ดังนั้นอยู่บนดวงดาวของพวกเธอ อายุขัยของแต่ละคนล้วนยาวมากๆ
แน่นอน ในเวลาเดียวกันสิ่งที่ตามมาด้วยก็คือมนุษย์ที่จำนวนน้อยลง
ถึงยังไง อายุขัยของแต่ละคน ตอนที่ล้วนสามารถถูกยืดยาวไร้ขอบเขต อยู่บนดวงดาวนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอื่นมากกว่านี้อีกแล้ว
ส่วนเธอ ก็เนื่องเพราะว่าเบื่อหน่ายวิถีชีวิตแบบนี้ ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับดวงดาวเช่นดั่งน้ำนิ่งแบบนี้อยู่ตลอดกาล ดังนั้นเธอจึงขับยานอวกาศของตนเองหนีออกจากบ้านเกิดของตนเอง อยากจะไปเสาะหาสิ่งใหม่ที่มหัศจรรย์
แต่นึกไม่ถึง เธอเพิ่งขับถึงครึ่งทาง เนื่องเพราะการเกิดอุบัติเหตุ ยานอวกาศตกมาถึงดวงดาวแห่งนี้เลย
ต้องบอกว่า คำพูดของฝ่ายตรงข้ามแทบจะล้มล้างความจริงจังทั้งหมดของหนานจิ่นในเวลานั้นจริงๆเลย
ไม่เพียงแค่คำกล่าวแห่งรูปท้องฟ้าทรงกลม รูปโลกเป็นสี่เหลี่ยมถูกโค่นล้ม ยังมีจักรวาล,อวกาศ,ยานอวกาศแบบนี้อีก
ยากที่จะจินตนาการจริงๆเลย หินรูปทรงกลมก้อนนั้นที่เขาพบเจอก่อนหน้านั้น กลับกลายเป็นยานอวกาศอย่างนั้นซะเลย?
ตอนที่ตื่นตะลึงอยู่ หนานจิ่นก็ได้นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งอย่างรวดเร็วฉับไวเช่นกัน
ปัจจุบันนี้กษัตริย์หญิงสิ้นพระชนม์แล้ว อำมาตย์ทั้งหลายล้วนรู้ว่ากษัตริย์หญิงยังมีน้องสาวคนหนึ่งคงอยู่ ล้วนตามหาเบาะแสขององค์รัชทายาทคนนี้อยู่
แต่กลับเป็นว่าก่อนที่กษัตริย์หญิงจะสิ้นพระชนม์ ก็ได้เล่าแผนการของตนเองให้กับน้องสาวฟังแล้ว สั่งเธอว่าหลังจากสืบต่อราชบัลลังก์ ไม่ว่ายังไง ก็ต้องชี้ให้เห็นความเป็นจริงที่หนานจิ่นฆ่าตนเอง จากนั้นโค่นล้มตำแหน่งของราชครู ให้ราชวงศ์กุมอำนาจใหม่อีกครั้ง
พูดได้ว่า หนานจิ่นที่อยู่ในเวลานี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความรู้สึกเหมือนจะถูกคนเหยียบย่ำอยู่บนไฟ
กลับกลายเป็นว่าเขายังไม่มีทางออกอีก ยกเว้นจะปลุกระดมให้ทหารข้าศึกก่อการกบฏกับน้องสาวกษัตริย์หญิง มิฉะนั้นเขาตายแน่ไม่ต้องสงสัย
แต่ว่า พี่สาวแท้ๆสิ้นพระชนม์เพราะว่าตนเอง เป็นไปได้ยังไงที่น้องสาวกษัตริย์หญิงจะเชื่อฟังหนานจิ่นอีกล่ะ?
ด้วยเหตุนี้ เรื่องนี้ก็กลายเป็นว่าไม่มีทางแก้แล้ว เข้าสู่ทางตันอย่างหนึ่งโดยสิ้นเชิง
แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว อยู่ดีๆเขามองเห็นความหวังใหม่อีกครั้ง
ก่อนหน้านั้นไม่สามารถให้คนปลอมตัวเป็นน้องสาวกษัตริย์หญิง เป็นเพราะว่า อำมาตย์ทั้งหลายล้วนเห็นหน้าตาของเธอแล้ว เขาไม่สามารถหาคนที่หน้าตาเหมือนกันกับเธอทุกอย่างไปปลอมตัวเป็นเธอเจอ
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน คนคนนี้เขาหาเจอแล้ว
นั่นก็คือหญิงสาวที่ตามเขากลับมาจากทะเลทรายตลอดทาง บอกว่าตนเองมาจากอวกาศคนนี้ คือเฉียนเฉียนนั่นเอง
เธอไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเพื่อน มีเพียงคนอยู่ในจวนไม่กี่คนที่รู้การคงอยู่ของเธอ ทั้งเชื่อตนเองอย่างเต็มอกเต็มใจอีก ไม่มีตัวเลือกไหนที่จะเหมาะสมกว่าคนนี้อีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ หนานจิ่นคิดก็ไม่คิด ก็เล่าแผนการนี้ให้กับเธอเลย
เริ่มแรก เฉียนเฉียนปฏิเสธอยู่ แม้ว่าตามความเข้าใจที่เธอมีต่อโลกใบนี้ในปัจจุบันนี้ ในเวลาสั่นๆเธอยังพูดไม่ออกว่ามีสาเหตุอะไร แต่อยู่ในจิตใต้สำนึกยังคงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีเรื่องหนึ่งนะ
แต่จนใจ มีการใช้วาจาหว่านล้อมจนกว่าจะยอมใจอ่อนของหนานจิ่น สุดท้าย เธอยังคงรับปากเลย
วันนั้น เขาจ้องมองเธอเห็นฉากที่โอ่อ่ายิ่งใหญ่ ส่งเธอขึ้นครองบัลลังก์กับตา
เฉียนเฉียนนั่งอยู่บนบัลลังก์ จ้องมองเขาที่คุกเข่าอยู่ใต้บัลลังก์ ในใจตื่นตระหนกหวาดกลัวไปหมด
ต่อจากนี้อีก ก็คือรัฐประหารในพระราชวัง การสังหารหมู่
ประวัติศาสตร์ที่การเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณช่วงนั้น เห็นได้ชัดว่าหนานจิ่นไม่อยากพูดมาก ด้วยเหตุนี้พูดผ่านไปเพียงไม่กี่คำ
แต่จิ่งหนิงยังคงจากการบอกเล่าที่ไม่กี่คำของเขา สังเกตถึง การเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลานั้น
ดูจากการบรรยายของเขาก่อนหน้านั้น เฉียนเฉียนคนนั้นที่อยู่ในปากเขา น่าจะเป็นคนที่นิสัยเดิมดีงามคนหนึ่ง
แต่หนานจิ่น กลับถูกอำนาจอิทธิพลพุ่งใส่สมองจนสติเลอะเลือนมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เขารู้ว่ากษัตริย์หญิงวางแผนร้ายนั้น แท้ที่จริงเขาก็ตัดสินใจไว้แล้ว จะยึดอำนาจ ทำลายตำแหน่งของกษัตริย์หญิงคนนี้โดยสิ้นเชิง ให้ตัวเองได้ขึ้นครองบัลลังก์ ยึดและเข้าแทนที่
ถึงยังไง ฮ่องเต้คนหนึ่งที่ล้วนไม่มีประโยชน์กับประเทศนี้สักนิด เก็บเธอไว้จะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ?
เพียงจะชุบมือเปิบ กลับไม่ดีเท่าให้ผู้มีความสามารถอยู่!
แต่ความคิดนี้ เขากลับไม่เคยเปิดเผยกับเฉียนเฉียนมาก่อน
ด้วยเหตุนี้ ตอนกองทัพทหารจู่โจมเมืองหลวง ตอนที่เฉียนเฉียนเห็นคนที่เรียกว่าผู้ก่อกบฏคนนั้น เป็นคนที่ตนเองรักคิดถึงมากอยู่ในใจนั่นเอง เธอพังทลายแล้ว
สาเหตุที่เธอพังทลาย ไม่ใช่เพราะว่าเธอยังตัดใจทิ้งราชบัลลังก์ไม่ลงเลย
แต่คือ เธอเคยเชื่อฟังคำพูดเขา รู้สึกว่าที่ตนเองเป็นตัวแทนคนอื่นขึ้นครองบัลลังก์นี้เป็นเพราะจะประคองประชาชนโลกหล้า เป็นเพราะอาณาประชาราษฎร์ เพื่อไม่ให้ประเทศเกิดสงครามจลาจลอีก
แต่ตามความจริง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้ออ้างที่เขาหลอกเธอ
เขาตั้งอกตั้งใจวางแผนจนถึงที่สุด ไม่ใช่เพื่อประชาชน เพียงแค่เพื่อให้เวลาตนเองได้ยักย้ายพัฒนาขยาย
อาศัยความเชื่อใจของเธอ หนานจิ่นแทบจะรวบสิทธิทั้งหมดไว้ในมือตนเอง กลายเป็นรูปแบบที่แท้จริงของประเทศนี้ไปนานแล้ว
แต่ก่อน ตำแหน่งของราชครู ยังสามารถตัดสินใจด้วยการลงคะแนนเสียงจากอำมาตย์ทั้งหลาย ทำให้คนได้รับการเลือก
แต่ปัจจุบันนี้ ขุนนางบุ๋นและบู๊ที่ยืนเต็มราชสำนักล้วนเป็นคนของเขาไปนานแล้ว ใครจะกล้าลงคะแนนเสียงอีก ใครจะกล้าต่อต้านเขาอีกล่ะ?
เขาเป็นราชาที่ไม่ได้สวมมงกุฎของประเทศนี้ไปนานแล้ว แต่เขาไม่รู้สึกพอใจเหมือนเดิม ก็แม้แต่เชื้อสายสุดท้ายของราชวงศ์ ก็จะกำจัดให้สิ้นซากเช่นกัน
ตอนที่เฉียนเฉียนขึ้นครองบัลลังก์ สิ่งที่ใช้เป็นหน้าตาของน้องสาวกษัตริย์หญิง
ดังนั้น คนในราชวงศ์ ถือว่าเธอเป็นญาติพี่น้องของตนเองมาโดยตลอด เชื่อใจเธอ เทิดทูนเธอ
เริ่มแรก เฉียนเฉียนยังมีความไม่เคยชินเล็กน้อย ก็มีความมึนงงเช่นกัน
แต่เธอเป็นคน มีพรสวรรค์ในการเรียนรู้อย่างยิ่งใหญ่แข็งแกร่ง ไม่นาน จากในการใช้ชีวิตกับคนเหล่านี้ค่อยๆเข้าใจถึงหลักการของความผูกพันทางสายเลือด,มิตรภาพกับความรัก
เธอเข้าใจแล้ว ตนเองต่อหนานจิ่น คือความรัก
และในเวลาเดียวกัน ตนเองมีต่อคนที่พึ่งพาอาศัยตนเอง เชื่อตนเอง คือมิตรภาพ คือความผูกพันทางสายเลือด
เธอไม่หวังว่าใครจะได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่หวังว่าใครจะทรยศตนเองเช่นกัน โดยเฉพาะหนานจิ่น
แต่ว่าสุดท้าย หนานจิ่นยังคงทรยศเธอ
เพื่อที่จะขึ้นครองราชบัลลังก์หนานจิ่นไม่เพียงแค่ไล่เธอลงจากบันลังก์ด้วยมือตนเอง ยังฆ่าคนทั้งหมดของราชวงศ์อยู่ต่อหน้าเธออีก
ก็เพื่อที่จะตัดรากถอนโคน!
ในวินาทีนั้น เฉียนเฉียนไม่กล้าที่จะเชื่อ
เธอไม่กล้าที่จะเชื่อ คนที่ตนเองรักมากมาโดยตลอด กำลังหลอกใช้ตนเองอยู่
ทั้งไม่กล้าที่จะเชื่อ ความอ่อนโยนใจงามที่อยู่ภายนอกของเขาล้วนเป็นการแสร้งทำ ตามความจริงเพราะสิทธิเขาสามารถสังหารหมู่สะบั้นหั่นแหลก กระทั่งแม้แต่คนที่มีการคุกคามเล็กน้อยต่อเขาล้วนไม่ปล่อยเช่นกัน
ในนั้น อายุน้อยที่สุดเพิ่งสามขวบล่ะ!
เขายังเป็นเด็กคนหนึ่ง เขาทำผิดอะไรแล้วเหรอ?
แต่ตอนที่เธอร้องไห้จนเป็นสายเลือด เดินไปยังข้างหน้าเขาทีละก้าวๆ ถามคำถามนี้ออกมา
หนานจิ่นเพียงให้คำตอบที่เย็นชาคำหนึ่ง นั่นก็คือ “ตอนนี้เขายังเป็นเด็กคนหนึ่ง แต่ไม่ช้าก็เร็วสักวันต้องเติบโตล่ะ”
เหอะ! ไม่ช้าก็เร็วสักวันต้องเติบโต
ใช่สิ เติบโตแล้ว เขาจะจดจำความแค้นบัญชีเลือดของวันนี้ เป็นไปได้มากที่เขาจะกลับมาแก้แค้น ดังนั้น หนานจิ่นไม่เหลือความหวังให้กับพวกเขาเลยสักนิด ก็ไม่เหลืออันตรายให้กับตนเองเลยสักนิด
เฉียนเฉียนสิ้นหวังโดยสิ้นเชิงแล้ว
เธอไม่ถือความหวังใดๆกับผู้ชายคนนี้อีก ดังนั้นอยู่ในวินาทีสุดท้าย ตอนที่เขาตัดสินใจจะตั้งตนเองเป็นราชินี
เธอเลือกที่จะปฏิเสธ อีกทั้งหยิบหินพลังงานของตนเองออกมา
แต่ก่อนอยู่บนดวงดาวของตนเอง เธอมักจะไม่เข้าใจ คนเหล่านั้นใช้ชีวิตอยู่ดีๆทำไมต้องเอาหินพลังงานออก เลือกที่จะฆ่าตัวตาย
แต่จนถึงวินาทีนี้ เธอจึงเข้าใจ
นั่นโดยประมาณก็เป็นเพราะว่า มีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหมาย ทางข้างหน้าไม่มีความหวัง และคนที่ตนเองรักที่สุดก็กลายเป็นไม่เหมือนเค้าเดิมเช่นกัน
มีชีวิตอยู่ มิสู้ตายเลยดีกว่า