วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1043 ยังคงคิดถึงอยู่

บทที่ 1043 ยังคงคิดถึงอยู่

เดิมทีเขาคิดว่าอาจจะต้องรอนานกว่านี้

จิ่งหนิงยิ้มและพูด: “คนเราพอแก่แล้ว ก็คิดถึงบ้านค่ะ อยู่ห่างนาน ๆ ไม่ไหวหรอก”

“ที่คุณพูดก็ถูก”

ลู่จิ่งเซินเดินเข้ามาและส่งนมในมือให้เธอ

จิ่งหนิงรับไปดื่ม จากนั้นจึงถาม: “กี่โมงแล้วคะ?”

“ตีสอง ยังเช้าอยู่”

จิ่งหนิงพยักหน้าและนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถาม: “ฉันกำลังคิดอยู่ว่าพวกเราก็ควรกลับไปไหมคะ?”

ลู่จิ่งเซินถาม: “คิดว่าจะกลับตอนไหน?”

“พรุ่งนี้ค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันดูพยากรณ์อากาศ มะรืนนี้อากาศดี เดินทางมานานก็ควรกลับแล้ว อานอานยังต้องไปเรียน”

“ได้ อย่างนั้นระหว่างมื้อเย็นคืนนี้บอกพวกแม่เขาแล้วกัน”

“อือ”

หลังจากทั้งสองตัดสินใจแล้ว ระหว่างอาหารค่ำ จิ่งหนิงจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

พอโม่ไฉ่เวยได้ยินว่าพวกเธอจะไปแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

“จะไปแล้วเหรอ? ลูกรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ไม่สะดวกสบายหรือเปล่า? ไม่ชิน? หรือว่ามีเหตุผลอะไร?”

จิ่งหนิงยิ้มและพูด: “เปล่าค่ะ ที่นี่ดีมาก ๆ อยู่สบาย อาหารก็ดี ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้นชิน เพียงแต่พวกเรามานานแล้ว ยังไงก็ต้องกลับ บริษัทมีงานอีกเยอะต้องจัดการ

อานอานเองก็ต้องไปเรียน ครั้งนี้หนูมา สำคัญคืออยากรู้ว่าสถานที่ที่แม่อยู่เป็นยังไง สบายดีไหม ตอนนี้เห็นแม่สบายดี หนูก็สบายใจแล้วค่ะ”

โม่ไฉ่เวยมีท่าทางเป็นทุกข์เล็กน้อย

“แต่แม่ไม่อยากให้ลูกกลับ”

ตั้งแต่เธอสูญเสียความทรงจำก็มีนิสัยที่ไร้เดียงสาตรงไปตรงมามาตลอด คิดอย่างไรก็พูดออกไปอย่างนั้น

จิ่งหนิงได้ยินแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจและอดที่จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้

“หนูรู้ว่าแม่ไม่อยากให้หนูกลับ หนูก็ไม่อยากค่ะ ดังนั้นต่อไปถ้ามีเวลา แม่กลับประเทศไปหาหนู หนูอยากจะแนะนำท่านปู่และท่านย่าให้แม่รู้จักนะคะ พวกท่านก็เป็นคนดี ใช่แล้ว ยังมีคุณอา แม่กับกวนจี้หวั่นเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่เหรอคะ? พี่ชายของเธอเป็นผู้กุมอำนาจของตระกูลกวนทั้งหมด และเขาเป็นคนดี ถึงเวลาแม่กลับประเทศ หนูจะพาไปเจอนะคะ”

โม่ไฉ่เวยได้ยินเธอพูดเกี่ยวกับกวนจี้หวั่นแล้วตาเป็นประกายเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า

“ช่างเถอะ คนพวกนี้อย่าไปเจอเลย เรื่องมากมายในอดีตแม่จำไม่ได้แล้ว เจอหน้ากันก็ไม่มีอะไรจะพูด สู้อย่าเจอดีกว่า”

จิ่งหนิงรู้ว่าในใจลึก ๆ เธอยังไม่สามารถยอมรับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดของเธอได้ ดังนั้นจึงไม่ดึงดันและพยักหน้า

โม่ไฉ่เวยเห็นว่าเรื่องที่พวกเขาจะไปนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้จึงไม่ได้พูดอะไรอีก

หลังมื้อเย็น จึงได้ไปเตรียมเก็บของที่อยากจะให้พวกเขาเอากลับไปด้วย

จิ่งหนิงสังเกตเห็นเธออารมณ์ไม่ดีจึงถือโอกาสที่ทุกคนกินข้าวเสร็จแล้วและออกไปเดินเล่น หาโม่ไฉ่เวยที่ทำหน้าหงอยเหงาอยู่ภายในห้อง

โม่ไฉ่เวยนั่งหันหลังให้ประตูอยู่ภายในห้อง และกำลังวางของกองทับกัน

จิ่งหนิงร้องเรียก: “แม่คะ”

โม่ไฉ่เวยหันไปเห็นเธอจึงรีบเช็ดน้ำตาที่ตรงหางตาแล้วยิ้มและพูด: “หนูมาแล้วเหรอ”

จิ่งหนิงคิดไม่ถึงว่าเธอจะแอบมาร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียวอยู่ที่นี่ จึงได้ขมวดคิ้วและเดินเข้าไป

“แม่คะ เป็นอะไรคะ?”

โม่ไฉ่เวยยิ้มเล็กน้อยและพูด: “ไม่เป็นอะไร เมื่อกี้แม่เปิดหน้าต่างแล้วลมด้านนอกพัดทรายเข้ามา ทรายมันเข้าตา”

พูดแล้วก็เช็ดเบ้าตาที่แดงอยู่

แต่จิ่งหนิงกลับรู้ดีว่าทรายที่ไหนจะพัดเข้าตา?

เห็นชัด ๆ ว่าเธอไม่อยากจะให้เธอไป ดังนั้นจึงได้ร้องไห้

เธอถอนหายใจเบา ๆ แล้วดึงมือของโม่ไฉ่เวยไปนั่งที่โซฟาข้าง ๆ

“แม่ แม่ไม่อยากจะให้พวกเราไปใช่ไหมคะ?”

โม่ไฉ่เวยมองเธอและพยักหน้า

หน้าตาเธอดูเศร้าไม่น้อย “อันที่จริงแม่ก็รู้ พวกลูกจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนแม่ไปตลอดไม่ได้ แต่หลายปีมานี้แม่อยู่ที่นี่คนเดียว มันเหงามากจริง ๆ อะซู่ก็มีงานเยอะแยะต้องทำ บางครั้งพอเข้าห้องทดลอง เข้าไปทั้งวันทั้งคืนก็ยังไม่ออกมา แม่ไม่สามารถจะไปตื๊อให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนได้ตลอดเวลา เลยได้แต่อยู่คนเดียวในปราสาทใหญ่หลังนี้ ไม่มีเพื่อนและญาติมิตร เมื่อก่อนก็ยังไม่รู้สึกเบื่อ แต่ตั้งแต่พวกหนูมาที่นี่ก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจที่มีคนในครอบครัวมาอยู่ด้วย พอคิดถึงอดีต ก็รู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย ราวกับอยู่คนเดียวบนเกาะร้าง”

จิ่งหนิงมองดูเธอแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย

เธอไม่เคยคิดเลยว่าโม่ไฉ่เวยจะมีความคิดแบบนี้

โม่ไฉ่เวยดูเหมือนจะรู้ตัวว่าความคิดของตนเองนั้นค่อนข้างจะเศร้าเกินไป

เธอพยายามจะยิ้มและปลอบใจตนเอง: “แต่ก็ไม่เป็นไร เป็นไปได้ว่าคงจะต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวสักนิด ของเพียงผ่านช่วงนี้ไปได้ก็คงดีเอง”

แต่ที่เธอไม่รู้คือ ยิ่งเธอเป็นแบบนี้ จิ่งหนิงเห็นแล้วก็ยิ่งทุกข์ใจ

เธอยื่นมือออกไปและกอดโม่ไฉ่เวยเอาไว้

ผ่านไปครู่ใหญ่จึงปล่อยเธอและพูดเบา ๆ: “แม่คะ ถ้าอย่างนั้นแม่กลับไปกับหนู กลับไปอยู่ที่นั่นดีไหมคะ?”

โม่ไฉ่เวยตกตะลึงเล็กน้อยและมองเธอด้วยความงงงวย

“ได้เหรอ?”

“ได้สิคะ” จิ่งหนิงยิ้มและพูด: “หนูก็ใจจะขาดค่ะ อันที่จริงอย่าว่าแต่แม่ทนไม่ได้ พวกหนูเองก็ไม่อยากค่ะ เราสองคนแม่ลูกผ่านร้อนผ่านหนาว ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้พบเจอกัน หนูเองก็ไม่อยากจะแยกกันแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นแม่ย้ายไปอยู่กับหนู แล้วถ้าคุณอาเชวยินยอมก็ให้เขาย้ายไปด้วย ถ้าหากเขาไม่ยินยอม ก็สามารถหาช่วงว่างมาเยี่ยมแม่ได้ตลอดเวลา แบบนี้แม่จะได้ไม่เหงา เขาจะได้จดจ่อกับการวิจัยทางการแพทย์ แม่คิดว่ายังไงคะ?”

โม่ไฉ่เวยขมวดคิ้วและรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

“นี่…แม่กลัวเขาจะไม่ยอม”

“ไม่มีอะไรที่ไม่ยอมหรอกค่ะ อีกเดี๋ยวลองไปคุยกับเขา หากแม่ไม่อยากพูด งั้นหนูช่วยแม่พูดได้”

จิ่งหนิงพูดแล้วจึงลุกขึ้น

แต่กลับถูกโม่ไฉ่เวยดึงแขนไว้ “เอ้ อย่า…”

โม่ไฉ่เวยหยุดและยิ้ม

“ช่างเถอะ แม่ไปคุยกับเขาเอง แต่ว่า…”

เธอกัดริมฝีปากราวกับมีความลังเลเล็กน้อย

จิ่งหนิงดูออกว่าเธอดูยังเป็นกังวลและถาม: “แม่เป็นห่วงเรื่องอะไรคะ?”

“แม่…” โม่ไฉ่เวยถอนหายใจเล็กน้อย “แม่เป็นกังวล ถ้าแม่ไปแล้วจะส่งผลกระทบต่อพวกลูก ที่สุดแล้วลูกก็รู้ แม่ไม่เหมือนคนทั่วไป”

จิ่งหนิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา

เธอกุมมือโม่ไฉ่เวยแล้วพูดอย่างจริงจัง: “แม่ แม่อย่าคิดแบบนั้น แม่ไม่มีอะไรที่ไม่เหมือนคนทั่วไป แม่ไม่มีอะไรที่ไม่ปกติ เรื่องการสูญเสียความทรงจำ บนโลกนี้มีคนที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้มีมากมาย ก็ไม่เห็นคนอื่นจะเป็นอะไร ดังนั้นแม่ห้ามคิดอะไรไร้สาระแบบนี้นะคะ”

คำพูดของจิ่งหนิงทำให้โม่ไฉ่เวยมีความกล้าขึ้นบ้าง

เธอพยายามจะยิ้ม “ถ้าแม่ไป จะไม่มีผลกระทบกับพวกหนูจริงเหรอ?”

“ไม่มีค่ะ” จิ่งหนิงนิ่งไปและจู่ ๆ ก็พูดเล่น “ถ้าหากมีผลกระทบจริง ๆ ก็เป็นผลกระทบด้านดี ก็คือต่อไปถ้าหลานแม่ลืมตาดูโลกแล้ว ก็จะได้มีคนคอยช่วยเลี้ยง”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน