วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1065 กลับไปเอง

บทที่ 1065 กลับไปเอง

คนที่อยู่บนเตียง ย่อมจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว

เธอรอไปสักพัก เห็นลู่จิ่งเซินไม่มีปฏิกิริยา ก็เลยอยากรู้อยากเห็นยื่นมือจะไปลูบหน้าผากของเขา

แต่มือยังอยู่กลางอากาศ เดิมทีผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงไม่ขยับสักนิด อยู่ดีๆลืมตาขึ้นพริบตาเดียวก็จับข้อมือของเธอไว้เลย

นั่นคือสีหน้าที่ทำให้จิ่งหนิงมีความรู้สึกแปลกหน้าอย่างยิ่งแบบหนึ่ง

ก็เหมือน กำลังจ้องมองคนคนหนึ่งที่ไม่รู้จักหรืออาจจะเป็นศัตรู

ในใจจิ่งหนิงยิ้มขม

ก็ใช่ ตอนนี้เธอสำหรับลู่จิ่งเซินมากล่าว จะไม่ใช่ศัตรูเหรอ?

ถึงยังไง แม้เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูจากสภาพการณ์ก่อนหน้านี้ก็มองออกว่าลู่จิ่งเซินกำลังไล่ฆ่าหนานกงจิ่นอยู่ แต่ตนเองกลับจับพลัดจับผลูช่วยเขาเลย

ดังนั้น เธอก็ไม่มีอะไรจะตัดพ้อนะ

จิ่งหนิงเม้มปากแล้วเม้มปากอีก ฝืนใจอดทนความรู้สึกประหลาดตอนที่เผชิญหน้ากับสายตาแบบนั้นของเขาไว้ ถามว่า“คุณตื่นแล้วเหรอ? รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? มีที่ไหนไม่สบายไหม?”

ลู่จิ่งเซินเอามือเธอออกอย่างเย็นชา ลุกขึ้นมานั่ง

“นี่เป็นสถานที่อะไร?”

เขาพินิจพิเคราะห์บริเวณรอบๆหนึ่งที ถามเสียงแหบ

อาจเป็นเพราะว่าได้รับบาดเจ็บ เสียงของเขาปรากฏเป็นเสียงแหบที่ผิดปกติอย่างหนึ่ง

จิ่งหนิงมีความสงสัยงงงวยเล็กน้อย “คุณก็ไม่รู้เช่นกันเหรอ? ฉันยังคิดว่าเป็นคนของคุณช่วยพวกเราขึ้นมา คุณน่าจะรู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนล่ะ”

“คนของผมเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินจ้องมองเธอหนึ่งทีอย่างแปลกประหลาด “คนของผมอะไร?”

จิ่งหนิงอึ้งชะงัก

ต่อจากนี้ ก็ได้ยินเสียงที่มีความต่ำของเขาเล็กน้อย “คนของผมตายอยู่บนเรือไปนานแล้ว”

จิ่งหนิงอึ้งชะงักอย่างโหดร้าย!

“ถ้าว่าอย่างนี้ พวกเขาไม่ใช่……”

รู้สึกถึงอะไร ฉับพลันในทันทีเธอหุบปากไว้

ลู่จิ่งเซินไม่ได้พูด สำรวจเครื่องมือที่เชื่อมต่ออยู่บนกายของตนเองสักหน่อย ก็ยื่นมือดึงท่อออกเลย จากนั้นก็สวมใส่แจ็คเก็ตไว้ เดินไปยังข้างนอก

จิ่งหนิงรีบตามเข้าไป

ข้างนอกล้วนไม่มีสักคนเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ อาจจะมีลู่จิ่งเซินอยู่ เธอกลับสำรวจได้ของบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน

อย่างเช่น ในกลางอากาศดูเหมือนมีแสงสีแดงอ่อนๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่า นั่นเป็นเซนเซอร์อินฟราเรด

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงเย็นชาว่า “ตามให้แน่น ผมทำยังไงคุณก็ทำตามแบบนั้น”

“โอ๊ะ。”

จิ่งหนิงขานรับอย่างเชื่อฟัง ติดตามอยู่ข้างหลังเขา เดินออกไปยังข้างนอกทีละก้าวๆ

ประมาณห้านาที ทั้งสองคนก็เดินมาถึงข้างนอกแล้ว

ลู่จิ่งเซินไม่รู้ว่าได้เสื้อผ้าของพนักงานทำความสะอาดมาจากไหนตัวหนึ่งโยนให้เธอ ให้เธอเปลี่ยนเลย ตนเองก็เปลี่ยนอีกชุดหนึ่งที่เหมือนกันทุกอย่างเช่นกัน จากนั้นลากรถขยะจากทางเดินมาคันหนึ่ง ก้มหัวเดินไปยังข้างนอกด้วยกัน

ตลอดทางนี้ออกมา ไม่ลำบากเลย

ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงข้างนอก ลู่จิ่งเซินจ้องมองเธอหนึ่งที เสียงเข้มพูดว่า “คุณจะตามผมไป หรือว่าจะกลับไปเอง?”

จิ่งหนิงนี่จึงรู้สึกถึงว่าตนเองปลอดภัยแล้ว

ดังนั้น เธอส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก

“ฉันกลับไปเอง”

ถึงแม้ว่าความคิดที่อยู่ในใจแท้ๆของจิ่งหนิงคือจะตามลู่จิ่งเซินไป อย่างนี้เธอจึงจะสามารถรู้ได้ว่าตกลงลู่จิ่งเซินทำอะไรอยู่

แต่คำพูดที่พูดออกจากปาก กลับไม่ทำตามการตัดสินใจของเธอ

ในเวลานี้ จิ่งหนิงจึงรู้สึกถึงว่าถึงแม้ตอนนี้เธอกลับไปอดีต แต่ตามความจริง เธอเพียงแค่ผู้ชมคนหนึ่งเท่านั้น

เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น เธอได้แต่เพียงจ้องมองไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงใดๆได้เลย

ลู่จิ่งเซินพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน หมุนตัวขึ้นรถไปเลย

จิ่งหนิงก็เรียกรถรถแท็กซี่คันหนึ่งจากข้างถนนเช่นกัน นั่งรถไปยังโรงเรียน

ถึงโรงเรียนแล้ว ยังเป็นสภาพแวดล้อมที่เธอคุ้นเคยแห่งนั้น

เธอหายตัวไปหลายวัน ทุกคนล้วนถามเธอว่าเป็นยังไงแล้ว ไปไหนแล้ว เธอก็ไม่กล้าพูดเช่นกัน ล้วนทำให้ผ่านไปลวกๆอย่างคลุมเครือ

เดิมทีคิดว่า ชีวิตจะสงบเงียบอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

แต่นึกไม่ถึง มีวันหนึ่ง เดิมทีที่เธอคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่มีการสื่อสารอะไรในชีวิตอีก ปรากฏตัวอีกแล้ว

ในครั้งนี้ เป็นเพราะว่าเธอได้รับใบแจ้งในการบริจาคไข่ฉบับหนึ่ง

ไม่มีทางอื่น จิ่งหนิงถูกไล่ออกจากบ้าน สิ้นเนื้อประดาตัว มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนในปัจจุบันนี้ ถึงแม้ว่าพักอยู่ในโรงเรียนแต่ค่าเทอมบวกกับค่าหอพักก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยก้อนหนึ่งเช่นกัน

แต่เธอเอาเงินมากขนาดนี้ออกมาไม่ได้เลยสักนิด เห็นกับตาว่าวันที่จะเปิดเทอมก็ใกล้จะมาถึงแล้ว โทรศัพท์ที่ทวงค่าเทอมโทรมาต่อๆกัน

เธอไม่มีทางออกจริงๆ มีวันหนึ่งพบเห็นว่ามีคนต้องการสิ่งนี้โดยไม่เจตนา คิดทุกแง่ทุกมุม ถึงยังไงก็บริจาคแค่ครั้งเดียว ทั้งไม่ส่งผลกระทบอะไร ดังนั้นก็ไปเลย

นึกไม่ถึง คนที่ต้องการรับบริจาคคนนั้น กลับเป็นลู่จิ่งเซิน

วินาทีนั้น จิ่งหนิงจ้องมองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามทั้งคุ้นเคยทั้งเย็นชาคนนั้น ทันใดนั้นอารมณ์สลับซับซ้อน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

ถ้าหากเธอไม่รู้ว่าตนเองตอนนี้คืออยู่ในความทรงจำของตนเองเมื่อก่อน ยังคิดไม่ถึงจริงๆ ทั้งสองคนมีวันหนึ่งจะพบกันในสภาพการณ์แบบนี้

ลู่จิ่งเซินมองเห็นเธอ ดูเหมือนประหลาดใจมากเช่นกัน

หลังจากผ่านความประหลาดใจ กลับไม่นานก็ยอมรับความจริงนี้แล้ว

“คุณก็คือคนที่พวกเขาหามาเหรอ?”

จิ่งหนิงมองเห็นตนเองพยักหน้าอย่างงุนงง “ใช่”

“รู้ว่าพวกเขาหาคุณมาทำอะไรไหม?”

“รู้”

“ได้ งั้นก็ไปตรวจเช็คร่างกายเถอะ”

ต่อจากนี้ จิ่งหนิงก็ตามเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนไปตรวจเช็ค ทั้งร่างกายให้กับตนเอง

หลังจากตรวจเสร็จ เธอถูกพากลับไปในห้องนั้นอีก

เพียงเห็นลู่จิ่งเซินเปลี่ยนชุดสูทที่งดงามทั้งตัวไว้แล้ว นั่งอยู่ที่นั่นก็คือทัศนียภาพที่สวยงามทั้งตัวอย่างหนึ่ง ลักษณะท่าทีล้วนไม่เหมือนกันกับครั้งก่อนที่เธอเห็นอยู่บนเรือสำราญ

จิ่งหนิงมีความกังวลเล็กน้อย

“เรื่องนั้น……ถ้าหากเงื่อนไขได้มาตรฐานล่ะก็ พวกคุณสามารถจ่ายเงินได้เมื่อไหร่ล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินเปิดดูผลการตรวจเช็คร่างกายของเธอ ไม่มีอารมณ์อะไรตอบกลับ “ไม่นาน”

เขาเปิดดูผลตรวจเสร็จ ดูเหมือนพอใจมาก

ดังนั้นถามจิ่งหนิง “การผ่าตัดนี้ อาจจะไม่สำเร็จในครั้งเดียว ดังนั้นคุณต้องอยู่ที่นี่หลายวัน คุณยินยอมไหม?”

จิ่งหนิงรีบพยักหน้า “ยินยอม”

ดังนั้น ลู่จิ่งเซินก็ให้คนพาเธอลงไป

ช่วงเวลาต่อมานี้ จิ่งหนิงก็พักอยู่ในบ้านที่ฟุ่มเฟือยมากสวยงามมากหลังหนึ่ง

บางครั้งบางคราวลู่จิ่งเซินจะเข้ามา แต่ล้วนมาดูความคืบหน้า

เขากับจิ่งหนิงแทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แต่จิ่งหนิงกลับรู้สึกได้ว่า ลักษณะท่าทีของผู้ชายคนนี้ที่ตนเองได้พบเห็นไม่เหมือนกับก่อนหน้านั้น

เธอก็ไม่เข้าใจ ตกลงไม่เหมือนตรงไหน เพียงแค่ทำเรื่องของตนเองอย่างเงียบๆ

ศึกษาบทเรียนล่วงหน้า เตรียมตัวไปโรงเรียน ตอนนี้ได้เพียงแค่เงิน การเรียนของเธอก็จะไปต่อได้แล้ว

ในที่สุด มีวันหนึ่ง การเก็บตัวอย่างสำเร็จ

ลู่จิ่งเซินเอาการ์ดที่มีเงินหนึ่งล้านใบหนึ่งให้เธอ ทั้งสองคนนี้ก็ถือว่าทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นการซื้อขาย

จิ่งหนิงได้เงิน กำลังจะออกไป

แต่ก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆกลับมีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา

บนกายคนกลุ่มนั้นดูเหมือนมัดของอะไรไว้ เธอยังไม่ทันมองให้ชัด ก็ถูกคนคนหนึ่งจับไว้อย่างแน่นแล้ว

ต่อจากนี้ก็ได้ยินว่ามีคนร้องตะโกนเสียงเคร่งขรึมเฉียบขาด “เพื่อเจ้านาย ระเบิดที่นี่เดี๋ยวนี้”

เสียงระเบิดที่ใหญ่โตมโหฬารดังขึ้น จิ่งหนิงถูกระเบิดจนสมองล้วนมึนงงแล้ว อยู่ดีๆในใจก็เหมือนมีสายธนูเส้นหนึ่งถูกปล่อยออกไปอย่างนั้นเลย เหมือนดั่งชั่วพริบตาเดียวสูญเสียแรงกำลังทั้งหมด

และในเวลานี้ อยู่ดีๆข้อมือแน่นขึ้น

อีกคนหนึ่งจับแขนของเธอไว้ พาเธอเข้าไปในอ้อมอกของตนเอง

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท