วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1035 เป็นห่วงจนวุ่นวาย

บทที่ 1035 เป็นห่วงจนวุ่นวาย

จิ่งหนิงคิดดูแล้วรู้สึกว่าแบบนี้ก็ได้

ดังนั้นจึงตอบตกลง

“ได้ งั้นถ้าเธอวาดเสร็จแล้วก็ส่งเข้ามาในมือถือฉันเลย”

“ได้ ไม่มีปัญหา”

หลังจากที่จิ่งหนิงบอกเรื่องนี้ให้เฉียวฉีรู้แล้วก็ไม่ได้สนใจอีกเลย

กลางวัน พวกเขาก็ได้ไปเดินเที่ยวที่อื่นๆ ในเมืองต่อ โม่ไฉ่เวยไปด้วยกันตลอด ส่วนเชวซู่เนื่องจากห้องปฏิบัติการฝั่งนั้นยุ่งเกินไป ไม่สามารถไปไหนได้ จึงไม่ได้ออกมาด้วย

เที่ยวจนถึงกลางคืนเวลาประมาณสองทุ่ม ทุกคนถึงยอมกลับมาอย่างพอใจ

กลับถึงบ้านปุ๊บ จิ่งหนิงก็ได้รับสายจากเฉียวฉี

“หนิงหนิง ฉันส่งรูปที่วาดเสร็จไปที่มือถือของเธอแล้ว เธอลองดูสิ”

“โอเค”

จิ่งหนิงวางสายลงและเปิดข้อความขึ้นมา ต่อมาก็เห็นรูปภาพที่เฉียวฉีส่งมา

ภาพนี้วาดโดยจิตรกรมืออาชีพที่ฟังจากคำบรรยายของเฉียวฉี

พื้นฐานของจิตรกรดีมาก เห็นแต่บนนั้นเป็นภาพคนที่เสมือนจริงมาก เมื่อจิ่งหนิงเห็นรูปวาดคนนั้น ทั้งคนอึ้งอยู่กับที่ทันที

เธอคิดไม่ถึงเลย บนโลกนี้จะมีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้

ถึงแม้คนในภาพวาดนั้นจะไม่ได้เหมือนผู้ชายชื่อหนานจิ่นที่พวกเขาเจอในเมื่อคืนคนนั้นเต็มสิบ แต่อย่างน้อยก็เหมือนเจ็ดถึงแปดแล้ว

ถึงอย่างไรก็เป็นภาพวาดที่ออกมาโดยการบรรยายด้วยคำพูด ไม่มีทางทำได้สมบูรณ์เต็มร้อย

ฉะนั้นในนั้นมีการแตกต่างเล็กน้อยก็เป็นเรื่องปกติ

แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ก็พอทำให้จิ่งหนิงรู้สึกคาดคิดไม่ถึงแล้ว

ขณะที่ประหลาดใจ เธอรีบนำภาพวาดนี้ไปให้ลู่จิ่งเซินดูทันที

หลังจากลู่จิ่งเซินได้ดูแล้วก็ตกใจมากเช่นกัน

เขานึกไม่ถึงเลยว่าคนนั้นที่เจอเมื่อคืนนี้จะเป็นหนานกงจิ่นจริงๆ

เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

ไม่สิ ควรพูดว่าถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้จักหนานกงจิ่น แต่ด้วยกลอุบายและฝีมือวิธีการของหนานกงจิ่นคนนั้น เขาคงเคยสืบคนรอบข้างทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเฉียวฉีและกู้ซือเฉียนมาหมดแล้ว

เพราะฉะนั้น เขาก็น่าจะรู้จักจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินแน่นอนอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในที่มืด ส่วนกู้ซือเฉียนพวกเขาอยู่ในที่แจ้งอยู่ตลอด

เขาก็เหมือนทอดเงาที่ลึกลับตนหนึ่ง ครอบคลุมอยู่บนหัวของทุกคน

แม้แต่อยากหาเรื่องเขายังไม่รู้ต้องไปหาที่ไหนเลย

แต่ตอนนี้เขากลับกระโดดออกมาเองแล้ว

ทำไมเหรอ

ทั้งจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินต่างคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ

อีกอย่าง จริงๆ แล้วเขารู้จักลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิง แล้วทำไมเมื่อคืนยังต้องทำเป็นไม่รู้จัก และยังปลอมตัวเป็นช่างถ่ายภาพอะไรนั่นตั้งใจมาตีสนิทกับพวกเขา

ใช่แล้ว ถึงเวลานี้แล้ว จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินจะไม่คิดอีกแล้วว่าการพบเจอในเมื่อคืนเป็นแค่เรื่องบังเอิญอย่างใสซื่ออีกแล้ว

ถึงอย่างไรบนโลกนี้จะไปมีความบังเอิญเยอะขนาดนี้ได้ยังไง

อันที่จริงเป็นคู่อริ แต่ดันมาเจอกันในที่ที่ไกลขนาดนี้

เขาต้องมีแผนจงใจยอมรับพวกเขาล่วงหน้าแน่เลย

แต่ว่าทำไมเหรอ

จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินครุ่นคิดแล้วนานมากก็คิดไม่ออก ในที่สุดก็ต้องโทรหาเฉียวฉีปรึกษากับพวกเขา

พวกเขาไม่ได้ให้โม่ไฉ่เวยกับเชวซู่รู้เรื่องนี้ กังวลเขาสองคนจะคิดมากและเป็นห่วง

ดังนั้นเขาสองคนแอบโทรคุยในห้องนอนหลังจากฟ้ามืดและทุกคนกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนแล้ว

พวกเขาวิดีโอคอลกัน หลังจากโทรติดแล้ว อีกฝั่งก็ขึ้นเป็นภาพของเฉียวฉีกับกู้ซือเฉียน

เฉียวฉีดูมีความสุขมาก แต่ดูพื้นหลังเหมือนเป็นโรงแรม เขาสองคนน่าจะไม่ได้อยู่เมืองหลิน

จิ่งหนิงนึกถึงครั้งก่อนลู่จิ่งเซินบอกเบาะแสเกี่ยวกับเตียนหนานให้พวกเขา ในใจคาดว่าตอนนี้เขาสองคนน่าจะอยู่ที่เตียนหนานตรงนั้น ดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก

พอโทรติดแล้ว เฉียวฉีก็ยิ้มถามว่า: “ภาพวาดของหนานกงจิ่นที่พวกเธอขอฉันก่อนหน้านี้ฉันได้ส่งให้พวกเธอแล้ว พวกเธอได้รับหรือยัง”

จิ่งหนิงพยักหน้า “ได้รับแล้ว”

“พวกเธอเอาภาพวาดของเขาทำไมเหรอ”

จิ่งหนิงเม้มปาก ผ่านไปสักพักถึงบอกว่า: “บอกแล้วเธอคงไม่เชื่อ พวกเราเจอเขาที่นี่”

“อะไรนะ”

อีกฝ่าง ดูออกได้ว่ากู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีก็อึ้งเหมือนกัน

เพราะอย่างไรแล้ว ไม่ว่าไปบอกที่ไหนก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเหมือนกัน

เดาไม่ผิดเลย จากนั้นก็เห็นเฉียวฉีขมวดคิ้วขึ้นมา

“เธอสองคนไปที่ทะเลทรายแล้วไม่ใช่เหรอ อยู่ดีๆ เขาไปที่นั่นทำไม”

“ใครจะไปรู้” จิ่งหนิงยิ้มแห้งเสียงหนึ่ง “ไม่เพียงเท่านี้เอง เมื่อคืนเขายังปลอมตัวเป็นช่างถ่ายภาพที่เดินผ่านคนหนึ่งมาตีสนิทกับเรา ตอนนั้นรถของเขาเสียแล้วจอดอยู่ข้างทาง เพราะว่าก่อนหน้านั้นเขาได้ช่วยอานอานไว้ เราก็เลยจอดรถลงมาและส่งเขากลับบ้าน ตอนนี้คิดดูดีๆ แล้ว รถน่าจะไม่ได้เสีย คือเขาจงใจจอดรอพวกเราอยู่ตรงนั้น แล้วทำไมเขาถึงรู้ว่าพวกเราจะผ่านถนนเส้นนั้น”

พอคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของเฉียวฉีเปลี่ยนทันทีเลย

“เธอหมายถึง เขาเคยสืบเรื่องพวกเธอ?”

“ใช่แล้ว”

อันที่จริงจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินเคยคิดคำตอบนี้มาก่อนแล้ว

จิ่งหนิงพูดเสียงเคร่งว่า: “เขาต้องไปสืบพวกเราก่อนตอนที่เขามาถึงที่นี่แล้วแน่เลย รู้ว่าพวกเราอาศัยอยู่ที่ไหน ตอนกลับไปกลางคืนจะผ่านถนนเส้นไหนบ้าง ดังนั้นจึงจงใจจอดรอพวกเราอยู่ที่นั่น แต่ที่มันแปลกคือหลังจากเขาขึ้นรถแล้วไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ทิ้งเบอร์ติดต่อเลขหนึ่งให้อานอานไว้ จากนั้นก็ลงจากรถไปแล้ว จนถึงตอนนี้ ฉันยังไม่เข้าใจเลยว่าจุดมุ่งหมายที่เขาทำแบบนี้คืออะไร”

เฉียวฉีก็ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยเช่นกัน

กู้ซือเฉียนถามเสียงเคร่งอยู่ข้างๆ ว่า: “แล้วเขาได้พูดเรื่องอะไรแปลกๆ กับพวกเธอไหม”

จิ่งหนิงลองคิดดู หันหลังมองไปที่ลู่จิ่งเซิน “มีคำพูดอะไรแปลกๆ ไหม”

ลู่จิ่งเซินส่ายหัว

จิ่งหนิงจึงกล่าวว่า: “จำได้ว่าไม่มีนะ อีกอย่าง ที่เขาปลอมตัวเป็นช่างถ่ายภาพ ก็คงไม่อยากให้พวกเรารู้ตัวตนของเขาเร็วขนาดนี้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าฉันจะติดต่อเธอ และยังขอภาพวาดกับเธออีกด้วย เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาน่าจะยังไม่รู้ว่าฉันรู้ตัวจริงของเขาแล้ว”

“แล้วพวกเธอคิดจะทำยังไง”

กู้ซือเฉียนถาม

จิ่งหนิงเงียบลงมา

พูดตามตรงแล้ว ตอนนี้เธอไม่รู้แม้แต่จุดมุ่งหมายของหนานกงจิ่นคืออะไร จะไปรู้ได้ยังไงว่าควรทำยังไง

ความคิดของลู่จิ่งเซินก็คล้ายๆ ของเธอ ดังนั้นทั้งสองคนต่างส่ายหัวกัน

“ตอนนี้เขายังไม่ได้ลงมือ เราไม่รู้จุดมุ่งหมายที่เขามาในตรั้งนี้ ดังนั้นวิธีเดียวที่สามารถทำได้ในตอนนี้ก็มีแต่อยู่นิ่งเฉย ทหารมาก็ใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาก็ใช้ดินต้านไว้แล้ว”

“แบบนี้ก็ดี”

ขณะที่เฉียวฉีพูดอยู่ ในน้ำเสียงกลับแสดงความกังวลออกมา

“แต่ฉันกังวลว่าที่เขาจงใจมาเข้าใกล้พวกเธอเพราะมีความคิดอย่างอื่น ถ้าเขาลงมือทำพวกเธอจะทำยังไง”

ลู่จิ่งเซินฟังแล้วยิ้มอย่างเย็นชา

“ผมไม่กลัวเขาลงมือหรอก ถ้าเขาลงมือจริงๆ ผมอยู่ที่นี่ยังจะกลัวเขาเหรอ”

ทันใดนั้นเฉียวฉียิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

เธอเป็นห่วงจนวุ่นวาย ลืมไปได้ยังไงว่าลู่จิ่งเซินเป็นใคร

นั่นคือบุคคลที่ทำให้คนแค่ได้ยืนข่าวก็กลัวจนเสียขวัญ จะไปกลัวหนานกงจิ่นได้ยังไง

อีกอย่าง ได้ยืนมาว่าคุณแม่ของจิ่งหนิงก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน และเชวซู่ยังเป็นคนใหญ่คนโตในท้องถิ่นอีกด้วย มีพวกเขาอยู่ที่นี่ ถึงจะเป็นสถานที่ไม่รู้จักก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลย

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท