วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1014 เพื่อนเก่ามารวมตัวกัน

บทที่ 1014 เพื่อนเก่ามารวมตัวกัน

เขาพยายามค่อยๆออกมาจากอ้อมกอดของหัวเหยา

พลางโบกมืออย่างใจกว้าง “ผมเป็นแมว พี่ไปซ่อนแล้วกัน”

อานอานพยักหน้า แล้วหันกลับมาจูงมือจิ้งเจ๋อน้อย

“แล้วน้องชายของพี่จะขอเล่นกับพวกเราด้วยได้ไหมคะ?”

ครั้งแรกเสี่ยวลี่หลินไม่พูดไม่จา

เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วใช้สายตาของศัตรูมองไปยังจิ้งเจ๋อน้อย

เมื่อสักครู่นี้ที่จิ่งหนิงได้อธิบายไป จิ้งเจ๋อน้อยก็พอที่จะเข้าใจอยู่บ้าง เด็กชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ไม่ได้ทำร้ายพี่สาว พวกเขาแค่กำลังเล่นสนุกกัน

แต่ว่าเขาเป็นคนรักศักดิ์ศรีตั้งแต่เด็ก ต่อหน้าคนในครอบครัวยังพอไหว แต่ต่อหน้าคนนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจอกันครั้งแรก เขาจะยอมรับผิดไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ดังนั้น เด็กน้อยทั้งสองจึงได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น มองซึ่งกันและกันอย่างดื้อดึง สีหน้าของเด็กน้อยแดงก่ำไม่มีใครยอมให้ใคร

จิ่งหนิงและหัวเหยาอดไม่ได้ที่จำทำหน้าเจื่อน

ท้ายที่สุด ก็จนปัญญา ไม่สามารถที่จะเล่นซ่อนแอบกันได้สำเร็จ

ถึงยังไงเด็กทั้งสองต่างก็เป็นเด็กฉลาดและดื้อรั้น และกล้าหาญ พวกหล่อนเกรงว่าจะเล่นกันจนเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น

ดังนั้นจึงมอบให้พี่เลี้ยงเป็นคนดูแล ให้พวกเขาแยกกันพาไปเล่นเกมอะไรที่เบาๆง่าย เช่นการเล่นฟองสบู่หรือหุ่นยนตร์จับตุ๊กตา

เมื่อมอบเด็กๆให้กับพี่เลี้ยงแล้ว หัวเหยาก็ได้พาจิ่งหนิงไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นบนของหล่อน

“หนิงหนิง เรื่องของเฉียวฉีฉันพอได้ยินมาบ้าง เมื่อวานพวกเขามาถึงแล้ว และได้โทรศัพท์หาฉันแล้วด้วย อีกสักพักหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ พวกเราไปเจอพวกเขากันดีไหม”

จิ่งหนิงพยักหน้า

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางถามขึ้นว่า:“เฉินซื่อโป๋ที่คุณเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ ก็เป็นแขกคนหนึ่งในวันนี้ใช่ไหม?”

หัวเหยาส่ายหน้า

“เปล่า เขาเป็นญาติห่างๆของตระกูลจิ้น ตัวเขาเองก็มีธุรกิจที่นี่ การมาในครั้งนี้ประการแรกก็เพื่อมาอวยพรวันเกิดให้ท่านย่า ประการที่สองก็เพื่อมาจัดการธุรกิจที่นี่”

“วันนี้เป็นงานเลี้ยงส่วนตัวของครอบครัว และเป็นการต้อนรับการมาเยือนของพวกคุณ หลักๆก็คือต้องการให้ท่านย่าทั้งสองได้คุยเรื่องเก่าๆกัน ส่วนงานเลี้ยงจริงๆนั้นคือวันพรุ่งนี้ตอนกลางคืน ในเวลานั้นเฉินซื่อโป๋ก็น่าจะมาด้วย”

จิ่งหนิงพยักหน้า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไม่ต้องรีบ วันนี้ดึกแล้ว วันพรุ่งนี้ตอนเช้าถ้ามีเวลา พวกเราก็ไปเจอเฉียวฉีกันก่อนเถอะ”

หัวเหยาไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร

หล่อนจูงมือจิ่งหนิงมานั่งที่โซฟา

พลางมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า:“อ้วนไปหน่อย”

จิ่งหนิงตกตะลึง รีบหันไปส่องกระจก

“จริงเหรอ?อ้วนขึ้นเยอะเลยเหรอ?”

เธอส่องกระจกดูตัวเองทุกวัน ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ที่สำคัญคือช่วงนี้ ลู่จิ่งเซินได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเธอ ทำให้เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าของเมื่อก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกว่าตนอ้วนหรือผอม

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น โดยปกติเธอดูแลรูปร่างของตนอย่างเข้มงวด

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า กลับอ้วนขึ้นได้

เมื่อหัวเหยาเห็นท่าทีเคร่งเครียดของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“ไม่ได้มากมายอะไร ก็แค่มีน้ำมีนวลขึ้นนิดหน่อย แต่ว่าคุณวางใจเถอะ เมื่อก่อนคุณผอมเกินไป มีน้ำมีนวลขึ้นหน่อยดีแล้ว”

ขณะที่หล่อนพูด ก็พยายามดึงจิ่งหนิงกลับมา

เมื่อได้ยินหล่อนพูดเช่นนี้ ในใจของจิ่งหนิงก็สงบลงเล็กน้อย

หัวเหยาถามขึ้นอีกว่า:“ได้ยินมาว่าคุณตั้งครรภ์?กี่เดือนแล้วเหรอ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ริมฝีปากของจิ่งหนิงก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ใกล้จะสี่เดือนแล้ว”

“เร็วมากเลย?”

ดวงตาของหัวเหยาเบิกกว้าง จ้องมองไปยังท้องของเธอ มองดูพลางยกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

“อ่า ท้องของคุณใหญ่กว่าปกติ ไปตรวจครรภ์แล้วหรือยัง?”

จิ่งหนิงพยักหน้า“ตรวจแล้วค่ะ คุณหมอบอกว่าเป็นลูกแฝด”

แววตาของหัวเหยาเปล่งประกายขึ้นทันที

“ลูกแฝดเหรอคะ?ดีจริงๆ น่าอิจฉาคุณจริงๆเลย”

จิ่งหนิงฉือ ๆสองครั้ง“จะอิจฉาฉันทำไม?ถ้าอยากได้ก็ท้องได้ตลอด จี้หลินยวนก็ไม่ได้ห้ามให้คุณท้องสักหน่อย”

เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป สีหน้าของหัวเหยาจู่ๆก็แดงขึ้นในทันที

หล่อนเหลือบมองจิ่งหนิงครู่หนึ่ง พลางพูดขึ้นว่า:“คุณหยอกล้อฉันให้มันน้อยๆหน่อย ตอนนี้ฉันไม่ได้มีความคิดนั้นเลย”

หัวเหยาเป็นคนเกียจคร้าน แค่เสี่ยวลี่หลินคนเดียว หล่อนก็รู้สึกรำคาญ หากมีอีกคน หล่อนคงยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่

เมื่อจิ่งหนิงเห็นสภาพเช่นนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ทั้งสองต่างพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนในช่วงนี้สักพักหนึ่ง กระทั่งถึงเวลารับประทานอาหารเย็นจึงได้ลงมา เนื่องจากมีคนจำนวนมาก ทำให้การรับประทานอาหารเย็นค่อนข้างครึกครื้น

ตอนบ่ายลู่จิ่งเซินได้ไปพบกับจี้หลินยวน ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายทั้งสองคุยอะไรกัน เมื่ออยู่บนโต๊ะอาหาร จิ่งหนิงรู้สึกอย่างเห็นได้ชัดว่าจี้หลินยวนอ่อนโยนและดูร่าเริงกว่าเมื่อก่อน

หากเมื่อก่อนจี้หลินยวนเป็นก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่ง ตอนนี้ก็ถือว่าเขาเป็นน้ำแข็งก้อนหนึ่งที่ละลายแล้ว

ที่ทั้งปลิ้นปล้อนและรอบคอบมากยิ่งขึ้น

แต่ว่านี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

ในเมื่อต่อไปเขาจะต้องเป็นคนสืบทอดกิจการของตระกูลจิ้น การทำธุรกิจไม่ว่าคุณจะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องดูแลในภาพรวม

เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ท่านย่าจิ้นก็ได้จัดเตรียมที่นอนให้กับพวกเขา ลู่จิ่งเซินและคนอื่นๆก็ไม่ได้เกรงใจ และตัดสินใจที่จะนอนค้างที่ตระกูลจิ้น

อานอานได้กลับเข้าไปในห้องนอนของตนเองและนอนหลับแล้ว ส่วนจิ้งเจ๋อน้อยเนื่องจากอายุยังน้อย จำเป็นต้องให้จิ่งหนิงกล่อมนอน

จิ่งหนิงนอนอยู่ข้างๆ เล่านิทานให้เขาฟัง

เมื่อเห็นศีรษะเด็กน้อยค่อยๆโน้มต่ำลง เธอจึงค่อยๆวางหมอนให้กับเขา และห่มผ้าให้กับเขา จากนั้นก็ค่อยๆเดินกลับไป

เมื่อออกจากห้องก็เจอกับลู่จิ่งเซินที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน

ในมือของลู่จิ่งเซินมีนมอยู่แก้วหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเธอออกมาจากห้องนอนของจิ้งเจ๋อน้อย จึงถามขึ้นว่า:“นอนแล้วเหรอ?”

จิ่งหนิงพยักหน้า

เนื่องจากกลัวว่าเขาจะทำให้เด็กๆตื่น จึงจูงมือของเขา แล้วเดินไปยังห้องของตนเอง

เมื่อเข้าห้อง เธอถึงคลายความกังวลลง หลังจากที่ปิดประตู จึงถามขึ้นว่า:“เมื่อกี้คุณไปไหนมาเหรอคะ?”

“ไปรับโทรศัพท์”เขานิ่งครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า:“ลูกน้องของผมพบแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์อยู่ก้อนหนึ่ง”

จิ่งหนิงตะลึงงัน รู้สึกตะลึงงันเล็กน้อย

“เร็วจังเลย?เจอที่ไหนเหรอคะ?”

“เหมืองหินแห่งหนึ่งที่เตียนหนาน”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลู่จิ่งเซินก็ดูกังวลเล็กน้อย

“หนิงหนิง มีเรื่องๆหนึ่งคุณรู้สึกไหมว่ามันแปลกๆ?”

จิ่งหนิงงงงวย พลางนั่งลง “เรื่องอะไรเหรอคะ?”

คิ้วของลู่จิ่งเซินกระดกขึ้น พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า:“ตลอดระยะเวลาที่พวกเราช่วยกู้ซือเฉียนตามหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์แม้ว่าจะไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ถึงกลับยากเย็นแสนเข็ญ หากพิจารณาจากวิธีการของหนานกงจิ่น และข่าวที่มีประสิทธิภาพของตระกูลหนาน ผมไม่ได้รู้สึกว่าหากพวกเขาไม่มีพวกเรา แล้วจะหาไม่เจอ คุณเคยคิดไหมว่า ในเมื่อเขาสามารถหาให้เจอได้ด้วยตนเอง แล้วทำไมจะต้องยืมมือคนอื่น โดยการบังคับให้กู้ซือเฉียนตามหาด้วยล่ะ?”

จิ่งหนิงงงงันอยู่ตรงนั้น

พูดตามตรง ข้อสงสัยที่ลู่จิ่งเซินพูดถึง ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ครุ่นคิดมาก่อนเลย

ใช่แล้ว ตระกูลหนานมีอำนาจขนาดนั้น?

นั้นเป็นเรื่องที่ยากที่จะคาดเดาจริงๆ แม้ว่าจะเป็นลุงแท้ๆของเธอ ทางฝั่งของตระกูลจื่อจินก็ยากที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่

อีกทั้งหนานกงจิ่นยังเป็นคนที่ชอบวางแผนกลยุทธ์ ทำไมเขาไม่หาเองล่ะ?

คิ้วของเธอขมวดกันแน่น

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท