วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1060 พันปีก่อน

บทที่ 1060 พันปีก่อน

“เพราะว่า……”

หนานกงจิ่นเงียบไป แล้วหันหน้าไปหาเธอ“เพราะว่าผมกับพวกคุณไม่ใช่คนยุคเดียวกัน ผมเป็นคนเมื่อหนึ่งพันปีก่อน”

คำพูดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นพูด จิ่งหนิ่งคิดว่าอีกฝ่ายต้องล้อเธอเล่นแน่

แต่เวลานี้ เมื่อมองสายตาที่จริงจังของหนานกงจิ่น เธอก็เชื่อไปแล้วประมาณนึง

“หนึ่งพันปีที่แล้ว ?”

แค่พูดคำนี้ จิ่งหนิงก็รู้สึกใจสั่น สีหน้าของเธอก็ไม่สู้ดี

“หมายความว่าไง?คุณจะบอกว่า คุณเป็นคนสมัยก่อนหรอ?งั้นแล้วทำไมคุณยังมีชีวิตอยู่?อีกทั้ง ฉันมองคุณสภาพนี้ แก่สุดได้ประมาณสามสิบปีเท่านั้นแหละ คุณ……”

หนานกงจิ่นยิ้ม รอยยิ้มนั้นดูเยือกเย็นอยู่เล็กน้อย

“ใช่น่ะสิ ผมในสภาพนี้ เหมือนกับจะหยุดอยู่ในปีที่อายุสามสิบตลอดไปนั่นแหละ แต่ผมมีชีวิตอยู่มาแล้วเป็นพันปีจริงๆ คนทั้งโลกต่างบอกว่าผมอ่อนโยนดังสายลม เป็นสุภาพบุรุษอ่อนน้อมถ่อมตน ในความเป็นจริงแล้วผมก้รู้ว่าผมเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่แก่ไม่ตาย เป็นวัตถุโบราณที่ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ตั้งนานแล้ว”

เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของเขา ปนความเศร้าโศกเล็กน้อยในทันใด

จิ่งหนิงฟังแล้วก็ตกใจ พยายามสงบสติแล้วพูด“ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คุณพูด”

หนานกงจิ่นเหลือบมองเธอ

“เป็นธรรมดาที่คุณจะไม่เข้าใจ คุณเป็นคนที่สามที่รู้เรื่องนี้ สองคนก่อนหน้าตอนที่ได้ยิน ก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน”

เหมือนเขาจะหัวเราะเย้ยตัวเอง พูดต่อช้าๆว่า “แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก คุณจะเชื่อไม่ช้าก็เร็ว เพราะนี่เป็นความจริง”

เขาพูดพลางหยิบแก้วขึ้นมาอีกครั้ง ใช้มารยาทเก่าแก่ของเขาดื่มชา

เวลานั้น จิ่งหนิงก็ไม่คิดถึงเรื่องที่เขาจะวางยาเธอหรือไม่แล้ว

เพราะความตกใจ ในลำคอร้อนผ่าว คอแห้งมาก

เธอก็ยกชาขึ้นดื่มด้วย

เมื่อดื่มเสร็จ ถึงจะถามว่า “ถ้างั้นเรื่องที่คุณพูดกับฉันคืออะไร?ฉันช่วยชีวิตคุณไว้ได้ยังไง ?อีกเรื่องนึง เมื่อกี้คุณพูดว่ามีคนลบความทรงจำของฉันไป นั่นเป็นเรื่องอะไร?”

หนานกงจิ่นยิ้มบางๆ

“ไม่ต้องรีบร้อน ในเมื่อผมตกลงกับคุณแล้ว ก็จะค่อยๆเล่าทุกอย่างให้คุณฟัง คุณแค่ฟังผมพูด……”

ถัดมา หนานกงจิ่นก็เอาเรื่องสิบปีที่แล้ว ค่อยๆเล่าให้จิ่งหนิงฟัง

จิ่งหนิงถึงรู้ว่า แท้จริงแล้วหนานกงจิ่นเป็นสัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่มีชีวิตมาแล้วกว่าพันปีจริงๆ

หนึ่งพันปีก่อน แผ่นดินเมืองหลินในปัจจุบัน ในตอนแรกได้มีราชวงศ์เก่าแก่ชื่อว่าราชวงส์ต้าหลิน

ราชวงศ์ต้าหลินมีจักพรรดินีป็นใหญ่ และมีปรมาจารย์ซ้ายขวาสองท่านดูแลจัดการบ้านเมือง

จักพรรดินีเปรียบเสมือนตราประจำตระกูลของรางวงศ์ เป็นสัญลักษณ์ของเทวสิทธิราชย์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับไม่มีอำนาจใดๆอยู่ในมือเลย ปรมาจารย์ซ้ายขวาทั้งสองจึงเป็นดั่งคณะรัฐมนตรีที่คอยใช้คำปรึกษาแนะนำตลอดมา

หลังจากนั้นมา ด้วยการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามยุคสมัย ปรมาจารย์สองท่านก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นคนเดียว

แต่รูปแบบโดยรวมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ทุกสมัยของจักพรรดินี ก็ต้องคอยร่วมมือกับท่านปรมาจารย์เพื่อจัดการประเทศอย่างเป็นระบบ

จนถึงยุคของจักรพรรดินีองค์สุดท้าย เธอเบื่อหน่ายกับความอัปยศของอำนาจจักรพรรดิ ไม่อยากที่จะดำเนินการตามรูปแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงสมคบคิดวางแผนฆ่าปรมาจารย์หนานจิ่นให้สิ้นซาก

เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ เธอไม่ลังเลที่จะสละชีวิตตัวเอง เพียงเพื่อที่จะให้ราชวงศ์ที่เป็นหุ่นเชิดมากว่าหลายร้อยปีได้มีจุดยืนขึ้นมาจริงๆ

แต่กระนั้น การสู้แบบเอาเป็นเอาตายครั้งนี้ ก็ยังล้มเหลว

เพราะว่าในตอนนั้น ปรมาจารย์หนานจิ่น ได้รับของมีค่ามาหนึ่งชิ้นโดยบังเอิญ

นั่นก็คือก่อนที่เขาจะได้รับตำแหน่ง เพื่อสะสมคุณงามความดี เขาได้นำทหารไปรบมาทั่วสารทิศ มีครั้งหนึ่ง ได้ไปถึงทะเลทรายแห่งนึง

จริงๆแล้วที่นั่นก็ไม่ได้มีชนเผ่าอะไรแล้ว มีอยู่ไม่กี่เผ่าที่ก็โดยพวกเขาขับไล่ออกไปตั้งนานแล้ว

พวกเราไม่ได้ต้องการที่จำเข้าไปในทะเลทรายลึก ที่จริงแล้วก็เพราะในตอนนั้นมีพายุทะเลทรายลูกใหญ่พัดมา กองทัพก็หลงอยู่กลางทาง พวกเขาก็ไปถึงที่นั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

ที่นั่น เขาได้พบศิลาศักดิ์สิทธิ์

มีเทพธิดาเดินออกมาจากศิลาศักดิ์สิทธิ์

เทพธิดามีใบหน้าสละสวย รูปร่างยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพรียวบางหุ่นดี ดึงดูดความสนใจของเขาได้ในทันที

เทพธิดาได้เห็นเขา ก็เดินมาทางเขา เขาหวั่นไหว ทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้ผู้หญิงบอบบางคนนี้ต้องอยู่ในทะเลทรายเพียงลำพัง สุดท้ายก็จะโดนทรายกลืนกิน ดังนั้นจึงคิดทำทุกวิถีทางที่จะพาเธอเดินทางไปด้วย

หลังจากออกเดินทาง เขาถึงค้นพบว่า ผ็หญิงคนนี้ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนคนธรรมดา แต่ความจริงแล้ว เหมือนคนไร้อารยธรรมที่ออกมาจากป่า

ไม่เพียงแค่ไม่รู้จักมารยาท ถึงขนาดใส่เสื้อผ้ากินอาหารก็ไม่รู้จัก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการพูดคุย

แต่ดีอยู่อย่างที่เธฮฉลาดมาก ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เรียนรู้แปปเดียวก็จะทำเป็น

ที่สำคัญที่สุดคือ ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับทะเลทรายแห่งนั้นเป็นอย่างดี ไม่นานเท่าไหร่ ก็พาพวกเขาออกจากทะเลทรายมาได้

หนานจิ่นของผู้หญิงคนนี้มาก หลังจากกลับถึงเมืองหลวง ก็จะเลี้ยงดูเธอในคฤหาสน์

เขายังอายุน้อย และยังไม่ได้รับตำแหน่งปรมาจารย์อย่างเป็นทางการ ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่มีแผนที่จะแต่งงาน

เพราะฉะนั้น ในคฤหาสน์ตอนนั้น ผู้หญิงคนนี้ ถึงจะยังไม่มีชื่อ แต่ความจริงแล้วก็มีตำแหน่งราวกับนายหญิง

ภายหลัง ในที่สุดเขาก็ได้ใช้คุณงามความดี เป็นปรมาจารย์ได้แล้วทุกวันถึงแม้ว่าจะยุ่งกับการบริหารราชการ แต่ก็ยังดูแลเธอที่อยู่ในคฤหาสน์ได้อย่างไม่ขาด

พวกเขาทั้งคู่ ก็เคยได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขร่วมกัน

ในช่วงเวลานั้น ทั้งสองได้ดูดอกไม้บานด้วยกัน ได้ไปเที่ยวเล่นตกปลากันในฤดูใบไม้ผลิ ไม่ต้องพูดเลยว่ามีความสุขขนาดไหน

แต่ช่วงเวลาดีๆอยู่ได้ไม่นาน แผนการสมคบคิดของจักรพรรดินีได้มาถึงหูเขา ราวกับสายฟ้าฟาด

หนานจิ่นก็รีบเตรียมการทันควัน ส่งคนไปจับพระขนิษฐาของจักรพรรดินี

เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย เขาไม่วางใจให้ใครมาทำ จึงมอบให้เป็นหน้าที่ของผู้หญิงที่เขาเชื่อใจที่สุด

แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า การตัดสินใจครั้งนี้ จะทำให้ทั้งสองแยกจากกันไปในท้ายที่สุด

วันหนึ่งหลังจากที่เขากินข้าวเที่ยงเสร็จ เดิมที แค่อยากจะเดินไปรอบๆเรื่อยเปื่อย ดันบังเอิญเดินไปที่ประตูห้องที่ขังพระขนิษฐาไว้ จึงแอบแง้มประตูแล้วเหลือบมองเข้าไป

ไม่คาดคิดเลยว่า เขาจะเห็นผู้หญิงที่เขาคุ้นเคยที่สุด ในตอนนั้นจะปรากฏใบหน้าของคนอีกคน

ไม่นานนัก เพียงแค่หันตัว ก็กลับกลายเป็นร่างของเธออีกครั้ง

เรื่องนี้ ในยุคสมัยนั้น เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย

ตอนแรก เขาคิดว่าตัวเองจะเจอปีศาจ แต่ภายหลังก็ได้รู้ว่า เธอไม่ใช่ปีศาจอะไร

เธอล้มล้างความเชื่อที่คนสมัยนั้นเชื่อกันว่าจักรวาลกลมพสุธาเหลี่ยม เชื่อว่าโลกนี้จริงๆแล้วเป็นทรงกลม จากนั้นยังบอกว่าตัวเองมาจากดาวดวงหนึ่งที่ห่างออกไปในอวกาศอีกด้วย

บนดาวดวงนั้นทุกๆคนจะมีศิลาพลังงานอยู่ในร่างกาย

เพียงแค่ศิลานั้นยังอยู่ คนคนนั้นก็จะไม่ตาย มันจะคอยรักษาสภาพเนื้อเยื่อในร่างกายนี้ให้อ่อนวัยอยู่ตลอด มีพละกำลังเยอะอยู่เสมอ นอกจากว่าวันไหนที่ตัวเองอยากจะตาย ก็สามารถเอาศิลาพลังงานนั้นออกมาได้ แล้วก็จะตายไปเองตามธรรมชาติ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน