วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1048 เธออยู่ที่นี่

บทที่ 1048 เธออยู่ที่นี่

เมื่อคิดตรงนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

เมื่อเห็นคนรับใช้ยกชาเข้ามา ก็รู้สึกว่าข้างในห้างไม่มีพิษก็ต้องมีอะไรสักอย่าง

คนรับใช้มีท่าทีที่ดีมาก ๆ เมื่อเห็นเธอนั่งไม่ขยับก็กระซิบเบา ๆ: “คุณจิ่ง ชาค่ะ”

สุดท้ายจิ่งหนิงไม่อาจจะพาลโกรธไปลงที่สาวใช้ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไร

ได้แต่พูดอย่างเย็นชา “วางไว้ตรงนั้นแหละ”

ความจริงแล้วกลับไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ

สาวใช้เบ้ปากและไม่กล้าพูดอะไร หลังจากวางแก้วชาแล้วจึงได้ออกไป

ภายในห้องเหลือเพียงจิ่งหนิงเพียงคนเดียว

เธอนั่งอยู่ตรงนนั้นและไม่รีบร้อนจะขยับและมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างพิจารณา

ห้องตกแต่งอย่างหรูหราแต่การตกแต่งค่อนข้างเรียบง่าย

เธอนับได้ว่าภายในห้องติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างน้อยสี่ตัวซึ่งเธอสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้

นี่หนานกงจิ่นคิดจะทำอะไร?

เธอไม่อาจจะคิดอย่างไร้เดียงสาว่าหนานกงจิ่นลงแรงไม่มากขนาดนี้ จับตัวเธอมาที่นี่แล้วยังใช้โซ่ตรวนขังเธอไว้จะทำไปเพื่อความสนุก

แต่ถึงแม้เธอจะเป็นเพื่อนของกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉี แต่เธอก็ไม่เคยอะไรเกี่ยวข้องกับหนานกงจิ่นมาก่อน และไม่มีผลประโยชน์อะไรที่ขัดแย้งกัน

ลู่ซื่อกรุ๊ปกับตระกูลหนานมีความแตกต่างชัดเจน ไม่มีธุรกิจอะไรที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

ดังนั้นในน้ำเต้าของเขามียาอะไรกันแน่?

ในระหว่างที่ความคิดมากมายของจิ่งหนิงยังคงค้างคาอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องมาจากข้างนอก

“หนิงหนิง”

จิ่งหนิงสั่นอย่างรุนแรงพูดโดยไม่รู้ตัว “แม่ หนูอยู่นี่ค่ะ”

“หนิงหนิง!”

โม่ไฉ่เวยวิ่งเข้ามาพร้อมกับร้องไห้

และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธออายุมากแล้ว บวกกับและเพราะเธอไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ หนานกงจิ่นจึงไม่ควบคุมเธออย่างเข้มงวด

อย่างน้อย ดูจากตอนนี้ เธอเป็นอิสระและไม่เหมือนกับจิ่งหนิงที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้

เมื่อโม่ไฉ่เวยเห็นจิ่งหนิงก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้กระดูกสันหลังแล้ว เธอรีบวิ่งเข้าไปจับใบหน้าแล้วมองขึ้นและลง “หนิงหนิง ลูกไม่เป็นไรนะ? หนิงหนิง?”

จิ่งหนิงส่ายหน้า “หนูไม่เป็นไรค่ะ”

เธอกวาดสายตามองดูตัวของโม่ไฉ่เวยอย่างรวดเร็วและพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติและดูไม่เหมือนจะได้รับบาดเจ็บอะไร จึงได้เบาใจลงบ้าง

“แม่คะ เป็นยังไงบ้าง? พวกมันทำร้ายแม่รึเปล่า? แม่มีตรงไหนไม่สบายไหม?”

“ไม่มี แม่สบายดี”

โม่ไฉ่เวยพูดเบา ๆ แต่ตัวเธอกลับสั่นเล็กน้อย

จิ่งหนิงรู้ว่าเป็นเพราะจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ทำให้ภายใต้ความทรงจำที่ไม่ดีในจิตใต้สำนึกของเธอ ดังนั้นเธอจึงกลัว

เธอจึงพูดปลอบเบา ๆ: “แม่คะ แม่ไม่ต้องกลัวนะ มีหนูอยู่ด้วยนะ เราจะไม่เป็นไรค่ะ”

โม่ไฉ่เวยพยักหน้าและถามด้วยดวงตาที่แดงก่ำ: “หนิงหนิง พวกเขาเป็นใคร? ทำไมจะต้องจับเรามาที่นี่ด้วย?”

จิ่งหนิงเม้มปาก

เธอไม่มั่นใจว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้โม่ไฉ่เวยฟังดีหรือไม่

แต่ถ้าไม่เล่าเธอมีแต่จะยิ่งเป็นกังวล

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิ่งหนิงกัดฟันและพูดเสียงขรึม: “พวกมันก็คือคนที่หนูเล่าให้แม่ฟังก่อนหน้านี้ ข่มขู่กู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีให้ไปหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์”

เรื่องนี้จิ่งหนิงเคยบอกเธอเมื่อครั้งที่ยังอยู่ในเมืองT

ดังนั้นโม่ไฉ่เวยกับเซวซู่ต่างรู้เรื่องนี้

โม่ไฉ่เวยได้ยินแล้วเบิกตาโพลงทันที

“ลูกจะบอกว่าพวกเขาคือคนจากตระกูลหนาน?”

“อือ”

จิ่งหนิงพยักหน้า

“แต่…คนตระกูลหนาน ทำไมถึงจับตัวเราล่ะ?”

“หนูก็ไม่รู้ค่ะ”

จิ่งหนิงคิดแล้วพูดอีก: “แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วง พวกมันไม่ได้คิดจะเอาชีวิตเรา ไม่ว่าจะพูดยังไง ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ลู่จิ่งเซินกับคุณอาเชวคงได้ข่าวแล้วว่ามีเรื่องเกิดกับพวกเรา พวกเขาจะต้องหาวิธีมาช่วยเราแน่นอน ดังนั้นเราจะต้องทำใจให้สบาย คอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ และรอพวกเขาก็พอค่ะ”

โม่ไฉ่เวยหน้าซีดและพยักหน้า

ถึงแม้จิ่งหนิงจะปลอบใจเธอแบบนั้น แต่ในใจก็เข้าใจดี

หนานกงจิ่นกับคนที่เธอเคยพบเจอในอดีตนั้นไม่เหมือนกัน

พวกเขารู้จักคนคนนี้น้อยมาก หากไม่ใช่เพราะเรื่องของกู้ซือเฉียนและเฉียวฉี ก็พูดได้ว่า พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าบนโลกนี้ยังมีคนแบบนี้อยู่ด้วย

หัวหน้าตระกูลหนานที่สูงส่งมีฐานะอยู่เหนือคนนับหมื่น แท้จริงแล้วเป็นเพียงเรื่องตลกทั้งเพ

และสำหรับศัตรูที่พวกเขาไม่เข้าใจ มันยากมากที่จะจัดการกับเขา

แม้ว่าจะฉลาดพอๆ กับลู่จิ่งเซิน แต่พวกเขาอาจจะไม่สามารถหาพวกเธอเจอได้ในเวลาอันสั้น

แต่ทั้งหมดนี้ เธอไม่อาจจะพูดกับโม่ไฉ่เวยได้ เพื่อไม่ให้เธอต้องตื่นกลัวอยู่แล้ว ต้องตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกเพราะเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้โม่ไฉ่เวยนั้นกลัวมาก แต่เมื่อได้เจอกับจิ่งหนิงแล้วเธอก็มีความกลัวน้อยลงกว่าก่อนหน้านี้

จิ่งหนิงพูดไม่ผิด ลู่จิ่งเซินกับเซวซู่ไม่มีทางไม่เหลียวแลพวกเธอ ดังนั้นตนเองจะต้องมั่นคงและรอพวกเขามาก็พอ

ใช่ มั่นคง จะต้องมั่นคง

เมื่อคิดเช่นนี้ เธอมองลงมาเล็กน้อยและเห็นโซ่เหล็กล็อคอยู่ที่ข้อมือและข้อเท้าของจิ่งหนิง

เธอจ้องเขม็ง

“หนิงหนิง นี่มันคืออะไร?”

เธอหยิบโซ่เหล่านั้น ดวงตาแดงก่ำ

“พวกมันทำไมทำกับลูกแบบนี้ได้? ลูกเป็นหญิงท้องนะ นะ นี่…”

จิ่งหนิกลัวว่าเธอจะตื่นตระหนกจึงรีบกล่อมเธอ: “แม่คะ หนูไม่เป็นไร พวกมันทำแบบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้หนูหนีไปได้เท่านั้น จะว่าไปแล้ว หนูก็ไม่ได้ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวเท่าไหร่”

เธอพูดและเม้มปากเล็กน้อย แล้วลดเสียงลงทันใด กระซิบเป็นเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น: “ในห้องนี้มีกล้องวจรปิด หนึ่งตัวข้างหลังแม่ที่สี่นาฬิกา อีกตัวที่สิบสองนาฬิกา และอีกตัวตรงกระถางดอกไม้ที่เท้าขวาด้วย และอีกตัวเหนือประตู แม่สังเกตดูนะคะ ถ้ามีโอกาส ก็หาทางปิดพวกมัน”

โม่ไฉ่เวยอึ้งไปเล็กน้อย และคิดจะเงยหน้าขึ้นดูโดยไม่ทันตั้งตัวและกลับถูกจิ่งหนิงความคุมไว้

“อย่ามองค่ะ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รอสักพักแล้วค่อย ๆ แอบสังเกตดูตอนไม่รู้ตัว”

โม่ไฉ่เวยจึงได้สติและรีบพยักหน้า

ทั้งสองคนจึงได้อยู่ในห้องนั้น

ถึงแม้หนานกงจิ่นจะไม่ได้มัดมือมัดเท้าโม่ไฉ่เย แต่ด้านนอกห้องก็มีคนเฝ้าอยู่ตลอด บอกว่าเป็นคนรับใช้ที่รอรับคำสั่งจากพวกเขา แต่จิ่งหนิงเข้าใจดีว่าความจริงแล้วก็คือคนที่มาเฝ้าพวกเธอ

แต่ตอนนี้เธอท้องอยู่ โม่ไฉ่เวยเองก็แก่แล้ว บวกกับไม่มีวิชาอะไรเลย เธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอและไม่มีแรงกำลัง

เธอจึงไม่คาดหวังว่าพวกเธอสองคนจะสามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้

ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจใช้ความสงบนิ่ง เธอจะรอดูว่าหนานกงจิ่นคิดจะทำอะไรกันแน่

ในตอนนี้ที่อีกด้าน ลู่จิ่งเซินแทบจะบ้าอยู่แล้ว

ทำไมเขาถึงคิดไม่ออก ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จะกลับประเทศอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท