วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1011 พร้อมใจทำงานร่วมกัน

บทที่ 1011 พร้อมใจทำงานร่วมกัน

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า จากนั้นจึงออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนจิ่งหนิง

จิ่งหนิงถูกเขาประคองเดินไปจนถึงห้องรับแขก และนั่งลงบนโซฟา

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”ลู่จิ่งเซินถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

จิ่งหนิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า:“ก่อนหน้านี้ฉันได้ขอร้องให้หัวเหยาช่วยหาเบาะแสของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์?หล่อนพบเบาะแสอะไรบางอย่าง และบอกว่าที่นั้นมีคนที่ชื่อเฉินซื่อโป๋ในมือมีหยกอยู่ชิ้นหนึ่ง ฉันได้บอกข่าวนี้กับเฉียวฉีแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะเข้าไป”

“ฉันไตร่ตรองแล้วว่าเฉียวฉีกับกู้ซือเฉียนไม่ได้สนิทสนมกับตระกูลจิ้นรวมทั้งหัวเหยาและจี้หลินยวนด้วย พวกเขาก็แค่มีความสัมพันธ์กันสองด้านก็เท่านั้น ก่อนหน้านี้ท่านย่าก็บอกไม่ใช่เหรอว่าอยากไปร่วมงานวันเกิดของท่านย่าจิ้น?ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็ไปเป็นเพื่อนท่านย่าเถอะ เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว พอถึงเวลานั้นก็จะได้ดูแลได้ง่าย และสามารถช่วยพวกเฉียวฉีได้ด้วย”

ลู่จิ่งเซินมองไปที่เธอพลางขมวดคิ้ว

“แต่ว่าร่างกายของคุณ……”

จิ่งหนิงส่ายหน้า

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

เธอยิ้มอ่อนๆ พลางกุมมือของลู่จิ่งเซิน แล้วนำมาวางไว้ที่ท้องของตนเอง

“ดูสิ ลูกชายของคุณเฉลียวฉลาดแค่ไหน ไม่โวยวายเลยแม้แต่น้อย ”

เมื่อเห็นระหว่างคิ้วของลู่จิ่งเซินยังคงมีความเป็นกังวลอยู่ จิ่งหนิงจึงพูดขึ้นว่า:“อีกอย่าง ฉันอยากที่จะใช้โอกาสที่ออกไปในครั้งนี้ ไปตามหาแม่กับคุณอาเชว แม้ว่าคราวที่แล้วที่ได้เจอหน้ากัน สถานการณ์ของหล่อนก็ไม่เลวเลย แต่ว่าฉันก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ฉันอยากที่จะเห็นกับตาตัวเองว่าหลายปีที่ผ่านมานี้หล่อนอาศัยอยู่ในสถานที่แบบไหน มีชีวิตที่ดีหรือเปล่า คุณก็ถือซะว่าทำให้ฉันสบายใจไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหมคะ?”

แต่ไหนแต่ไรมาลู่จิ่งเซินก็ทนต่อน้ำเสียงที่ออดอ้อนขอร้องของจิ่งหนิงไม่ได้อยู่แล้ว

ในใจของเขา จิ่งหนิงก็คือชีวิตของเขา ขอเพียงเป็นเรื่องที่เธออยากทำ แล้วจะมีอะไรไม่ดีอีกล่ะ?

ดังนั้น เขาจึงถอนหายใจอย่างจนปัญญาหนึ่งที ยื่นมือออกไปคว้าจิ่งหนิงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด

“ได้ ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”

ในที่สุดเมื่อเห็นเขารับปาก จิ่งหนิงจึงเม้มริมฝีปากอย่างพึงพอใจ

ยื่นมือเข้าไปคว้าเอวบางของเธอ ศีรษะของเธอเพิงอยู่บริเวณอ้อมกอดของเขา

“จิ่งเซิน คุณดีจริงๆเลย”

……

วันต่อมา

จิ่งหนิงไม่ได้ไปที่บริษัท แต่กลับให้โม่หนานขับรถพาเธอไปที่คฤหาสน์หลังเก่า

ในคฤหาสน์หลังเก่า ท่านย่าและท่านปู่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะมา

ดังนั้นจึงสั่งให้พ่อบ้านไปรอรับเธอที่ด้านหน้าประตู

จิ่งหนิงรู้สึกว่าคนแก่ทั้งสองคนนี้สร้างความยุ่งยากเกินไปหน่อย เธอไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย และก็ไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรกด้วย รวมไปถึงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้จักทาง ทุกครั้งที่เธอเดินทางมาคนเดียวท่านย่าก็จะให้พ่อบ้านเป็นคนมารับตลอด ทำให้เธอนั้นรู้สึกเกรงใจ

แต่ว่าท่านย่าก็ยังคงยืนหยัด บอกว่าตอนนี้เธอท้องโตแล้ว เดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก หากเป็นอะไรขึ้นมา ผลที่ตามมาก็คงจะรุนแรงไม่น้อย

ดังนั้น ทุกครั้ง หล่อนก็มักจะให้พ่อบ้านที่ตนวางใจมารับเธอเข้าไปทุกครั้งหล่อนถึงจะรู้สึกเบาใจ

ความหวังดีที่ท่านย่ามีต่อจิ่งหนิง ราวกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

เธอไม่ได้รู้สึกว่าการที่เธอเป็นเช่นนี้ทำให้เธอเดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก เพราะว่าตอนนี้เธอตั้งครรภ์ยังไม่ถึงสี่เดือน และยังดูไม่ออกว่าเธอตั้งท้องมากนัก

หากการที่เธอท้องอ่อนนี้เรียกว่าไม่ค่อยสะดวก แล้วคนอื่นที่ตั้งครรภ์แปดเก้าเดือนท้องใหญ่ขนาดนั้นจะทำอย่างไร?

แต่ว่าเมื่อคิดไปคิดมา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความปรารถนาดีของพวกเขา หากตนเองปฏิเสธ ก็อาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจของคนแก่ทั้งสองท่านได้

ดังนั้น เธอจึงไม่พูดอะไรออกไป

หลังจากที่เข้าไปในบ้าน ก็เห็นท่านย่านั่งอยู่บนโซฟากำลังดูทีวีอยู่

เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา ท่านย่าก็กดหยุดทีวี เดินเข้ามารับเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มพลางพูดขึ้นว่า:“หนิงหนิงมานี่สิ มา มา มา รีบเข้ามาให้ฉันดูหน่อย ครรภ์เป็นยังไงบ้าง”

จิ่งหนิงยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ยังเล็กอยู่เลยค่ะ ท่านย่า ใจร้อนไปหน่อยแล้วค่ะ ”

ท่านย่าประคองเธอมานั่งบนโซฟา ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า:“ฉันจะไม่ใจร้อนได้ยังไงกัน?คนอย่างพวกเราใกล้ที่จะถูกฝังลงดินแล้ว มีชีวิตอยู่กระทั่งวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีชีวิตอยู่ไหม หากสามารถเห็นหน้าหลานได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี หากเกิดเหตุอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น ต่อไปไม่ได้เห็นหน้าแล้วจะทำยังไง?”

เมื่อจิ่งหนิงได้ยินสิ่งที่หล่อนพูด สีหน้าก็ขรึมลงทันที

เธอพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า:“จิ จิ จิ คุณย่าอย่าพูดจาเหลวไหลสิคะ คุณย่ากับคุณปู่จะต้องอายุยืนร้อยปี ถูกฝังลงดินอะไรกัน!”

ท่าย่าเชิ๋น รู้ดีว่าเธอกำลังปลอบใจตนเองอยู่?

แต่วันนี้เป็นวันมงคล หล่อนก็ไม่ควรที่จะพูดเรื่องที่ไม่เป็นมงคลได้ ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างสอดคล้องกับจิ่งหนิงว่า:“ได้ ได้ ได้ พวกเราอายุยืนร้อยปี ใช่แล้วตอนที่คุณโทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ?”

ในเวลานี้ ท่านปู่ลู่น่าจะไปจัดการกับต้นไม้ใบหญ้าของเขาอยู่ด้านนอก จึงไม่ได้อยู่ในห้องรักแขก

จิ่งหนิงเม้มริมฝีปากพลางพูดขึ้นว่า:“ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะไปฉลองวันเกิดให้กับท่านย่าจิ้นไม่ใช่เหรอ?ฉันกับจิ่งเซินคิดกันดีแล้วว่า หากให้ท่านกับท่านปู่ไปกันสองคน พวกเราก็ไม่วางใจ ประจวบกับก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้เจอกับท่านย่าจิ้นและก็ชอบเธอเป็นอย่างมาก ก็เลยวางแผนว่าอีกสองวันจะไปเป็นเพื่อนพวกท่าน คุณคิดว่าเป็นยังไง?”

ท่านย่าเชิ๋นตะลึงงัน

มองไปที่เธออย่างงงงวย

“พวกคุณก็จะไปด้วยเหรอ?ทำไมล่ะ?”

เธอส่ายหัวโดยไม่ต้องคิดพลางพูดขึ้นว่า“ไม่ได้ ไม่ได้ คุณกับจิ่งเซินในทุกๆวันก็ทำงานหนักมากแล้ว อีกอย่างคุณก็กำลังท้องอยู่ นั่งเครื่องบินทางไกลลำบากไม่น้อย งานเลี้ยงคนก็เยอะ หากเบียดเสียดกันขึ้นมาจะทำยังไง ?ไม่ได้ ไม่ได้ ทำแบบนี้อันตรายเกินไป”

จิ่งหนิงยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ไม่อันตรายหรอกค่ะ ทุกคนก็อยู่ พวกเราก็จะพาคุณหมอติดตามไปด้วย อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ท้องแรกแล้ว ท่านย่าอย่าตื่นตระหนกไปเลย”

ท่านย่าเชิ๋นยังคงขมวดคิ้วแน่น

จิ่งหนิงไม่สามารถที่จะพูดเรื่องของกู้ซือเฉียนอย่างตรงไปตรงมากับหล่อนได้ ประการแรกเป็นเพราะว่าถึงแม้ว่าตระกูลลู่กับตระกูลกู้ในประเทศจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างอบอุ่น แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ยังคงมีความสัมพันธ์ในเชิงแข่งขันอยู่

เธอกลัวว่าหากเธอพูดมากไป ท่านย่าเชิ๋นจะไม่เข้าใจเธอกับกู้ซือเฉียน รวมทั้งมิตรภาพระหว่างเธอกับเฉียวฉี ไม่เพียงแต่ไม่สามารถอธิบายเรื่องราวชัดเจนได้ แต่อาจจะทำให้เรื่องราวนั้นแย่ลงไปอีก

ประการที่สอง ก็เป็นเพราะเรื่องราวของกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉี ยิ่งคนน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

ก่อนหน้านี้บอกกับหัวเหยา เป็นเพราะว่าตอนที่อยู่ประเทศFต้องการความช่วยเหลือจากจี้หลินยวน หากจี้หลินยวนรู้ หัวเหยาจะต้องรู้อย่างแน่นอน ดังนั้นการปกปิดก็คงจะไม่มีความหมายอะไรมาก

แต่ว่าท่านย่านั้นไม่เหมือนกัน

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เธอถอนหายใจครู่หนึ่ง

“คุณย่าคะ หนูขอพูดตามตรงเลยนะคะว่า แท้ที่จริงแล้วการไปของหนูในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ต้องการไปฉลองวันเกิดให้กับท่านย่าจิ้นเท่านั้น แต่ฉันอยากไปทะเลทรายเพื่อไปหาแม่ด้วย ฉันคิดถึงหล่อนมาโดยตลอด ฉันอยากจะไปดูหน่อยว่าท่านมีชีวิตเป็นยังไงบ้าง”

เมื่อคุณนายเชิ๋นได้ยินดังนั้น ก็เลยเข้าใจ

“ฉันก็ว่าแล้วไงว่าจู่ๆเด็กคนนี้จะตามพวกเราไปทำไม”

หล่อนขรึมลงครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันรู้ว่าแม่ของเธอก็คงปรารถนาเช่นนั้นเหมือนกัน ได้ยินมาว่าตอนนี้สามีของแม่เธอชื่อในตอนนี้ชื่อคุณอาเชว?เขาเป็นหมอฝีมือดีเลยใช่ไหม?”

จิ่งหนิงพยักหน้า

“ถ้างั้นฉันก็วางใจ มีแม่คุณอยู่ แน่นอนว่าหล่อนคงไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อเธอ อีกทั้งยังมีหมอที่ดีที่สุดอยู่ ก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยในสุขภาพของคุณและลูก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไปเถอะ”

จิ่งหนิงเผยรอยยิ้มออกมา

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน