เขาลองถาม: “ยังไงซะนายก็ติดต่อเขาเองได้ ถ้างั้น…นายลองถามเขาดูสิ?”

กู้ซือเฉียนมีสีหน้าเคร่งขรึมโดยสิ้นเชิง

จนถึงตอนนี้ เขายังไม่เข้าใจอีกงั้นเหรอว่าหนานกงจิ่นยังทิ้งลูกไม้เอาไว้ รอให้เขาติดต่อกลับไปถาม

แต่เมื่อคิดย้อนกลับไป ทุกคนล้วนเป็นคนฉลาดและต่างรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะเล่นงานตนเอง จึงไม่มีทางจะพูดอะไรออกมาทุกอย่างในคราวเดียว

เมื่อคิดได้แบบนี้เขาก็ยิ้มออกมา

“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว นายไปเถอะ”

หนานมู่หรงเห็นเขาพูดเช่นนี้แล้วรู้สึกเหมือนเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล

จึงอดที่จะไม่พอใจไม่ได้

“นายถามเลยสิ ฉันก็อยู่พอดี ฉันอยู่ฟังด้วย ไอ้ต้นนี่มันต้องเลี้ยงยังไง?”

กู้ซือเฉียนมองเขาแล้วยิ้มจาง ๆ

“นายมียากินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ยาที่ได้รับตามส่วนแบ่งของตระกูลหนานของพวกนายยังไม่พอรึไง? จะต้องมาถามหาตำรายาจากฉัน? ทำไม? คิดจะแยกวงรึไง?”

เมื่อพูดแบบนี้ออกไป สีหน้าของหนานมู่หรงก็เปลี่ยนไปในทันที

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและพูดอย่างโกรธเคือง: “ถ้านายไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ทำไมจะต้องพูดแบบนั้นกับฉันด้วย นายก็รู้ว่าฉันไม่เก่งพอจะทำอย่างนั้น”

กู้ซือเฉียนขี้เกียจจะไปสนใจว่าเขาจะเก่งพอไหม

เขาโบกมือใหญ่ไปมา “เอาล่ะ หน้าที่ของนายเสร็จสิ้นแล้ว นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะจัดการติดต่อเขาเอง”

หนานมู่หรงเห็นดังนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่ควรจะพูดอะไรอีก

เขายื่นมือออกมา “งั้นนายก็เอาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ของจริงมาให้ฉัน”

กู้ซือเฉียนนิ่งไปและเกือบจะลืมไปแล้ว

อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็ได้ต้นเงินทองมาแล้ว ทำธุรกิจ มันก็เป็นแบบนี้แหละ คุณถอยก้าวหนึ่ง ฉันไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ธุรกิจเป็นอันสมบูรณ์

หากไม่ถอยสักก้าว บางครั้งคุณก็จะผลักกันไปสู่ทางตัน

หลักการนี้ทั้งกู้ซือเฉียนและหนานกงจิ่นต่างเข้าใจดี

ดังนั้นหนานกงจิ่นจึงไม่ได้เป็นกังวลแม้แต่น้อยว่าหนานมู่หรงจะเก็บต้นเงินทองไว้กินคนเดียว เพราะเขารู้ว่าหนานมู่หรงไม่ได้มีความกล้าเท่านี้ที่จะเผชิญหน้าการตามไล่ล่าจะทั้งตระกูลหนาน

และเขาก็ไม่เป็นกังวลใจว่าหลังจากที่กู้ซือเฉียนได้ต้นเงินทองไปแล้วเรื่องมันจะจบไปทั้งอย่างนั้น

ต้องพูดว่าหนานกงจิ่นเป็นผู้ที่มีความสามารถในการเดาใจคนได้แม่นจริง ๆ

เขาเดาใจได้แทบจะทุกคน

กู้ซือเฉียนให้เฉียวฉีนำกล่องออกจากตู้ในห้องหนังสือชั้นบน

เฉียวฉีรู้อยู่แล้วว่ามันอยู่ตรงไหน หลังจากหันหลังและเดินขึ้นไปไม่นานก็กลับลงมา

ในมือของเธอมีกล่องไม้เล็ก ๆ เมื่อมองดูให้ละเอียดก็พบว่ามันหน้าตาเหมือนกับกล่องที่หนานมู่หรงไปไม่ผิดเพี้ยน

หนานมู่หรงยื่นมือรับไปแล้วมองกล่องที่อยู่ในมือ สีหน้าแปลกเล็กน้อย

เขาเงยหน้าขึ้นมองกู้ซือเฉียนแล้วถาม: “ครั้งนี้ นายคงไม่ได้ใส่อะไรเข้าไปหรอกใช่ไหม?”

กู้ซือเฉียนหัวเราะเย็น “ฉันทายาพิษไว้บนกล่อง นายเชื่อไหม?”

หนานมู่หรงตกใจกลัวจนหน้าเปลี่ยนสีจนเกือบจะโยนกล่องนั้นทิ้งไป

แต่ภายในเวลาอันรวดเร็วเขาก็ได้สติ กู้ซือเฉียนกำลังล้อเล่น

สีหน้าของเขาดูแย่ในทันใด เพราะตนเองเพิ่งจะเสียหน้าต่อหน้ากู้ซือเฉียน และอับอาย

เขาพูดอย่างเสียอารมณ์: “เอาเถอะ ยังไงซะก็ไม่มีใครทำอะไรนายได้ นายกล้าเล่นมุกแบบนี้กับฉันก็ได้ หากนายกล้าเล่นมุกแบบนี้กับคนคนนั้น ระวังถึงเวลานั้นจะหน้าแตก ไม่ได้ทำให้นายรู้สึกดีหรอก”

กู้ซือเฉียนเข้าใจหลักการนี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้วางยาพิษอะไรบนกล่องนั้น

เขาโบกมือไปมาด้วยความรำคาญ

“เอาละ ๆ ของนายก็ได้แล้ว ไปเสียที”

หนานมู่หรงส่งเสียงออกมาแล้วจากไป

หลังจากเขาออกไปแล้ว กู้ซือเฉียนจึงได้กลับเข้าไปในห้องหนังสือพร้อมเฉียวฉี

เขาให้ลุงโอนำต้นเงินทองมา จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์ เข้าสู่โปรแกรมต่างๆ และในวินาทีต่อมา หน้าจอก็แสดงภาพ

ระหว่างนั้น หนานกงจิ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้เอนกาย หลับตาลง และไม่รู้ว่าหลับหรืออะไร

กระถางไฟเรียบง่ายวางอยู่บนโต๊ะสั้นๆ ข้างๆ กัน และควันบางๆ ม้วนตัวออกมาจากกระถางไฟ และภาพก็สงบและเงียบอย่างสุดจะพรรณนา

กู้ซือเฉียนไม่เกรงใจและไม่สนใจว่าถ้าพูดออกมาตอนนี้จะเป็นการรบกวนเขาหรือทำลายบรรยากาศที่งดงามหรือไม่

เขาพูดเสียงขรึมออกมาทันที: “พูดมา คุณต้องการอะไรถึงจะบอกวิธีการเลี้ยงต้นเงินทองกับผมได้?”

ในภาพหนานกงจิ่นค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

เขาหันไปมองกล่องไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะ

ก่อนหน้านี้หนานกงยวู่หยิบกล้องรูเข็มออกจากกล่องไม้ ต่อมา เขาขอให้หนานกงยวู่ติดตั้งกลับเข้าไป

สิ่งเหล่านี้ในสังคมสมัยใหม่มักทำให้เขาไม่ชอบ สิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนเมล็ดงา โยนมันลงบนโต๊ะ และหายไปทันทีที่ลมพัดผ่าน

ติดมันไว้กับกล่องยังจะดูปลอดภัยขึ้นมาบ้าง

เมื่อคิดแบบนี้เขาก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดอย่างเรียบเฉย: “คุณกู้ สู้เรามาทำการแลกเปลี่ยนกันอีกเป็นไง?”

แน่นอนว่ากู้ซือเฉียนไม่หวังว่าหนานกงจิ่นจะบอกเขาตรง ๆ

ตามความร้ายกาจของเขา หากไม่มีผลประโยชน์ก็คงไม่มีทางเปิดปาก

ดังนั้น เขาจึงแทบไม่ต้องคิดและรับปาก

“ได้สิครับ คุณหนานพูดมาสิครับว่าคุณอยากจะทำการแลกเปลี่ยนอะไร”

หนานกงจิ่นพูดเสียงขรึม: “เราต่างไม่ใช่คนที่จะยอมขาดทุนและไม่เชื่อใจอีกฝ่าย ในเมื่อเป็นแบบนี้ สู้เรามาพูดกันตรง ๆ เลยดีกว่า ต้นเงินทอง ผมให้คุณได้ แต่จะต้องเลี้ยงดูต้นเงินทองอีกครึ่งปีมันถึงจะออกดอกออกผลอีกครั้ง และการออกผลหนึ่งครั้งจะได้ผลจำนวนหกผล พูดก็คือ หนึ่งปีมีเพียงสิบสองผล”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท