วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1063 เป็นเขาได้ยังไง

บทที่ 1063 เป็นเขาได้ยังไง

นิ้วมือห้านิ้วของหนานกงจิ่น ก็เหมือนดั่งแหนบห้าตัว ทับอยู่บนหนังศีรษะของเธออย่างแน่น

เสียงที่เลือนรางของผู้ชายดังขึ้นอยู่ข้างหู เหมือนดั่งส่งมาจากที่ไกลมาก

“หลับตาลง ปล่อยสมองของคุณให้ว่างก่อน อย่าปฏิเสธผม ใช่ ก็คือเช่นนี้ ……”

……

จิ่งหนิงรู้สึกว่าตนเองมาถึงสถานที่ที่แปลกประหลาดมากแห่งหนึ่ง

บริเวณรอบๆล้วนขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาไปหมด เหมือนดั่งเข้าสู่โลกลึกลับที่มีหมอกลอยวนเวียนอยู่แห่งหนึ่ง

อยู่ในโลกใบนี้มีเพียงเธอคนเดียว เธองุนงงเดินไปยังข้างหน้า อยู่ดีๆใต้เท้าหยุดชะงัก เหมือนเตะโดนของอะไรบางอย่าง

เธอก้มหัวไปดู กลับพบเห็นเป็นคนคนหนึ่ง

บนกายคนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เสื้อเชิ้ตยาวสีขาวทั้งตัวล้วนเปียกน้ำไปหมด ข้างหลังมีเลือดไหลออกมา ทำให้น้ำที่อยู่บริเวณรอบๆเปื้อนเลือดไปหมด

“ช่วย ช่วยผมด้วย……”

คนนั้นพูดเสียงแหบอยู่

จิ่งหนิงเหลียวมองซ้ายขวามองแล้วมองอีก ไม่เห็นมีคนอื่น เธอนั่งยองๆลงอยากจะพยุงคนขึ้นมา

แต่เข้าใกล้แล้ว จึงเห็นหน้าตาของฝ่ายตรงข้ามได้ชัด ทันใดนั้นอึ้งชะงักอย่างโหดร้าย

หนานกงจิ่น? เป็นเขาได้ยังไง?

ไม่ ไม่ใช่!

นี่เป็นสถานที่อะไรเหรอ? ตัวเธอเอง……ไม่ ท้องของเธอล่ะ?

อยู่ดีๆจิ่งหนิงก็รู้สึกถึงว่าที่อยู่ต่อหน้าในปัจจุบันนี้ทั้งหมด ล้วนไม่เป็นจริง เพียงแค่ภาพเพ้อฝัน

หรือว่า เป็นความทรงจำช่วงนั้นที่เธอเคยทำตกหายไป

ไม่มีสาเหตุอื่น เพียงเห็นขลุ่ยที่ดังขึ้นอยู่ข้างนอกก็รู้แล้ว มีน้ำทะเลกระเด็นใส่อยู่บนตัวเรือ เกิดเสียงที่ ซ๊าดๆๆ แสดงว่า ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่บนเรือสำราญลำหนึ่ง

ในตอนต้น ตนเองก็คือพบเจอกับหนานกงจิ่นอยู่ที่นี่เลยเชียวเหรอ?

จิ่งหนิงมีปฏิกิริยาขึ้นมา

ในเวลานี้ เธอก็สนใจคนอื่นๆไม่ได้อีกแล้ว พยุงคนขึ้นมาอย่างรวดเร็วฉับไว เดินไปยังข้างนอก

ข้างนอกแสงอาทิตย์อบอุ่นสดใส แสงอาทิตย์สาดส่องอยู่บนศีรษะของคนอย่างเปิดเผย บนทะเลมุมสะท้อนแสงกลับที่แสบตา เธออดไม่ไหวที่จะหลับตาลง

กลับอยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆ “ปั้ง” เสียงหนึ่ง

เสียงปืนดังขึ้น เธอเพียงรู้ว่าร่างกายเอียงไป ถูกคนข้างกายล้มทับอยู่กับพื้นแล้ว หลบพ้นนัดนี้ไปได้

จิ่งหนิงตกใจจนสีหน้าซีดขาว ก็ได้ยินหนานกงจิ่นพูดเสียงแหบว่า “พยุงผมไปที่ใต้สุดของห้องผู้โดยสาร ที่นั่นมีเรือชูชีพ สามารถนั่งเรือชูชีพออกไป”

จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

เธอก็ไม่รู้ว่าตนเองทำไมต้องเชื่อฟังหนานกงจิ่น แต่ในเวลานี้ สิ่งที่ประจักษ์ชัดแจ้งคือบนเรือสำราญเกิดความวุ่นวายขึ้นมาแล้ว

ทุกที่ล้วนมีเสียงปืน ได้ยินเสียงก็สามารถแยกแยะออก ปืนเหล่านั้นสวมใส่ท่อเก็บเสียงปืนอยู่

เห็นได้ชัดมาก คนเหล่านี้อยากจะฆ่าอย่างรุนแรง ไม่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่สักคน

ถ้าหากว่าไม่รีบเร่งออกไป เกรงว่าเธอกับหนานกงจิ่นล้วนจะถูกจัดการอยู่ที่นี่

จิ่งหนิงกัดฟันพยุงหนานกงจิ่นไปถึงใต้สุดของห้องผู้โดยสาร หนานกงจิ่นสั่งให้เธอวางเรือชูชีพลงไป หลังจากจิ่งหนิงทำตามคำสั่ง หนานกงจิ่นก็ขึ้นเรือชูชีพตามบันไดไป

กลับอยู่ในเวลานี้ เสียงตะโกนที่เย็นชาของผู้ชายส่งมาจากข้างหลัง “อย่าขยับ!”

เธอเกร็งไปทั้งตัว หันหน้าไป มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างยิ่งใบนั้น

ไม่ พูดตามจริง นั่นไม่ใช่ใบหน้าที่เธอคุ้นเคยเลย

เพราะว่า แม้ว่าเป็นหน้าตาเดียวกัน รูปร่างเดียวกัน แต่บุคลิกดีที่อยู่บนกายนั้นกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เธอกลับไม่ลืมตอนที่ลู่จิ่งเซินเผชิญหน้ากับเธอรูปร่างลักษณะที่หล่อสดใสอ่อนโยนดั่งหยกนั้นตลอดกาล

แต่ผู้ชายที่อยู่ต่อหน้า กลับเย็นชาโหดเหี้ยมอำมหิต ก็เหมือนดั่งนกอินทรีที่โหดเหี้ยมซุ่มโจมตีอยู่ที่ลับ สายตาที่จ้องมองเธอเฉียบคมอย่างยิ่ง เพียงมองหนึ่งที เธอก็รู้สึกคล้ายเช่นดั่งในใจถูกมองทะลุแล้ว ทำให้คนไม่กล้าเพ่งมองตรงๆ

เธอจ้องมองลู่จิ่งเซิน ลู่จิ่งเซินก็จ้องมองเธอเช่นกัน

ในมือ ยังถือปืนกระบอกนั้นอยู่

สักพัก อยู่ดีๆเขากระชากจิ่งหนิงเข้าไป ส่งให้เพื่อนฝูงของตนเอง จากนั้นเอาเรือชูชีพกระโดดลงไปตามล่าหนานกงจิ่นเลย

จิ่งหนิงได้ยินเสียงที่มีของบางอย่างถล่มลงมาจากในใจของตนเอง

ที่แท้ อยู่ก่อนหน้านั้นนานมาแล้ว ตนเองเคยพบเจอกับลู่จิ่งเซินมาก่อนจริงๆ

แต่เขากลับไม่เคยบอกกับตนเองมาก่อน กระทั่งอยู่ตอนที่เธอยากเย็นที่สุดเพราะว่าฝันร้ายนั้น ก็ไม่เคยเอ่ยถึงมาก่อนเช่นกัน

จิ่งหนิงหลับตาลงแล้ว หลับตาลงอีก พวกเพื่อนฝูงของเขามัดตนเองขึ้นมาอย่างตามใจ ควบคุมตัวเข้าไปในห้องผู้โดยสาร

ในห้องผู้โดยสารมืดมาก เธอหดอยู่ในมุม ไม่ได้พูด

หลังจากวางเธออยู่ที่นี่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้ไปสนใจเธออีก หลังจากออกไปก็ล็อกประตูไว้เลย

จิ่งหนิงรอไปนานมาก จนถึงทิวทัศน์ยามค่ำคืนมาถึง จึงได้ยินข้างนอกส่งเสียง กุ๊กกั๊ก เสียงหนึ่ง มีคนเข้ามาแล้ว

ต่อจากนี้ ประตูห้องถูกคนเปิดออก เงากายที่คุ้นเคยนั้น ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าอีกครั้ง

ในครั้งนี้ อารมณ์ของจิ่งหนิง เงียบสงบไปนานแล้ว

เธอสีหน้าเงียบสงบจ้องมองลู่จิ่งเซินอยู่ จากนัยน์ตาของฝ่ายตรงข้าม มองเห็นความเย็นชาที่แปลกหน้า

“พาเธอออกมา”

ลู่จิ่งเซินพูดจบ ก็หมุนตัวออกไปเลย

จิ่งหนิงถูกคนดึงขึ้นจากพื้น จากนั้นพยุงไว้ เดินโซซัดโซเซไปยังดาดฟ้าเรือ

ในเวลานี้ ทิวทัศน์ยามค่ำคืนดึกแล้ว

บนท้องฟ้าแขวนพระจันทร์เสี้ยวไว้ดวงหนึ่ง แสงจันทร์สะท้อนอยู่บนพื้นทะเล ถูกลมพัดระลอกคลื่นดั่งเศษเงินขึ้นมาเต็มไปหมด

จิ่งหนิงถูกคนผลักไปยังดาดฟ้าเรือ

เห็นเพียงคนยืนล้อมรอบที่นั่นไว้แล้ว มีชายมีหญิง แต่ละคนล้วนเป็นคนแปลกหน้า เพียงสิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ บนกายของพวกเขาล้วนสวมใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงขายาวรัดรูป หน้าตาเย็นชากวดขัน อยู่ในทิวทัศน์ยามค่ำคืนก็เหมือนดั่งกระบี่คมที่ออกจากฝักเป็นด้ามๆ

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จิ่งหนิงรู้สึกว่าใจวุ่นวายเล็กน้อยโดยไม่รู้สาเหตุ

“พวกคุณเป็นใคร? อยากจะทำอะไร?”

ไม่มีคนตอบเธอ ลู่จิ่งเซินเดินไปยังข้างหน้าเธอ เสียงเย็นชาถามว่า “คนคนนั้นที่ถูกเธอปล่อยไปในช่วงบ่ายนี้ มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ?”

จิ่งหนิงจ้องมองไปยังใบหน้าของเขา สายตามีความงุนงงเล็กน้อย

มุมปากของลู่จิ่งเซินเม้มขึ้นเล็กน้อย มองจากข้างล่างถึงข้างบน ค่อนข้างมีความดุเดือดรุนแรงเล็กน้อยดั่งเรเดียนของดาบ

ใจของเธอขึงลับลงอย่างโหดร้าย รู้สึกถึงอะไร ตอบกลับว่า “ฉัน ฉันไม่รู้จักเขา ฉันมาทำงานพาร์ทไทม์อยู่บนเรือ เมื่อกี้ช่วยเขาได้โดยไม่เจตนา”

ลู่จิ่งเซินหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง

“ใช่เหรอ?”

อยู่ดีๆเขาย่างก้าวประชิดใกล้ไปยังเธอ

โดยจิตใต้สำนึกจิ่งหนิงถอยไปข้างหลัง ได้ยินเพียงเขาพูดทีละคำๆว่า “ทำงานพาร์ทไทม์เหรอ? คุณรู้ไหมว่าบนเรือสำราญลำนี้ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่ทำผิดกฎหมาย คุณมาสถานที่นี้สามารถทำงานพาร์ทไทม์อะไรได้ล่ะ? หรือคุณคิดว่าพวกเราหลอกง่ายขนาดนี้ จะถูกคุณตบตาผ่านอย่างง่ายดายเหรอ?”

จิ่งหนิงถอยไปจนไร้ทางถอย หลังพิงอยู่บนรั้วที่ถูกตัดไปครึ่งหนึ่งใช้เชื่อมต่อกันไว้

ข้างหลังส่งความรู้สึกสูญสิ้นแรงถ่วงมา ทำให้ในใจของเธอเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

พอหันหน้าไปมอง พื้นทะเลที่อยู่ใต้ทิวทัศน์ยามค่ำคืน เหมือนดั่งปากขนาดใหญ่ คล้ายดั่งจะกลืนกินเธอเข้าไปเลย

เธอส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก สีหน้าซีดขาวพูดว่า “ฉันไม่รู้จักเขาจริงๆ ฉันยังเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง ถ้าหากคุณไม่เชื่อล่ะก็ สามารถไปสืบหาสถานะของฉันได้ ฉันไม่ใช่คนร้ายอะไรจริงๆ”

ลู่จิ่งเซินยกมือขึ้น จับคางของเธอไว้

คล้ายดั่งไม่ได้ยินคำพูดของเธอเลยสักนิด ถามเสียงเย็นชาว่า “พูด! ซ่องโจรของหนานกงจิ่นอยู่ที่ไหนล่ะ?”

จิ่งหนิงได้ยินเสียงที่ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกของตนเอง

“ฉันไม่รู้จักหนานกงจิ่นอะไร ฉันไม่รู้อะไรจริงๆ ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะ!”

“ไม่พูดเหรอ? งั้นก็อย่าโทษผมว่าไม่เกรงใจเลย”

ลู่จิ่งเซินพูดอยู่ อยู่ดีๆยกมือ จากนั้นก็อยู่ในเวลานี้ —— กระสุนลูกหนึ่งกรีดผ่านอากาศ “ฟิ้ว” เสียงหนึ่งลอยผ่านไป

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน