วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1017 ถูกคนขโมยไปแล้ว

บทที่ 1017 ถูกคนขโมยไปแล้ว

ขณะที่เขาพูด ก็หันไปมองกู้ซือเฉียน

เฉินซื่อโป๋ก็มองมาที่เขาเช่นเดียวกัน สายตาประสานกันเป็นประกาย

ดังนั้นกู้ซือเฉียนจึงได้เล่าประวัติของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ รวมทั้งเหตุผลที่พวกเขาต้องการมัน พูดให้เขาฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เขาไม่ได้บิดบังอะไรทั้งสิ้น เพราะถึงยังไงตระกูลจิ้นก็เป็นญาติ หากถูกพวกเขาหลอก ก็คงจะมองหน้ากันไม่ติด

ในเมื่อขอให้คนอื่นช่วย ก็ต้องแสดงความจริงใจของตนเองออกมา

ดังนั้น กู้ซือเฉียนจึงเลือกที่จะเปิดเผย

หลังจากที่เล่าประวัติและสาเหตุให้เขาเข้าใจอย่างเรียบร้อยแล้ว กู้ซือเฉียนก็พูดเสริมว่า:“แผ่นหยกชิ้นนี้อยู่ในมือของซื่อโป๋ ก็เป็นแค่ของเล่นชิ้นเล็กๆที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร และไม่สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ใดใดได้ หากคุณเต็มใจที่จะตัดใจมอบให้กับพวกเรา ผมก็สามารถที่จะนำหยกชิ้นอื่นมาให้กับคุณเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ขอเพียงแค่คุณต้องการเท่านั้น เพราะจะช่วยหามันมาให้กับคุณ คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ?”

เฉินซื่อโป๋หรี่ตาลงอย่างราบเรียบ

เขาไม่ได้โง่ ถึงจะได้ไม่รู้ว่า วันนี้การที่จี้หลินยวนพาคนมาตั้งมากมายหมายความว่าอะไร

ต้องรู้ว่า คนที่นั่งอยู่ในตอนนี้ ขอเพียงแค่เดินออกไปข้างนอกคนหนึ่ง กระทืบพื้นนิดหน่อยก็จะมีคนจำนวนมากพุ่งเข้ามา

แต่วันนี้ เขากลับปล่อยวางสถานะและศักดิ์ศรีของตนเอง จึงยอมขอร้องให้เขาช่วย

หากพูดให้เพราะก็คือช่วยเหลือ หากพูดไม่เพราะก็คือเจรจาด้วยเหตุผลก่อน หากไม่ได้ผลค่อยใช้กำลัง

ก็ต้องดูแล้วว่าตนเองจะเลือกแบบไหน

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา

เฉินซื่อโป๋ส่ายหน้า“คุณกู้ ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ พูดไปพูดมา ผมกับพ่อของคุณกู้ฉางไห่ก็พอมีไมตรีจิตต่อกันอยู่บ้าง ในเมื่อธุระของคุณต้องการความช่วยเหลือ ผมจะไม่รับปากได้อย่างไร แต่ว่า ……”

เขาชะงักครู่หนึ่ง ดวงตาทั้งสองเป็นหลักแหลมประกาย มองไปยังลู่จิ่งเซินและกู้ซือเฉียน

จากนั้นยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ผมได้ยินมาตลอดว่าตระกูลลู่และตระกูลกู้ไม่ค่อยลงรอยกัน แต่ดูจากวันนี้แล้วประธานลู่กับคุณกู้ก็เป็นสหายที่รักใคร่กันดีไม่น้อย”

สภาวะของนักธุรกิจภายในประเทศ นักธุรกิจอย่างพวกเขาเหล่านี้ ก็จำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นเป็นพวกเดียวกัน

มิฉะนั้นแล้ว ไม่แน่ว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะเข้าใจผิดและจับตามอง ก็จะทำให้เกิดเรื่องขึ้นได้ง่าย

ดังนั้น ในเวลานี้เฉินซื่อโป๋จึงได้ยกคำถามนี้ขึ้นมา

กลับเห็นลู่จิ่งเซินยิ้มอ่อนๆ

“เรื่องธุรกิจก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของธุรกิจ ความขัดแย้งของคนรุ่นที่แล้วกับคนรุ่นนี้อย่างพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเฉินซื่อโป๋เป็นคนฉลาด น่าจะทราบความหมายของเขาดี?”

เฉินซื่อโป๋สั่นไหวอย่างรุนแรง

เขาเข้าใจความหมายของลู่จิ่งเซินอย่างแท้จริง

ไม่นาน สายตาก็ปรากฏประกายออกมา

“ได้ ผมเข้าใจแล้ว พวกคุณวางใจเถอะ เดี๋ยวผมจะเรียกให้คนเอาของเข้ามาให้ และจะมอบให้ถึงมือของพวกคุณด้วยตนเอง”

ขณะที่เขาพูด ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร

เมื่อลู่จิ่งเซินและกู้ซือเฉียนเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะคลายลมหายใจลง

แต่ว่าคิดไม่ถึงเลยว่า ในเวลานี้

เฉินซื่อโป๋จะร้องเสียงแหลมขึ้นมา

“คุณว่ายังไงนะ?ของนั้นถูกคนขโมยไปแล้ว?”

……

แต่จู่ๆก็เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นมา ทำให้ทุกคนต่างรับมือไม่ทัน

เดิมทีพวกเขาคิดว่า แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นนี้จะได้มาง่ายๆ

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ แผ่นหยกที่อยู่ดีดีจู่ๆกลับถูกขโมยไป

เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฉินซื่อโป๋ จิ่งหนิงและคนอื่นๆต่างรู้ว่า เรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ของนั้นถูกขโมยไปจริงๆ

หลังจากที่เขาวางสายลง หัวเหยาก็รีบถามขึ้นว่า:“เฉินซื่อโป๋เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คะ?”

เฉินซื่อโป๋หันมา มองไปยังพวกเขาด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ

“หยกของฉันวางไว้ในบ้านมาโดยตลอด แต่ว่าเมื่อสักครู่นี้ผมโทรศัพท์หาคนในบ้าน ให้พวกเขานำแผ่นหยกออกมา พวกเขาถึงได้พบว่าแผ่นหยกหาไม่เจอแล้ว ”

สีหน้าของจิ่งหนิงขรึมเล็กน้อย

“ขอโทษนะคะซื่อโป๋ไม่ทราบว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ?”

“ผมซื้อบ้านอยู่ที่นี่หลังหนึ่งครับ”

“สะดวกให้พวกเราไปดูไหม?”

“ได้แน่นอน”

ดังนั้น คนพวกนั้นก็ไม่ร่วมงานเลี้ยงแล้ว แต่กลับรีบพากันออกไปข้างนอก

เมื่อท่านย่าจิ้นออกมา ก็เห็นพวกเขารีบออกไปข้างนอกพอดี

หล่อนตะลึงงันครู่หนึ่ง หันไปหาท่าย่าเชิ๋นที่อยู่ข้างๆเป็นเพื่อนหล่อน

“พี่เชิ๋นเด็กพวกนี้เป็นอะไรกัน?ดูร้อนรนเป็นอย่างมาก เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่านะ?”

ท่านย่าเชิ๋นยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“จะเกิดเรื่องอะไรได้?ก็คงเป็นเรื่องของเด็กๆนั้นแหละ เฮ้อ วันนี้เป็นวันดีของคุณ จะไปสนใจพวกเขาทำไม?พวกเราไปเล่นของพวกเราเถอะ”

นับตั้งแต่ที่ท่านย่าเชิ๋นได้มอบงานที่บริษัทให้กับลู่จิ่งเซินเป็นคนดูแลแล้ว หล่อนก็เรียนรู้ที่จะปล่อยวางอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

ตอนนี้ หล่อนไม่วุ่นวายกับเรื่องภายนอก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะไม่สนใจ ไม่เป็นกังวลใจ

เพราะในสายตาของหล่อน ความสามารถของลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิงในตอนนี้ เหนือกว่าหล่อนและท่านปู่แล้ว

หากมีเรื่องอะไร ที่พวกเขาไม่สามารถแก้ไขได้ ตนเองกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์

ทัศนคติในแง่บวกเช่นนี้ก็ส่งผลต่อท่านย่าจิ้นด้วย

ท่านย่าจิ้นพยักหน้ายิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“พี่สาวพูดถูก งั้นพวกเราไปดื่มชาที่ห้องโถงส่วนหน้า”

“ดี”

เมื่อท่านย่าทั้งสองจากไปแล้ว จิ้นชิงซานจึงเดินออกมาจากด้านข้าง

เขามองจี้หลินยวนพาหัวเหยาจากไป อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ยกมือขึ้น เรียกคนรับใช้ พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า:“นายไปดูหน่อยว่าคุณชายกับคุณนายน้อยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ?ถ้าทราบข่าวแล้วให้รีบมาบอกด่วนเลย”

“ครับ”

เมื่อคนรับใช้รับคำสั่งแล้วก็จากไป

แต่ในเวลานี้ ในอีกด้านหนึ่ง

หัวเหยาและคนกลุ่มหนึ่งขึ้นรถ จากนั้นก็มุ่งไปที่คฤหาสน์ของเฉินซื่อโป๋

เฉินซื่อโป๋ทำธุรกิจขนาดใหญ่ และได้ซื้อคฤหาสน์ที่หรูหราหลังหนึ่งที่นี่

เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของท่านย่าจิ้น ในฐานะที่เป็นญาติ ทำให้ทุกคนต้องมาร่วมงาน มีเพียงภรรยาของเขาซึ่งเป็นคนป่วยจำเป็นต้องนอนรักษาตัวอยู่ในบ้าน

เมื่อคนกลุ่มนี้มาถึงคฤหาสน์ ขณะที่เพิ่งลงจากรถ ทุกคนก็ต่างมองเห็นร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งที่ซูบผอมใบหน้าซีดขาวยืนอยู่ที่หน้าประตู

เมื่อเฉินซื่อโป๋เห็นสีหนาก็ขรึมลง แล้วก้าวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว

มือข้างหนึ่งพยุงผู้หญิงคนนั้นไว้ พลางพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า:“ทำไมคุณถึงออกมาล่ะ ?บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้คุณรออยู่ข้างใน?”

ขณะที่เขาพูด ก็เงยหน้าเหลือบมองคนรับใช้

“เธอดูแลคุณนายยังไง? ข้างนอกอากาศหนาวขนาดนั้น พวกเธอก็ให้หล่อนใส่เสื้อผ้านิดเดียวแล้วมายืนอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ?”

คนรับใช้ต่างก้มหน้าลง พลางพูดขึ้นอย่างนอบน้อมว่า:“คุณผู้ชาย พวกเราได้พูดโน้มนาวคุณนายแล้ว แต่คุณนายไม่ยอมเชื่อฟังพวกเราค่ะ”

ผู้หญิงฟังน้ำเสียงที่น่าสงสารของคนรับใช้ จึงยกมือขึ้นเพื่อขวางอารมณ์ฉุนเฉียวของเฉินซื่อโป๋

หล่อนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจ พลางพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า:“อย่าโทษพวกเธอเลย ฉันได้ยินว่าจะมีแขกมา ก็เลยยืนหยัดที่จะรออยู่ที่นี่”

ขณะที่หล่อนพูด สายตาก็มองไปที่ลู่จิ่งเซินที่อยู่ไม่ไกลนัก

“สามี พวกเขาเป็นใครกันเหรอคะ?”

ในเวลานี้เฉินซื่อโป๋ถึงนึกขึ้นได้ว่ามีคคนนอกอยู่ที่นี่

เขาพยายามสงบสติอารมณ์ และกดความโกรธไว้ในใจ และหันมาแนะนำกับหล่อนว่า:“อะเสียน เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก ท่านนี้คือคุณลู่ประธานกรรมการบริหาร ลู่ซื่อกรุ๊ป ท่านนี้คือภรรยาของเขาจิ่งหนิง ท่านนี้คือคุณกู้ซือเฉียนเป็นผู้มีอำนาจของกู้ซื่อ และยังมีท่านนี้……”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท