วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1051 ชีวิตอมตะ

บทที่ 1051 ชีวิตอมตะ

เขาพูดอย่างไม่ต้องคิด

อาจจะเป็นเพราะรู้สึกว่าคำพูดที่ตัวเองพูดไปยังไม่สามารถล้างมลทินให้ตัวเองได้หมด ชะงักไปสักครู่ ก็พูดต่อขึ้นมาว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้ทำเรื่องไม่ดีกับพวกเขา โดนไล่ออกมา ดังนั้นเรื่องหลังจากนี้ผมไม่รู้เลยจริงๆ ถึงได้มาที่นี่ตอนนี้ไง ถึงจะพูดว่ามาเที่ยว แต่จริงๆแล้วจิตใจผมหม่นหมอง ออกมาปลดปล่อยจิตใจ”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ จริงๆแล้วลู่จิ่งเซินก็เชื่อเขาไปแล้วแหละ

เหตุผลมีเพียงอย่างเดียวก็คือหนานมู่หรงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกเขา

เขาพยักหน้า “โอเค ผมเข้าใจแล้ว”

หนานมู่หรงมองไปที่เขา มีคำพูดที่อยากจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

ผ่านไปตั้งนานถึงจะรวบรวมความกล้าถาม “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”

ลู่จิ่งเซินก็ไม่ปิดบังเขา ยังไงซะเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

“หนิงหนิงถูกเขาจับตัวไป”

“อะไรนะ?”

หนานมู่หรงถึงกับตกใจอีกรอบ

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้จักหนานกงจิ่นอย่างดีนัก แต่เขาก็เป็นคนตระกูลหนาน จากการที่ได้สัมผัสคลุกคลีกับหนานกงจิ่นหลายต่อหลายครั้ง ในสายตาของเขา หนานกงจิ่นคนนี้ ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นคนชั่วก็ไม่ใช่ เพราะเขายังไม่เคยเห็นกับตาว่าหนานกงจิ่นเคยฆ่าใครเลยสักครั้งเดียว

แต่ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นคนดี ก็ไม่ใช่อีกอย่างแน่นอน เพราะเรื่องที่เขาทำออกมา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม มันไม่เคยเป็นเรื่องที่คนดีๆเขาทำกันสักครั้ง

ใช้คำว่าคนร้ายที่มีศีลธรรมก็คงจะเป็นคำที่อธิบายตัวตนเขาได้ดีที่สุด

ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยได้ยินมาเลยนะว่าเขาจะลงมือทำร้ายคนบริสุทธิ์

เหตุผลที่ตามหาเฉียวฉีและกู้ซือเฉียนก็เพราะพ่อของเฉียวฉีเคยทรยศเขามาก่อน

และเฉียวฉีก็ต้องการเงินเพื่อรักษาชีวิต ดังนั้นนี่จึงถือเป็นการได้ประโยชน์ทุกฝ่าย

ส่วนหนานกงยวู่ ถ้าจะพูดว่าเป็นการถูกคุกคาม พูดว่าหนานกงยวู่สมัครใจที่จะให้หนานกงจิ่นจัดการซะจะถูกกว่า

ระหว่างพวกเขาน่ะ มันไม่เกินจริงเลยที่จะบอกว่าเขาสมคบคิดกัน ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะมีใครทำร้ายใคร

แล้วก็เพราะเหตุนี้ ในตอนที่เผชิญหน้ากับเรื่องนี้ พวกเขาถึงตกตะลึงมากยิ่งขึ้นกับเรื่องที่จิ่งหนิงและโม่ไฉ่เวยได้ทำไป

หนานมู่หรงเงียบไปครู่หนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จริง แต่ถ้าถูกเขาจับตัวไปจริงๆ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าต้องเป็นเพราะเรื่องของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ เขาน่ะ ถึงแม้ว่าผมจะเคยเจอไม่กี่ครั้ง ยิ่งพูดไม่ได้เลยว่ารู้จักดี แต่ที่รู้คือในสายตาของเขา ชื่อเสียงเงินทองเป็นล้วนเป็นแค่เมฆลอย สิ่งที่เขาแคร์ ดูเหมือนจะมีแค่แผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์เท่านั้น”

ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าพวกเรารู้จักคนคนนี้น้อยเกินไป อีกทั้งเขายังเก่งมากในเรื่องปิดบังตัวตน แม้จะตรวจสอบแล้วก็ไม่พบอะไร ถ้าคุณหนานสะดวกล่ะก็ รู้อะไรก็ช่วยบอกเราด้วยนะครับในเรื่องพื้นเพของเขา”

ลู่จิ่งเซินไม่เคยเชื่อเลย ว่าหนานกงจิ่นจะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

ต้องรู้ว่า ตระกูลหนานเป็นอยู่แบบไหน แล้วหนานกงยวู่เป็นยังไง?

หนานกงจิ่นมีอำนาจทั้งสองอยู่ในมือ เขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

เมื่อหนานมู่หรงได้ยินเขาเอ่ยถาม ดวงตาของเขาก็กระตุกอย่างแรงชั่วครู่

ทันใดนั้นเขาก็คิดถึง ในตอนที่ได้เจอกับหนานกงจิ่นครั้งแรก ภาพที่เห็นในตอนนั้น

เรื่องที่น่ากลัวและไม่น่าเชื่ออย่างนั้น กลับเกิดขึ้นจริงอยู่ตรงหน้าของเขา

ถ้าไม่มั่นใจว่านั่นเป็นเรื่องจริง เขาถึงขนาดยังสงสัยว่านั่นเป็นความฝันที่ไร้สาระ

คนเราจะหยิบสิ่งของผ่านทางอากาศได้ยังไงกัน?แถมอยู่มาแล้วเป็นพันปี ?เป็นสัตว์ประหลาดหรอ ?

ใบหน้าของหนานกงจิ่นซีดเซียวลงเล็กน้อย

ที่จริงแล้วลู่จิ่งเซินก็แค่ถามไปงั้นๆ ลองดูเท่านั้น

เขาไม่ได้คาดหวังที่จะได้คำตอบอะไรจากปากของหนานมู่หรงอยู่แล้ว ยังไงซะ ตัวตนของหนานมู่หรง ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนักในบ้านตระกูลหนาน

ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับเลือกทำหน้าที่แทนหนานกงจิ่น ลู่จิ่งเซินก็ไม่คิดว่าหนานกงจิ่นจะบอกเรื่องทั้งหมดของตนเองให้เขาให้รับรู้ แต่ในตอนนี้ เมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวลงของเขา ลู่จิ่งเซินก็ไม่คิดแบบนั้นแล้ว

หรือว่า เขาจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรอยู่จริงๆ

เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ ดวงตาของลู่จิ่งเซินก็มืดลง

เขาทำตัวปกติส่งสัญญาณให้กับลูกน้อง อีกฝ่ายรับทราบและเข้าล้อมหนานมู่หรงอย่างเงียบๆ เผื่อว่าในตอนที่เขาจะหนีจะได้จับเขาได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม หนานมู่หรงดูเหมือนจะไม่มีความคิดที่อยากหลบหนี

เขายืนอยู่ตรงนั้น เสื้อผ้าของเขาพัดปลิวในแสงราตรี ราวกับว่าวที่กำลังจะโบยบิน พร้อมด้วยความสับสนและหมดหนทางอย่างอธิบายไม่ถูก “เรื่องนี้ ผมบอกคุณได้ แต่ว่าคุณต้องรับปากว่า ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ก็ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าผมบอกเรื่องนี้กับคุณ”

ลู่จิ่งเซินตกใจ

พยักหน้าแบบไม่คิด

“ได้ ผมรับปาก”

หนานมู่หรงเงียบไปครู่หนึ่ง พูดด้วยเสียงคุ้มว่า “ตรงนี้ไม่สะดวก พวกเราไปหาที่เงียบๆคุยกันเถอะ”

พูดจบ ก็ก้าวเท้าเดินไปทางข้างหลัง

ลู่จิ่งเซินเดินตามไป

ไม่นานนัก ทั้งสองก็เข้าไปอยู่ในห้องส่วนตัวที่เงียบสงบ

ลู่จิ่งเซินให้คนเฝ้าไว้ด้านนอก ป้องกันคนเข้าใกล้หรือรบกวน หลังจากนั้นก็นั่งลงบนเบาะนั่งตรงข้ามกับหนานมู่หรง

“คุณหนาน ที่นี่เงียบมาก ข้างนอกมีแต่คนของผม รับรองว่าไม่มีใครได้ยินแน่ ตอนนี้ก็พูดได้แล้วใช่ไหมครับ?”

หนานมู่หรงพยักหน้า

ในห้องมีน้ำชาที่ใช้ต้อนรับแขกวางอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าถูกวางไว้มานานแค่ไหนแล้ว เย็นชืดหมดแล้ว

หนานมู่หรงก็ไม่ถืออะไร รินขึ้นมาแก้วหนึ่ง ยกขึ้นดื่ม

ลู่จิ่งเซินรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ตั้งแต่ที่เขาพูดถึงข้อเสนอนั้น สีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยสู้ดี

ในตอนนี้ขนาดมือที่ยกชาขึ้นดื่ม ก็ยังสั่นอยู่เล็กน้อย

เขาขมวดคิ้วนิ่งๆไม่ค่อยเข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงของหนานมู่หรงนี้เกิดขึ้นจากเหตุใด

แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังจัดการกับจิตใจของตนเองอยู่ ไม่ดีที่เขาจะไปรบกวน ทำได้แค่อดทนรอ

ผ่านไปแล้วประมาณสองนาที ฝ่ายหนานมู่หรงถึงจะดื่มชาเย็นชืดแก้วนั้นหมด บังคับให้ตัวเองสงบลง

เขาเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่ลู่จิ่งเซินอย่างสงบนิ่ง แล้วถามว่า“คุณลู่ คุณชื่อไหมว่าโลกนี้จะมีเรื่องอย่างความเป็นอมตะ?”

ลู่จิ่งเซินเลิกคิ้วขึ้น

เขาไม่คิดเลยว่า หนานมู่หรงจะถามคำถามนี้กับเขา

ก่อนที่จะมีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ออกมา หลายคนก็ถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะเชื่อหรือไม่นั้น

ในจิตใจของทุกๆคน ล้วนมีความคิดเห็นของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร

ลู่จิ่งเซินในเมื่อก่อน ก็ไม่เคยเชื่อเหมือนกัน

จนกระทั่งเขาได้มาประสบกับเรื่องเรื่องหนึ่ง……

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเขาก็ค่อยๆเข้มขึ้น พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ผมเชื่อ”

หนานมู่หรงตะลึงเล็กน้อย มองไปที่เขาอย่างไม่เชื่อสายตา

เขาแทบไม่คิดเลยว่า ลู่จิ่งเซินจะให้คำตอบนี้กับเขา

ครู่หนึ่ง เขาก็หัวเราะกับตัวเอง

ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ผมคิดมาตลอดว่าคุณลู่จะไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา ที่แท้คุณก็เชื่อเรื่องชีวิตอมตะเหมือนกันหรอเนี่ย?”

ลู่จิ่งเซินสีหน้าแน่นิ่ง พูดเบาๆว่า “ไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดาไม่เกี่ยวกับเรื่องชีวิตอมตะนี่ครับ”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน