วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1024 เธอรู้สึกชื่นใจเป็นอย่างมาก

บทที่ 1024 เธอรู้สึกชื่นใจเป็นอย่างมาก

จิ่งหนิงจนปัญญา ทำได้เพียงเดินตามไป

ก่อนที่จะออกเดินทาง เธอขยิบตาให้กับลู่จิ่งเซิน เพื่อบอกเป็นนัยว่าให้เขาดูแลเด็กๆให้ดี อย่าคิดมาก

ลู่จิ่งเซินและเธอใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ทำไมถึงจะไม่เข้าใจล่ะ?

เขาพยักหน้าอย่างเรียบเฉย

โม่ไฉ่เวยพาจิ่งหนิงไปยังสวนดอกไม้ที่อยู่ด้านหลัง

เพราะว่าที่นี่ร้อนเกินไป ทำให้สวนดอกไม้ไม่ใช่สวนกลางแจ้ง แต่มีหลังคาที่ทำด้วยกระจกขนาดใหญ่ และด้านล่างก็มีการเปิดแอร์เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่

ดังนั้นพืชที่อยู่ข้างในจึงเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี แม้แต่อุณหภูมิก็เป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด ไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไป

โม่ไฉ่เวยพาเธอไปยังอีกห้องหนึ่ง จากนั้นค่อยหันกลับมา พลางพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า:“ลูกกับลู่จิ่งเซินรู้จักกันได้ยังไง?เขาเคยแต่งงานมาก่อนครั้งหนึ่ง และก็ยังมีลูกด้วย เรื่องๆนี้ทำไมถึงไม่รีบบอกฉัน?”

เมื่อจิ่งหนิงเห็นสีหน้าโมโหของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“แม่ค่ะ แม่อย่าเพิ่งตกใจไป นั่งลงก่อนแล้วค่อยๆพูดกันเถอะค่ะ”

ดังนั้น เธอจึงจูงโม่ไฉ่เวยให้นั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับตนเองและลู่จิ่งเซินให้ฟังอย่างละเอียด ตั้งแต่รู้จักกระทั้งรักกัน

หลังจากที่โม่ไฉ่เวยฟังจบ สีหน้าก็เริ่มดีขึ้น

“เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ก็พอจะทราบว่าเขาไม่ใช่คนที่ได้แล้วทิ้ง ไม่ใช่คนที่ไม่รับผิดชอบ ”

แต่ว่าโม่ไฉ่เวยก็ยังคงสงสัย ขมวดคิ้วพลางถามหล่อน“แต่ก่อนที่เขาจะรู้จักกับลูก เขาก็มีลูกกับคนอื่นเสียแล้ว อีกทั้งยังมีขณะที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วย เรื่องๆนี้ลูกได้ถามเขาอย่างชัดเจนหรือยัง?ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร?เด็กคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?พวกเขาคบหากันถึงขั้นไหน?ต่อไปจะได้เจอหน้ากันไหม?ทั้งหมดนี้ลูกไม่รู้อะไรเลยเหรอ?”

จิ่งหนิงนิ่งเงียบลงครู่หนึ่ง

ที่จริงแล้ว เกี่ยวกับที่มาที่ไปของอานอาน หล่อนก็ไม่ค่อยชัดเจนนัก

เริ่มแรกรู้ว่าตอนที่รู้ว่ามีอานอานอยู่ เธอก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย นั้นเป็นเพราะว่าตอนนั้นยังไม่รู้จักเด็กๆ

แต่หลังจากที่ได้เจอกับเด็กๆ แว็บแรกที่เห็นเธอก็ถูกชะตากับหล่อนทันที ในตอนนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจเรื่องในอดีตของลู่จิ่งเซิน สองตาและหัวใจมีเพียงเด็กน้อยคนนั้นเพียงคนเดียวเท่านั้น

ในตอนนั้นรู้สึกเพียงว่าหล่อนทั้งเฉลียวฉลาด ทั้งน่าสงสาร ทั้งยังมีลักษณะที่คล้ายกับตนเองอย่างบอกไม่ถูก

ความรู้สึกนี้ยากที่จะใช้ภาษาในการอธิบาย แต่ว่ากลับมีสิ่งนั้นดำรงอยู่จริงๆ

ดังนั้นในหัวใจของเขา ไม่ว่าแม่แท้ๆของเด็กน้อยคนนี้จะเป็นใครก็ไม่สำคัญ

สิ่งที่สำคัญก็คือ อานอานชอบเธอ และเธอก็ชอบอานอานเช่นเดียวกัน อีกทั้งนับตั้งแต่ที่ลู่จิ่งเซินอาศัยกับอยู่กับเขา ก็ไม่เคยเหลียวมองหาผู้หญิงคนอื่น แบบนี้ก็เพียงพอแล้ว

เมื่อคิดเช่นนี้ จิ่งหนิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

เธอรู้ดีว่าโม่ไฉ่เวยอารมณ์เสียเพราะเรื่องนี้ เนื่องจากหล่อนรักและเอ็นดูเธอ และเห็นเธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ดังนั้นจึงได้รีบร้อนขนาดนี้

เธออดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาพลางพูดขึ้นว่า:“แม่คะ แม้ว่าทุกเรื่องที่แม่พูดมานี้ ฉันจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ฉันกลับบรู้ว่าลู่จิ่งเซินนั้นดีต่อฉันจริงๆ เขาไม่เคยนอกใจ ดังนั้นฉันก็เลยไม่อยากเซ้าซี้เรื่องนี้”

“อีกอย่าง บนโลกใบนี้ มีใครบ้างที่ไม่เคยมีอดีต?ก่อนหน้าที่ฉันจะรู้จักเขา ฉันก็เคยมีอดีตกับมู่ยั่นเจ๋อไม่ใช่เหรอ?เขาก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรฉัน อีกทั้งยังช่วยเหลือฉันเยอะมาก ฉันก็ควรที่จะตอบแทน และไม่ควรที่จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องในอดีตของเขา ขอแค่ในอนาคตของเราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็พอ?”

โม่ไฉ่เวยขมวดคิ้ว

“นั้นไม่เหมือนกัน”

หล่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ:“ลูกกับมู่ยั่นเจ๋อไม่ได้มีลูกด้วยกัน แต่เขามี หากอิงจากสาระสำคัญ คุณเคยคิดไหมว่า หากในอนาคตมีอยู่วันหนึ่ง แม่แท้ๆของเด็กคนนี้กลับมา เขาจะทำอย่างไร?และลูกจะทำอย่างไร?”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเย็นชา

“บนโลกใบนี้ ผู้ชายก็จะมีแค่ไม่เคยทำผิด กับทำผิดตลอด ไม่มีทางสายกลาง ลูกก็อย่าถูกเขาหรอกก็แล้วกัน ปากผู้ชายชอบโกหกคนเป็นที่สุด ในชีวิตของแม่เคยถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง ลูกก็อย่าถูกหลอกซ้ำรอยแม่ล่ะ!”

จิ่งหนิงมองไปที่หล่อน ด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง

จู่ๆเธอก็เข้าใจขึ้นมาทันที ที่แท้โม่ไฉ่เวยโกรธไม่ได้เป็นเพียงเพราะหล่อนเป็นห่วงเธอ แต่ยังเป็นเพราะว่า……

จิ่งหนิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เธอกุมมือโม่ไฉ่เวยอีกครั้ง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า:“แม่ แม่กำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ใช่ไหมคะ?”

ร่างกายของโม่ไฉ่เวยแข็งทื่อ

จิ่งหนิงมองตรงไปที่หล่อน

ผ่านไปไม่นาน โม่ไฉ่เวยก็พยักหน้าอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง

จากนั้นไม่นาน ดวงตาครู่นั้นก็ดูหดหู่ในทันที

“แม่คิดถึงเรื่องๆหนึ่ง และก็เป็นเพราะว่าพูดถึงเรื่องๆนี้ ดังนั้นก็เลยเป็นห่วงสถานการณ์ของคุณที่มีอยู่ในตอนนี้ หนิงหนิงลูกรู้ไหมว่า……”

“แม่คะ”

จู่ๆจิ่งหนิงก็พูดขึ้นขวางคำพูดของหล่อน

หล่อนมองไปที่โม่ไฉ่เวยอย่างตั้งใจ พลางพูดขึ้นหนึ่งคำหนึ่งประโยคว่า:“ลู่จิ่งเซินไม่ใช่จิ่งเซี่ยวเต๋อ ฉันก็ไม่ใช่แม่ บนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะมีประสบการณ์เหมือนกับก๊อปปี้ของคนอื่นมาเป๊ะๆ ฉันรู้ว่าแม่เป็นห่วงฉัน แต่ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฉันรู้ดีว่าฉันแต่งงานกับคนแบบไหน ไม่ว่าใครจะเป็นคนให้กำเนิดอานอาน ในหัวใจของฉัน หล่อนคือลูกของฉัน”

เธอถอนหายใจครู่หนึ่ง พลางพูดขึ้นเสียงเบาว่า:“บางทีตอนนี้แม่อาจจะยังไม่เชื่อคำพูดของฉัน ถ้างั้นก็ให้เวลามาเป็นเครื่องเครื่องพิสูจน์เถอะ ?เวลาจะทำให้เราได้คำตอบที่ดีที่สุดเอง คุณค่อยๆดูไปก็พอแล้ว ดีไหม?”

ขอบตาของโม่ไฉ่เวยแดงก่ำ

“แม่ก็แค่กลัวว่าถ้าถึงเวลานั้นแล้ว คุณจะเสียใจภายหลัง ……”

“ฉันจะไม่เสียใจภายหลังค่ะ”

จิ่งหนิงยิ้ม “แม้ว่าชีวิตคนๆหนึ่งจะยืนยาว และก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น และยิ่งยากที่จะรับประกันได้ว่า คนๆหนึ่งจะดีกับอีกคนหนึ่งตลอดและจะรักเธอตลอดไป แต่ว่าไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลจะเป็นยังไง ฉันก็จะไม่เสียใจในภายหลัง เพราะว่าอย่างน้อยในเวลานี้ ฉันรักเขา ฉันเต็มใจที่จะเชื่อใจเขา”

“หากเขาโกหกฉันจริงๆ วันหนึ่งในอนาคตเขาจะเป็นอย่างที่แม่ว่า ทำให้ฉันผิดหวัง จากฉันไป นั้นก็เป็นเรื่องที่ฉันเลือกเอง ผลร้ายทุกอย่างที่เกิดขึ้น ฉันก็จะต้องเป็นคนรับผิดชอบและยอมรับมันเอง ฉันยอมที่จะรับผิดชอบมัน และก็อยากให้แม่เชื่อฉันด้วย ได้ไหมคะ?”

โม่ไฉ่เวยฟังในสิ่งที่เธอพูด จึงไม่สามารถที่จะคัดค้านได้

กระทั่งในเวลานี้หล่อนถึงคิดขึ้นมาได้ว่าที่แท้จิ่งหนิงก็ไม่ใช่หล่อนจริงๆ

จิ่งหนิงฉลาดกว่าหล่อน และมีความเด็ดเดี่ยวมากกว่าหล่อน อีกทั้งยัง เด็ดขาดกว่าหล่อนมาก

ดูเหมือนว่าสิ่งที่ตนเองเป็นกังวล ก็คงจะเป็นเรื่องที่ตนคิดมากเกินไป

เมื่อคิดเช่นนี้ หล่อนก็ยิ้ม พลางลูบที่ใบหน้าของจิ่งหนิง

“หนิงหนิง ก่อนหน้านี้ แม่คิดเรื่องของลูกมากมาย เรื่องราวของลูกในตอนเด็กๆ ในตอนนั้นแม่ก็รู้แล้วว่า ลูกสาวของแม่ จะต้องเป็นเด็กคนหนึ่งที่ฉลาดที่สุดในดลกใบนี้ มีความกล้าหาญที่สุด การที่ลูกเติบโตมาจนเป็นคนเช่นนี้ แม่รู้สึกชื่นใจเป็นที่สุด ”

จิ่งหนิงยิ้มพลางพยักหน้า

“การที่แม่ยังคงมีชีวิตอยู่ และยังสามารถเห็นฉันในวันนี้ได้ ปกป้องฉัน ฉันก็รุ้สึกชื่นใจเหมือนกันค่ะ”

ทั้งสองมองตากันครู่หนึ่ง โม่ไฉ่เวยจึงค่อยๆยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาของตนเอง ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้างั้นแม่ก็คงจะไม่ว่าอะไรแล้ว ”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท